ตอนที่ 197 เมอร์คิวเรียส 4
ชณะที่พวกซิลเวียพัวพันอยู่กับลอยด์ สายลมที่รุนแรงก็ได้ระเบิดอยู่ด้านนอกโบราณสถาน ลมนั้นมาจากเมอร์คิวเรียสที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ เนื่องจากความหนาแน่นของปรอทที่สูง น้ำหนักของเมอร์คิวเรียสจึงทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วและก่อให้เกิดลมหมุนขึ้นในอากาศ
มันเป็นการสั่นสะเทือนทั้งสวรรค์และโลก! เมฆบนท้องฟ้าต่างถูกฉีกแยกออกจากกันโดยลมหมุนที่เกิดจากเมอร์คิวเรียส และทุกครั้งที่มันก้าวเท้า พื้นดินจะเปลี่ยนไป มันราวกับความพิโรธของเทพเจ้าแห่งทะเลทราย ออสเต็นอาจจะเรียกพายุทรายที่ปกคลุมท้องฟ้าว่าเทพเจ้า และเกรงกลัวมัน แต่เมอร์คิวเรียสเป็นมากยิ่งกว่านั้น
“อึก ลมทรายนี้มันอะไรกัน...?”
ลมได้พัดแรงด้วยความเร็วที่มากกว่า100กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเป็นคนธรรมดา พวกเขาจะถูกสายลมชำแหละเนื้อและกระดูกทันที ธีโอดอร์โยนเสื้อคลุมที่ฉีกขาดของเขาและมุ่งไปที่การคงสภาพเวทย์ป้องกันของเขา
‘บ้าเอ้ย ปรอทมันผสมไปกับพายุทราย หากฉันคลายเวทย์ป้องกันลง ฉันจะติดพิษทันที!’
ยักษ์เมอร์คิวเรียสเป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจ การรวมกันของพลังทำลายล้าง ความเป็นอมตะ ลำแสงจากระยะไกล และพายุทรายที่เป็นอันตรายถึงชีวิต หากปราศจากสัมผัสของธีโอดอร์และความคล่องตัวของเวโรนิก้า ธีโอดอร์จะไม่สามารถทนได้แม้แต่นาทีเดียว
อึก
ธีโอดอร์รู้สึกหนาวสันหลังและตะโกนเรียกเวโรนิก้าทันที “ผู้นำ ไปด้านบน!”
“ได้เลย!” เวโรนิก้ากอดเขาทันทีและปีกเปลวไฟก็ได้โผล่จากหลังของเธอ
นี่คือปีกเพลิง เวทย์บินซึ่งมีเพียงเวโรนิก้าเท่านั้นที่ใช้มันได้ ผู้ที่มีสายเลือดมังกรและเวทมนต์ของมังกร
ฟิ้ว!
ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบ ทั้งสองคนได้บินหนีไปจากพายุและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีคราม ขณะที่พวกเขาพักหายใจ ลำแสง(ที่ยิงแล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นปรอท)หลายสิบสายก็ได้กวาดล้างพื้นด้านใต้เท้าพวกเขา
ในตอนแรก เมอร์คิวเรียสจะยิงลำแสงออกมาในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ รูปแบบการยิงของมันก็ได้ซับซ้อนขึ้น ในตอนนี้ พวกเขาต้องเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่แตกต่างกันเพื่อหลบหลีกลำแสงนับสิบสาย
นอกจากนั้น ช่วงระยะที่ผิดพลาดยังค่อยๆหดตัว และลำแสงก็ได้เข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆ
“ไม่ใช่ว่านี่มันอันตรายเกินไป?”เวโรนิก้าซึ่งถูกผลักไปยังมุมขอบ เริ่มเหนื่อยหอบอย่างเป็นกังวล การโจมตีครั้งต่อไปอาจจะโดนตัวพวกเขาสักการโจมตี มันนานแค่ไหนแล้วที่เธอได้ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าเธอ?กระดูกสันหลังของเธอร้อนรุ่มไปด้วยความคลุ้มคลั่งในวิกฤตที่เธอไม่เคยสัมผัสมานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์กลับไม่ท้อถอยและพึมพำ “…2นาทีและ12วินาที ช่วงระยะที่ผิดพลาดอย่างน้อย 2 วินาที สูงสุดคือ5วินาที”
“ฮะ?อะไร?”
“มันคือช่วงเวลาระหว่างลำแสง ผมไม่คิดว่ามันจะสามารถยิงได้โดยไม่มีขีดจำกัด”
ตามการคำนวณนี้ พวกเขาจะปลอดภัยอีกเป็นเวลา1นาที58วินาที แต่ไม่มีเวลาที่เหลือเฟือนัก มันจะเป็นการรุกฆาตหากพวกเขาไม่สามารถหาวิธีรับมือกับการโจมตีครั้งต่อไปได้
‘รุกฆาต’ธีโอดอร์นึกถึงคำนี้และมองไปยังดาบสั้นในมือของเขา ‘ฉันต้องใช้ดาบAzoth’
เขาได้เรียนรู้วิธีการใช้ดาบจากพาราแกรนัมมาแล้ว ธีโอดอร์เพียงแค่ต้องฝังศิลานักปราชญ์ลงไป และสัมผัสกับเป้าหมาย ในแง่หนึ่ง มันก็เหมือนกับลำแสงที่จะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสัมผัสให้เป็นปรอท อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเมอร์คิวเรียส ความเป็นไปได้ของดาบAzoth นั้นไม่มีที่สิ้นสุด
พลังที่แท้จริงของดาบAzoth คือการทดแทนด้วยสสาร ดาบจะมีความสามารถในการแปลงวัตถุใดๆที่มันสัมผัสให้เป็นสสารใดๆก็ตามที่ผู้ใช้ต้องการ นี่คือความสามารถที่ราวกับพระเจ้าของพาราเซลซัส
มันเป็นไปได้แม้กระทั่งเปลี่ยนให้เป็นดินโคลนหรือโลหะไร้ประโยชน์ให้กลายเป็นมิธริล โอริฮารูก้อนหรือทอง นอกจากนี้ มันยังกล่าวได้ว่าพาราเซลซัสได้ใช้ดาบAzoth เพื่อจัดหาวัสดุที่จำเป็นสำหรับการทดลองของเขา
อย่างไรก็ตาม มันมีข้อจำกัดในด้านพลัง
ธีโอดอร์ได้แบ่งปันความรู้นี้กับความตะกละ ซึ่งให้คำแนะนำแก่เขาอย่างชัดเจน –ทุกสสารนั้นมี’ค่า’ตามส่วนของมัน แม้ว่ามันจะมีมวลเท่ากันแต่ค่าของสสหารAจะแตกต่างจากสสารB การเปลี่ยนสสหารที่มีค่าสูงไปยังค่าต่ำจะไม่เป็นปัญหาใหญ่ แต่ในกรณีที่ตรงกันข้าม มันก็สามารถก่อให้เกิดได้ เขาได้สร้างดาบAzoth และศิลานักปราชญ์มาก็เพื่อแก้ไขปัญหานี้
‘อะไรคือ’ค่า’?”
-อารยธรรมโบราณได้อธิบายว่ามันเป็นแนวคิดเรื่องเอนโทรปี อะไรประมาณนั้น
ความตะกละได้พูดกับจ้าวมนตราราวกับมันเป็นคนยุคโบราณ แต่ธีโอดอร์ก็ได้ยอมรับมัน ธีโอดอร์ไม่รู้เกี่ยวกับศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุ แต่เขาสามารถบอกได้ว่ามันลึกลับและซับซ้อน มันเป็นความรู้ที่อยู่เหนือกว่าทุกศาสตร์
ดังนั้น ธีโอดอร์จึงเก็บความคิดนั้นไป ‘งั้น แกสามารถเปรียบเทียบค่าของสสารได้ไหม?บอกฉันว่ามันสูงหรือต่ำ ตามมาตรฐานของปรอท’
-หืม ตกลง ข้ารู้สึกเบื่ออยู่พอดี
‘เอาละ’
ขณะที่เขาบินโดยไม่มีแขนของเวโรนิก้า ธีโอดอร์ก็ได้จ้องมองไปยังเมอร์คิวเรียสที่อยู่ด้านล่างเขา
เขาควรจะเปลี่ยนสสสารของสัตว์ประหลาดนั่นเพื่อให้มันอันตรายน้อยลง? ดาบAzoth สามารถเปลี่ยนมันเป็นสสารที่เขารู้จักได้เท่านั้น ธีโอดอร์ได้คิดถึงไม่กี่อย่าง
‘แล้วทองละ?’
-…ผู้ใช้ เจ้ากลายเป็นคนโง่ตั้งแต่เมื่อไรกัน?ความหนาแน่นของทองคำย่อมสูงกว่าปรอท เจ้าต้องการเพิ่มน้ำหนักของมัน?
‘อ่า ฉันเข้าใจแล้ว สสารที่สามารถเข้าชนะได้....’
แน่นอน มันไม่ได้หมายความว่าทองคำนั้นอันตรายกว่าปรอท มันเป็นของแข็ง และยักษ์ทองจะง่ายต่อการถูกหลอมละลาย มันจะซื้อเวลาให้พวกเขาเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาพื้นฐาน ไม่ว่ามันจะเป็นทองคำหรือปรอท พวกเขาก็จำเป็นต้องเข้าไปในโบราณสถานให้เร็วที่สุด เขาต้องการสสารที่ทำให้จะลบล้างเมอร์คิวเรียสและไม่เป็นภาระ
ธีโอดอร์กังวลเกี่ยวกับมันก่อนที่จะถามเวโรนิก้า
“ผู้นำ คุณสามารถปล่อยลมหายใจได้อีกมั้ย?”
“ฉันสามารถทำมันได้อีกสองครั้ง ทำไมหรอ?”
“เตรียมตัวรอได้เลย ผมจะสร้างโอกาสให้คุณ”
เวรินก้าทำท่าทางแปลกๆกับคำพูดของเขา แต่เธอไม่มีเวลาที่จะซักถาม มันเป็นเวลา1นาที30วินาทีแล้วที่ลำแสงถูกยิงมา พวกเขามีเวลาเหลืออีกเพียงแค่40วินาที จนกว่าจะถึงเวลารุกฆาต ดังนั้นเธอจึงถูกบังคับให้เชื่อใจเขา
เวโรนิก้าพยักหน้าเมื่อเห็นดวงตาที่จริงจังของเขา “ได้เลย!ฉันจะไม่ถามอะไรและจะทำตามสิ่งที่เธอบอก”
“ขอบคุณ!”
“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?”
เขาอธิบายมันสั้นๆ ดวงตาของเธอส่องประกายสีเหลือง และปีกไฟของเธอได้กระพือไปมาขณะที่เธอรู้สึกตื่นเต้น จากนั้นแขนกอดธีโอดอร์ไว้ ก็ได้คลายออก
วูบบบบ!
เขาได้เริ่มทิ้งตัวลง ด้วยความสูงหลายกิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล จอมเวทย์หนุ่มได้ทิ้งตัวลงจากฟ้า
ด้วยอัตราการทิ้งดิ่งหลายสิบเมตรต่อวินาที ขอบคุณความเร็วนี้ ธีโอดอร์ตระหนักได้ว่าเขาเริ่มใกล้ร่างของเมอร์คิวเรียสแล้ว ในเวลาเดียวกัน ดวงตานับร้อยดวงของมันก็ตระหนักได้ถึงเขาที่เข้ามาใกล้
ขณะที่สายตาของทั้งสองได้สบกัน
ตึงง!
เสาปรอทก็ได้พุ่งทะยานไปด้านบน ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่ง แต่แขนทั้งสองข้างของมันได้เล็งไปยังธีโอดอร์ที่ตกลงมา ธีโอดอร์ได้ร่วงหล่นใส่กำปั้นขนาดมหึมาอย่างรวดเร็ว หากเขาพุ่งเข้าใส่มัน เขาจะเปลี่ยนเป็นกองเลือดทันที ธีโอดอร์คำนวณระยะเวลาด้วยสายตากว้าง เขาไม่สามารถที่จะพลาดสิ่งเล็กๆไปได้แม้แต่นิดเดียว เพราะข้อผิดพลาดเพียงไม่กี่วินาที นั่นหมายถึงชีวิตของเขา
หลังจากนั้นสองวินาที แสงสีเขียวได้กระพริบบนแขนขวาของธีโอดอร์ มันเป็นการปลดปล่อยมิติ ร่างกายของเขาจะก้าวไปจากโลกวัตถุนี้หนึ่งก้าวและทำให้เขาทะลุผ่านกำปั้นปรอทได้ แม้กระทั่งอำนาจของเทพเจ้าก็จะไม่มีผลต่อเขาในสภาพนี้
ฉึก!
ธีโอดอร์ได้แทงดาบAzoth เข้าใส่เมอร์คิวเรียส
“Ars Magna!”
มันเป็นคำร่ายเพื่อเปิดใช้งานดาบAzoth มันเป็นคำที่นักเล่นแร่แปรธาตุที่มีฝีมือใช้เพื่อนำทางไปหาทองคำ พาราเซลซัสได้หยิบยืมคำนี้มาเพื่อใช้สำหรับเครื่องมือชิ้นนี้
หากบางคนสามารถที่จะเปลี่ยนของไร้ค่าให้กลายเป็นทองได้ เขาคงจะสามารถเปลี่ยนแปลงกฏทั้งหมดของโลกได้ตามต้องการ
“จงกลายเป็นน้ำ เจ้าสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียส!”
ตามคำสั่งของธีโอดอร์ ศิลานักปราชญ์ที่ถูกฝังลงบนดาบได้ส่องประกายสีทองออกมา ทันใดนั้น เมอร์คิวเรียสก็ได้ละลาย ไม่สิ ใช้คำว่าละลายคงไม่เหมาะสม ปรอทเป็นของเหลวอยู่แล้วตั้งแต่แรก ดังนั้นมันจึงเหมาะสมกว่าที่จะบอกว่ามันไหลลง
มวลของปรอทที่ยาวกว่า50เมตร ได้แตกสลายเป็นน้ำ
...และเวโรนิก้าไม่มีทางที่จะพลาดโอกาสนี้ ท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยสีแดง มันเป็นเวทย์ไฟ ที่รุนแรงกว่าเวทย์ขั้น8 ลมหายใจของมังกรแดง
จนถึงตอนนี้ เธอไม่สามารถใช้มันได้เนื่องจากพิษของปรอท อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ปรอทได้เปลี่ยนเป็นน้ำแล้ว ราวกับการได้ปล่อยความรู้สึกที่อัดอั้นทั้งหมด ลมหายใจได้แผดเผาแม้กระทั่งทรายที่เปียกชื้น
ฮว้ากก-!
การต่อสู้กับเมอร์คิวเรียส ได้จบลงด้วยเปลวเพลิงที่กระจัดกระจายไปทั่ว
มันเป็นชัยชนะที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นหากปราศจากดาบAzoth การต่อสู้ที่ขัดจากสามัญสำนึก ได้จบลงด้วยชัยชนะของสองจอมเวทย์
***
หลังจากที่การต่อสู้กับเมอร์คิวเรียสได้จบลง ธีโอดอร์และเวโรนิก้าก็แทบจะไม่สามารถกลับไปยืนบนพื้นได้ มันเป็นการต่อสู้ที่ใช้เวลาไม่ถึง30นาที แต่เมื่อพวกเขาลงสู่พื้น พวกเขากลับรู้สึกถึงความมั่นคงของพื้นดิน
มันต้องขอบคุณทรายที่แข็งตัวจากลมหายใจของเวโรนิก้า
“ยังไงก็ตาม”
“ครับ?”
เวโรนิก้า ผู้ที่กำลังเดินไปข้างหน้า ได้พูดขึ้นอย่างกะทันหัน “เธอไปเอาดาบเล่มนั้นมาจากไหน?มันมีความสามารถที่อยู่เหนือสามัญสำนึกโดยแท้จริง มันเป็นสมบัติแห่งชาติที่เธอได้รับมาจากฝ่าบาท?”
“อ่า นี่คือสิ่งที่ผู้นำYellow Tower ให้ผมยืมมา”
“อะไรนะ?ผู้นำYellow Tower?”
ธีโอดอร์บ่ายเบี่ยงเป็นว่าเขาได้ยืมมันมา แต่เวโรนิก้าได้มุ่งความสนใจไปที่ผู้นำYellow Towerมากกว่าดาบAzoth ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาจะไม่ดีนัก ขณะที่เธอจัดผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ เธอก็ได้พูดขึ้นด้วยเสียงเยาะเย้ย“ฉันไม่รู้ว่าไอแรคคูนนั่นกำลังคิดอะไรอยู่….”
เป้าหมายของเขาคือการสร้างมนุษย์ด้วยการเล่นแร่แปรธาตุ!อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์ไม่ได้ตอบเธอและเดินตามหลังเธออย่างระมัดระวัง
พวกเขาเดินผ่านซากศพของอัศวินเงาแห่งแอนดราสไป ธีโอดอร์และเวโรนิก้าสามารถเข้ามาในอุโมงค์ได้โดยไม่มีอะไรขัดขวาง หลังจากที่พวกเขาเดินต่อไปไม่กี่ก้าว เขากํสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มี2คนที่กำลังหายใจปกติและอีกหนึ่งที่หายใจลำบาก
‘สาม?ทำไมจึงมีแค่สาม?’
มุจักและเหล่าสมาชิกQuattro ควรที่จะมี4คน ก่อนที่ทั้งสองจอมเวทย์จะงงงวยไปมากกว่านี้ กลุ่มของซิลเวียที่เข้ามายังโบราณสถานก่อนหน้าก็ได้ทักทายพวกเขาเสียก่อน ธีดอดอร์ไม่ทราบว่าลอยด์ได้หายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงยังคงเฝ้าระวังอยู่
“ธีโอ!เธอปลอดภัย!”
“โอ้ ตามที่คาดไว้ ผู้นำหอคอย!คุณสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดนั่นได้?”
“อึก....ข้าดูน่าสมเพชสินะ”
ซิลเวียและวิลเลี่ยมรู้สึกยินดีอย่างมากขณะที่มุจักยิ้มออกมาอย่างสดใส เมื่อธีโอดอร์เข้าใจได้ว่าใครขาดหายไปในที่นี้ เวโรนิก้าก็ได้ชิงถามก่อนเขา “แล้วเด็กที่ชื่อพาร่าอยู่ไหนละ?ฉันไม่เห็นเธอ”
ท่าทางของทั้งสามคนได้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน มันเป็นเพราะพาร่าได้หายตัวไป พวกเขามัวแต่จดจ่ออยู่กับบาดแผลของมุจักและไม่ทราบว่าเธอไปที่ไหน คนทั้งสองที่พึ่งมาถึงได้ค้นหาพื้นที่โดยรอบ แต่ก็ไม่พบคำตอบ
ในขณะนั้นเอง....
[ระบุรหัส PRGRN3681214 ตรวจสอบการเข้าสู่ระบบของ รอง-ผู้สร้าง มี5คนที่ไม่ใช่ศัตรู อนุมัติให้เข้าถึง พวกเขาจะมุ่งตรงไปยังห้องรอในพื้นที่B-13]
ภาษาที่ไม่รู้จักได้ดังสะท้อนในหัวของพวกเขา ไม่มีโอกาสที่จะตอบสนอง ธีโอดอร์และเวโรนิก้า ไม่สามารถที่จะเข้าใจสถานการณ์นี้ได้ จากนั้นทั้ง5คนก็ได้หายตัวไป มันเป็นการถูกบังคับให้เคลื่อนย้ายซึ่งไม่จำเป็นต้องได้รับคำยินยอมจากบุคคลอื่น ความเงียบได้ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ขณะที่ทั้ง5คนได้หายไปจากอุโมงค์
ฟุ้บ......
เมื่อฝุ่นเบาบางลง ก็ไม่มีใครที่อยู่รอบๆอีก พื้นที่ยังอุ่นเป็นเพียงหลักฐานเดียวที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีคนอยู่ที่นี่ก่อนหน้า