ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 51 ลองดูว่าเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 53 หัวหน้าชั้น (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 52 ท่านไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับคำอธิบายของข้า (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 52 ท่านไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับคำอธิบายของข้า 

แปลโดย iPAT 

ในห้องเรียน ทุกคนกำลังมองฟางหยวน

ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตกใจ หวาดกลัว เย้ยหยัน และเย็นชา

ฟางหยวนไม่สนใจเด็กเหล่านั้น เขามองอาจารย์อาวุโสก่อนจะชี้นิ้วไปที่ยาม “เขาบุกเข้ามาในห้องของข้าขณะที่ข้าอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการยกระดับการบ่มเพาะขึ้นสู่ขั้นกลาง ระหว่างการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ ไม่สามารถถูกรบกวน โดยเฉพาะเมื่อคนผู้หนึ่งกำลังทะลวงระดับ ความกังวลเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดความล้มเหลว นอกจากนั้นทะเลวิญญาณก็จะได้รับความเสียหาย ต้องขอบคุณโชคของข้า เพราะในจังหวะที่พวกเขาเร่งรีบบุกเข้ามา ข้าได้ก้าวเข้าสู่ขั้นกลางเรียบร้อยแล้ว”

“อย่างไรก็ตาม...” ฟางหยวนกล่าวต่อก่อนที่ทุกคนจะสามารถตอบสนอง “ทั้งสองไม่ยอมรับความผิดของตน นอกจากนั้นพวกเขายังไม่สุภาพต่อข้า พวกเขากระทั่งสร้างความขุ่นเคืองให้ข้าด้วยการดูหมิ่นบรรพบุรุษของตระกูลแสงจันทร์และกล่าวว่าการบ่มเพาะของข้าเป็นเรื่องไร้สาระ พวกเขาบอกอีกว่ามันเป็นการตัดสินใจของอาจารย์อาวุโส แต่ข้าไม่เชื่อว่าท่านอาจารย์จะให้พวกเขามาขัดจังหวะการบ่มเพาะของข้า ดังนั้นข้าจึงต่อต้านขัดขืน แต่พวกเขาต่างเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่ง ข้าต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบาก่อนที่จะสามารถเอาชนะพวกเขามาได้”

“แต่เห็นว่าพวกเขาเป็นคนของสถานศึกษา ข้าจึงไม่ได้สังหารพวกเขาทันที ข้าเพียง...ตัดแขนและขาของพวกเขาออกมา แม้พวกเขาจะเสียเลือดค่อนข้างมาก แต่พวกเขาก็ยังไม่ตาย นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการรายงาน ท่านอาจารย์โปรดมอบความยุติธรรมให้ข้าด้วย!” ฟางหยวนกล่าวตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดสามารถขัดจังหวะ

หลังจากชั่วครู่ ผู้คนจึงเริ่มตอบสนองได้อย่างช้าๆ

“อะ...อันใด? ฟางหยวนกล่าวสิ่งใดออกมา ข้าไม่เข้าใจ”

“ข้าคิดว่าเขาก้าวเข้าสู่ขั้นกลางแล้ว”

“เขามีพรสวรรค์นภาที่สามแต่เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นกลางได้แล้วงั้นหรือ?”

“เขาโกหก เขาต้องโกหกอย่างแน่นอน เขาเกรงว่าจะถูกลงโทษถึงได้โกหกเช่นนี้”

เด็กหนุ่มสาวเริ่มพูดคุยเสียงดัง

เมื่อความก้าวหน้าของฟางหยวนถูกกล่าวถึง ชีวิตของยามทั้งสองจึงกลายเป็นไม่สำคัญ พวกเขาไม่ใช่คนตะกูลแสงจันทร์ ไม่มีผู้ใดสนใจว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย

“เจ้าบอกว่าเจ้าก้าวเข้าสู่ขั้นกลางแล้วงั้นหรือ?” อาจารย์อาวุโสถามเสียงเย็นและแสดงท่าทีไม่ยอมรับ “ฟางหยวน นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากเจ้ายอมรับความผิดตอนนี้ ข้าจะถือว่ามันเป็นการกระทำความผิดครั้งแรกของเจ้าและลดโทษให้เจ้ากึ่งหนึ่ง แต่หากเจ้าโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอยู่ต่อไป ข้าบอกได้เลยว่าบทลงโทษของมันจะไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด”

ฟางหยวนไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมแต่หัวเราะเบาๆ “ท่านอาจารย์เชิญตรวจสอบ”

แม้ฟางหยวนจะไม่กล่าว แต่อาจารย์อาวุโสก็เดินตรงเข้าไปหาเขาเรียบร้อยแล้ว

เวลานี้ภายในทะเลวิญญาณของฟางหยวนปราศจากวิญญาณใดๆ

วิญญาณกาลเวลาซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิด วิญญาณระดับหกไม่ใช่บางสิ่งที่ผู้ใช้วิญญาณระดับสามเช่นอาจารย์อาวุโสจะสามารถตวรจพบ

สำหรับวิญญาณสุรา ฟางหนวนเก็บมันไว้ในไหสุราที่หอพัก

เมื่ออาจารย์อาวุโสปิดเปลือกตาลงและตรวจสอบทะเลวิญญาณของฟางหยวน เขาพบกับทะเลสีครามประกายทองแดงที่บริสุทธิ์และสงบนิ่ง

มวลน้ำในทะเลวิญญาณเป็นสีครามที่เข้มข้นซึ่งบ่งบอกว่ามันเป็นพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง

กำแพงที่โอลบอุ้มทะเลวิญญาณเอาไว้ก็เป็นกำแพงวารีสีครามที่เรืองแสงสีขาวนวลออกมาอย่างแผ่วเบา

กำแพงวารี!

‘เขาก้าวเข้าสู่ขั้นกลางอย่างสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ นี่เป็นไปได้อย่างไร?’ อาจารย์อาวุโสกรีดร้องอยู่ในใจด้วยความตื่นตะลึงจนแทบไม่สามารถรักษาความสงบ แต่เขายังพยายามสะกดข่มอารมณ์ของตนเองอย่างยากลำบาก

ครู่ต่อมาเขาค่อยๆดึงมือที่วางไว้บนไหล่ของฟางหยวนกลับไปก่อนจะกล่าวออกมาอย่างช้าๆและกล่าวเบาๆ “มันคือระดับหนึ่งขั้นกลาง”

คำพูดไม่กี่คำของอาจารย์อาวุโสทำให้ความโกลาหลปะทุขึ้นทันที เด็กหนุ่มสาวทั้งหมดรู้สึกสับสนและตกใจมาก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถามและความไม่อยากจะเชื่อ

ฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่เขากลับเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นกลาง นี่เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือสามัญสำนึกของทุกคนอย่างแท้จริง

บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้พวกเขาสามารถทะลวงสู่ระดับสูงขึ้นไปคือพรสวรรค์ แต่บางคนที่มีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามกลับมีความก้าวหน้ามากที่สุด แล้วผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่สองและพรสวรรค์นภาที่หนึ่งจะรู้สึกอย่างไร?

“นี่...” ใบหน้าของฟางเจิ้งกลายเป็นซีดเผือด คืนที่ผ่านมาเขายังรู้สึกมั่นใจว่าตนเองจะสามารถบรรลุขั้นกลางได้เป็นคนแรก แต่ความจริงที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาตอนนี้กลับทำลายความมั่นใจของเขาลงอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงก่อนจะล้มลงบนพื้นอย่างไม่สามารถควบคุม

โม่เป่ยกำหมัดแน่นขณะที่ซื่อเฉินกัดฟันด้วยความเกลียดชัง

อาจารย์อาวุโสไม่ใช่บุคคลที่จะกล่าวคำเท็จ แต่ฟางหยวนทำได้อย่างไร?

ทุกคนมองฟางหยวนด้วยคำถามที่ดังก้องอยู่ในหัวใจ พรสวรรค์นภาที่สามทำเรืองนี้ได้อย่างไร?

กระทั่งหัวใจของอาจารย์อาวุโสก็เต็มไปด้วยความสงสัย

ภายใต้ความสงสัยใคร่รู้ อาจารย์อาวุโสจึงต้องเปิดปากถาม “ฟางหยวน ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ เจ้าก้าวเข้าสู่ขั้นกลางได้อย่างไร?”

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ในใจก่อนจะเปิดปากตอบ “สวรรค์ตอบแทนการทำงานหนักของข้าและทำให้ข้าบ่มเพาะได้อย่างราบรื่น”

“โกหก!”

“ถุย! หากสวรรค์ตอบแทนการทำงานหนัก เช่นนั้นข้าคงได้ที่หนึ่งไปนานแล้ว!”

“ขยันเรียนและฝึกฝนงั้นหรือ? ข้ายังเห็นเขาออกไปเดินเล่นที่ลานแสดงสินค้าเมื่อหลายวันก่อน”

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มเด็กหนุ่มสาวไม่พอใจกับคำอธิบายดังกล่าวของฟางหยวน

“เป็นเช่นนั้นงั้นหรือ?” อาจารย์อาวุโสกล่าวออกมาอย่างช้าๆและมองฟางหยวนด้วยสายตากดดัน

การแสดงออกของฟางหยวนไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขากระทั่งมองกลับเข้าไปในดวงตาของอาจารย์อาวุโสอย่างไม่มีความเกรงกลัว

ด้วยร่างกายที่อาบย้อมไปด้วยเลือด ดวงตาคู่สีดำที่ไม่แยแสและกระทั่งแฝงไว้ด้วยความขบขันเล็กน้อย ทั้งหมดทำให้หัวใจของอาจารย์อาวุโสสั่นสะท้านขึ้นทันที

‘ฟางหยวนผู้นี้ไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาไม่กลัวว่าจะถูกสอบสวน ด้วยพรสวรรค์นภาที่สามแต่กลับเป็นคนแรกที่สามารถยกระดับ เรื่องนี้ต้องเบื้องหลังที่เขาไม่ต้องการเปิดเผย ในฐานะอาจารย์ ข้าไม่สามารถบังคับให้เขาพูดออกมา ข้าทำได้เพียงพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวเท่านั้น’

เมื่อคิดได้เช่นนี้อาจารย์อาวุโสจึงเปลี่ยนท่าทีให้อ่อนลง

แต่ฟางหยวนยังไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ “ศิษย์ของท่านถูกทำให้หวาดกลัว ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์ที่เคารพจะทำอย่างไรกับยามสองคนนี้ พวกเขาเสียเลือดไปมาก ในไม่ช้าพวกเขาจะตายจริงๆ”

‘หวาดกลัวงั้นหรือ? เจ้าน่ะหรือหวาดกลัว?’ อาจารย์อาวุโสโต้แย้งอยู่ในใจ

อย่างไรก็ตามในฐานะอาจารย์อาวุโสที่ดูแลสถานศึกษาแห่งนี้ เขาต้องจัดการปัญหานี้อย่างเหมาะสม

‘แต่ข้าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?’ อาจารย์อาวุโสรู้สึกลำบากใจ

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ภายในเมื่อเห็นการแสดงออกของอาจารย์อาวุโส

ยามทั้งสองเป็นคนนอก ชีวิตของพวกเขามีค่าน้อยกว่าต้นหญ้าริมทาง ในช่วงเวลาปกติไม่มีผู้ใดสนใจความเป็นตายของพวกเขา

แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป ยามทั้งสองออกไปทำงานให้อาจารย์อาวุโส หากพวกเขาเสียชีวิต อาจารย์อาวุโสจะสูญเสียชื่อเสียง

ดังนั้นยามทั้งสองจึงไม่สามารถตายในเวลานี้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้อาจารย์อาวุโสรู้สึกลำบากใจก็คือการตัดสินฟางหยวน

หากฟางหยวนหนีเรียนและสังหารยาม อาจารย์อาวุโสสามารถโยนฟางหยวนเข้าคุกของตระกูล แต่เมื่อพิจารณาถึงความก้าวหน้าของฟางหยวน มันกลายเป็นว่ายามทั้งสองไปรบกวนการบ่มเพาะของเขา สถานการณ์ถูกพลิกคว่ำอย่างสมบูรณ์

นอกจากนั้นสิ่งสำคัญอีกประเด็นก็คือฟางหยวนประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นกลางเป็นคนแรกของชั้นเรียน นี่อนุญาตให้เขายืนอยู่ในฝั่งที่ได้เปรียบ

ผู้ชนะคือความถูกต้อง นี่คือกฎของโลกใบนี้ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธและอาจารย์อาวุโสก็ไม่สามารถลงโทษศิษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้

สถานศึกษาคือสิ่งใด? มันคือสถานที่บ่มเพาะผู้ใช้วิญญาณที่โดดเด่นและส่งสายเลือดใหม่เข้าสู่ตระกูล

เมื่อศิษย์ที่โดดเด่นปรากฏตัวขึ้น ในฐานะอาจารย์อาวุโส เขายังจะสามารถสร้างปัญหาและละเลยหน้าที่ได้อีกหรือ?

เมื่อเด็กมีผลการเรียนที่ดี อาจารย์ก็ต้องยกย่องให้กำลังใจ ไม่ใช่ลงโทษ

บางคนอาจต้องการสร้างปัญหาให้กับฟางหยวนเพราะเกรงกลัวต่อความเป็นไปได้ในอนาคตของเขาหรืออาจมีความคับข้องใจใบางอย่าง แต่ในฐานะอาจารย์อาวุโสของสถานศึกษา เขาไม่สามารถทำเช่นนั้น

เขาเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของสถานศึกษา เขาจะต้องเป็นกลางต่อทุกคน อย่างน้อยก็ในที่สาธารณะ!

เพราะนี่คือกฎ!

‘ข้าควรจะปล่อยเขาไปงั้นหรือ? แต่มันไม่ง่ายที่จะหาจุดอ่อนของเขา’ อาจารย์อาวุโสรู้สึกไม่พอใจ แม้ศิษย์ทั้งหมดจะมองเหตุการณ์นี้อยู่ แต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วอาจารย์อาวุโสกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่กับฟางหยวน

เดิมทีอาจารย์อาวุโสต้องการใช้กฎเพื่อลงโทษฟางหยวนและสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามให้กับตนเอง

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับโต้ตอบอย่างรุนแรง แม้การกระทำของฟางหยวนอาจดูเหมือนหุนหันพลันแล่น แต่มันกลับโจมตีไปที่จุดตาย ด้วยความก้าวหน้าของเขา เขาสามารถเอาชนะทุกสิ่ง

ยามทั้งสองเป็นเพียงเหยื่อที่โชคร้าย พวกเขาเป็นเพียงตัวหมากเบี้ยที่ถูกเขี่ยทิ้งด้วยการต่อสู้ระหว่างสติปัญญา

‘เด็กฟางหยวนผู้นี้ฉลาดจริงๆ หากเขาสังหารยามทั้งสองให้ตกตายทันที ข้ายังสามารถตอบโต้ มันยากที่จะเชื่อว่าเขาอายุเพียงสิบห้า ไม่แปลกใจเลยที่มีข่าวลือว่าเขามีสติปัญญาสูงส่งมาตั้งแต่กำเนิด’ อาจารย์อาวุโสตระหนักได้ในที่สุดว่าเขาแพ้แล้ว

ความพ่ายแพ้ของเขาเป็นเพราะสถานะของเขาในสถานศึกษา

มันเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดีและมันก็ทำให้เขาได้รับชัยชนะในครั้งนี้

อาจารย์อาวุโสรู้สึกหงุดหงิดและหมดหนทาง

คำอธิบายของฟางหยวนเต็มไปด้วยช่องโหว่ที่สามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย ยามทั้งสองถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันโดยตัวอาจารย์อาวุโสเอง แล้วพวกเขาจะโง่พอที่จะตำหนิบรรพบุรุษของตระกูลแสงจันทร์ได้อย่างไร?

ชัดเจนว่าคำกล่าวของฟางหยวนเป็นเพียงข้ออ้างและเป็นกับดักที่ถูกวางไว้เบื้องหน้าคู่ต่อสู้

อย่างไรก็ตามอาจารย์อาวุโสไม่สามารถก้าวไปไปข้างหน้าได้อีก เขาไม่โง่พอที่จะก้าวเท้าเข้าไปในกับดักที่ฟางหยวนวางเอาไว้อย่างโจ่งแจ้ง

นี่เป็นกับดักที่เห็นได้อย่างชัดเจน แต่เขาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?

หากเขาไม่ลงโทษฟางหยวน ยามที่น่าสงสารทั้งสองจะได้รับความอับอาย ในฐานะอาจารย์อาวุโส หากเขาไม่ตัดสินอย่างยุติธรรม แล้วผู้ใดจะเชื่อถือเขา?

หากเขาลงโทษฟางหยวน มันจะเป็นการหยุดยั้งผู้เยาว์ที่โดดเด่น การหยุดยั้งทายาทที่โดดเด่นของตระกูลเพื่อคนรับใช้ไร้ค่าสองคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูล เหตุการณ์นี้จะสร้างความไม่พอใจให้แก่ตัวตนระดับสูงของตระกูลช

ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใด เขี่ยยามทั้งสองทิ้ง โยนความผิดให้พวกเขาและยกย่องฟางหยวน

ด้วยแนวทางนี้ตัวตนระดับสูงของตระกูลจะพึงพอใจ สำหรับคนอื่นๆ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความจริง พวกเขาจะคิดเพียงว่ามันยุติธรรมดีแล้ว

หากอาจารย์อาวุโสรับมือสถานการณ์ในลักษณะนี้ มันจะส่งผลดีแก่ตัวเขาเอง

นี่เป็นตรรกะที่สมเหตุสมผลและควรจะเป็น อย่างไรก็ตามหัวใจของอาจารย์อาวุโสกลับไม่สามารถสงบลงได้

ฟางหยวนผู้นี้เจ้าเล่ห์เกินไป!

อาจารย์อาวุโสไม่เพียงล้มเหลวในการปราบปรามฟางหยวน แต่ตัวเขาเองยังกลายเป็นหินรองเท้าให้ฟางหยวนก้าวขึ้นไปเฉิดฉายอยู่ท่ามกลางแสงไฟต่อหน้าผู้คน

ฟางหยวนไม่ได้แสดงความเคารพต่อเขามากนักและยังกล้าต่อต้านเขาในที่สาธารณะ นี่ทำให้อาจารย์อาวุโสรู้สึกอับอายและไม่พอใจ

ประเด็นก็คือหากยามทั้งสองต้องการเรียกร้องความยุติธรรมและเปิดเผยความจริง ในฐานะอาจารย์อาวุโสผู้รับผิดชอบสถานศึกษา เขาต้องเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปปราบปรามพวกเขาเพื่อรักษาหน้าตาและตำแหน่งของตนเองเอาไว้

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะฟางหยวน!

แล้วจะให้เขารู้สึกอย่างไร?

นี่เหมือนกับฟางหยวนอึรดใบหน้าของอาจารย์อาวุโส แต่อาจารย์อาวุโสยังต้องชื่นชมสรรเสริญเขา ในเวลาเดียวกัอาจารย์อาวุโสก็ยังต้องล้างตูดให้เขาอีกด้วย สุดท้ายหากบางคนต้องการชี้หน้าเขาและหัวเราะเยาะที่มีอึติดอยู่บนใบหน้า เขาก็ต้องปิดปากคนผู้นั่นทันที

มันเป็นความรู้สึกคับข้องใจที่แทบจะไม่สามารถแบกรับสำหรับอาจารย์อาวุโส

อาจารย์อาวุโสอยากตบสั่งสอนฟางหยวน แต่ภายนอกเขาต้องยกมือขึ้นวางบนไหล่ของฟางหยวนและกล่าว “เด็กดี”

ใบหน้าของอาจารย์อาวุโสมืดครึ้มแต่ปากของเขากลับกล่าวสิ่งตรงข้าม

“ทั้งหมดเป็นเพราะท่านอาจารย์ที่เมตตาสั่นสอน” ฟางหยวนตอบกลับอย่างเรียบๆ

แต่มุมปากของอาจารย์อาวุโสกลับกระตุกขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง