เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 69 ชีวิตที่มีค่าน้อยกว่าต้นหญ้า (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 69 ชีวิตที่มีค่าน้อยกว่าต้นหญ้า
แปลโดย iPAT
แผนที่หนังสัตว์ทั้งหนาและใหญ่ ดังนั้นฟางหยวนจึงม้วนมันเก็บไว้ในกระบอกไม้ไผ่และผูกเชือกมัดเอาไว้บนแผ่นหลังเท่านั้น
นักล่าทั้งสองมองกระบอกไม้ไผ่ด้วยความอิจฉา พวกเขาไม่ได้โง่เขลากระทั่งไม่รู้ถึงคุณค่าของมัน
โดยปกติผู้ใช้วิญญาณไม่แม้แต่จะชำเลืองมองแผนที่เช่นนี้ ตรงข้ามกับนักล่าที่เห็นมันเป็นสมบัติล้ำค่า
ครอบครัวหวังเป็นนักล่ามาตั้งแต่ต้นตระกูล สาเหตุที่ชายชราแซ่หวังสามารถเป็นนักล่าอันดับหนึ่งก็เนื่องมาจากมรดกชิ้นนี้
“ข้าจะถามพวกเจ้า ครอบครัวหวังยังมีสมาชิกคนอื่นอีกหรือไม่?” ดวงตาของฟางหยวนเต็มเจตนาสังหารขณะกล่าวเสียงเย็น
ร่างกายของชายสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นกลายเป็นสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ยินคำถามนี้ เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า หัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่มีผู้ใดอีกแล้ว พวกเขาตายไปหมดแล้ว”
“นักล่าหวังเคยมีภรรยา แต่นางถูกหมูป่าที่บุกเข้ามาในหมู่บ้านทำร้ายจนเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน นางมีบุตรชายสองคนและบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายคนโตของนางเสียชีวิตบนภูเขาเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้ครอบครัวหวังไม่เหลือผู้ใดอีกแล้ว”
นี่คือคำตอบจากนักล่าหนุ่มทั้งสอง
“เป็นเช่นนั้น...” ฟางหยวนหรี่ตามองชายสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและตัดสินว่าพวกเขาพูดความจริง เมื่อชีวิตและความตายอยู่ในกำมือของผู้อื่น ความน่าจะเป็นที่จะโกหกมีน้อยมาก
แต่เขายังถามต่อ “พวกเจ้าโกหกข้าหรือไม่?”
“พวกเราจะกล้าโกหกได้อย่างไร พวกเราไม่กล้าโกหกนายท่าน!”
“ข้า...ข้าพึ่งนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เฒ่าหวังยังมีลูกสะใภ้อีกผู้หนึ่ง นางเป็นภรรยาของหวังต้า หลังจากหวังต้าตาย มีข่าวลือว่านางต้องการแต่งงานใหม่ แต่เฒ่าหวังตามสังหารนาง นายท่าน เมื่อท่านสังหารเฒ่าหวัง นี่ย่อมเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านให้รอดพ้นภัยพิบัติจากคนชั่วและนำความสงบสุขมาสู่ทุกคน”
นักล่าอีกคนเร่งกล่าวเสริม “ถูกต้อง ถูกต้อง นายท่าน แท้จริงแล้วพวกเราไม่พอใจเฒ่าหวังมานานแล้ว ฮืม เขาไม่มีสิ่งใดพิเศษนอกจากล่าสัตว์ได้มากกว่าพวกเรา เขาเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนกับพวกเราแต่กลับคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าพวกเราและแยกตัวออกมาอาศัยอยู่ที่นี่ ในฐานะนักล่ารุ่นใหม่ บางครั้งเราก็ต้องการคำแนะนำเล็กๆน้อยๆจากเขา แต่เขากลับไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาและไม่เคยชี้แนะสิ่งใด นอกจากนั้นเขายังขับไล่พวกเราให้ออกห่างจากบ้านของเขาอีกด้วย”
ฟางหยวนรับฟังอย่างเงียบๆและเพียงพยักหน้าเล็กน้อย แม้ว่าคนทั้งสองจะให้ร้ายเฒ่าหวังเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง แต่ฟางหยวนไม่พบความขุ่นเคืองใดๆปรากฎอยู่ในน้ำเสียงของพวกเขา
ฟางหยวนคาดเดาว่าคนทั้งสองไม่มีความตั้งใจที่จะปรึกษาเฒ่าหวังเกี่ยวกับการล่า ตรงข้ามพวกเขาจะปรารถนาในตัวบุตรสาวของเฒ่าหวังด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามของนาง อย่างไรก็ตามพวกเขาถูกค้นพบความตั้งใจที่ซ่อนเร้นโดยเฒ่าหวัง ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเฒ่าหวังเล่นงานเล็กๆน้อยๆ
“กำจัดคนชั่วนำความสงบสุขมาสู่ทุกคนเป็นเพียงแค่คำประจบสอพลอ ข้าสังหารพวกเขาเพราะต้องการแผนที่หนังสัตว์ชิ้นนี้เท่านั้น เอาล่ะ เมื่อพวกเจ้าทำให้ข้ารู้สึกพึงพอใจ เช่นนั้นตอนนี้พวกเจ้าสามารถไปได้” เสียงของฟางหยวนอ่อนลงแต่ฝ่ามือที่อยู่ด้านหลังกลับส่องประกายขึ้น
ชายสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นทั้งประหลาดใจและมีความสุขเมื่อได้ยินประโยคนี้จากฟางหยวน
“ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณนายท่านที่เมตตา”
“นายท่าน พวกเราจะจดจำบุญคุณของนายท่านไปชั่วชีวิต!”
พวกเขารีบโขกศีรษะลงบนพื้นพร้อมกับตะโกนออกมาจากนั้นจึงเร่งหันหน้ากลับและจากไป
แม้ฟางหยวนจะอายุน้อยกว่าพวกเขา แต่หลังจากได้เห็นการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาของฟางหยวน หัวใจของพวกเขาก็ถูกเติมเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหวังว่าจะไม่พบกับฟางหยวนอีก
“เดี๋ยว!” เสียงเย็นชาสายหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เมื่อทุกอย่างกำลังจะจบลง ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งกลับกระโดดลงมาจากเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล
“พวกเจ้ายังไม่สามารถจากไป บอกข้าว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่” ผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งมาถึงสวมชุดสีน้ำเงินคาดเข็มขัดสีแดงที่มีเลขสองสลักอยู่บนหัวเข็มขัดโลหะ
ผู้ใช้วิญญาณระดับสองผู้นี้มีรูปร่างผอมบางและดวงตาแหลมคม บนมือและเท้าของเขาสวมใส่แผ่นเหล็กป้องกันตัว ขณะเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา
“คารวะนายท่านเจียงอี้” เดิมทีชายทั้งสองเร่งลุกขึ้นและตั้งใจที่จะจากไป แต่เมื่อเห็นการปรากฏตัวของคนผู้นี้ พวกเขาจึงต้องคุกเข่าลงอีกครั้ง
ผู้ใช้วิญญาณผู้นี้เป็นที่รู้จักกันดีเพราะเขาก็คือผู้ใช้วิญญาณประจำหมู่บ้าน
ทุกปีหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลจะส่งผู้ใช้วิญญาณออกมาประจำอยู่ที่หมู่บ้านในการปกครองของพวกเขาเพื่อรักษาดินแดน
ผู้ใช้วิญญาณเจี้ยงอี้ไม่สนใจชายทั้งสองแต่มองไปที่ฟางหยวน “ข้าคือผู้ใช้วิญญาณเจียงอี้จากหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล เจ้าคือผู้ใด?”
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆก่อนจะยกฝ่ามือที่ส่องสว่างด้วยแสงจันทร์ออกไปด้านหน้า
เมื่อเห็นจันทร์เสี้ยวบนฝ่ามือของฟางหยวน ผู้ใช้วิญญาณเจียงอี้เข้าใจทันทีว่าฟางหยวนเป็นผู้ใช้วิญญาณของตระกูลแสงจันทร์ เนื่องจากวิญญาณแสงจันทร์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเลียนแบบ
“เรื่องนี้ง่ายมาก บุตรชายคนรองของเฒ่าหวังกล้าทำร้ายข้า ดังนั้นข้าจึงฆ่าพวกมันยกครอบครัวเพื่อระบายโทสะ คนทั้งสองสามารถเป็นพยานให้ข้า” ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและชี้นิ้วไปที่นักล่าหนุ่มทั้งสอง
ฟางหยวนไม่ได้โกหก ดังนั้นนักล่าหนุ่มทั้งสองจึงสามารถพยักหน้าได้โดยไร้ความลังเล
เจียงอี้หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า ฆ่าได้ดี พวกมันเป็นเพียงคนรับใช้แต่กลับคิดทำร้ายเจ้านาย พวกมันสมควรตายแล้ว”
“แต่น้องชาย สิ่งที่เจ้าทำยังนำปัญหามาสู่ข้า แม้เฒ่าหวังจะอาศัยอยู่นอกหมู่บ้าน แต่ครอบครัวของเขายังเป็นสมาชิกของหมู่บ้านที่ข้ารับผิดชอบ นั่นหมายความว่าข้าจะต้องปกป้องพวกเขา เมื่อเรื่องราวที่เจ้าฆ่าพวกเขาถูกรายงานกลับไปที่ตระกูล คะแนนผลงานของข้าในการประเมินผลสิ้นปีจะลดลงอย่างแน่นอน”
ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ฟางหยวนเข้าใจทันทีว่าคนผู้นี้ต้องการรีดไถเขา
ฟางหยวนหัวเราะก่อนกล่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องยาก พี่ชายเพียงรายงานกลับไปที่ตระกูลตามความเป็นจริงว่าข้าเป็นผู้สังหารพวกเขา มันไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับพี่ชายแม้แต่น้อย”
หลังจากถ้อยคำเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของฟางหยวน ช่วยไม่ได้ที่เจียงอี้จะรู้สึกขุ่นเคือง เขากล่าวเสียงเย็น “เช่นนั้นข้าคงต้องรักษาความยุติธรรม หากน้องชายไม่กลัวว่าชื่อของเจ้าจะปรากฎอยู่ในรายงาน ข้าก็จะเขียนรายละเอียดตามความเป็นจริง”
คำกล่าวของเขาชัดเจนว่าเป็นการข่มขู่ หากเป็นเด็กหนุ่มสาวคนอื่น พวกเขาต้องหวาดกลัวอย่างแน่นอน
แต่ฟางหวนกลับสามารถมองเห็นช่องว่างในถ้อยคำของชายผู้นี้ เขากล่าว “ถูกต้อง พี่ชายควรเขียนรายงานตามความเป็นจริง โอ้ อย่าลืมเขียนลงไปให้ถูกต้องด้วยว่าข้าคือฟางหยวน”
“โอ้ เจ้าก็คือฟางหยวน” เจียงอี้แสดงออกราวกับตรัสรู้บางสิ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าได้ยินจากน้องชายของข้าบ่อยครั้งว่าเจ้ามักกรรโชกทรัพย์สหายร่วมชั้นเรียนเสมอ ทุกครั้งที่น้องชายของข้ากล่าวถึงเจ้า เขาจะแสดงออกด้วยความอิจฉาที่เจ้าสามารถหาเงินได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นเจ้ายังได้รับหนอนสุราและคางคกปฐพีจากผลึกโชคลาภ ข้าแน่ใจว่าทุกคนต้องอิจฉาเจ้า โอ้ น้องชายของข้าก็คือเจียงหยา เจ้าควรจะได้พบเขาแล้ว”
“เป็นเขา” ฟางหยวนพยักหน้า “ถูกต้อง ทุกครั้งที่ข้าต้องการซื้อกลีบกล้วยไม้จันทรา ข้าจะไปซื้อกับเจียงหยาเสมอ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อเป็นกรณีพวกเราก็ถือเป็นคนคุ้นเคย โอ้ ถูกต้อง ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปซะ ข้าสามารถจัดการมัน” การแสดงออกของเจียงอี้เปลี่ยนไปโดยไม่คาดคิด
เดิมทีเขาตั้งใจฉวยโอกาสหาประโยชน์จากสถานการณ์เล็กๆน้อยๆ เขาไม่มีความตั้งใจที่จะส่งรายงานกลับไปที่ตระกูลจริงๆ
หากเขารายงานความจริงกลับไป ตัวเขาเองจะถูกตัดคะแนนผลงานประจำปี แล้วเขาจะทำไปเพื่อสิ่งใด ทางที่ดีกว่าก็คือรายงานกลับไปว่าครอบครัวหวังถูกหมูป่าทำร้ายจนเสียชีวิตยกครอบครัว
นอกจากนั้นเจียงอี้ก็ไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผยออกไปเพราะมีชาวบ้านอยู่ในบริเวณนี้เพียงเล็กน้อย กระทั่งตระกูลจะรู้ แต่พวกเขาก็ไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตที่มีค่าน้อยกว่าต้นหญ้าเช่นนี้
“น้องชาย เจ้ายังไม่จบการศึกษาจึงยังไม่ได้รับเครื่องแบบแสดงสถานะ กล่าวไปแล้วหากหวังเอ้อเห็นเครื่องแบบของผู้ใช้วิญญาณ เขาย่อมไม่กล้าลงมือกับเจ้า เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ?” เจียงอี้กล่าวอีกครั้ง
ฟางหยวนหรี่ตามอง ถ้อยคำของเจียงอี้ชัดเจนว่ามีความนัย มันเป็นคำเตือนว่าฟางหยวนยังไม่จบการศึกษาและไม่ควรออกมาที่นี่ หลังจากนี้ฟางหยวนไม่ควรมาสร้างปัญหาและฆ่าคนในพื้นที่รับผิดชอบของเขาอีก
“ขอบคุณพี่ชายสำหรับคำแนะนำ” ฟางหยวนป้องหมัดขึ้นคำนับเจียงอี้ก่อนจะเดินจากไป