ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 71 กดตนเองให้ต่ำ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 73 เครื่องหมายวงกลมสีแดง (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 72 ทุกองค์กรต้องการความภักดี (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 72 ทุกองค์กรต้องการความภักดี

แปลโดย iPAT 

ลมฤดูร้อนพัดอากาศที่คุกรุ่นเข้าสู่ภูเขาชิงเหมา

เพียงพริบตาเดือนมิถุนายนก็กำลังจะผ่านพ้น

"ผู้ใช้วิญญาณฟางเจิ้ง" อาจารย์อาวุโสเรียกชื่อเด็กหนุ่มเสียงดัง

ฟางเจิ้งลุกขึ้นยืนและเดินออกไปหน้าชั้นเรียนด้วยความภาคภูมิใจเพื่อรับถุงใส่หินวิญญาณจากอาจารย์อาวุโส

"ฟางเจิ้ง เจ้าเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นสูง นี่คือรางวัลสำหรับการทำงานหนักของเจ้า" อาจารย์อาวุโสกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นวางบนบ่าของฟางเจิ้ง

ด้วยคำเยินยอดังกล่าว ใบหน้าของฟางเจิ้งจึงเต็มไปด้วยความตื้นเต้นยินดี

เขารับถุงหินวิญญาณไว้และเดินกลับไปนั่งประจำที่

'ในที่สุดข้าก็ก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นสูงเป็นคนแรก พี่ใหญ่ ท่านเห็นหรือไม่ ข้าชนะท่านแล้ว'

ดวงตาของฟางเจิ้งส่องประกายขณะกวาดตามองไปที่ฟางหยวน

ฟางหยวนนอนอยู่บนโต๊ะโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น คืนที่ผ่านมาเขาออกไปล่าหมูป่าอีกครั้ง หลังจากกลับหอพักเขายังบ่มเพาะร่างกายด้วยวิญญาณหมูขาวต่อด้วยการใช้วิญญาณสุราบ่มเพาะพลังวิญญาณจนถึงเช้า แต่มันก็ทำให้เขาทะลวงเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นสูงได้ในที่สุด

เขารีบกินอาหารเช้าก่อนจะวิ่งเข้ามานอนในห้องเรียนด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากทั้งหมดการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณไม่ใช่การพักผ่อน

'ฮืม แม้ท่านจะไม่ยอมรับ แต่นี่คือความจริง พี่ใหญ่ ข้านำหน้าท่านไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกและเป็นเช่นนี้ต่อไป'

ฟางเจิ้งกำหมัดแน่น นี่เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของเขาเพราะเขาสามารถทำลายกำแพงในหัวใจของตนเองและทำให้แสงสว่างสามารถเล็ดรอดเข้าไปได้ในที่สุด

แม้มันจะเป็นจุดแสงเล็กๆ แต่มันสามารถมอบพลังใจให้เขา

'ฮืม ข้าพ่ายแพ้ให้กับฟางเจิ้ง' โม่เป่ยนั่งอยู่ที่โต๊ะของเขาด้วยความไม่พอใจ

'นี่คือความได้เปรียบของพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง บัดซบ!' ซื่อเฉินก่นเสียงเย็นอยู่ในความมืด ในช่วงเวลาที่เขาบ่มเพาะ เขาตระหนักถึงความสำคัญของพรสวรรค์ ไม่ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนที่ดีเพียงใดไม่ว่าเขาจะเพียรพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเอาชนะพรสวรรค์นภาที่เหนือกว่า

'หากข้ามีวิญญาณสุราและได้รับการสนับสนุนจากท่านปู่ ข้าจะไม่แพ้ฟางเจิ้ง ฮืม พี่น้องสกุลฟาง น้องชายมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ส่วนพี่ชาย แม้เขาจะมีพรสวรรค์นภาที่สามแต่เขากลับครอบครองวิญญาณสุรา เหตุใดสิ่งที่ดีจึงไปอยู่กับพี่น้องคู่นี้ทั้งหมด? บัดซบ! บัดซบ!' ซื่อเฉินรู้สึกไม่พอใจ

"คราวนี้เป็นฟางเจิ้งที่ได้อันดับหนึ่ง"

"แน่นอน เพราะเขามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง"

"ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นโม่เป่ย ซื่อเฉิน หรือกระทั่งฟางหยวน ไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับเขาได้อีก"

"ฟางหยวนมีวิญญาณสุรา แต่กลับไม่มีความมุ่งมั่น เขาใช้เวลาในแต่ละวันไปอย่างไร้ประโยชน์เขากระทั่งนอนหลับในชั้นเรียน วิญญาณสุรากลายเป็นไร้ค่าเมื่ออยู่กับเขา เขาควรมอบมันให้ข้า!"

เด็กหนุ่มสาวไม่พอใจกับความอ่อนแอของตนเองแต่ก็ทำได้เพียงอิจฉาผู้อื่นเท่านั้น

อาจารย์อาวุโสเรียกชื่อศิษย์ทีละคนเพื่อให้พวกเขาออกไปรับหินวิญญาณของตนเอง

"ทุกคนเงียบ!" หลังจากนั้นอาจารย์อาวุโสก็ใช้มือเคาะโต๊ะและบอกให้ทุกคนเงียบเสียงลง

"ตอนนี้พวกเจ้าครอบครองวิญญาณสองดวงและทุ่มเทความพยายามกับการบ่มเพาะมาถึงครึ่งปีแล้ว ดังนั้นมันจึงถึงเวลาที่พวกเจ้าต้องออกไปฝึกฝนในป่า การต่อสู้ที่แท้จริงไม่เหมือนการฝึกซ้อมกับหุ่นฟางหรือตุ๊กตาไม้ ศัตรูสามารถโจมตีพวกเจ้าตลอดเวลาโดยไม่มีการแจ้งเตือน"

“การสอบกลางปีจะมีขึ้นในอีกสามวัน หัวข้อของมันคือการล่าสัตว์ พวกเจ้าจะต้องนำเขี้ยวหมูป่ากลับมา ผู้ใดครอบครองเขี้ยวหมูป่ามากกว่าจะได้รับคะแนนที่ดีกว่า หลังจากการสอบสิ้นสุดลง พวกเจ้ายังสามารถนำเขี้ยวหมูป่าแต่ละชิ้นมาแลกรับหินวิญญาณได้ชิ้นละสิบก้อน นอกจากนั้นพวกเจ้ายังได้รับอนุญาตให้ออกล่ากันเป็นกลุ่ม”

คำประกาศของอาจารย์อาวุโสสร้างความโกลาหลขึ้นทันที

"การสอบกลางปีมาถึงในที่สุด"

"ศิษย์ในสถานศึกษาจะฝึกฝนอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี มันยังมีการสอบกลางปีและปลายปี แต่ตอนนี้การสอบกลางปีกำลังจะเริ่มขึ้น"

"หัวข้อการสอบของแต่ละปีจะแตกต่างกันออกไป ปีนี้คือการล่าสัตว์และต้องนำเขี้ยวหมูป่ากลับมาอีกด้วย"

"แล้วข้าจะทำอย่างไร ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สี่เท่านั้น วิญญาณของข้าก็ไม่ใช่วิญญาณสายโจมตีเช่นวิญญาณแสงจันทร์ แล้วข้าจะออกล่าได้อย่างไร?"

"เจ้าไม่ได้ยินงั้นหรือ? อาจารย์บอกว่าอนุญาตให้ออกล่าเป็นกลุ่ม สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์น้อยหรือมีวิญญาณที่ไม่เหมาะสม พวกเราสามารถรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หลังจากได้รับเขี้ยวหมูป่า พวกเราจะแบ่งส่วนกันทีหลัง"

"เขี้ยวหมูป่าแต่ละชิ้นสามารถแลกหินวิญญาณได้สิบก้อน นี่ถือเป็นรางวัลสำคับพวกเรา โดยปกติเขี้ยวหมูป่าสิบชิ้นสามารถแลกเปลี่ยนหินวิญญาณได้หนึ่งก้อนเท่านั้น"

เด็กหนุ่มสาวมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน บางคนมีความสุข บางคนเต็มไปด้วยความกังวล กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกสนใจ

'ข้าจำได้ว่าการสอบปีนี้ในชีวิตก่อนคือการรวบรวมน้ำผึ้งป่า แต่ชีวิตนี้กลับเป็นเขี้ยวหมูป่า นี่เป็นปรากฎการณ์ผลกระทบปีกผีเสื้อเช่นนั้นหรือ?'

ผลกระทบปีกผีเสื้อหมายถึงการกระพือปีกอันแผ่วเบาของผีเสื้อที่ทำให้เกิดพายุใหญ่ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ในอนาคต

ตั้งแต่ฟางหยวนย้อนเวลากลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เขากลายเป็นต้นกำเนิดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายที่แตกต่างไปจากชีวิตก่อนหน้า ตัวอย่างเช่นชีวิตก่อนหน้าเขาถูกฟางเจิ้งทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ในชีวิตนี้เขากลับอยู่บนจุดสูงสุด

ชีวิตก่อนหน้า เขาไม่ได้ฆ่าเจียชิงเฉิง ในความเป็นจริงเขาไม่เคยพบเจอเจียชิงเฉิง แต่ชีวิตนี้เขากลับต้องฆ่าเจียชิงเฉิงเพื่อรับมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็คือปรากฎการณ์ผลกระทบปีกผีเสื้อที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของหัวข้อการสอบในปีนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของเท่านั้น

'หากข้ายังเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆต่อไป อนาคตจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเด ในกรณีนี้ข้อได้เปรียบในการกำเนิดใหม่ของข้าจะลดน้อยลงเรื่อยๆ'

ฟางหยวนพิจารณาอย่างรอบคอยและลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

หัวใจของเขาเกิดระลอกคลื่นขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะปรับอารมณ์ของตนเองกลับสู่ความสงบ

'ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ข้าก็ไม่สามารถหยุด ตอนนี้ข้าต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ข้าก็จะไม่ชะลอความก้าวหน้าของข้าเพื่อมัน'

'ในชีวิตก่อนหน้าข้าไม่เคยรู้อนาคต แล้วชีวิตนี้ข้ายังจะต้องหวาดกลัวสิ่งใด ฮ่าฮ่า แม้โลกจะเต็มไปด้วยขวากหนาม ข้าก็จะฝ่าฟันทุกสิ่งกีดขวางที่อยู่บนเส้นทางของข้า แม้จะต้องปูทางด้วยเลือดก็ตาม'

'เขี้ยวหมูป่าทุกชิ้นสามารถแลกหินวิญญาณสิบก้อน ข้าควรจะแลกพวกมันหรือไม่? หากข้าทำเช่นนั้น มันอาจดึงดูดความสนใจจากผู้คน แต่หากข้าขายพวกมันในตลาด ข้าอาจถูกกดราคา'

ฟางหยวนส่ายศีรษะ หากเขาขายพวกมันในตลาด เขาจะได้หินวิญญาณน้อยมาก

หนึ่งร้อยก้อนงั้นหรือ?

'เดี๋ยว! หินวิญญาณไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับข้า แต่ข้าอาจใช้สถานการณ์นี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของข้าอีกครั้ง' ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

แม้เขาจะร่ำรวยขึ้นแล้ว แต่ภาพลักษณ์ของเขายังค่อนข้างแย่ หากการรับมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ถูกเปิดเผย ชีวิตของเขาอาจจบสิ้น

ภาพลักษณ์ในปัจจุบันของเขาไม่มีเสถียรภาพ

เขาขัดแย้งกับสหายร่วมชั้นเรียนทั้งหมด แยกตัวออกจากระบบ เขาค่อนข้างดื้อรั้น เย็นชา และมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม

ภาพลักษณ์เหล่านี้ไม่เป็นผลดีต่อเขา มันแสดงว่าเขาคิดไม่ซื่อ แต่ตระกูลต้องการความภักดี ในความเป็นจริงทุกองค์กรล้วนต้องการความภักดี

ไม่ว่าจะเป็นโลกใบใด ความภักดียังเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความภักดีต่อตระกูล ความภักดีต่อประเทศ ความภักดีต่อผู้นำ ความภักดีต่อคนรัก ความภักดีต่อมิตรสหาย และอื่นๆ

ยิ่งการบ่มเพาะของฟางหยวนสูงขึ้นเท่าใด ตระกูลก็ยิ่งจะใช้วิธีการที่รุนแรงกับเขามากขึ้นเท่านั้น ทั้งหมดเพื่อกดดันให้เขาอยู่ในระบบ มิฉะนั้นเขาอาจถูกกำจัดในที่สุด

ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อใช้มันปกป้องตนเองในยามที่จำเป็น

อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์เพื่อให้คนระดับสูงคิดว่าเขายอมแพ้และยินดีเข้าสู่ระบบตระกูล แม้เขาจะไม่ต้องการแต่ตอนนี้เขามีความลับมากเกินไป สิ่งสำคัญก็คือเขายังอ่อนแอ ทางออกเดียวของเขาคือแสร้งเป็นเด็กดี

'ดูเหมือนข้าต้องเขียนบทให้ตัวเองอีกครั้งและมันก็ควรเริ่มจากการสอบกลางปี' ดวงตาของฟางหยวนเต็มไปด้วยความมั่นใจ