ตอนที่10 ท้าประลอง
เมื่อเผชิญกับการข่มขู่ของ หลงหยาง ลู่ซวน จึงยั่วยุเขาและพูดว่า "ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะกล้าหรือไม่ แต่ข้าสามารถรู้ได้ว่าเจ้าไม่สามารถทำได้"
ได้ยินเรื่องนี้หลงหยางระเบิดเสียงหัวเราะออกมา: "ฮ่าฮ่าฮ่า, เป็นสิ่งที่ตลกมาก เจ้าหมายความว่าข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้? "
"ถูกต้อง!" เสียงของ ลู่ซวนหนักแน่น
เสียงหัวเราะของ หลงหยาง หยุดชะงักลงทันที่เขาหลี่ตาลงและจ้องมองไปที่ลู่ซวน มันเป็นเวลานานมากแล้วที่เขาถูกยั่วยุโดยตรง และตอนนี้เขาได้รับการยั่วยุ่โดยคนที่เขาได้จัดคนประเภทนี้เป็นเสมือนมด และ ถ้าเขาไม่เพิ่มสีสันให้กับใบหน้าของลู่ซวนซักหน่อย เขาคงจะถูกหัวเราะเยาะเป็นแน่
"ดีมากดูเหมือนว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา" หลงหยาง กล่าวต่อ "ถนนวิญญาณสินค้าไม่อนุญาตให้ทำการต่อสู้กัน เจ้ากล้าที่จะไปสนามลานประลองกับข้าหรือไม่? "
สนามลานประลองเป็นสถานที่พิเศษใน ถนนวิญญาณสินค้า สถานที่แห่งนี้เป็นที่เดียว ซึ่งได้รับอนุญาตให้ใช้กำลังและเมื่อเข้าสู่สนามประลองแล้วพวกเขาก็สามารถสู้กันจนตายได้!
แม้ว่า ถนนวิญญาณ มีกฎห้ามทำการต่อสู้กัน แต่เนื่องจากมีผู้คนจากสามอาณาจักร เก้าสถาบันการศึกษา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาต้องมีความขัดแย้งที่ต้องแก้ไขผ่านการต่อสู้ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการสนามลานประลองการต่อสู้
"นายน้อย, ข้าว่าท่านไม่จำเป็นต้องลงมือให้เสียมือหรอก ให้บ่าวผู้นี้จัดการกับเด็กคนนี้เถอะ ข้าจะทำการทุบตีเขาจนตาย โดยนายน้อยไม่ต้องทำอะไรเลย "
"บ่าวผู้นี้ของท่านเต็มใจที่จะต่อสู้ ตอนนี้เด็กคนนี้ทำให้เราอับอาย ข้าจะทำให้เขาต้องชดใช้เป็นร้อย ๆ เท่า! "
ข้ารับใช้ของ หลงหยาง พยายามสร้างความประทับใจให้กับ หลงหยาง โดยอาสาเป็นคนออกไปต่อสู้เอง
ในสายตาพวกเขานี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับความดีความชอบของพวกเขา พวกเขาได้เห็นพลังของ ลู่ซวน มาก่อนประมาณสิบวันแล้ว จึงไม่น่ายากเย็นเท่าไหร่ถ้าเขาจะทุบตีลู่ซวนจนตาย
หลงหยางโบกมือให้ข้ารับใช้ ก่อนจะกล่าวว่า
"เงียบ!. วันนี้ข้าต้องการที่จะสอนบทเรียนให้กับคนที่ไม่ประมาณตนด้วยฝ่ามือของข้าเอง! ลู่ซวนเจ้ากล้าไปสนามลานประลองกับข้าหรือป่าว? "หลงหยาง ชี้ไปที่ใบหน้าของ ลู่ซวน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและดูถูก
"เจ้ากล้าที่จะไปหรือไม่!"
"ตอนนี้เจ้าทำไมถึงเงียบล่ะ ไม่พูดอวดดีเหมือนตอนแรกแล้วหรือ? ทำไมตอนนี้เกิดกลัวขึ้นมาแล้วล่ะ? "
"นี่เป็นเกียรติ์สำหรับเจ้าที่นายน้อยจะประลองด้วยตัวเอง!"
พยายามข่มขู่ให้ลู่ซวนไปที่สนามประลอง
"เงียบเดียวนี้! ถ้าใครกล้าเสียงดังอีกอย่าตำหนิที่ข้าไม่สุภาพ! "เจ้าของร้านได้ขัดจังหวะทันทีทำให้ทุกคนเงียบ เห็นได้ชัดว่าชายชราเจ้าของร้านคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนตัวอยู่
เมื่อเจ้าของร้านเอ่ยปากออกมา ไม่มีข้ารับใช้คนไหนกล้าที่จะเปิดปากของพวกเขาอีกครั้ง แม้กระทั่ง หลงหยางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร
เหลือบไปที่ลู่ซวนเจ้าของร้านเปิดปากอีกครั้งและกล่าวว่า: "หนุ่มน้อยสนามประลองสามารถเข้าได้ง่าย แต่ไม่สะดวกในการออก คนหนุ่มสาวไม่ควรใจร้อนเกินไป "
ความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้สูงกว่า ลู่ซวน และคนอื่น ๆเขาสามารถตรวจสอบได้ว่าลู่ซวนอยู่ในขั้นกลั่นร่างกายในระดับที่สามและหลงหยางมาถึงขั้นกลั่นร่างกายระดับสี่แล้ว ถ้าทำการต่อสู้กัน ลู่ซวน จึงไม่ได้มีโอกาสชนะมากนักและการต่อสู้ก็ไม่ได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่า หลงหยาง ดูเหมือนจะเป็นนายน้อยจากตระกูลที่มีอำนาจ ดังนั้นโอกาสชนะของลู่ซวนจึงกลายเป็นศูนย์
แต่เห็นความซื่อสัตย์ของ ลู่ซวน เขาจึงได้พูดเป็นนัยๆให้ลู่ซวน ดังนั้นคำพูดของเขาเป็นเหมือนการเตือนจากเขาถึงลู่ซวน มีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนที่เขากำลังช่วยลู่ซวน
"ใช่แล้วพี่ลู่ซวน ข้าได้ยินมาว่าไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลงหยาง ได้ทำการบ่มเพาะร่างกายไปถึงขั้นกลั่นร่างกายระดับสี่แล้ว เราไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามของเขา สำหรับสุภาพบุรุษการแก้แค้นสิบปีมันก็ไม่สายเกินไป" เหยาเล่ยยังคงซื่อสัตย์ต่อลู่ซวน แม้จะถูกหลงหยางข่มขู่เขาก็ยังกล้าที่จะเอ่ยปากออกมา
ความเข้าใจของ เหยาเล่ย เกี่ยวกับ ลู่ซวน ยังคงเป็นมาตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อนและยังสันนิษฐานว่า ลู่ซวน ยังมีความแข็งแกร่งแค่ขั้นกลั่นร่างกายระดับสอง ถ้ามีความแตกต่างกันถึงสองขั้น ก็ไม่มีทางที่เขาจะเป็นฝ่ายตรงข้ามของ หลงหยาง
ลู่ซวนโบกมือไปยังเหยาเล่ย แสดงให้เขาหยุดพูด หันศีรษะไปหาเจ้าของร้านและเขาโค้งคำนับและกล่าวว่า "ขอบคุณผู้อาวุโส มันเป็นเพียงเพราะการบ่มเพาะของข้าเต็มไปด้วยอุปสรรค ถ้าข้าได้ทำการประลองต่อสู้ไม่แน่ข้าอาจจะทลวงไปสู่ขั้นต่อไปได้ แม้ว่าระดับพลังของข้าจะต่ำ ข้าก็จะไม่ท้อถอย! "
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินที่ลู่ซวนเอ่ยจากนั้นเขาก็ส่ายหัวและไม่ได้พูดอะไรอีก เขาได้เห็นคนมากมายแบบลู่ซวน สำหรับคนประเภทนี้ที่มีจิตใจที่มั่นคงสำหรับนักฝึกยุทธหากพวกเขาไม่ตายก่อนพวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่มีความสามารถ อนาคตพวกเขาจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายคนพวกนั้นเป็นแค่อดีต
ได้ยินคำพูดของ ลู่ซวน กับเจ้าของร้าน หลงหยาง ยิ้มอย่างฉับพลัน: "ได้ยินคำพูดของเจ้าแสดงว่าเจ้ายอมรับคำท้าจากข้าแล้วใช่หรือไม่"
ลู่ซวนไม่ตอบเขา เขามอง หลงหยาง และกล่าวว่า: "ไปที่สนามลานประลองถ้าเจ้าชนะจะฆ่าจะแกงอะไรก็แล้วแต่เจ้าข้าจะไม่ขัดขืน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าชนะล่ะ? "
"ถ้าเจ้าชนะ? ฮ่า ๆ นั่นเป็นเรื่องตลกที่ตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมา เจ้าคิดว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะข้าได้งั้นหรือ? "หลงหยางไม่สามารถอดกลั้นได้และหัวเราะเสียงดัง แต่หลังจากจำคำเตือนก่อนหน้าของเจ้าของร้านได้ เสียงหัวเราะของเขาก็เงียบลง แต่ใบหน้าของเขายังมีการเยาะเย้ยที่ไม่จางหายไป
"อย่าพูดถึงเรื่องที่เจ้าจะชนะ ถ้าเจ้าสามารถบังคับให้ข้าถอยหลังสามก้าวได้ข้าจะปล่อยให้เจ้ามาเอาชีวิตข้าโดยไม่ขัดขืนเช่นกัน"หลงหยาง พูดติดตลกเมื่อมองดู ลู่ซวน เขาอยู่ในขั้นกลั่นร่างกายระดับสี่และยังได้เรียนรู้ทักษะหัตถ์มังกรจากตระกูล จากมุมมองของเขาไม่มีวันที่ลู่ซวนจะทำการชนะเขาได้
"ปล่อยให้ข้าฆ่าเจ้า?" ลู่ซวนก็หัวเราะ "ข้าไม่มีความสนใจในชีวิตของเจ้าเลย"
"หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วบอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไร "ใบหน้าของ หลงหยาง เต็มไปด้วยความอดทน เขาไม่สามารถรอที่จะก้าวเข้าสู่ลานประลองได้ และทำการทุบตีลู่ซวนให้ตายราวกับสุนัข
"ถ้าข้าชนะข้าต้องการหนึ่งร้อยตำลึงทอง ว่าไง? "ลู่ซวนกล่าวในที่สุด
เขาจะไม่ไปสู่กับ หลงหยาง อย่างไม่มีเหตุผล เขาต้องการหนึ่งร้อยตำลึงทองเพื่อซื้อเลือดหมาป่า เขาและเหยาเล่ย ไม่มีทางที่พวกเขาจะหาเงินได้ในระยะเวลาอันสั้นและ หลงหยาง ก็เป็นหนึ่งในนายน้อยของตระกูลหลง อย่างน้อยเขาควรเอาเงินมามากกว่าหนึ่งร้อยตำลึงทอง
"ฮึ่ม อย่าพูดถึงหนึ่งร้อยตำลึงทอง ตราบเท่าที่เจ้าสามารถทนต่อการโจมตีได้สามครั้งข้าก็สามารถให้เจ้าสองร้อยตำลึงทองก็ยังได้ " หลงหยาง กล่าว
“เอาล่ะ! สองร้อยตำลึงทองถือว่าเราตกลงกัน!”ลู่ซวน กล่าวอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะมีคนใจกว้างและพวกเขาก็ไม่กังวลใจที่จะสละเงินของพวกเขา
หลงหยางตกใจ เขาพึ่งกล่าวออกไปไม่นาน เเละไม่คิดว่าลู่ซวนจะตอบตกลงได้เร็วขนาดนี้ สำหรับเขาสองร้อยตำลึงทองเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ตอนนี้เงินที่เขานำมานั้นน้อยกว่าสองร้อยตำลึงทอง
อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ตำลึงเดียวเพราะไม่มีวันที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับลู่ซวนได้ จึงไม่ได้มีความกังวลใดๆ
"สองร้อยตำลึงทอง บิดามันเถอะ!" หลงหยางพาข้ารับใช้เดินออกไปก่อน