ตอนที่ 200 ร่องรอยจากยุคโบราณกาล 3
แม้ว่าจะมีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่การอ่านFairy’s Book นั้นไม่ได้เรียบง่าย
แน่นอน การถ่ายทอดความรู้โดยตรงสู่สมองเขาเป็นเรื่องที่คุ้นเคยเนื่องจากความตะกละ ‘ตัวอักษรแรกเริ่ม’ได้ช่วยในการทำความเข้าใจ ขณะที่ ‘การปฏิบัติ’จะช่วยเพิ่มความเชี่ยวชาญ ดังนั้นกระบวนการในการบรรลุผลจึงไม่แตกต่างกันมากนัก
ปัญหาง่ายๆก็คือปริมาณข้อมูล
อึก
เนื้อตัวของธีโอดอร์บิดเกร็งไปด้วยความเจ็บปวด เส้นเลือกบนหัวของเขาปูดราวกับจะปริแตก แต่เขาก็ก้มหน้ากัดฟันและยอมรับความรู้ที่ไหลเข้ามา มี36ตัวอักษร รวมเป็น1800หน้า
นี่คือสมบัติที่ถูกเขียนโดยนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งยุคโบราณกาล ดังนั้นความยากลำบากของเนื้อหาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนั้น ยังมีตัวแปรอื่นที่ธีโอคาดไม่ถึง
‘ยิ่งเนื้อหายากขึ้นเท่าไร อาการปวดหัวก็จะหนักขึ้น...?’
ความตะกละตระหนักถึงสิ่งที่ธีโอดอร์หมายถึงและตอบกลับ –แน่นอน ความรู้ที่ยากขึ้นก็จะเป็นภาระให้กับสมองของผู้ใช้มากขึ้น เป็นไปได้ว่าเจ้าจะไม่สามารถได้ถึงครึ่งของหนังสือเล่มนี้ หากเจ้าไม่มีความรู้ของไมน์ดัล
‘ไมน์ดัล?อ่า เนื่องจากจิตวิญญาณธาตุนั้นมีลักษณะร่วมกัน?’
-ไม่ เป็นเพราะชายผู้นั้น□□□□□ □□□....... เสียงของความตะกละขาดหายไป –หืม มันยังเป็นไปไม่ได้? มันดูเหมือนข้าจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในขั้นที่4
‘ต้องปลดผนึกอื่นอีก?’
-ถูกต้อง ข้าเคยคิดว่ามันเป็นไปได้หลังจากที่เจ้าเป็นจอมเวทย์ขั้น7 แต่ดูเหมือนว่ามันต้องปลดผนึก ผนึกอื่นๆก่อน
ธีโอดอร์ได้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ ครั้งแรกที่เขาพบกับอัตตา มันเป็นทางเลือกของความตะกละที่ช่วยชีวิตเขา ธีโอดอร์ไม่มีคุณสมบัติที่จะเถียงการเลือกของมัน เขาจะสามารถหาช้อมูลเกี่ยวกับไมน์ดัลได้หลังจากที่เขาปลดผนึกลำดับต่อไป
จากนั้น ธีโอดอร์จึงมุ่งเน้นไปที่ตัวอักษรตัวต่อไ ป หากเขานับไม่ผิด เขายังเหลืออีก15ตัว หลังจากนั้นไม่นาน ธีโอดอร์ก็ตระหนักว่านั่นหมายถึงอะไรและอดที่จะส่งเสียงชื่นชมออกมาไม่ได้
“ฉันได้อ่านไป1050หน้าแล้ว....”
มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องใช้เวลาถึงสองสามวันในการอ่านทฤษฏีอย่างถูกต้อง แม้ว่ามันจะไม่ใช่เวทมนต์ที่แตกต่างก็ตาม นอกจากนี้ มันเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุที่ต้องการความรู้จักหลายๆด้าน เมื่อคิดถึงความยากลำบากของหนังสือที่เขียนโดยพาราเซลซัส มันจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย2เดือนในการอ่านทั้ง1800หน้า มันอาจจะใช้เวลาเป็นปีเพื่อให้เข้าใจโดยสมบูรณ์
แต่ธีโอดอร์กลับอ่านไปมากกว่าครึ่งของFairy’s Book โดยใช้เวลาเพียง2ชั่วโมง เขาไม่รู้ว่าความตะกละกำลังเฝ้าดูความโลภของเขาที่มีต่อเวทมนต์อยู่
มันได้สังเกตธีโอดอร์และพูดกับตัวมันเอง –ใช่ นี่สิคือคุณสมบัติที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้ของข้า
นี่คือเหตุผลที่ความตะกละได้เลือกธีโอดอร์เป็นเจ้านายของมัน
ด้วยดวงตาที่เย็นชา ความตะกละได้พูดต่อ –สมองของเจ้าจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ทำมันซ้ำๆหลายครั้งและเรียนรู้ข้อมูลยากๆจะทำให้เจ้าพัฒนา ........ธีโอดอร์ มิลเลอร์ เจ้าเป็นผู้ใช้ที่เหมาะสมที่จะรับผิดชอบต่อ............ของข้า
ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปจนจบ
***
เมื่อถึงเวลาที่ดวงจันทร์และดวงดาวเริ่มเอียงไปยังขอบฟ้า ธีโอดอร์ก็บรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ
[*ความเข้าใจของคุณสูงมาก(99.9%)]
ธีโอดอร์ได้ทิ้งตัวลงและแทบจะไม่สามารถอ่านหน้าต่างข้อมูลได้ นอกเหนือจากอาการปวดหัวที่ราวกับกะโหลกถูกเจาะแล้ว ร่างกายของเขากำลังลุกไหม้ มันเป็นราคาสำหรับการอ่านหนังสือของพาราเซลซัส โดยไม่หยุดพัก
‘ฉะ-ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังจะตาย....’
มันไม่ใช่ความเมื่อยล้าทางกาย แต่เป็นความเมื่อยล้าทางจิตใจ เขาไม่มีแรงมากพอที่จะยกแม้กระทั่งนิ้ว ธีโอดอร์นั้นเป็นคนสำคัญ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาที่จะพักผ่อน
เขาเหยียดมือซ้ายออกไปในทิศทางของแผ่นหินที่อยู่บนเตียง หากเขาไม่มีอะไรที่จะทำในตอนนี้ เขาคงจะหลับไปแล้ว
“กะ-กิน”
-ข้าเข้าใจแล้ว ความตะกละตอบกลับอย่างสงบและยืดลิ้นของมันออกมา
[‘Fairy’s Book’ ได้ถูกกินแล้ว ความเข้าใจของคุณสูงมาก]
[ความสามารถของคุณกับ’จิตวิญญาณธาตุ’ได้เพิ่มความอย่างมาก]
[ความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับ’ธาตุทั้ง4’ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก]
[หนังสือต้นฉบับได้ถูกกินแล้ว กำลังตรวจสอบอัตราซิลโครกับวัตถุนามพาราเซลซัส.....ปิดกั้น พาราเซลซัสปฏิเสธที่จะซิงโครกับผู้ใช้ ผู้ใช้ไม่สามารถที่จะบังคับซิงโครกับเป้าหมายได้โดยไม่ได้รับอนุญาติ อีกฝั่งหนึ่งได้ถือครองพลังแห่งเทพเจ้า]
มันไม่สามารถบังคับการซิงโครได้!อย่างไรก็ตาม มันไม่น่าแปลกใจที่พาราเซลซัสถือครองพลังแห่งเทพเจ้า สิ่งมีชีวิตที่เขาได้สร้างขึ้น เมอร์คิวเรียส เองก็มีพลังแห่งเทพเจ้า นี่หมายความว่าพาราเซลซัส ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
ธีโอดอร์รู้ดีว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้ เขาได้รอข้อความถัดไปด้วยท่าทางตึงเครียด
[วัตถุนาม พาราเซลซัส สนใจในตัวผู้ใช้ คุณจะยอมรับคำขอสำหรับการสนทนาหรือไม่?]
“...ฉันยอมรับ”
และเช่นเคย ระบบได้ร้องถามความยินยอมจากเขา
[หลังจากที่ยืนยันความตั้งใจของผู้ใช้ วัตถุนาม พาราเซลซัส จะถูกเรียก กำลังตรวจสอบการเชื่อมต่อ.....สำเร็จ วัตถุนาม ‘พาราเซลซัส’ ได้อนุมัติการสื่อสารสองช่องทาง]
[เขาจะซิงโครกับความรู้สึกของผู้ใช้ชั่วคราว]
ในเวลาเดียวกัน พื้นที่ทั้งหมดก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดที่คุ้นเคย มันเหมือนกับเหตุการณ์ตอนที่เขาพบกับอาเบะ โนะ เซย์เมย์ นี่คือสถานที่ที่มีเพียงธีโอดอร์และผู้เขียนเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้
อนุภาคแสงที่คุ้นเคยได้รวมตัวกันตรงหน้าเขา จากนั้นในไม่ช้า มวลแสงที่สุกใสก็ได้เปลี่ยนเป็นรูปร่างของมนุษย์
‘ร่างกายนั้นมีความคล้ายคลึงกับฉัน’
รูปร่างของเขานั้นสูงประมาณ 180 เซนติเมตร โครงสร้างร่างกายค่อนข้างดี ไม่มีกล้ามเนื้อที่ปูดโปนเช่นบลันเดลล์ แต่กล้ามเนื้อของเขานั้นดูสมส่วน เข้ารูปกับร่างกายได้อย่างลงตัว
ชายตรงหน้าเขามีหนวดเคราและผมสีขาว เสื้อคลุมของเขาทำมาจากวัสดุที่ไม่รู้จัก และมีเครื่องประดับอันแสนงดงามติดอยู่ พลังเวทมนต์ได้เคลื่อนไหวอยู่รอบๆเขาอย่างชัดเจน แต่ธีโอดอร์ไม่สามารถเข้าใจถึงมันได้
ร่างกายของชายผู้อยู่บนจุดสูงสุดของศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุ พาราเซลซัส ได้เผยออกมาตรงหน้าธีโอ
“หืม”
ในฐานะที่เป็นชายชรา เขามีผิวพรรณที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและมีสภาพที่แห้งราวกับต้นไม้ ธีโอดอร์พยายามที่จะพูด แต่เขากลับรู้สึกว่าปากของเขาถูกปิดกั้นด้วยแรงกดดันที่ลึกลับ
ดวงตาสีทองของพาราเซลซัสได้จ้องมองมาที่เขา ดวงตาของเขาดูเหมือนจะมองทะลุเข้ามาในกระดูกและอวัยวะของธีโอดอร์ มันไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุจากยุคโบราณกาลที่จะรู้ทุกอย่างเดียวกับร่างกายของมนุษย์
หลังจากนั้นไม่กี่นาที พาราเซลซัสก็ได้ส่ายหัวของเขาและพึมพำ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้ามีทักษะที่ดี”
“ขะ-ขอบคุณครับ”
“สำหรับอายุเจ้า เจ้าถือว่าไม่เลว”
หากเพื่อนของธีโอดอร์ได้ยินคำเหล่านี้ พวกเขาจะน้ำลายฟูมปาก ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ได้กลายเป็นจ้าวมนตราด้วยวัยเพียง20ปีกว่าๆ และผู้ที่มีอัตราการเติบโตเช่นเขาสามารถนับได้เพียง3นิ้วในประวัติศาสตร์ของเมลเทอร์
แต่ทว่า ธีโอดอร์นั้นถือว่าใช้ได้ ‘สำหรับอายุเขา?’ หากเพื่อนของเขาได้ยินพวกเขาคงจะกัดลิ้นตาย
แต่ทว่า คำพูดโผงผางของพาราเซลซัสเพียงพึ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับการสั่งสอนจากข้า”
ธีโอดอร์นั้นใจแข็ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะฟังคำพูดของพาราเซลซัสต่อ
“เจ้ายังไม่ได้พัฒนาเวทมนต์ของตัวเองขึ้น และเจ้าไม่มีความสนใจในเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุแม้ว่าเจ้าจะมาที่ห้องทดลองของข้า ไม่สิ อ้างอิงจากดาบAzoth เจ้าต้องมาพร้อมกับพาราแกรนัม เจ้าคือผู้ใช้ความตะกละ ข้าคิดว่าพวกเขาถูกออกแบบมาให้โอหัง แต่พวกเขากลับเป็นมากกว่าที่ข้าคาดไว้”
“……”
“Fairy’s Book ได้ถูกใช้อย่างครึ่งๆกลางๆ หากมันไม่ใช่เพราะการเล่นแร่แปรธาตุ มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณธาตุ?ข้ารู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อกับโลกแห่งจิตวิญญาณธาตุ.....มันเป็นจิตวิญญาณธาตุโบราณ?ธาตุของมันคือดินหรือไม้”
ธีโอดอร์ฟังคำพูดของพาราเซลซัสและรู้สึกขนลุก
ซึ่งแตกต่างจากการซิงโคร ที่ทำให้คนอื่นสามารถอ่านความทรงจำของเขาและอ่านความคิดของเขาได้ แต่นี่คือมิติที่มีเพื่อพูดคุยเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง พาราเซลซัส ได้พูดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาโดยใช้การสังเกตเท่านั้น
ธีโอดอร์รู้สกราวกับเขากำลังเปลือยกายอยู่ท่ามกลางฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะ เขาแทบจะไม่สามารถระงับอาการกระตุกเล็กๆน้อยๆที่เขารู้สึกได้และยอมรับคำกล่าวของพาราเซลซัส “.....มันเป็นเช่นที่คุณพูด”
“เรียกมันออกมา”
หลังจากที่พาราเซลซัสพูด ธีโอดอร์ก็ได้กระซิบชื่อ “มิตรา”
ไม่จำเป็นต้องพูดเสียงดังหรือใช้เวทมนต์ นี่ไม่ใช่โลกวัตถุแต่เป็นโลกแห่งวิญญาณ มิตราได้เชื่อมต่อกับวิญญาณของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพาเธอเขามาที่นี่ได้ตลอดเวลา แสงได้สว่างวาบและเด็กหญิงตัวเล็กก็ได้ปรากฏบนฝ่ามือของธีโอดอร์
[ฮู้...ดีโอ้?]สาวน้อยผู้น่ารักที่มีตาดอกไม้(บานเป็นดอกไม้แล้ว)อยู่บนหัวของเธอมองมาที่ธีโอดอร์
อย่างไรก็ตาม พาราเซลซัสกลับมีปฏิกิริยาต่อเธออย่างรุนแรง “ดีมิเตอร์?!”
มันเป็นอีกชื่อหนึ่งของดิมิตรา ต้นแบบของมิตรา
“คุณรู้จักเธอ?”
“มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่รู้!เทพแห่งโอลิมปัสและเกี่ยวของกับเฮอร์มีส! พระแม่แห่งธรณี ผู้สูงส่ง ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้พบกับท่านในสภาพนี้…”พาราเซลซัสพูดขึ้นด้วยความตื่นต้นก่อนที่เสียงของเขาจะจมลง จากนั้นเขาก็มองไปยังมิตราด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง
ธีโอดอร์ได้ยินมาว่าเธอเคยเป็นถึงเทพโบราณในอดีตกาล เช่นเดยวกัน พาราเซลซัสนั้นจำเธอได้และโศรกเศร้า หลังจากที่รออย่างเงียบๆจนกระทั่งพาราเซลซัสได้สงบลง ธีโอดอร์ก็ได้ถามคำถามเกี่ยวกับมิตรา มันเกี่ยวกับตาไม้ที่ผลิดอกบนหัวของเธอ
“เมล็กพันธ์ของต้นไม้โลก?”
“ครับ ถูกต้อง”
“เมล็ดได้เพาะตัวขึ้นและสร้างตาไม้...”
เป็นเพราะเขาเอาชนะความเศร้าโศกของเขาได้หรืออาจจะเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเขาในฐานะนักวิจัย พาราเซลซัสได้สังเกตมิตราจากทุกมุม เศษเสี้ยวของพระแม่แห่งธรณี เมล็ดพันธ์ของต้นไม้โลก และระบบนิเวศของจิตวิญญาณธาตุโบราณ....
ทั้งสามสิ่งนั้นยากที่จะกำหนดได้ แม้กระทั่งจอมเวทย์ที่ดีที่สุด แต่ทว่า พาราเซลซัสกลับเปิดปากของเขาขึ้นหลังจากผ่านไปไม่นาน เขาได้สงบสติลงและตอบคำถามเกี่ยวกับสภาพของมิตรา “อำนาจของเหล่าเทพนั้นได้แบ่งแยกกัน”
“แบ่งแยก?”
“เหตุผลที่ว่าทำไมเธอจึงเป็นพระแม่แห่งธรณีนั้นเรียบง่าย เธอถือครองอำนาจแห่งผืนดิน เทพแห่งผืนป่า เทพศิลา และอื่นๆ....พวกเขาทั้งหมดต่างอยู่ภายใต้พระแม่แห่งธรณี มีเพียงเทพเจ้าแห่งท้องทะเลหรือท้องฟ้าเท่านั้นที่อยู่เหนือเธอ”พาราเซลซัสได้อธิบาย จากนั้นเขาก็จับไปบนตาไม้บนหัวมิตราและพูดต่อ “กล่าวอีกนัยหนึ่ง โลกวัตถุได้ถูกแบ่งออกโดยสามเทพเจ้า ร่างเล็กๆนี้จะสามารถทนทานต่ออำนาจแห่งเทพเจ้าได้หรือไม่?จิตวิญญาณธาตุโบราณที่ไม่ใช่เทพเจ้าโดยสมบูรณ์แต่มีเพียงเศษเสี้ยว?”
“…เป็นไปไม่ได้”
“อำนาจที่มากเกินไปจะทำลายเจ้าของ มันเหมือนกับจิตวิญญาณธาตุโบราณตนนี้ พลังแห่งเทพเจ้าจะทำลายร่างกายและจิตใจของเธอ ดังนั้น จิตวิญญาณธาตุโบราณตนนี้จึงหาวิธีที่จะแบ่งแยกพลังเทพ”
เพื่อที่จะดำรงอยู่ในฐานะมิตรา แทนที่จะเป็นพระแม่แห่งธรณี ดิมิตรา เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกจึงแตกหน่ออำนาจเทพในทิศทางที่แตกต่างกัน ในตอนท้ายของการอธิบาย ธีโอดอร์ได้มองไปยังมิตรา
เธอจ้องมองเขาด้วยดวงตาไร้เดียงสา โดยไม่ตระหนักถึงสิ่งที่ธีโอดอร์และพาราเซลซัสกำลังพูดอยู่
จากนั้น พาราเซลซัสก็ได้ยุติเรื่องนี้ “จิตวิญญาณธาตุโบราณสามารถที่จะเปลี่ยนลักษณะของพวกเขาได้ตามการเติบโตของผู้ทำสัญญา เนื่องจากเจ้าได้มาถึงวงกลมที่7แล้ว เธอก็จะแยกตัวออกจากพลังเทพแห่งผืนดินและก่อเกิดพลังเทพอื่นขึ้น”
“งั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับมิตรา?”ธีโอดอร์ถาม
พาราเซลซัสได้ตอบกลับว่า “คำตอบนั้นเป็นสิ่งที่เธอจะไม่ได้รับไปจากฉัน”
จากนั้น นักเล่นแร่แปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่ พาราเซลซัส ก็ได้ประกาศ เมื่อเจ้าก้าวข้ามจากความเป็นมนุษย์แล้ว จงไปยังต้นไม้โลกอีกครั้ง ตอนนั้น คำตอบจะรอคอยเจ้าอยู่!”