ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 66 มนุษย์ไม่ต่างจากหมู (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 68 ธรรมชาติเป็นเช่นนี้ (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 67 ตราบเท่าที่ซื่อสัตย์ (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 67 ตราบเท่าที่ซื่อสัตย์ 

แปลโดย iPAT 

บ้านไม้เก่าๆซ่อนตัวอยู่กลางป่า

หลังบ้านเป็นแปลงผัก ด้านข้างมีบ่อน้ำ

หญิงผู้หนึ่งกำลังตักน้ำขึ้นมาจากบ่อ

แม้นางจะสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่าย แต่มันไม่สามารถปิดบังผิวขาวเนียนของเด็กสาวอายุสิบหกปี นางมีดวงตาราวกับคริสตัล เส้นผมสีดำยาวทิ้งตัวลงบนแผ่นหลัง ใบหน้าของนางส่องประกายราวกับหิมะที่สะท้อนแสงอาทิตย์ ริมฝีปากสีกุหราบทำให้นางดูยิ่งโดดเด่น

นางใช้พลังทั้งหมดเพื่อดึงถังน้ำขึ้นมาจากบ่อก่อนที่ถังน้ำจะร่วงหล่นบนสู่พื้น นางหอบหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก

ชายชราเปิดประตูบ้านออกมาเมื่อได้ยินเสียงถังน้ำที่ตกลงบนพื้น ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยริ้วรอย ดวงตาดูเหนื่อยล้า แต่บางครั้งมันยังแสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดราวกับพยัคฆ์เฒ่า

“สาวน้อย ข้าบอกแล้วว่าถังน้ำมันหนักเกินไปสำหรับเจ้า แต่เจ้ายังลอบออกมารดน้ำผักลับหลังข้างั้นหรือ?” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

“ท่านพ่อ” เด็กสาวเรียก “ท่านออกไปล่าสัตว์จนำมืดค่ำเมื่อวานนี้ ท่านควรจะนอนพักผ่อนให้มาก ถังน้ำไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าจะรดน้ำผักเหล่านั้นเอง”

“เจ้ายังดื้อรั้นเสมอ” ชายชราส่ายศีรษะก่อนจะเดินไปยังบ่อน้ำและใช้ถังตักน้ำขึ้นมาอย่างง่ายดาย “ไปเถอะ ไปรดน้ำผักด้วยกัน”

อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหญ้าและดอกไม้ป่า ลมฤดูร้อนหอบเอาความอบอุ่นเคลื่อนเข้าสู่ภูเขา

บ้านกลางป่ากับสองพ่อลูกที่ช่วยกันปลูกผัก มันเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น

“เห้อ...ข้าแก่เกินไปแล้วจริงๆ ยกน้ำเพียงไม่กี่ถัง ข้าก็เหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้” ชายชราเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

เด็กสาวหันหน้ากลับมาพร้อมเผยรอยยิ้มน่ารัก “ท่านพ่อ ท่านยอมรับในที่สุดว่าท่านแก่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องแสดงความแข็งแกร่งออกมาตลอดเวลา กี่ครั้งแล้วที่ข้าบอกท่าน ปล่อยให้พี่ใหญ่ออกล่าท่านเพียงพักผ่อนอยู่ในบ้านเท่านั้น”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชายชราหัวเราะ “พึ่งพาความสามารถของพี่ชายเจ้า แม้เขาจะมีฝีมือการใช้ธนูและศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง แต่เขายังหนุ่มและยโสเกินไป เด็กหนุ่มมักรักอิสระ ประมาท และนำปัญหามาสู่ตนเองเสมอ ข้าไม่สามารถปล่อยวางความกังวลจากเขา”

“ท่านพ่อ...” เด็กสาวพึมพำ

ชายชราหัวเราะ “โอ้ ถูกต้อง เจ้าก็โตเป็นหญิงงามแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าควรจะแต่งงานออกเรือนได้แล้ว ข้าจะมองหาครอบครัวที่ดีให้เจ้า ด้วยภาพลักษณ์ของเจ้า พวกเขาต้องไม่ปฏิเสธ”

เมื่อชายชรากล่าวถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเด็กสาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ชายชรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและจินตนาการถึงอนาคตก่อนจะถอนหายใจออกมา “เมื่อพี่ชายของเจ้าได้รับบทเรียนและสามารถควบคุมตนเอง เวลานั้นข้าจะหยุดออกล่าและจะหาผู้ชายที่ดีให้เจ้า หลังจากนั้นเจ้าต้องมีหลานตัวอ้วนๆให้ข้า ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อของเจ้าต้องการหลาน นั่นคือทั้งหมดที่ข้าต้องการ ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย มีนักล่ากี่คนที่สามารถมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่า สหายนักล่าของพ่อล้มตายกันไปจนสิ้นแล้ว”

“ท่านพ่อผิดแล้ว” เด็กสาวปลอบใจ “ท่านยังมีพวกเรา”

“ฮ่าฮ่า หือ?” ชายชราหัวเราะและกำลังจะกล่าวต่อ แต่ทันใดนั้นเขากลับได้ยินเสียงบางอย่างและเร่งหันหน้าไปมอง

ประตูไม้ไผ่ถูกผลักเปิดออกจากด้านนอก

“เจ้าคือเฒ่าหวังใช่หรือไม่?” ฟางหยวนก้าวเข้ามาด้วยการแสดงออกที่เย็นชา เขาี่ยกมือขวาที่เรืองแสงสีฟ้าขึ้นอย่างเตรียมพร้อม

ชายชราตกตะลึงเมื่อเห็นแสงจันทร์บนฝ่ามือของฟางหยวน เขาเร่งคุกเข่าลง “ชายชราผู้นี้คารวะท่านผู้ใช้วิญญาณผู้สูงส่ง”

“เฒ่าหวัง บุตรชายของเจ้ากล้าโจมตีข้า แต่ข้ากำจัดเขาไปแล้ว ศพของเขาอยู่ข้างนอก” ฟางหยวนกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง

หลังกล่าวจบคำ นักล่าสองคนก็แบกซากศพของหวังเอ้อเข้ามาในบ้าน

เมื่อเห็นเช่นนั้น ร่างของชายชรากลายเป็นแข็งค้างด้วยความตกใจ

“พี่ใหญ่!” เด็กสาวกรีดร้องพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน

“น้องหวัง....” นักล่าทั้งสองเห็นเด็กสาวร้องไห้และต้องการปลอบโยน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใด

“เฒ่าหวัง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นนักล่าที่เก่งที่สุดของที่นี่ แม้จะอายุมากแล้ว เจ้าก็ยังล่าสัตว์ได้ทุกครั้ง”

ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่ออย่างไม่แยแส “วาดแผนที่กับดักทั้งหมดในป่าแห่งนี้ให้ข้า แล้วข้าจะยกโทษให้กับความผิดบาปที่บุตรชายของเจ้าก่อขึ้น มิฉะนั้น....”

หมู่บ้านเหล่านี้อยู่ภายใต้การปกครองของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล การกระทำของหวังเอ้อถือเป็นความผิดร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบไปถึงครอบครัวของเขาทั้งหมด

ร่างกายของเฒ่าหวังสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้งด้วยความหวาดกลัว

“ฆาตกร! เจ้าเป็นฆาตกร! เจ้าสังหารพี่ชายของข้าและปฏิบัติกับชีวิตมนุษย์ราวกับปศุสัตว์ เจ้าคนเลว ข้าจะแก้แค้นให้พี่ชายของข้า!” เด็กสาวกรีดร้องด้วยความโกรธและเกลียดชัง พร้อมกันนั้นนางก็วิ่งตรงเข้ามาหาฟางหยวน

อย่างไรก็ตามนางกลับต้องหยุดเท้าลงกลางทาง

ไม่ใช่ฟางหยวน แต่เป็นบิดาของนางที่หยุดนางเอาไว้

“น่าอายนัก!” ชายชราตะโกนเสียงดังก่อนจะตบนางล้มลงบนพื้น

“พี่ใหญ่ของเจ้าตายไปแล้ว เจ้ายังอยากตายอีกคนงั้นหรือ? เจ้าต้องการให้บิดาผู้นี้แก่เฒ่าไปเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ?” ชายชราหลั่งน้ำตาขณะที่ร่างกายยังคงสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้ง

“ท่านพ่อ” เด็กสาวได้สติกลับมาอีกครั้ง แต่น้ำตาของนางยังคงไหลริน น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเศร้า ความเกลียดชัง และไร้อำนาจ

ชายชราหันหน้ากลับไปหาฟางหยวนและคุกเข่าลงอีกครั้ง เขาวางหน้าผากลงบนพื้นและยกมือขึ้นกราบไหว้ที่ปลายเท้าของฟางหยวน “นายท่าน บุตรชายของข้ากล้าทำร้ายนายท่าน เขาสมควรตายแล้ว ข้าจะวาดแผนที่ให้กับนายท่านทันที นายท่านโปรดเมตตาพวกเราด้วย”

การแสดงออกของฟางหยวนไม่แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้า เขากล่าว “สบายใจได้ ตราบเท่าที่เจ้าวาดแผนที่ให้ข้าอย่างซื่อสัตย์ พวกเจ้าจะรอดชีวิต แต่หากข้าพบว่ามีจุดที่น่าสงสัย ชีวิตของพวกเจ้าจะดับสูญอย่างแน่นอน”

“ทราบแล้ว! ชายชราผู้นี้เข้าใจดี!” ชายชราโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างไม่หยุดยั้ง “นายท่านโปรดให้ข้าไปหยิบกระดาษกับพู่กันสักครู่”

“ไม่จำเป็น” ฟางหยวนโบกมือ “พวกเจ้าเข้าไปนำกระดาษและพู่กันออกมา”

“รับทราบ!” หนุ่มนักล่าไม่กล้าขัดขืน

“กระดาษและพู่กันอยู่ในห้องครัว” เฒ่าหวังกล่าว

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นแต่การแสดงออกของเขายังสงบนิ่ง

นักล่าสองคนเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะนำกระดาษและพู่กันออกมา

ดินแดนทางภาคใต้ กระดาษจะถูกผลิตจากเยื้อไม้ไผ่ แม้คุณภาพของมันจะไม่ดีนักและมีสีเขียวเข้ม แต่มันเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของที่นี่

ชายชรานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและค่อยๆวาดแผนที่ก่อนจะส่งมอบให้กับฟางหยวน

ฟางหยวนกวาดตามองก่อนจะส่งต่อให้กับนักล่าทั้งสอง

“ตรวจดู ข้าจะมอบหินวิญญาณหนึ่งก้อนให้พวกเจ้าสำหรับทุกจุดที่พบสิ่งผิดปกติ”