เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 63 หยกเขียวใต้แสงจันทรา หมูป่ากลางสวนดอกไม้ (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 63 หยกเขียวใต้แสงจันทรา หมูป่ากลางสวนดอกไม้
แปลโดย iPAT
ค่ำคืนที่ดวงจันทร์ส่องสว่าง
สวนหย่อมลับแห่งหนึ่งของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล
ใต้ต้นไม้ใหญ่ยืนไว้ด้วยบุรุษสองคน
อวี๋โป้ใช้สายตาที่อ่อนโยนมองฟางเจิ้ง “ฟางเจิ้ง วันนี้เจ้าเลือกวิญญาณชนิดใดเป็นวิญญาณดวงที่สอง?”
“รายงานท่านผู้นำ ข้าเลือกวิญญาณกายาทองแดง” ฟางเจิ้งกล่าว
อวี๋โป้พยักหน้า “ไม่เลว มันเป็นทางเลือกที่ดี”
เดิมทีฟางเจิ้งรู้สึกเครียดเมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าอวี๋โป้ แต่หลังจากได้รับคำชม เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลง “ท่านผู้นำ ข้าเพียงสุ่มเลือกขึ้นมาเท่านั้น”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้ตั้งใจชมเจ้างั้นหรือ?” อวี๋โป้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเลือกวิญญาณคือการบ่งบอกถึงตัวตนของคนผู้นั้น”
“เจ้าเลือกวิญญาณกายาทองแดงเพื่อใช้ป้องกันตัว เมื่อจับคู่กับวิญญาณแสงจันทร์ เจ้าจะมีทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกัน นี่แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของเจ้า หากกล่าวอีกนัยหนึ่ง การโจมตีและการป้องกันก็เหมือนหยินและหยาง แข็งและอ่อน นี่ถือเป็นเส้นทางแห่งราชันที่แท้จริง”
“โม่เป่ยเลือกวิญญาณด้วงจอมพลัง ความแข็งแกร่งจะสนับสนุนการต่อสู้ของเขา นี่แสดงให้เห็นทัศนคติที่แข็งกร้าวของเขา”
“ซื่อเฉินเลือกวิญญาณจิ้งหรีดมังกรซึ่งทำให้เขาได้รับความสามารถในการหลบหลีก มันแสดงว่าเขาไม่ชอบการต่อสู้โดยตรงแต่เขามีความฉลาดในการวางกลยุทธ์ อย่างไรก็ตามมันกลับแสดงให้เห็นถึงตัวตนที่อ่อนแอของตัวเขาเอง”
ฟางเจิ้งรู้สึกประทับใจมากเมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะสามารถบ่งบอกหลายสิ่งและมีเหตุผลมากมายซ่อนอยู่เบื้องหลัง นี่ทำให้เขาจะรู้สึกเคารพนับถืออวี๋โป้มากขึ้นไปอีก
“ท่านผู้นำ ไม่ทราบว่าพี่ชายของข้าเลือกสิ่งใด?” ฟางเจิ้งถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อวี๋โป้หัวเราะ “เขาเลือกวิญญาณแสงดาว มันเป็นวิญญาณที่ช่วยสนับสนุนวิญญาณแสงจันทร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่แสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่รุนแรงและก้าวร้าวอย่างที่สุดของเขา”
“แท้จริงแล้วพี่ใหญ่ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” ฟางเจิ้งพึมพำ
อวี๋โป้มองฟางเจิ้ง แม้พวกเขาจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก แต่อวี๋โป้ก็สามารถมองทะลุความคิดของฟางเจิ้งได้อย่างง่ายดาย
เขาบอกฟางเจิ้งเกี่ยวกับความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของโม่เป่ยและซื่อเฉินเพราะมันจะช่วยให้ฟางเจิ้งสามารถวิเคราะห์และเอาชนะพวกเขา ทั้งหมดเป็นเพราะเขาต้องการเลี้ยงดูฟางเจิ้งให้เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
แต่เขาจะไม่พูดและแสดงออกมาเกินไป หากข่าวแพร่กระจายออกไปว่าเขายุย่งให้ฟางเจิ้งจัดการโม่เป่ยและซื่อเฉิน มันอาจกลายเป็นข้อพิพาททางการเมืองจนนำไปสู่ความล่มสลายของตระกูลในที่สุด
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เขาต้องการฝึกให้ฟางเจิ้งเข้าใจสิ่งต่างๆด้วยตนเอง แม้ฟางเจิ้งจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่หรือห้า แต่หากปราศจากความรู้ความเข้าใจด้านการเมือง เขาก็ยังไม่สามารถเป็นผู้นำตระกูล
‘ข้าวิเคราะห์บุคลิกของโม่เป่ยและซื่อเฉิน แต่ฟางเจิ้งกลับไม่เห็นความตั้งใจของข้า ตรงข้ามเขาถามถึงฟางหยวน ดูเหมือนเขาจะมีบาดแผลทางจิตใจที่เกิดจากฟางหยวน เขาต้องการเอาชนะฟางหยวน เห้อ...หากฟางเจิ้งฉลาดเหมือนฟางหยวน...แม้ข้าจะพบเห็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์มามากมาย แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องสติปัญญา มันกลับไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวน น่าเสียดายที่เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม’
อวี๋โป้ลอบถอนหายใจแต่ใบหน้าของของยังเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
เขานำวิญญาณออกมาจากกระเป๋า
“นี่คือ...กายาหยกเขียว?” ฟางเจิ้งมองวิญญาณกายาหยกเขียวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
อวี๋โป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อเปรียบเทียบกับวิญญาณกายาทองแดง สิ่งนี้ดีกว่ามาก มันใช้พลังวิญญาณน้อยกว่าและยังได้รับการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่า ฟางเจิ้ง เจ้าต้องการมันหรือไม่?”
“ท่าน...ท่านผู้นำ...” ฟางเจิ้งตกใจและมองอวี๋โป้ด้วยความตื่นเต้น “ข้า...ข้าต้องการมัน”
“ข้าจะมอบมันให้เจ้า” อวี๋โป้หัวเราะ “แต่ในฐานะผู้นำตระกูล ข้าไม่สามารถมอบมันให้เจ้าโดยไร้เหตุผล ข้ามีเงื่อนไข”
ฟางเจิ้งพยักหน้า “มันคือสิ่งใด?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของอวี๋โป้จางหายไปก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึม “ข้าต้องการให้เจ้าเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ระดับสองและนี่จะเป็นรางวัลสำหรับเจ้า”
“อา...ผู้ใช้วิญญาณระดับสอง?” ฟางเจิ้งลังเลไปชั่วขณะ เขาพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นกลาง มันยังมีระดับหนึ่งขั้นสูงอยู่ระหว่างทาง แต่อวี๋โป้กลับต้องการให้เขาบรรลุสู่ระดับสองเป็นคนแรก?
“เจ้ากลัวสิ่งใด? หากเจ้าไม่ต้องการ ข้าสามารถมอบมันให้ผู้อื่น” อวี๋โป้แสร้งเย็นชา
ด้วยวิธีการของอวี๋โป้ ฟางเจิ้งจึงถูกล่อลวง “ไม่ ข้าสัญญากับท่าน ข้าจะมอบความพ่ายแพ้ให้กับทุกคนและก้าวเข้าสู่ระดับสองเป็นคนแรก”
“ดีมาก” อวี๋โป้เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้งและวางวิญญาณกายาหยกเขียวลงบนฝ่ามือของฟางเจิ้ง
เขาคิด ‘ฟางเจิ้ง ข้าเข้าใจว่าเจ้ารู้สึกด้อยกว่าฟางหยวน แต่ความคิดเช่นนั้นจะเป็นผลร้ายต่อตัวเจ้า ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า มันจะทำให้เจ้าก้าวเข้าสู่ระดับสองเป็นคนแรกอย่างง่ายดาย เมื่อใดที่เจ้าทำสำเร็จ เมฆหมอกในใจของเจ้าจะถูกปัดเป่าออกไปจนสิ้น’
ในช่วงเวลาเดียวกันฟางหยวนเดินทางเข้าไปในถ้ำลับอีกครั้ง
คราวก่อนเขาต้องกลับไปด้วยความรู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถทำสิ่งใด อย่างไรก็ตามหลังจากเขาได้รับวิญญาณแสงดาวและใช้วิญญาณกาลเวลาปรับแต่งมัน เขาจึงย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งด้วยความคาดหวัง
‘หินก้อนใหญ่แต่ราบเรียบ นี่ต้องเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ แน่นอนว่ามันต้องเป็นนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ที่ตั้งใจวางสิ่งกีดขวางชิ้นนี้เอาไว้’ ฟางหยวนคิด
เขามองไปรอบๆ
พื้นดินราบเรียบขณะที่ด้านบนโค้งมนและผนังทั้งหมดเรืองแสงสีแดงอ่อน
“หือ?” เมื่อเขามองที่พื้นดินอีกครั้งเขากลับเกิดข้อสงสัย
บนพื้นใกล้กับหินก้อนใหญ่ปรากฏสีแดงเข้มมากกว่าบริเวณอื่นอย่างเด่นชัด เมื่อฟางหยวนคุกเข่าลงและใช้มือสัมผัส เขารู้สึกถึงความเปียกชุ่ม
เมื่อมันเปียก มันจึงเรืองแสงสีแดงเข้มกว่าตำแหน่งอื่น
อย่างไรก็ตามภายในถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างแห้ง แล้วน้ำจะมาจากที่ใด?
ฟางหยวนตรวจสอบต่อไปและพบว่าพื้นดินในตำแหน่งนั้นอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นอีกครั้ง ประสบการณ์และสัญชาตญาณตะโกนบอกเขาว่านี่คือกุญแจที่นักบวชปีศาจสุราดอกไม้ทิ้งเอาไว้
แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเงื่อนงำเพื่อให้เขาสามารถก้าวหน้าต่อไป
ฟางหยวนขุดดินลึกลงไปประมาณหนึ่งนิ้วก่อนที่กลิ่นหอมจะลอยเข้าจมูกของเขา
‘กลิ่นนี้ไม่ธรรมดาแต่มันก็ไม่หรูหราเกินไป เป็นไปได้หรือไม่ว่า...’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายสว่างไสวและเริ่มขุนดินต่อไป
หลังจากนั้นดอกไม้ตูมสีทองที่ดูลึกลับก็เผยตัวขึ้นต่อหน้าเขา
“มันเป็นเช่นที่ข้าคิดจริงๆ” ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะขุดดินรอบๆออก
“มันคือวิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติ”
เขาเช็ดคราบดินออกจากมือก่อนจะค่อยๆคลี่กลีบดอกไม้ออกทีละกลีบอย่างระมัดระวัง
กลีบดอกของวิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติทับซ้อนกันอย่างแน่นหนา หลังจากกลีบดอกไม้ประมาณห้าสิบถึงหกสิบกลีบถูกเปิดออก เขาก็พบกับกลีบดอกชั้นในที่โปร่งแสงและละเอียดอ่อนกว่า ฟางหยวนค่อยๆคลี่มันออกมาทีละชั้น สุดท้ายเขาก็พบแก่นดอกไม้ทรงกลมที่บรรจุของเหลวสีทองเอาไว้ภายใน นอกจากนั้นยังมีวิญญาณจำศีลอยู่ที่นั่นอีกด้วย
ฟางหยวนสังเกตวิญญาณดวงนี้ก่อนจะใช้ลมหายใจเป่าลงบนแก่นดอกไม้ทรงกลมอย่างแผ่วเบาและทำให้ของเหลวสีทองเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
วิญญาณจะจำศีลเมื่อพวกมันขาดอาหาร เพื่อรักษาวิญญาณเหล่านี้ ผู้ใช้วิญญาณจึงคิดค้นวิธีการมากมายขึ้นมา วิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติเป็นหนึ่งในวิธีการเหล่านั้น
วิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติเป็นวิญญาณที่ใช้ได้ครั้งเดียว อาหารของมันคือปราณพิภพ มันสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการอาศัยอยู่ในพื้นดิน
น้ำทิพย์สีทองที่อยู่ภายในแก่นดอกไม้มีความสามารถในการเก็บรักษาวิญญาณ ชัดเจนว่านักบวชปีศาจสุราดอกไม้ใช้มันเพื่อส่งต่อวิญญาณของเขาให้กับผู้สืบทอด
ฟางหยวนค่อยๆกรีดผ่าแก่นดอกไม้โปรงแสงและทำให้น้ำทิพย์สีทองค่อยๆรั่วไหลออกมา
วิญญาณที่อยู่ภายในมีขนาดเท่าเล็บมือมนุษย์ มันอยู่ในรูปลักษณ์ของหมูสีขาวตัวเล็กๆ
“วิญญาณหมูขาว!” ใบหน้าของฟางหยวนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้