เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 47 แท้จริงแล้วข้าไม่ต้องการฆ่าเจ้า (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 47 แท้จริงแล้วข้าไม่ต้องการฆ่าเจ้า
แปลโดย iPAT
ฝนตกลงมาอย่างหนัก
เมฆสีเทาปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด
“เปรี้ยง!”
สายฟ้าพุ่งลงมาราวกับอสรพิษสีเงินก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ฤดูร้อนกำลังใกล้เข้ามาขณะที่พายุฝนหลงฤดูพัดผ่าน
ภายในหมู่บ้าน ผู้คนต่างรองน้ำฝนเอาไว้ดื่มกินจนเต็มโอ่งขณะที่ขบวนสินค้าเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
“ฝนตกหนัก ระวังให้ดี”
“ผู้ใช้วิญญาณดูแลวิญญาณของพวกเจ้าให้ดี โดยเฉพาะเจ้าหนอนอ้วน อย่าให้มันปิดกั้นเส้นทาง”
“กลุ่มนักสู้มนุษย์ เฝ้าระวังให้ดี หากมีสิ่งใดเสียหาย พวกเจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
เสียงตะโกนดังขึ้นท่ามกลางขบวนสินค้า
หลังจากหยุดอยู่ที่หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลเป็นเวลาสามวัน ขบวนสินค้าก็ออกเดินทางอีกครั้งโดยมีจุดหมายอยู่ที่หมู่บ้านถัดไปบนภูเขาชิงเหมา
ฝนชะล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนเส้นทางหินภายในหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามเส้นทางบนภูเขากลับเต็มไปด้วยโคลนและแอ่งน้ำ
ศีรษะของนกกระจอกเทศตัวผู้ห้อยลงมาขณะที่ขนสีรุ้งของมันจับตัวเป็นก้อนราวกับไก่ตัวโตที่พึ่งตกลงไปในบ่อน้ำ
หนอนยักษ์ที่มีร่างกายเต็มไปด้วยไขมันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
ขนสีเขียวของแมงมุมยักษ์กลายเป็นเปียกชุ่มและเกาะติดกันเป็นก้อน
อสรพิษที่มีปีกหุบปีกของมันและเลื้อยคลานไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลน
ในทางตรงข้ามฝูงคางคกต่างมีความสุขและรู้สึกสะดวกสบายกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา
เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหาย ผู้ใช้วิญญาณต่างแสดงความสามารถของตนเองออกมาในช่วงเวลานี้
ยืนอยู่บนหลังหนอนยักษ์ตัวโต ผู้ใช้วิญญาณยกมือขึ้นพร้อมกับหนอนทองคำขาวตัวน้อยที่อยู่บนฝ่ามือ ด้วยการส่งพลังวิญญาณให้กับหนอนทองคำขาว มันลอยขึ้นสู่อากาศก่อนจะปลดปล่อยปราการแสงที่เหมือนฟองสบู่สีทองขาวคลอบคลุมหนอนยักษ์ตัวโตเอาไว้ทั้งหมด
เมื่อน้ำฝนหยดลงบนฟองสบู่ พวกมันจะไหลออกไปด้านข้าง อย่างไรก็ตามวิธีการนี้จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณในการทำงานตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป
ดังคาด หลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เสียงตะโกนของผู้ใช้วิญญาณก็ดังขึ้น “พลังวิญญาณของข้าหมดแล้ว ผู้ใดสามารถเข้ามาแทนที่ข้าบ้าง?”
“ข้า!” ผู้ใช้วิญญาณอีกคนรีบวิ่งเข้าไปประจำตำแหน่งก่อนกระตุ้นใช้วิญญาณของพวกเขา
ผู้ใช้วิญญาณบางส่วนที่ขี่อยู่บนแผ่นหลังของสัตว์ตัวอื่นๆ บางคนก็ใช้วิญญาณไหมเขียวห่มคลุมร่างกายของตนเองและพาหนะของพวกเขาเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำฝน
เมื่อวิญญาณไหมเขียวได้รับพลังวิญญาณจากผู้ใช้วิญญาณ มันจะส่งเส้นไหมสีเขียวออกมาและถักทอเป็นเสื้อกันฝน วิธีการนี้ต้องใช้พลังวิญญาณสามในสิบส่วนของผู้ใช้วิญญาณเพื่อกระตุ้นการทำงานของมัน แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องส่งพลังวิญญาณให้มันตลอดเวลาเหมือนวิญญาณหนอนทองคำขาว
วิญญาณไหมเขียวสามารถใช้งานร่วามกับวิญญาณหมูดำเพื่อให้มันกลายเป็นวิญญาณไหมดำระดับสอง
วิญญาณไหมดำจะส่งผลกระทบต่อเส้นขนทุกเส้นบนร่างกายมนุษย์และทำให้มันกลายเป็นเกราะป้องกันสีดำที่แข็งแกร่ง
มันยังสามารถพัฒนาไปสู่วิญญาณไหมเหล็กซึ่งเป็นวิญญาณที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้วิญญาณ
นอกจากวิญญาณไหมเขียวและวิญญาณหนอนทองคำขาว ผู้ใช้วิญญาณบางส่วนในขบวนสินค้ายังเลือกใช้วิญญาณแมงมุมน้ำที่สามารถสร้างชั้นแสงสีฟ้าขึ้นมาปกคลุมร่างกายของพวกมัน เมื่อน้ำฝนปะทะกับชั้นแสงสีฟ้า น้ำฝนเหล่านั้นจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับชั้นแสงสีฟ้า
อย่างไรก็ตามเมื่อชั้นแสงสีฟ้าของมันอุ้มน้ำเอาไว้มากเกินไป ผู้ใช้วิญญาณต้องใช้พลังวิญญาณเพื่อกระตุ้นให้แมงมุมน้ำปล่อยน้ำฝนที่กักเก็บเอาไว้ออกไปก่อนจะใช้มันอีกครั้ง
สำหรับมนุษย์ธรรมดา พวกเขาทำได้เพียงเดินอยู่บนโคลนโดยสวมชุดฟางเป็นเสื้อกันฝนเท่านั้น
‘สภาพอากาศบัดซบนัก!’ มนุษย์ธรรมดาสาปแช่งอยู่ภายในใจ
ในสภาพอากาศปกติ การเดินทางบนเส้นทางภูเขาก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอยู่แล้ว เมื่อฝนตกลงมา มันยิ่งสร้างความปวดหัวให้กับมนุษย์เหล่านี้มากขึ้น ไม่ว่าร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่สามารถเจ็บป่วย หากโชคไม่ดีป่วยเป็นโรคร้ายแรง พวกเขาอาจถูกทิ้งไว้กลางทาง
หากเคราะห์ร้ายพบเจอสัตว์อสูร พวกเขาอาจตกตายได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามนอกจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ มันยังมีภัยคุกคามจากมนุษย์อีกด้วย ระหว่างทางพวกเขาอาจพบโจรได้ตลอดเวลา
“พวกเราจะกลับมาในปีหน้า!” ผู้ใช้วิญญาณที่นั่งอยู่บนแผ่นหลังหนอนยักษ์ส่งเสียงตะโกนอำลาชาวบ้าน
ที่ทางเข้าออกหมู่บ้าน ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อส่งขบวนสินค้าออกเดินทาง
“พวกท่านต้องกลับมาอีกในปีหน้า” เด็กน้อยตะโกนอย่างไม่เต็มใจให้พวกเขาจากไป
สำหรับผู้ใหญ่ พวกเขามีการแสดงออกที่ซับซ้อนกว่า
“การเดินทางไม่สามารถคาดเดา ผู้ใดบ้างที่จะสามารถกลับมาที่นี่ได้อีกในปีหน้า จะมีใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้งมากน้อยเท่าใด?”
“ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าในขบวนสินค้าหรือพ่อค้าในหมู่บ้าน การทำงานหารายได้เพื่อยังชีพของแต่ละคนล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลังจากขบวนสินค้าเคลื่อนที่ห่างออกไป ชาวบ้านก็แยกย้ายกันกลับไปทำงานของตน
บรรยากาศที่เคยครึกครื้นกลายเป็นเงียบสงบ พื้นหญ้าที่ถูกเหยียบย่ำอย่างต่อเนื่องกลายเป็นหลุมโคลน เศษขยะจำนวนมากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ฟางหยวนยืนอยู่บนเนินเขาขณะที่เฝ้ามองขบวนสินค้าเคลื่อนที่ห่างออกไป
“สวรรค์โปรดอวยพรพวกเขา...” ฟางหยวนถอนหายใจเบาๆ
เขาถือร่มกระดาษที่เรียบง่ายยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนด้วยชุดผ้าลินิน ขณะที่คนอื่นๆสาปแช่งสายฝน แต่ฟางหยวนกลับรู้สึกขอบคุณสวรรค์อยู่อย่างเงียบๆ
เขาสังหารเจียชิงเฉิงในคืนก่อนหน้าอย่างกะทันหัน แม้เขาจะเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว แต่กลิ่นคาวเลือดยังลอยอบอวลอยู่ในถ้ำ อย่างไรก็ตามด้วยสายฝนที่เทลงมาอย่างบ้าคลั่ง มันกลับช่วยชะล้างกลิ่นคาวเลือดเหล่านั้นให้เจือจางลงและยากที่จะถูกค้นพบในระยะเวลาสั้นๆ
แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปมีโอกาสที่บางคนจะค้นพบบางสิ่ง
บนโลกใบนี้มีวิญญาณทุกชนิด วิญญาณหลายชนิดสามารถสืบค้นสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย
ขบวนสินค้าจะจากไปแล้วแต่ใบหน้าของฟางหยวนยังเคร่งเครียด
‘แม้ระดับการบ่มเพาะของเจียชิงเฉิงจะต่ำต้อยและมีพรสวรรค์เพียงน้อยนิด แต่เขากลับมีสถานะพิเศษ ตอนนี้ผู้คนในขบวนสินค้ากำลังยุ่งอยู่กับการเดินทาง พวกเขาจึงไม่ตระหนักถึงการหายตัวไปของบางคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องนี้จะถูกค้นพบและเจียฟู่จะกลับมาสืบหาความจริง’
‘ผู้นำตระกูลเจียอนุญาตให้เจียชิงเฉิงอยู่กับเจียฟู่ในขบวนสินค้า เขาย่อมมีเจตนาแอบแฝงบางอย่าง ในแง่ของการบ่มเพาะ ตระกูลของพวกเขาค่อนข้างดี ในด้านความฉลาดแกมโกง ถือว่าหาตัวจับยาก การวางตัวเจียชิงเฉิงไว้ในขบวนสินค้าของเจียฟู่จะทำให้เจียชิงเฉิงเผชิญหน้ากับความจริงและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นการทดสอบเจียฟู่ หากเขาไม่สามารถดูแลเจียชิงเฉิง แล้วเขาจะเป็นผู้นำตระกูลในอนาคตได้อย่างไร?’
“เจียชิงเฉิงไม่เข้าใจความคิดที่แท้จริงของผู้เป็นบิดา แม้เขาจะมีความฉลาดเฉลียวบางอย่าง แต่ความโลภกลับปิดบังดวงตาของเขา น่าเสียดาย แท้จริงแล้วเขาเป็นตัวหมากเบี้ยชั้นดีทีเดียว”
ด้วยข้อพิพาทในคืนนั้น มันทำให้ฟางหยวนเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเจียฟู่และเจียชิงเฉิง มันยังทำให้เขาสามารถคิดแผนการบางอย่าง ในแผนเดิมของเขา เจียชิงเฉิงถือเป็นตัวหมากเบี้ยที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำมากแต่เขากลับมีตำแหน่งใหญ่โตในขบวนสินค้า นอกจากนั้นเขายังอ่อนประสบการณ์ทำให้ฟางหยวนสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย
หากมันเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ กระโจมโชคลาภของเจียชิงเฉิงจะสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับฟางหยวน
ประการแรก เขาสามารถสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งผ่านความสัมพันธ์กับเจียชิงเฉิง
ประการที่สอง ฟางหยวนสามารถซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังและใช้เจียชิงเฉิงเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งระหว่างสามตระกูลใหญ่บนภูเขาชิงเหมา เมื่อสงครามปะทุขึ้น เขาจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมาย
ประการที่สาม ฟางหยวนจะสามารถก้าวเข้าสู่ตระกูลเจียโดยการนำพาของเจียชิงเฉิง การต่อสู้ภายในของตระกูลเจียจะนำผลประโยชน์ครั้งใหญ่มาสู่เขา
‘ระดับการบ่มเพาะของข้าต่ำเกินไป ขณะที่มีอุปสรรคมากมาย หากมีตัวหมากเบี้ยชั้นดีเช่นเจียชิงเฉิง ข้าสามารถทำบางสิ่งโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว มันยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับข้าอีกด้วย หากมีบางสิ่งผิดพลาด ข้าก็สามารถโยนตัวหมากเบี้ยทิ้งไป จากนั้นข้าก็จะปลอดภัย’
‘ผู้คนในตระกูลค่อนข้างมีความภักดี มันยากที่จะควบคุม มีเพียงคนนอกเช่นเจียชิงเฉิงเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแผนการของข้า น่าเสียดายที่ข้าคาดไม่ถึงว่านักบวชปีศาจสุราดอกไม้จะทิ้งมรดกไว้ในลักษณะนี้’
นักบวชปีศาจสุราดอกไม้เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ดังนั้นการเป็นผู้สืบทอดของเขาจึงมีคุณค่ามาก
แน่นอนว่ามันจะดีที่สุดหากเขาได้รับประโยชน์จากทั้งสองทาง แต่ในเวลานั้นเจียชิงเฉิงไม่อยู่ในการควบคุมของเขาอีกต่อไป ดังนั้นเจียชิงเฉิงจึงต้องตาย
‘ไม่มีถนนที่ปูด้วยดอกไม้ตลอดเส้นทาง ไม่มีสิ่งใดราบรื่นตลอดไป’ ฟางหยวนถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ
มรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ขัดขวางแผนการเดิมของฟางหยวน นอกจากนั้นหลังจากภาพของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ปรากฏขึ้น ภาพเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่กลับถูกลบทิ้งไปและถูกแทนที่ด้วยอักษรเลือดที่บอกให้ฟางหยวนทำลายกำแพงเข้าไปภายในเพื่อรับสืบทอดมรดกที่ถูกทิ้งไว้ก่อนที่อักษรเลือดและทุกสิ่งจะหายไปทั้งหมด
‘ความตายของเจียชิงเฉิงจะนำมาซึ่งปัญหามากมายในอนาคต แม้ข้าจะประสบความสำเร็จในการกำจัดหลักฐาน แต่มันยังไม่เพียงพอ ในกรณีนี้ข้าจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการเปิดเผยวิญญาณสุรา นอกจากนั้นข้ายังไม่สามารถรับมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ที่อยู่หลังกำแพงในเวลานี้ ข้าต้องอยู่ในหมู่บ้านสักระยะหนึ่งเพื่อรอการสืบสวนที่จะเกิดขึ้น’
ฟางหยวนหันหน้ากลับและเดินถือร่มตรงไปยังหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล
‘อนาคตยากที่จะคาดเดาแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กลับเป็นบางสิ่งที่น่าสนใจ’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเยาะ
ฝนยังตกลงมาอย่างหนัก สายลมยังคงกรรโชกแรง แต่มันกลับทำให้ฟางหยวนรู้สึกสดชื่น
เมื่อเขานึกถึงเจียชิงเฉิงอีกครั้ง
เขาคิดว่า ‘เจียชิงเฉิง แท้จริงแล้วข้าไม่ต้องการฆ่าเจ้า’
มันเป็นการสูญเสียอย่างแท้จริง