เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 40 วิญญาณที่หลับไหล (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 40 วิญญาณที่หลับไหล
แปลโดย iPAT
ยิ่งลึกเข้าไปก็ยิ่งครึกครื้น
รถเข็นเล็กๆถูกแทนที่ด้วยกระโจมขนาดใหญ่ที่มีสันสันแตกต่างกัน
ฟางหยวนมองไปรอบๆก่อนจะหยุดเท้าอยู่ด้านหน้ากระโจมสีเทาหลังหนึ่ง
‘มันคือที่นี่’ เขาเงยหน้าขึ้นตรวจสอบสถานที่ มีเสาประติมากรรมแกะสลักสองต้นยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า
ด้านซ้ายสลักไว้ว่า ‘ใช้ความกล้าหาญเพื่อรับโชคในทุกฤดูกาล’
ด้านขวาสลักไว้ว่า ‘แสดงทักษะเพื่อรับความมั่งคั่งจากทุกสารทิศ’
ตรงกลางระหว่างประติมากรรมทั้งสองมีป้ายเขียนเอาไว้ด้วยคำว่า ‘โชคลาภ’
นี่คือกระโจมโชคลาภ!
ฟางหยวนเดินเข้าไปภายในและพบกับโต๊ะแสดงสินค้าสามตัว มีผลึกหินชิ้นเล็กและชิ้นใหญ่วางอยู่บนโต๊ะแต่ละตัว
กระโจมหลังนี้แตกต่างจากกระโจมหลังอื่นเพราะที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ
มีผู้ใช้วิญญาณประมาณห้าคนอยู่ที่นี่ ตอนนี้พวกเขากำลังพิจารณาผลึกหินเหล่านั้น บางคนกำลังสอบถามราคา บางคนกำลังลูบคลำผลึกหินอย่างแผ่วเบา
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะกล่าวสิ่งใด พวกเขาก็กล่าวด้วยเสียงกระซิบเท่านั้นเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้อื่น
เพราะที่นี่คือบ่อนการพนัน!
ในโลกวิญญาณใบนี้ มีวิญญาณทุกชนิด พวกมันมีความต้องการอาหารเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป หากพวกมันไม่ได้รับอาหารเป็นเวลานาน พวกมันจะตกตายไปในที่สุด
แต่เรื่องนี้สามารถแก้ไข
หากวิญญาณขาดอาหาร พวกมันจผนึกตนเองและเข้าสู่การจำศีล
ตัวอย่างเช่นหากวิญญาณแสงจันทร์ไม่ได้ดูดซับพลังงานจากกลีบดอกกล้วยไม้จันทราเป็นเวลานาน มันจะเข้าสู่สภาวะจำศีลและปลดปล่อยพลังงานบางอย่างออกมาคุ้มกันตนเอง เมื่อเวลาผ่านไปพลังงานเหล่านี้จะแข็งตัวและกลายเป็นผลึกหินปกป้องพวกมันเอาไว้
สำหรับวิญญาณสุรา หากมันเข้าสู่การจำศีล มันจะสร้างรังไหมสีขาวออกมาห่มหุ้มร่างกายของมันเอาไว้ก่อนจะกลายเป็นผลึกหินสีขาว
อย่างไรก็ตามไม่ใช่วิญญาณทุกดวงที่สามารถเข้าสู่การจำศีล
ด้วยวิธีนี้ผู้ใช้วิญญาณบางคนจึงได้รับวิญญาณบางดวงมาโดยบังเอิญในรูปแบบของผลึกหินหรือรังไหม เมื่อวิญญาณเหล่านั้นตื่นขึ้น พวกมันจะกลายเป็นโชคลาภของพวกเขา
‘มันเหมือนบ่อนการพนันขนาดเล็ก ไม่ใช่ผลึกหินทุกก้อนที่จะมีวิญญาณจำศีลอยู่ ปกติแล้วแปดในสิบส่วนไม่มีวิญญาณอยู่ภายในหรือแม้จะมีวิญญาณจำศีลอยู่แต่ส่วนใหญ่พวกมันก็จะตายไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากมีบางคนได้รับวิญญาณจากผลึกหินเหล่านั้น นั่นจะถือเป็นโชคลาภอย่างแท้จริง หลังจากทั้งหมดวิญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณหายากทั้งสิ้น’
ฟางหยวนเข้าใจบ่อนการพนันลักษณะนี้เป็นอย่างดี
เพราะในชีวิตก่อนหน้าเขาเคยทำงานพิเศษอยู่ในกระโจมโชคลาภ ตั้งแต่กระโจมขนาดเล็กไปถึงบ่อนขนาดใหญ่ เขาหลอกลวงนักพนันมาแล้วมากมายจนนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามยังมีนักพนันบางคนได้รับวิญญาณล้ำค่าไปโดยบังเอิญอยู่บ้าง
ฟางหยวนมองไปรอบๆก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทางด้านซ้าย
ห่างออกไปไม่กี่เมตรจากโต๊ะสินค้า พนักงานของร้านยืนอยู่ที่นั่น พวกเขาต่างเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นต้น มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง
เมื่อเห็นฟางหยวนเดินเข้ามา พนักงานสาวผู้หนึ่งเร่งเข้ามาต้อนรับ นางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส “นายน้อยต้องการวิญญาณประเภทใดเจ้าคะ? ที่โต๊ะด้านซ้าย ผนึกแต่ละก้อนต้องใช้หินวิญญาณสิบก้อน หากนี่เป็นการพนันครั้งแรก บางทีนายน้อยอาจเริ่มจากโต๊ะด้านขวา ที่นั่นจะใช้หินวิญญาณเพียงห้าก้อนเท่านั้น หากนายน้อยต้องการความตื่นเต้นท้าทาย โต๊ะตรงกลางจะใช้หินวิญญาณยี่สิบก้อนเจ้าค่ะ”
ด้วยประสบการณ์ของพนักงานสาว นางตัดสินได้ทันทีว่าฟางหยวนเป็นผู้ใช้วิญญาณฝึกหัด
ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ต่างเป็นผู้ใช้วิญญาณทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้วิญญาณฝึกหัดที่เพิ่มเริ่มต้นบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะและมักเป็นผู้ใช้วิญญาณที่ประสบปัญหาด้านการเงินอีกด้วย มิฉะนั้นพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อสิ่งใด?
ผู้ใช้วิญญาณหลายคนเข้ามาเพียงเปิดหูเปิดตาแต่ไม่ได้ทดลองเสี่ยงโชค มีเพียงผู้ที่มีครอบครัวใหญ่ให้การสนับสนุนจึงจะทดลองเสี่ยงโชคสักครั้งเพื่อความสนุกสนาน อย่างไรก็ตามพวกเขามักซื้อผลึกหินที่ราคาถูกที่สุดเท่านั้น
ดังนั้นพนักงานสาวจึงไม่คาดหวังว่าฟางหยวนจะเสี่ยงโชคกับผลึกราคาสูง
“ข้าจะเดินดูก่อน” ฟางหยวนพยักหน้าก่อนจะกวาดตามองผลึกหินเหล่านั้น
จากความทรงจำของเขา มันควรจะอยู่ที่โต๊ะตัวนี้
อย่างไรก็ตามห้าร้อยปีเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป หลายสิ่งหลายอย่างกลายเป็นคลุมเครือโดยเฉพาะเมื่อมันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องจดจำ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่แน่ใจนัก
เขาจำได้ว่าในคืนแรกที่ขบวนสินค้าเดินทางมาถึง คนผู้หนึ่งโชคดีได้รับวิญญาณคางคกปฐพีหลังจากใช้หินวิญญาณสิบก้อนซื้อผลึกสีทองม่วงชิ้นหนึ่ง เมื่อเขาขายมันออกไป เขาได้รับหินวิญญาณจำนวนมากเป็นการแลกเปลี่ยน
ฟางหยวนกวาดตามองก่อนจะขมวดคิ้ว
มีผลึกสีทองม่วงยี่สิบชิ้น แล้ววิญญาณคางคกปฐพีอยู่ในผลึกชิ้นใด?
ผลึกหินบนโต๊ะตัวนี้มีราคาเท่ากับหินวิญญาณสิบก้อน ขณะนี้เขามีหินวิญญาณเก้าสิบแปดก้อน ดังนั้นเขาจึงสามารถซื้อผลึกหินได้มากที่สุดเพียงเก้าชิ้น
อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ใช่เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่จะพนันด้วยทุกสิ่งโดยปราศจากการยับยั้งช่างใจ ผู้ที่ฝากชีวิตไว้กับโชคชะตามักจบลงด้วยการถูกโชคชะตากลั่นแกล้งเสมอ
‘ข้ามีชีวิตอยู่ด้วยตัวของข้าเอง ข้าไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน ข้าต้องเก็บหินวิญญาณเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นค่าอาหารให้กับวิญญาณ’ ฟางหยวนคำนวณความต้องการพื้นฐานในชีวิตของเขา
‘ผลึกชิ้นนั้นแบนราบเกินไป คางคกปฐพีไม่สามารถอยู่ในนั้น’
‘ชิ้นนี้ส่องแสงสว่างเจิดจ้าที่สุด แต่มันมีขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น ผลึกที่คางคกปฐพีหลับใหลอยู่ต้องใหญ่กว่านี้สามเท่า’
‘ผลึกชิ้นนี้ค่อนข้างใหญ่ อย่างไรก็ตามพื้นผิวของมันเรียบเนียนเกินไปขณะที่ผิวหนังของคางคกปฐพีมีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อ มันไม่ควรเป็นเช่นนี้...’
ฟางหยวนสังเกตลักษณะของผลึกหินแต่ละก้อนและคัดกรองอย่างละเอียด
หลังจากวิญญาณผนึกตนเอง มันเป็นเรื่องที่ยากที่ผู้ใช้วิญญาณจะตรวจสอบมัน หากรุนแรงเกินไป วิญญาณที่หลับไหลอยู่ภายในอาจตกตายได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอาศัยโชคเท่านั้นและด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงถูกเรียกว่ากระโจมโชคลา�
อย่างไรก็ตามบนโลกที่แปลกประหลาดใบนี้ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ มีบางวิธีที่สามารถตรวจสอบผลึกหินโดยไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณที่อยู่ภายในมากนัก อย่างไรก็ตามหลังจากฟางหยวนตรวจสอบพวกมัน เขากลับพบว่าไม่มีวิญญาณหลับไหลอยู่ในผนึกหินชิ้นใดเลย
จากความทรงจำของเขา บนโลกใบนี้มีสถานที่เสี่ยงโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่สามแห่ง นั่นคือ หมู่บ้านผนึกวิญญาณ สุสานบรรพกาล และวาฬมังกรฟ้า
ทั้งสามมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ธุรกิจลักษณะนี้ได้รับความนิยมมาตลอด
กระโจมโชคลาภแห่งนี้เป็นเพียงบ่อนขนาดย่อมเยาที่สุดเท่านั้น
โดยปกตแล้วเด็กอายุสิบห้าส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจสอบผลึกหินเหล่านี้ พวกเขาจะเลือกผลึกหินราวกับคนตาบอด
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ในกรณีของฟางหยวน
เขารู้ล่วงหน้าว่ามีสิ่งใดอยู่ภายใน ดังนั้นขอบเขตความเป็นไปได้จึงลดลงเหลือเพียงยี่สิบชิ้น
แน่นอนว่าการเลือกหนึ่งจากยี่สิบยังไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ด้วยประสบการณ์ ฟางหยวนสามารถคัดกรองผลึกสีทองม่วงที่มีความน่าจะเป็นออกมาได้จำนวนหนึ่ง
และเขาก็มั่นใจว่าหนึ่งในผลึกหินเหล่านี้มีวิญญาณคางคกปฐพีหลับใหลอยู่ภายใน