ตอนที่ 92: การสอบถาม (1)
หลังจากมีเรื่องเกิดขึ้นที่ตลาดประมูลแองเจเล่ก็บอกฮาร์แลนด์และไทนอสให้ติดตามชายหนุ่มที่ชื่ออันยัว อย่างไรก็ตามมันไม่มีร่องรอยให้ติดตามเลย
มันดูเหมือนตระกูลใหญ่ทั้งสองตระกูลได้ตกลงกันและหยุดการต่อสู้ในเมือง พวกเขาไม่ได้ประกาศเรื่องหายตัวไปของเนสและอันยัว
หนึ่งเดือนต่อมา
ในห้องอ่านหนังสือที่คฤหาสน์ของไทนอส
แองเจเล่นั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้และจิบไวน์ผลไม้สีเขียวจากแก้ว
ไทนอสและขุนนางชายวัยกลางคนนั่งอยู่อีกฟากได้สนทนาเกี่ยวกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์
"อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นอุปกรณ์แนวคิดระดับสูง อย่างไรก็ตามชายคนนั้นได้หายตัวไปก่อนที่เราจะสังเกตเห็นได้ในห้องประมูล ผลกระทบเช่นนี้อาจจะไม่ได้มาจากพลังงานชีวิตที่ถูกดูดด้วยอุปกรณ์แนวคิด มีเพียงพ่อมดเท่านั้นที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้" ขุนนางชายพูดพร้อมกับขมวดคิ้วของเขา
ผู้คนเหมือนเขาไม่ได้รู้ว่าเวลาหยุดลงในตอนนั้น สิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คืออันยัวและเนสได้หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา
"หินลิซ่าเป็นอุปกรณ์แนวคิดที่น่าแปลกใจที่สุดสำหรับเขา" ไทนอสพูด "พยานบอกว่าเขาเห็นอันยัวและเนสได้ออกจากเมืองและเข้าไปในป่า ข้าคิดว่าเราควรปล่อยพวกเขาไป อุปกรณ์ในตำนานเช่นนี้จะไม่มาหาเราโดยฉับพลันและเราไม่ควรเสียเวลามากเกินไปกับพวกมัน นอกจากนี้ยังมีคำสาปบนอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่จะเปลี่ยนเจ้าของเป็นเครื่องจักรนักฆ่า ข้าไม่ต้องการเห็นมันอีกต่อไป"
"ถ้าปราศจากอุปกรณ์นี้ตระกูลของอันยัวก็จะอ่อนแอลง" ขุนนางชายถอนหายใจ "อุปกรณ์แนวคิดจะเปลี่ยนชะตากรรมทั้งตระกูล"
"ปล่อยมันไว้แบบนั้น มอนติเจ้าจะอยู่ในเมืองเลนน่อนอีกนานแค่ไหน" ไทนอสถาม
"ข้าคิดว่ามากกว่าสิบวัน ข้าจะรอคนของข้ากลับมาที่ท่าเทียบเรือ" มอนติขมวดคิ้วอีกครั้ง "ท่านแองเจเล่ข้าได้ยินว่าท่านมาจากวิทยาลัยแรมโซด้า ข้าขอถามท่านเกี่ยวกับโรคระบาดแปลกๆได้ไหม" เขาหันไปจ้องแองเจเล่
"แน่นอน" แองเจเล่พยักหน้า เขากำลังฟังการสนทนาของพวกเขาอย่างเงียบๆ
มอนติถอนหายใจ "ในหัวเมืองทางใต้ได้มีโรคระบาดเกิดขึ้น ภายในสามวันจะมีแผลพุพองไปทั่วผิวหนังของผู้ป่วยที่ติดเชื้อและภายในแผลพุพองก็ไม่ใช่ของเหลวในร่างกายแต่เป็นเลือด หลังจากวันที่สามแผลพุพองทั้งหมดจะระเบิดและผู้ป่วยจะตายเนื่องจากการสูญเสียเลือด ท่านเคยได้ยินโรคระบาดเช่นนี้หรือไม่"
การแสดงออกของแองเจเล่เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าจริงจังหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของมอนติ
"เจ้าแน่ใจหรือเปล่าว่าภายในแผลพุพองเป็นเลือด" เขาถาม
"ใช่ครับ" มอนติพยักหน้า "พวกขุนนางชั้นสูงได้สังเกตเห็นความรุนแรงของโรคระบาดร้ายแรงที่เกิดขึ้นและพวกเขาก็ส่งหมอไปเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่ตรวจพบสิ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ข้าคิดว่าคนหลายพันคนกำลังติดเชื้ออยู่ดังนั้นสถานการณ์มันแย่มาก โรคระบาดได้ขยายไปเป็นวงกว้าง"
แองเจเล่ยังคงมีสีหน้าจริงจัง
"คุณมอนติได้โปรดเชื่อใจข้าในเรื่องนี้ อย่าเข้าไปใกล้พื้นที่ที่ติดเชื้อ" แองเจเล่พูดเสียงเข้ม "ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิดโรคระบาดนี้เรียกว่าตุ่มเลือดเดือด ต้องมีร่างกายใกล้เคียงกับนักรบระดับอัศวินถึงจะอยู่รอดได้"
การแสดงออกของมอนติเปลี่ยนไปอีกครั้งและเขาพยักหน้า "ข้าจะทำให้แน่ใจว่าข้าไม่ไปที่นั่น ข้ารู้สึกอึดอัดเพียงแค่ได้ฟังข่าวลือเท่านั้น"
"ข้าคิดว่าประมาณ 100 ปีก่อนประมาณปีที่ 1430 มีการระบาดของตุ่มเลือดเดือดในซานเตียโก้และมีคนประมาณ 100,000 คนตาย หลายคนหนีออกจากซานเตียโก้และต้องใช้เวลาฟื้นฟูเป็นระยะเวลานาน ข้าขอแนะนำให้ควบคุมพื้นที่ที่ติดเชื้อให้เร็วที่สุดมิฉะนั้น...." แองเจเล่ไม่ได้พูดจบประโยคแต่อีกทั้งสองคนก็รู้ว่าเขากำลังพยายามพูดอะไร
"ข้าเข้าใจแล้ว โรคระบาดกำลังถูกควบคุมอยู่" มอนติอธิบาย "พื้นที่ถูกกักกันแล้ว"
"ดี" แองเจเล่พยักหน้า
"นอกจากนี้ข้ายังได้รวบรวมสูตรยาที่ท่านขอมานานแล้ว ข้าไม่แน่ใจว่าพวกมันเป็นสิ่งที่ท่านกำลังมองหาหรือไม่" มอนติพูดต่อ "ข้ารวบรวมพวกมันในวิธีของข้าจากเมืองหลวง ข้าไม่รู้ว่าทำไมไทนอสถึงบอกข้าให้หาสูตรยาจนข้าพบท่าน"
แองเจเล่ยิ้ม "เจ้ารวบรวมสูตรได้มากแค่ไหน"
"มากกว่า 30" มอนติยิ้ม "ข้าจะบอกให้คนส่งพวกมันไปที่บ้านของท่าน"
"ราคาเท่าไหร่" แองเจเล่พยักหน้า
"ไทนอสได้จัดการเรื่องนี้แล้ว เขาจะจ่ายเงินให้ข้าภายในสิ้นปี" มอนติไม่ใช่อัศวินเป็นเพียงขุนนางธรรมดาเท่านั้นและสนใจที่จะพบคนที่มีความสามารถพิเศษ เขาจะไม่ขอให้ไทนอสจ่ายเงินให้เขาเพราะเงินเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่เขาจะได้รับ เขารูู้ดีว่าจะดีที่สุดที่จะได้ทำให้พวกเขาโปรดปราน
แองเจเล่ได้รับเหรียญทองจำนวนมากโดยการขายชิ้นส่วนที่เขาได้รับจากช้างเรืองแสงและตัดสินใจที่จะบอกให้ไทนอสหาสูตรยาให้เขา เขารู้ว่าเพื่อนของไทนอสมอนติกำลังมาจากเมืองหลวงและเขาสามารถรวบรวมสูตรได้ตลอดเส้นทาง แองเจเล่ได้เตรียมเงินไว้แล้วแต่ไม่รู้ว่าไทนอสจะจ่ายเงินให้
"ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินแองเจเล่ เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้ารู้จัก" ไทนอสยิ้ม
"ขอบคุณมาก" แองเจเล่ตอบ
สูตรยาเหล่านี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับยาพ่อมด พวกมันถูกนำมาใช้สร้างยาพื้นฐานสำหรับชีวิตประจำวัน แองเจเล่ต้องการรวบรวมข้อมูลจากพวกมัน พวกมันจะทำให้เขาใช้เงินมากที่สุดก็หลายพันเหรียญทอง
*****************
หลังจากที่ออกจากคฤหาสน์ของไทนอสแองเจเล่ก็เข้าไปในรถม้าสีดำมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ที่เขาได้ซื้อไว้
เขาได้ย้ายจากร้านของเขามาที่คฤหาสน์นี้เมื่อเดือนที่ผ่านมาหลังจากจ่ายไปประมาณ 10,000 เหรียญทอง เขาได้รับมาประมาณ 500,000 เหรียญทองจากช้างเรืองแสงดังนั้น 10,000 เหรียญทองจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา ในขณะที่ทำการฝึกฝนความสามารถทางจิตของเขาก็มีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ใช้ยาช่วย อย่างไรก็ตามความอึดของเขาได้ลดลงไปหนึ่งเนื่องจากผลข้างเคียงของยาควบคุมดำและผลที่ตามมาของการใช้พลังงานเชิงลบ
แองเจเล่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากการทดลองกับยาและคาถาที่ได้มาเร็วๆนี้ นอกจากนี้เขายังได้ฝึกฝนและสอนทักษะดาบเทียหลายครั้ง กิจกรรมทางสังคมของเขาเกี่ยวข้องกับไทนอสและฮาร์แลนด์ทั้งหมด
ความสามารถทางจิตของแองเจเล่ได้หยุดเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แม้ว่าเขาจะได้รับรวงผึ้งราตรีเพิ่มขึ้นมันก็ดูเหมือนร่างกายของเขาเริ่มต่อต้านผลของยาและการฝึกฝนไม่ได้ช่วยอะไรเขาเช่นกัน แองเจเล่คิดว่าเขาได้มาถึงขีดจำกัดของพ่อมดฝึกหัดและตรงกับเงื่อนไขในการเป็นพ่อมดแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงเตรียมตัวที่จะทำให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้พลาดการเรียกของโรงเรียนของเขา
เขายังต้องการน้ำอสุและคาถาป้องกันเพื่อทำลายขีดจำกัด การกลับไปที่โรงเรียนเป็นวิธีที่เร็วที่สุดและง่ายที่สุดที่เขาจะได้รับมัน อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับวิทยาลัยแรมโซด้าและแองเจเล่ไม่ต้องการพลาดข้อมูลที่มีค่าใดๆ
มันได้มาถึงฤดูหนาวแล้ว แองเจเล่นั่งอยู่ในรถม้าในขณะที่มีลำแสงของดวงอาทิตย์ได้มาโดนมือของเขาผ่านหน้าต่างแต่พวกมันก็แทบจะไม่ได้ทำให้อุ่น ลมหนาวได้พัดผ่านใบหน้าของเขา
"มันปีที่ 1542 แล้ว....ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ข้าไม่ชอบที่สุด" แองเจเล่ดึงคอเสื้อของเขาขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง
ใบไม้ส่วนใหญ่ได้ร่วงมาจากต้นไม้และคนเดินเท้าก็สวมเสื้อหนาๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นสีเทาและขาวแม้แต่แสงแดดก็ซีดลงเช่นกัน
"ทอมวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว" แองเจเล่ถาม
ทอมเป็นคนขับรถม้าที่จ้างให้แองเจเล่โดยอัลฟอร์ด เขาไม่รู้จักนามสกุลและคิดว่า'ทอม'อาจจะเป็นแค่ชื่อรหัส
"วันที่ 18 พฤศจิกายนครับนายท่าน" ทอมตอบ
"วันที่ 18 งั้นหรือ ข้าคิดว่าฮาร์แลนด์ได้เตรียมพร้อมแล้ว" แองเจเล่พยักหน้า "พาข้าไปที่เรือนจำเกลียวน้ำเงิน ข้ายังไม่กลับบ้าน"
"เข้าใจแล้วครับนายท่าน"
รถม้าได้เร่งขึ้นและเลี้ยวซ้ายทางแยกต่อไปของถนน ล้อรถทำให้ใบไม้แห้งขนพื้นกระจายออกไป
***********************
เรือนจำเกลียวน้ำเงินเป็นเรือนจำเพียงแห่งเดียวที่ขังนักโทษประหารชีวิต
เรือนจำนี้อยู่ในที่ห่างไกลล้อมรอบไปด้วยป่า มีอาคารหลายหลังถูกสร้างขึ้นและมันเป็นสถานที่ที่เงียบ
อาคารเหล่านี้มีหลังคาแหลมลักษณะที่เหมือนโบสถ์ รั้วไม้ถูกสร้างขึ้นนอกอาคารและมีกลุ่มทหารยามคอยลาดตระเวณบริเวณรอบๆ ทหารยามไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรขณะที่พวกเขาเดินสวมชุดเกราะหนักสีดำ ส่วนใหญ่ถือดาบไว้ในมือในขณะที่คนที่มีค้อนเหล็กอยู่ข้างหลังพวกเขา
มีนักโทษถูกประหารชีวิตทุกชั่วโมงและเสียงกรีดร้องที่กำลังจะตายของพวกเขาก็ได้ยินจากภายนอก
รถม้าสีดำได้เดินทางมาที่เรือนจำจากนั้นก็ค่อยๆหยุดจอดในที่จอด
"เรามาถึงแล้วนายท่าน" คนขับรถม้าเป็นชายวัยกลางคนผิวสีแทน
แองเจเล่เปิดประตูและออกมาจากรถม้า เขาสวมชุดล่าสัตว์สีดำพร้อมกับรองเท้าหนังยาว
กลุ่มของทหารยามได้เดินมาทางรถม้า
"ท่านแองเจเล่ใช่หรือไม่" หัวหน้าถาม
แองเจเล่พยักหน้า
"ท่านฮาร์แลนด์ได้แจ้งเราแล้วดังนั้นท่านจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเรือนจำ อย่างไรก็ตามคนขับรถม้าต้องอยู่ข้างนอก" ใบหน้าของหัวหน้าปกคลุมไปด้วยหมวกและเสียงของเขาก็ไม่ค่อยชัดเจน
"ข้ารู้" แองเจเล่เดินผ่านรั้วและมุ่งหน้าไปที่อาคารด้านใน เขาได้ยินเสียงนักโทษที่ตะโกนและกรีดร้อง
บรรยากาศที่นี่มันเย็นยะเยือกและหนักอึ้ง
แองเจเล่มองไปรอบๆและบอกให้ซีโร่วิเคราะห์พลังงานในพื้นที่
[อนุภาคพลังงานเชิงลบศาสตร์แห่งความตาย ความเข้มข้น: 65.72%]
"สถานที่ที่ดี" แองเจเล่พึมพำ
สนามหญ้ามันนุ่มและแองเจเล่รู้สึกเหมือนกำลังเดินบนพรม เขาหยุดอยู่ที่อาคารหนึ่งและเคาะไปที่ประตูหนาสีน้ำตาล
ก๊อก ก๊อก
หน้าต่างขนาดเล็กที่่ประตูถูกเปิดและทหารยามก็ดูผ่านมัน
"ท่านแองเจเล่ในที่สุดท่านก็มา เธอยังมีชีวิตอยู่" ทหารยามพูดและรีบปลดล็อคประตูอย่างรวดเร็ว
"มันเป็นเรื่องดีตราบเท่าที่เธอยังมีชีวิตอยู่" แองเจเล่ตอบเสียงเย็นชา
ภายในโถงทางเดินที่พื้นเป็นหินสีดำและมีแสงแดดที่ส่องจากหน้าต่างขนาดเล็กจากทั้งสองด้าน สถานที่นี้กลิ่นไม่ค่อยดีมันทั้งชื้นและเย็น