ส่งจอมยุทธไปต่างโลก ตอนที่ 5 ค้นหาสาเหตุความวุ่นวาย ( 2 )
ตอนที่ 5
ค้นหาสาเหตุความวุ่นวาย ( 2 )
เมื่อได้ยินนายพรานพูด คนในหมู่บ้านต่างก็หน้าเปลี่ยนสีไปตามๆกัน ไม่ว่าในป่ามันจะเป็นตัวอะไรก็ตาม แต่ถ้ามันทำให้หมีตัวนี้ออกมาจากอาณาเขตของมันได้ แสดงว่ามันจะต้องแข็งแกร่งอย่างมากแน่นอน
“ถ้างั้น ผมจะเข้าไปดูเอง”ลูเซียสตอบพลางเดินไปเก็บหอกเล่มหนึ่งที่อยู่บนพื้น หลังจากหมียักษ์ท้องขาวตายไป ร่างกายของมันก็สลายหายไปทำให้หอกสองเล่มที่เคยใช้โจมตีดวงตาของมันตกอยู่บนพื้นโดยไม่ได้หายไปตามหมียักษ์ท้องขาวแต่อย่างไร
“ไม่ได้”คนที่ห้ามลูเซียสเอาไว้คือลูน่านั่นเอง แค่เห็นลูกชายของตนออกไปสู้กับหมียักษ์ท้องขาวก็ทำเอาหัวใจเธอแทบหยุดเต้น มีหรือที่เธอจะยอมให้ลูเซียสไปหาสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าหมีตัวนั้นอีก
“แต่ว่า ถ้าปล่อยมันไว้แบบนี้....”ลูเซียสพยายามอธิบาย แต่พอสบตากับดวงตาของลูน่าเขาก็หยุดพูดกลางคัน ในชาติก่อนนั้นเขามักจะเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ได้เจอกับหมู่บ้านและชาวเผ่ามากมาย หลายต่อหลายครั้งที่เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือคนเหล่านั้น ทำให้เขารู้สึกเคยชินที่จะเป็นผู้ออกหน้าไปช่วยเหลือคนอื่นๆ แต่แววตาของลูน่าเมื่อครู่ทำให้เขาต้องหยุดคิด สมัยก่อนเขาเป็นคนนอกที่ยินดีให้ความช่วยเหลือ จึงไม่มีใครห้ามเขาแบบนี้ แต่ตอนนี้เขาเป็นเด็กในหมู่บ้าน เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของลูน่า เธอไม่มีทางยืนยอมให้เขาเข้าไปไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม
“ไม่ต้องห่วงหรอก พรุ่งนี้ฉันจะไปในเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือเอง”นายพรานพูดพลางมองคนในหมู่บ้าน สิ่งที่อยู่ในป่านั้นมันเหนือกำลังพวกเขามากจริงๆ
“นั่นก็เป็นความคิดที่ดี”หัวหน้าหมู่บ้านพูดพลางถอนหายใจ พอนายพรานพูดออกมาเขาเองก็พึ่งนึกได้ว่าเจ้าสิ่งที่ไล่หมียักษ์ท้องขาวออกมานั้นไม่ได้กำลังตรงมาที่หมู่บ้านแบบสัตว์ตัวอื่นๆ แต่อาจจะเข้ามายึดพื้นที่เดิมที่หมียักษ์ท้องขาวอยู่อาศัยเท่านั้น นั่นหมายความว่ามันอาจจะไม่ออกมาจากอาณาเขตและไม่เข้ามายุ่งกับพวกเขาก็ได้
“เอาล่ะ ทุกคนกลับบ้านไปพักผ่อนกันก่อน”หัวหน้าหมู่บ้านพูดจบก็เดินไปหานายพรานและปู่แกรน พวกเขาพูดคุยกันพักหนึ่งก็พากันไปในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อหาทางรับมือเรื่องต่อจากนี้ ไหนจะต้องจัดการความเสียหายที่เกิดขึ้นอีก ส่วนทางลูเซียสนั้นกำลังโดนลากกลับบ้านด้วยแขนคู่บางของมารดา
“ทำไมเราถึงไปเรียนกับปู่แกรนโดยไม่บอกแม่”
หลังจากปราบสัตว์อสูรลงได้นี่เป็นครั้งแลกเลยที่ลูเซียสต้องมานั่งอธิบายอีกว่าทำไมเขาถึงปราบมันได้ต่อหน้าแม่ตัวเอง
“ผมอยากเก่งเหมือนปู่แกรนครับ”ลูเซียสตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ แน่นอนเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนถามเรื่องพลังที่ใช้ออกไปแน่ๆ
“ทำไมถึงอยากทำเรื่องอันตรายแบบนั้นละ แม่ไม่อยากให้ลูกไปเสี่ยงแบบนั้นอีกนะ”ลูน่าพูดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง
“ขอโทษครับ แต่ตอนนั้นโรสกำลัง.....”ลูเซียสพูดพลางก้มหน้าสำนึกผิด
“เอาเถอะ แต่อย่าทำแบบนี้อีกนะ แล้วก็ห้ามเขาไปในป่าด้วย”ลูน่าพูดเสี่ยงเบาพลางมองลูกชายของตนด้วยสีหน้ากังวล ในใจเธอนั้นกลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะไปเจอกับอันตราย
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”ลูเซียสตอบเสียงเบา แต่ในใจกลับกำลังกล่าวขอโทษมารดาอย่างสุดหัวใจเพราะเขาจะทำในสิ่งที่เธอไม่อยากให้ทำ
เมื่อเข้าสู่ยามราตรีลูเซียสก็แอบออกจากบ้านอย่างเงียบกริบหลังจากมั่นใจว่าลูน่าหลับไปแล้ว ในวันนี้คนในหมู่บ้านเหนื่อยอ่อนจากเหตุไม่คาดฝันอย่างมาก ทำให้ทั้งหมู่บ้านหลับใหลจนไร้ซึ่งเสียงใด ลูเซียสไม่เคยออกนอกหมู่บ้านจึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่รู้ทางในป่า แต่นั่นกลับไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อยเพราะตลอดทางที่หมียักษ์ท้องขาวเดินผ่าน ต้นก็ไม้ก็พังระเนระนาดไม่เหลือชิ้นดี ทำให้เส้นทางที่เขาต้องไปเป็นถนนเส้นใหญ่ตรงดิ่งไปยังสาเหตุของเรื่องนี้
ด้วยวิชาตัวเบาจากชาติที่แล้วร่างของลูเซียสลอยผ่านยอดไม้หนึ่งไปยังยอดไม้หนึ่งราวกับนกโผบิน ยิ่งตอนนี้เขาสามารถใช้เวทเสริมพลังเข้ามาช่วยด้วยอีกแรง แถมร่างกายยังเล็กกว่าชาติที่แล้วมากทำให้ความเร็วในตอนนี้ไวกว่าร่างในชาติที่แล้วเสียอีก
กึก! เท้าของลุเซียสหยุดบนยอดไม้ต้นหนึ่งเมื่อสายตาของเขาเห็นป่าและภูเขาเบื้องหน้า สิ่งที่เขาเห็นคือป่าที่อยู่ในพื้นที่แอ่งกระทะ รอบด้านล้อมรอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่มีแต่ทางที่ลูเซียสมาเท่านั้นที่เป็นทางราบ หรือก็คือผืนป่าแห้งนี้โดนล้อมไว้ด้วยภูเขานั่นเอง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ลูเซียสแปลกใจ แต่กลับเป็นหิมะสีขาวที่ติดอยู่ตามต้นไม้ต่างหาก ทั้งๆที่ตอนนี้เป็นกลางฤดูใบไม้ผลิ แต่ผืนป่าตรงหน้ากลับมีแต่หิมะและน้ำแข็งราวกับผืนป่ายามฤดูหนาว
“นั่นมัน…”ลูเซียสพูดพลางมองลงไปยังพื้นเบื้องล่าง สิ่งที่เขาพบนอกจากต้นไม้ที่โดนแช่แข็งแล้วยังมีสัตว์ป่าที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ราวกับสัตว์สตาฟ ทั่วร่างของพวกมันซีดเผือด กล้ามเนื้อแข็งข้าง ดวงตาไร้แววชีวิต อาการของพวกมันราวกับคนที่โดนวิชาเยือกแข็งเข้าไปไม่มีผิด
กร๊อปๆ เมื่อลูเซียสลงมายังพื้นเบื่องล่าง ปรากฏว่าหิมะใต้เท้าของเขากลับว่งเสียงดังกร๊อปออกมาแทนที่จะยุบลงไป พอมองพิจารณาดูให้ดีใต้เท้าของเขากลับไม่ใช่หิมะ แต่เป็นเศษของหญ้าและใบไม้ที่ถูกแช่แข็งจนแตกเป็นชิ้นๆ ถึงตอนนี้เขาไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมหมียักษ์ท้องขาวต้องหนีออกมาจากป่า นี่มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดจากธรรมชาติแน่ๆ
ยิ่งเดินลึกเข้าไป ร่างกายของลูเซียสก็ยิ่งหนาวเย็น เขาจึงใช้พลังเวทในร่างกายโคจรแทนลมปราณเพื่อขับไล่ความหนาวออกจากร่าง หากไม่ทำแบบนี้เขาคงกลายเป็นสัตว์สตาฟไปอีกตัว แต่ยิ่งเข้าใกล้จุดศูนย์กลางของป่าสีขาวแห่งนี้เท่าไหร่ ร่างที่ถูกแช่แข็งของสัตว์ป่าต่างๆก็ยิ่งมากขึ้น
กึก! อยู่ๆลูเซียสก็เหมือนเดินชนอะไรบางอย่าง มันดูเหมือนกำแพงน้ำแข็งที่ใสจนแทบมองไม่เห็น แต่พอถอยออกมามองดีๆแล้วปรากฏว่ามันคือรูปปั้นน้ำแข็งขนาดใหญ่ มันเป็นรูปปั้นโปล่งใสที่มีความสูงนับสิบเมตร หากไม่ใช่ว่าต้นไม้ในแถบนี้สูงหลายสิบเมตรละก็เขาคงเห็นรูปปั้นนี้แต่ไกลอย่างแน่นอน
แต่พอเงยหน้ามองให้สูงกว่าเดิม ร่างของลูเซียสก็รู้สึกเย็นยะเยือกทันทีแม้จะเดินลมปราณขับไล่ความหนาวเอาไว้แล้ว เพราะรูปปั้นที่เขาเห็นตรงหน้าคือ หมียักษ์ท้องขาว อย่างแน่นอน แถมมันยังมีขนาดใหญ่กว่าหมียักษ์ท้องขาวที่เข้าไปในหมู่บ้านเสียอีก หากให้เขาคาดเอาน้ำแข็งคงจะเกาะบนร่างของมันจนกระทั่งแช่แข็งมันตายทั้งเป็น เมื่อสัตว์อสูรตายมันก็จะสลายหายไปเหลือไว้แต่คริสตัลเวทมนตร์เท่านั้น นั่นทำให้ชั้นน้ำแข็งที่เกาะร่างของหมียักษ์ท้องขาวเหลือเอาไว้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งอย่างที่เห็น ยิ่งพอเพ่งมองดีๆภายในชั้นน้ำแข็งก็มีคริสตัลเวทมนตร์ตกอยู่จริงๆ แต่ลูเซียสก็ไม่หายกล้าพอจะเจาะชั้นน้ำแข็งเข้าไปเก็บมัน เพราะหากพลาดละก็รูปปั้นน้ำแข็งทั้งหมดก็จะพังลงมาใส่ร่างของเขาทันที นั่นทำให้ลูเซียสตัดสินใจที่จะเดินอ้อมรูปปั้นหมียักษ์ท้องขาวไปแต่โดยดี
ลูเซียสเดินอย่างระมัดระวังมาตลอดชั่วโมงกว่าๆ แต่หลังจากผ่านรูปปั้นหมียักษ์ท้องขาวมาแล้วก็แทบไม่มีอะไรแปลกประหลาดเพิ่มอีกเลย ตลอดทางยังเป็นเหมือพิพิธพันธ์รูปปั้นน้ำแข็งและสัตว์สตาฟ ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆ เสียงเดียวที่เขาได้ยินมีเพียงเสียงเท้าของเขาย่ำลงไปในเศษหญ้าเศษใบไม้ที่กลายเป็นน้ำแข็งเท่านั้น แต่ถึงตลอดทางจะเหมือนกันหมดลูเซียสก็ยังมั่นใจว่าเขามาถูกทางแล้ว เพราะยิ่งเดินมาทางนี้เท่าไหร่ ร่างกายของเขาก็ยิ่งรู้สึกหนาวเย็นมากยิ่งขึ้น ตราบใดที่ร่างกายเขายังทนทานอยู่ได้เขาก็ไม่คิดจะเดินกลับไปแม้แต่นิดเดียว เพราะหากเจ้าตัวที่สามารถแช่แข็งหมียักษ์ท้องขาวตัวใหญ่ขนาดนั้นจนตายได้ไปที่หมู่บ้านของเขาละก็ มันก็เท่ากับฝันร้ายชัดๆ
“มนุษย์?”สายตาของลูเซียสสบกับร่างๆหนึ่งที่กำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ ร่างของเธอซีดขาวราวหิมะแต่บริเวณไหล่ขวากลับมีร่องรอยของเลือดสีแดงสดปรากฏอยู่ เห็นดังนั้นลูเซียสก็ตรงเข้าไปดูหญิงสาวตรงหน้าทันที แต่เมื่อเข้ามาใกล้แวบหนึ่งลูเซียสรู้สึกราวกับตนเองกำลังมองตุ๊กตาเด็กสาวที่สวยงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ หากไม่เห็นว่าหน้าอกของเธอกำลังขยับขึ้นลงจากการหายใจละก็เขาคงคิดว่าเธออาจจะเป็นตุ๊กตาที่มีขนาดเท่าคนจริงก็ได้
เมื่อเข้ามาใกล้ลูเซียสก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะเห็นอย่างชัดเจนว่าเธอยังคงหายใจอยู่ แถมรอยเลือดที่ไหล่ยังเหลือเพียงเลือดแห้งกรัง แม้ผิวเธอจะขาวจัดแต่ก็เป็นแค่สีผิวเท่านั้นเพราะใบหน้าของเธอยังคงเป็นใบหน้าของหญิงสาวทั่วไป ไม่ได้ซีดเซียวเหมือนรูปปั้นน้ำแข็งพวกนั้น เพียงแต่ใบหน้าของหญิงสาวกลับงดงามอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาลูเซียสที่เคยเห็นสาวงามมามากมายยังต้องหยุดหายใจ เส้นผมของเธอเป็นสีขาวเช่นเดียวกับหิมะ ละเอียดอ่อนราวผ้าไหม หากมีลมพัดมาสักน้อยมันคงพลิ้วไหวไปตามลงอย่างอ่อนช้อย ขนตาดำเป็นแพสวยงามกับริมฝีปากสีแดงอ่อนราวกับผลเชอรี่ หากให้เทียบกับหญิงงามที่เขาเคยเจอในชาติก่อนตลอดนับพันปี คนที่มีความงามเทียบเท่ากับเธอนั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ขณะกำลังจ้องมองหยู่นั้น ดวงตาของหญิงสาวก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกับของลูเซียสเอง เธอเบิกตากว้างก่อนจะส่งเสียงกรีดออกมา
“อย่าเข้ามา”หญิงสาวตะโกนก้อง ก่อนจะถอยตัวไปด้านหลัง แต่ไม่ทันที่ลูเซียสจะได้อธิบายอะไรลิ่มน้ำแข็งนับสิบลิ่มก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นโจมตีใส่ขาวอย่างไร้สุ้มเสียงทำเอาหัวใจของลูเซียสแทบหยุดเต้น เขาถอยออกมาจากหญิงสาวอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้หอกที่ตนนำติดมาฟันลิ่มน้ำแข็งจนแตกกระจาย
“เด็กงั้นเหรอ ทำไมเด็กถึงมาอยู่ที่นี่”หญิงสาวพูดพลางมองร่างของลูเซียสอย่างตกใจ ส่วนทางลูเซียสนั้นก็ได้แต่ยืนอยู่กับที่เพื่อป้องกันหากว่าเธอจะโจมตีเข้ามาอีก ตอนแรกเขายังรู้สึกแปลกเพราะหญิงสาวคนเดียวไม่น่ามาอยู่ที่นี่ได้ ในหัวเขามีความเป็นไปได้มากมายแต่พอโดนเธอโจมตีเขาก็มั่นใจทันทีว่าเธอนี่แหละคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ลูเซียสเห็นเมื่อครู่กลับทำให้เขาตื่นเต้นมากกว่าเสียอีก หากเขาเดาไม้ผิดสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าใช้ออกมาต้องเป็นสิ่งที่เรียกว่า เวทมนตร์ อย่างแน่นอน พอได้เห็นความยอดเยี่ยมของมันแล้วลูเซียสก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ในชาติก่อนนั้นมีคนมากมายใช้วิชาที่อิงมาจากความเย็น แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สร้างลิ่มน้ำแข็งเท่าต้นไผ่เพื่อใช้โจมตีแบบนี้
“เด็กมาอยู่ที่นี่ หรือว่าแถวนี้จะมีหมู่บ้านอยู่งั้นเหรอ”หญิงสาวถามพลางมองทางลูเซียสด้วยสีหน้ากังวล
“ครับ ห่างออกไปทางตะวันออกมีหมู่บ้านอยู่”พอได้ยินคำตอบของลูเซียสหญิงสาวก็มีสีหน้าหม่นหมองทันที เพราะทางที่ลูเซียสชี้ไปนั้นเป็นทางที่เธอปล่อยให้หมียักษ์ท้องขาวตัวลูกหลุดไปเสียด้วย
“ทั้งเรื่องของหมียักษ์ทั้งเรื่องของป่าแห่งนี้เป็นเพราะคุณงั้นเหรอ”ลูเซียสถามพลางมองสีหน้าของอีกฝ่าย เธอมีสีหน้ากังวลและรู้สึกผิดอย่างชัดเจน ยิ่งพอเขาถามย้ำออกไปดวงตาของหญิงสาวก็ฉายประกายราวกับกำลังจะร้องให้ออกมา
“จ่ะ เป็นเพราะฉันเอง”หญิงสาวพูดเสียงต่ำพลางหลบตาเด็กชาย หมียักษ์ท้องขาวเป็นสัตว์อสูรชั้น 4 ไม่มีทางที่หมู่บ้านเล็กๆจะรับมือไหวอยู่แล้ว เธอเพียงแค่หาที่พักหลังจากโดนลอบโจมตีเท่านั้นไม่คิดว่ามันจะทำให้หมู่บ้านแห่งหนึ่งต้องโดนทำลาย
“แล้ว ที่คุณใช้นี่ เป็นเวทมนตร์สินะครับ”ลูเซียสเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆเล่นเอาหญิงสาวรู้สึกงุนงงทันที แต่สำหรับลูเซียสแล้วแค่เห็นใบหน้าสำนึกผิดของอีกฝ่ายเขาก็มั่นใจได้เลยว่าเธอไม่คิดจะเข้าไปทำลายหมู่บ้านแน่ๆ เป้าหมายการมาที่นี่ของเขาก็เป็นอันจบ แต่ตอนนี้เขารู้สึกสนใจสิ่งที่หญิงสาวทำลงไปมากกว่า
“ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม ว่าเวทมนตร์ของคุณใช้งานยังไง”ลูเซียสยิ้มกว้างพลางมองดวงตาของอีกฝ่ายที่มีแต่ความงุนงงอยู่ภายใน