เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 43 ผลึกหินก้อนที่หก (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 43 ผลึกหินก้อนที่หก
แปลโดย iPAT
ด้วยความสามารถในการควบแน่นพลังวิญญาณของวิญญาณสุรา พลังวิญญาณบางส่วนของฟางหยวนจึงเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง นั่นทำให้ทะเลวิญญาณของเขาแยกเป็นสองชั้น ชั้นบนของทะเลวิญญาณเป็นพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นขณะที่ชั้นล่างของทะเลวิญญาณเป็นพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง
ชั้นล่างของทะเลวิญญาณค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดทะเลวิญญาณความจุสี่สิบห้าส่วนของฟางหยวนก็ถูกเติมเต็มด้วยพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง
‘ต้องขอบคุณพลังวิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถปลดผนึกผลึกหินทั้งห้าก้อนในกระโจมโชคลาภ’ ฟางหยวนที่กำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนเตียงเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด
ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว
หลังจากออกจากกระโจมโชคลาภ เขาก็ไม่ได้ไปเที่ยวชมร้านค้าอื่นๆอีกแต่มุ่งหน้ากลับมาที่หอพักทันที
แม้มันจะอยู่ในอาณาเขตของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล แต่ผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้นที่พกหินวิญญาณห้าร้อยก้อนเดินไปมา มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงรีบกลับหอพักที่อยู่ในสถานศึกษาอย่างรวดเร็วที่สุด
‘ความมั่งคั่งเข้ามาและจากไป แต่มนุษย์ยอมแพ้เพื่อความมั่งคั่ง ช่างน่าสมเพช สิ่งที่น่าขันที่สุดก็คือมีผู้คนไม่มากที่เข้าใจข้อเท็จจริงนี้ ตรงข้าม มีผู้คนจำนวนมากฆ่าฟันกันเพื่อความมั่งคั่งอยู่บนเรือแห่งผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามเมื่อเรือลำนี้จมลงสู่ใต้สมุทร ผู้ใดสามารถนำสมบัติเหล่านั้นติดตามไปยังโลกหลังความตาย?’ ริมฝีปากของฟางหยวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะที่เขามองหินสีเทาที่อยู่ในมือ
โดยปกติหินวิญญาณจะมีขนาดเท่ากับไข่เป็ด อย่างไรก็ตามหินวิญญาณในมือของฟางหยวนมีขนาดเพียงครึ่งเดียว ชัดเจนว่าเขาดูดซับพลังวิญญาณจากหินวิญญาณไปแล้วจำนวนหนึ่ง
แต่ฟางหยวนกลับไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย
ทุกสิ่งล้วนมีค่าใช้จ่าย เขามีพรสวรรค์นภาที่สาม หากเขาต้องการเติบโตไปพร้อมกับเด็กหนุ่มสาวรุ่นเดียวกัน เขาต้องพึ่งพาความสามารถพิเศษของวิญญาณสุรารวมถึงหินวิญญาณจำนวนมาก
ฟางหยวนเก็บหินวิญญาณครึ่งก้อนกลับเข้าไปในถุงเงินก่อนจะหยิบผลึกหินสีทองม่วงชิ้นสุดท้ายออกมาแทนที่
แสงสว่างส่องประกายขึ้นในดวงตาของฟางหยวนก่อนที่เขาจะใช้ดาบแสงจันทร์ปลดผนึกผลึกหินชิ้นนี้อย่างช้าๆ
ภายใต้แสงสีฟ้าอ่อน ผลึกหินสีทองม่วงลดขนาดลงทีละเล็กทีละน้อย สุดท้ายมีเพียงฝุ่นผงที่ถูกทิ้งไว้ข้างเตียงเท่านั้น
ฟางหยวนไม่แปลกใจเมื่อความน่าจะเป็นที่จะพบวิญญาณมีเพียงหนึ่งในสิบส่วน
แม้ว่าฟางหยวนจะมีประสบการณ์มากมาย แต่มันก็ทำให้เขามีโอกาสพบวิญญาณเพิ่มขึ้นเพียงสองในสิบส่วนขณะที่หนึ่งในสองคือวิญญาณที่มีชีวิตและอีกหนึ่งคือวิญญาณที่ตายแล้ว
วิญญาณที่ตายแล้วไม่มีค่า สำหรับวิญญาณที่มีชีวิตก็ไม่มีผู้ใดรับรองได้ว่ามันจะเป็นวิญญาณที่ล้ำค่า อย่างไรก็ตามหากคนผู้หนึ่งพบวิญญาณที่มีชีวิตและเป็นวิญญาณที่ล้ำค่า แต่ความโชคดีอาจกลายเป็นคราวเคราะห์และดึงดูดภัยพิบัติมาสู่ตนเอง
ระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนในปัจจุบันต่ำเกินไป หากเขาไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล เขาคงถูกเจียชิงเฉิงปล้นชิงคางคกปฐพีไปแล้วโดยไม่สามารถต่อต้านขัดขืน
การพนันไม่เคยทำให้ผู้ใดมั่งคั่ง ตรงข้ามมันเป็นต้นเหตุของการล้มละลาย นี่จึงไม่ใช่เส้นทางที่ฟางหยวนจะเลือกเดิน
แม้เขาจะไม่พบวิญญาณในผลึกหินสีทองม่วงชิ้นนี้ แต่เขาก็ไม่รู้สึกผิดหวัง ในทางตรงกันข้าม เขามองฝุ่นผงจากผลึกหินสีทองม่วงเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม
เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือฝุ่นผงสีทองม่วงเหล่านี้
สำหรับคางคกปฐพี มันเป็นเพียงกำไรเล็กๆน้อยๆเพื่อความเพลิดเพลินของเขาเท่านั้น
ดังนั้นในช่วงเวลาที่ปลดผนึกผลึกหินเหล่านั้น เขาจึงไม่มีความรู้สึกกดดันหรือผิดหวังใดๆ เหตุผลเป็นเพราะเขามีแรงจูงใจซ่อนเร้นและแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เขาจะสามารถบอกทุกคนว่าวิญญาณสุราเป็นวิญญาณที่เขาพบโดยบังเอิญในผลึกหินสีทองม่วงชิ้นนี้
ประการแรก ไม่มีผู้ใดสามารถระบุชนิดของวิญญาณที่จำศีลอยู่ภายในผลึกหินเหล่านี้ มันสามารถเป็นได้ทุกสิ่ง
ประการที่สอง ฟางหยวนมีพยานรู้เห็นว่าเขาพบคางคกปฐพีและฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทิ้งความประทับใจเอาไว้ในหัวใจของผู้ใช้วิญญาณของตระกูลแสงจันทร์เหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว
ประการที่สาม แม้บางคนจะพยายามกดดันเขาจนถึงที่สุด แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงตำหนิโชคชะตาเท่านั้น โชคเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจและไม่สามารถบังคับ แม้บางคนจะรู้สึกสงสัยว่ามันเป็นวิญญาณสุราของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ แต่เมื่อทุกคนเผชิญหน้ากับคำว่าโชค พวกเขาจะไม่สามารถหาคำใดมาลบล้างคำๆนี้
เพื่อขจัดภัยอันตรายที่อาจเกิดจากวิญญาณสุรา ฟางหยวนต้องคิดหาทางออกที่เหมาะสมและนี่คือวิธีการของเขา
ฟางหยวนคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากการบ่มเพาะ เขายังต้องการใช้วิญญาณสุราอย่างเปิดเผย
วิญญาณสุราเป็นวิญญาณระดับหนึ่งที่ล้ำค่าสำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันเป็นวิญญาณที่ไร้ประโยชน์สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับสอง ด้วยเหตุนี้แม้เรื่องที่เขาครอบครองวิญญาณสุราจะถูกเปิดเผยออกไป มันก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก ตรงข้าม หากผู้คนรู้ว่าเขามีวิญญาณกาลเวลา เขาจะถูกปล้นฆ่าทันที
‘สมบัติสองสิ่งที่ถูกดึงมาจากความทรงจำของข้า ไม่ว่าจะเป็นมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้หรือคางคกปฐพี ข้าได้รับมันมาแล้ว หลังจากนี้ข้าสามารถบ่มเพาะไปทีละขั้นตอนเท่านั้น’
ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะยึดร่างกายที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าราวกับพึ่งออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงมาก่อนหน้านี้
การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณไม่ใช่การพักผ่อนอย่างสะดวกสบาย ดังนั้นเขาจึงต้องแบ่งเวลาให้กับการนอนหลับเช่นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปและขณะนี้มันก็สมควรแก่เวลาที่เขาจะเอนกายนอนแล้ว
อย่างไรก็ตามเขายังครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆและรู้สึกว่าตนเองยังไม่พ้นวิกฤตการณ์ที่ยากลำบากของชีวิต
แม้เขาจะมีหินวิญญาณซ่อนไว้ถึงห้าร้อยก้อนและยังมีสุราไผ่เขียวเก็บไว้ใต้เตียง แต่ฟางหยวนตระหนักดีว่าเขาต้องใช้ทรัพยากรมากมายเท่าใดในอนาคต ยิ่งเขาเติบโตขึ้น เขาก็ยิ่งต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น
ขณะที่รายได้ของเขามีเพียงการกรรโชกทรัพย์สหายร่วมชั้นเรียนเท่านั้น
เขายังรู้สึกว่าเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้มีพัฒนาการในการต่อสู้ที่รวดเร็ว โดยเฉพาะโม่เป่ย ซื่อเฉิง และฟางเจิ้ง ก่อนหน้าเขาใช้เพียงหนึ่งหรือสองกระบวนท่าเพื่อมอบความพ่ายแพ้ให้แก่เด็กหนุ่มสาว แต่ครั้งล่าสุดฟางหยวนต้องใช้ถึงห้าหรือหกกระบวนท่าก่อนจะสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้าม
‘หลังจากกรรโชกทรัพย์พวกเขามาสามสี่ครั้ง ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาพัฒนาขึ้นมาก หากพวกเขารุมโจมตีข้า ด้วยพละกำลังของข้าในเวลานี้ ข้ายังไม่สามารถรับมือพวกเขา สำหรับหินวิญญาณห้าร้อยก้อน แม้มันอาจฟังดูเหมือนมาก แต่ข้าต้องใช้หินวิญญาณวันละสี่ก้อน ในความเป็นจริงหินวิญญาณห้าร้อยก้อนยังไม่ถือว่าเป็นสิ่งใด’
‘ไม่มีสมบัติอยู่บนภูเขาชิงเหมาแต่มีมรดกของผู้ใช้วิญญาณอยู่บนภูเขากระดูกขาว ผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ทิ้งมรดกที่น่าเกรงขามของเขาไว้ที่นั่น อย่างไรก็ตามการรับสืบทอดมรดกของเขาเป็นเรื่องยาก เพื่อก้าวข้ามบททดสอบของเขา เงื่อนไขแรกคือต้องเข้าไปเป็นคู่’
‘ฮืม! ทั้งหมดก็คือมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้มีน้อยเกินไป เขามีเพียงวิญญาณสุรา สำหรับภาพความทรงจำเหล่านั้น บางทีข้าอาจขายมันให้กับพ่อค้าของขบวนสินค้า...’
ฟางหยวนคิดถึงความน่าจะเป็นทั้งหมดขณะที่เปลือกตาของเขาค่อยๆหนักขึ้นกระทั่งมันปิดตัวลงในที่สุด