ตอนที่ 149: เอ้อระเหย (2)
"เอลฟ์ไม้"
ดรายแอดหยุดชั่วครู่และเริ่มค้นหาผ่านความทรงจำ เขาตอบหลังจากที่ผ่านไปหลายนาที
"พวกเขาย้ายไปที่อื่นไม่นานมานี้และผู้คนไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน เอลฟ์ไม้มีวิธีพิเศษของตัวเองเพื่อลบร่องรอยและพวกเขาจะสร้างสวนลับหลังจากที่ไปถึงป่าแห่งใหม่หรือพื้นที่ใหม่ ครั้งแรกที่ข้าพบเอลฟ์ไม้ก็ประมาณ 130 ปีก่อนและพวกเขาเป็นคนที่น่ารักและอ่อนโยน อา....คิดถึงจัง.....เวลาได้ผ่านไปเร็วจริงๆ ข้าจำวันที่พวกเขาเต้นอยู่บนมือของข้าและข้าก็ตื่นขึ้นเพราะท่วงทำนองที่น่าเหลือเชื่อของพวกเขาทุกวัน"
ดรายแอดถอนหายใจ "แต่สิ่งที่เจ้าไม่รู้ก็คือเสียงสวรรค์ของพวกเขาดังนั้นผู้คนอาจจะสูญเสียจิตใจเพียงแค่ได้ฟังพวกเขาร้องเพลง นอกจากนี้พวกเขายังนำผลไม้และเนื้อมาให้ข้าเป็นครั้งคราว มันเป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ พวกเขาเคลือบเนื้อซี่โครงด้วยแยม....ไม่ได้กินแบบนั้นมานานแล้ว....."
"เจ้าไม่ได้ตอบคำถามของข้า"
แองเจเล่เพียงแค่อยากรู้ว่าเอลฟ์ไม้นั้นหายไปไหน
"ให้ข้าคิดดูก่อน.....มันต้องใช้เวลาสักหน่อย....."
ดรายแอดวางมือไว้ที่หน้าผาก ดูเหมือนว่าเขากำลังมีปัญหากับการระลึกถึงสิ่งต่างๆในอดีต
"มิติเวลาของเราแตกต่างกันดังนั้นข้าจึงต้องทำการคำนวณ.....มันทำให้ข้าใช้เวลาหลายปีในการเรียงเส้นผมของข้าหรือการหันไปรอบๆ.....มนุษย์เช่นเจ้าใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการทำเช่นนั้นแต่ข้าไม่สามารถทำได้ อายุขัยของข้านั้นยาวนานทำให้ข้าลืมสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว" ต้นไม้พึมพำขณะที่เหวี่ยงกิ่ง
"มิติเวลางั้นหรือ เจ้าเคยพบพ่อมดมาก่อนใช่ไหม"
แองเจเล่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"แน่นอน ข้าได้พูดกับพ่อมดหลายครั้งที่ข้าตื่น พวกเขายืนอยู่ข้างข้าพูดถึงการศึกษาของพวกเขาและได้รับข้อมูลบางอย่างจากข้า อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้.....โอ้! ใช่แล้ว! ข้าจำได้แล้ว" ทันใดนั้นดรายแอดก็ตะโกนออกมา เสียงของมันดังมากจนเกือบทำให้แองเจเล่มึน
"พวกเขายังอยู่ในพันธมิตรแอนดีสแต่พวกเขาได้สร้างสวนลับขึ้นอีกที่ เจ้ากำลังมองหาทิคก้า โซยุนงั้นหรือ"
"ทิคก้า โซยุน? มันเป็นชื่อสวนลับของพวกเขาหรือ" แองเจเล่ถาม
"ใช่ ทิคก้า โซยุนในภาษาของพวกเขาหมายถึงที่พักพิง สวนลับส่วนใหญ่ของพวกเขาใช้ชื่อนี้ พวกเขาควรจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อมากขึ้น" ดรายแอดเริ่มพูดนอกเรื่องอีกครั้ง
"ข้าเสนอพวกเขาไปหลายชื่อเมื่อพวกเขายังอยู่ที่นี่แต่พวกเขาไม่ฟัง นอกจากนี้พวกเขายังใช้เวลาเพียงปีเดียวในการตัดสินชื่อ.....แต่ข้าใช้เวลาหลายปีในการคิด......ควรจะเรียกว่าเมอร์โร่อบหรือสวนของเอลฟ์ดี มันฟังดูดีกว่าใช่ไหม"
"เจ้าพูดนอกเรื่องแบบนี้กับทุกคนที่มาหาเจ้าไหม"
แองเจเล่พูดไม่ออก
"เอาล่ะ พวกเขาจะไม่สามารถปลุกข้าได้โดยไม่มีของที่ระลึก ของที่ระลึกจะช่วยให้ข้าสามารถปรับมิติเวลาของข้า มิฉะนั้นข้าจะไม่สังเกตเห็นทุกคนที่อยู่ที่นี่ สถานที่นี้เคยเป็นเมืองแต่ผู้คนหายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง โอ้ เดี๋ยวก่อน ที่จริงแล้วมันมีแผ่นดินไหว ไฟไหม้และหมีดำขนาดใหญ่.....อา.....ข้าอยากกินเนื้อของมัน...."
"ข้ามีอีกหนึ่งคำถาม" แองเจเล่ขัดจังหวะ "เจ้ารู้ภาษาโกลาหลไหม"
"ภาษาโกลาหล มันคืออะไร ไม่เคยได้ยินมาก่อน" ดรายแอดดูสับสน "ข้าไม่สามารถตอบคำถามของเจ้าได้ ข้าคิดว่ามันเป็นความลับของพ่อมด ถามคำถามอื่น ข้าแก่อย่างที่เห็นและข้าก็ลืมหลายๆสิ่ง โอมิเคดเคยบอกไว้ว่าข้าอาจเป็นโรคสมองเสื่อมบางอย่างแต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น เจ้ารู้อะไรไหม...."
แองเจเล่ดูผิดหวัง เขาขัดต้นไม้จากการพูดอะไรไร้สาระ "เฮ้ เจ้ารู้ไหมว่าจะขจัดสิ่งสกปรกจากพลังจิตของข้าอย่างไร ข้าดื่มยามากเกินไป"
"สิ่งสกปรก......อืมมม......ขอข้าคิดดูก่อน....."
.
ดรายแอดขมวดคิ้วและเริ่มคิด
เขาจ้องที่แองเจเล่หลายนาที
"ขอโทษด้วย ข้ากำลังคิดสิ่งอื่นอยู่......"
"...." แองเจเล่กำลังทน เขาเกือบจะปวดหัวจากการพูดกับต้นไม้
"ความเข้มข้นของพลังจิต อา ข้ารู้วิธี....."
ดรายแอดเห็นแองเจเล่จ้องมาที่เขาและตัดสินใจที่จะเน้นไปที่คำถาม
"มันทำอย่างไร" แองเจเล่ถามเสียงเข้ม
"อืมมม....อย่างแรกเจ้าต้องมีความเชื่อที่แข็งแกร่งและก็ใช้พลังงานบริสุทธิ์เพื่อแทรกซึมสิ่งสกปรกเหล่านั้น ถ้าเจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้นานพอพลังจิตของเจ้าก็จะเปลี่ยนไปและสิ่งสกปรกจะหายไปหลังจากที่ดูดซึมโดยพลังงานบริสุทธิ์"
"มันเป็นวิธีที่พ่อมดทางการสามารถใช้ได้เท่านั้นใช่ไหม พวกเขาจะตายหากพวกเขาทำเช่นนั้นโดยใช้รังสีพลังงาน"
แองเจเล่ยกคิ้ว
"รังสีหรือ ใช่ เจ้าพูดถูก มีเพียงพ่อมดทางการที่สามารถรับรังสีที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้มันยังใช้เวลา บางทีอาจจะเป็นปี สำหรับเขามันเป็นเพียงระยะเวลาที่ข้าเกาหัว เจ้าอาจจะรู้แล้วว่าดรายแอดเช่นข้าจะ....." ต้นไม้ตอบคำถามเสร็จก็เริ่มเปลี่ยนหัวข้ออีกครั้ง
แองเจเล่พยักหน้าและละเลยคำพูดส่วนที่เหลือของดรายแอด
วิธีการนี้ง่ายกว่าที่เขาคิด เขาสามารถใช้ชิปเพื่อถ่ายโอนรังสีพลังงานสู่ร่างกายของเขาแต่ได้เพียงธาตุเดียวเท่านั้น เขาสงสัยว่ารังสีของแหวนเวทมนต์ช่วยเขาพัฒนาความสัมพันธุ์กับอนุภาคพลังงานลม
"ขอบคุณสำหรับคำอธิบาย" แองเจเล่โค้งให้ต้นไม้เล็กน้อย "ถ้าข้าไม่ฟังมันด้วยตัวเองข้าก็จะไม่เชื่อว่าดรายแอดชอบเนื้อย่าง"
"ฮ่าฮ่า! เช่นนั้นหรือ ข้าแตกต่างใช่ไหม" ดรายแอดหัวเราะ เขาดูพอใจกับคำพูดของแองเจเล่ "อ่ะนี่ เจ้าเอานี่ไป"
มีเศษไม้ขนาดเล็กตกลงไปที่พื้น
แองเจเล่หยิบขึ้นมา มันเป็นเศษไม้ที่เขาให้ไปก่อนหน้านี้แต่คำที่เขียนเปลี่ยนเป็นแผนที่ มีจุดสีดำอยู่ตรงตำแหน่งหนึ่งซึ่งมีคำว่า'ทิคก้า โซยุน'
แองเจเล่ยิ้มไปที่ต้นไม้และหันกลับไปแล้วออกจากสถานที่นี้
เขาเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะเข้าอุโมงค์อีกครั้ง มีนกสีม่วงหลายตัวอยู่บนท้องฟ้าแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาไม่สังเกตเห็นพวกมันขณะที่คุยกับดรายแอด
***********************
แองเจเล่พบสถานที่บนแผนที่ก่อนที่มันจะมืด มันเป็นทุ่งขนาดใหญ่ข้างแม่น้ำ มีบ้านไม้เรียงรายอยู่แต่พวกมันอาจจะพูดทอดทิ้งเป็นเวลานานแล้ว
แองเจเล่เดินไปรอบๆเพื่อตรวจสอบบ้านแต่ไม่พบสิ่งที่มีค่า ดูเหมือนว่าเอลฟ์ไม้ได้ออกจากที่พักพิงเป็นเวลานานแล้วดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะมุ่งหน้ากลับ
มันเริ่มมืดแล้ว แองเจเล่กลับมาถึงสถานที่ที่เขาจอดรถม้าและพบว่าอนุภาคพลังงานรอบๆไม่ได้ถูกสัมผัส
เขาเข้าไปในรถม้าและพยายามติดตามแม่ของเขาด้วยคาถาติดตามแต่สิ่งเดียวที่พบก็คือการชี้ทาง
คาถาติดตามสามารถติดตามตำแหน่งของคนที่หายไปภายในสามปีหลังจากที่หายตัวไป คาถาได้รับการพัฒนาโดยอาจารย์ลิเลียน่า เธอสอนแองเจเล่เป็นชุดความรู้พิเศษสำหรับรูปแบบคาถาที่เรียนดังนั้นแม้ว่าจะมีคนขโมยรูปแบบนี้ไปแต่เขาก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้
มันได้มืดลงและแองเจเล่ก็แขวนโคมไฟน้ำมันไว้ข้างหน้าของรถม้า แม้ว่าม้าจะไม่ต้องการแสงแต่เขาก็ยังต้องการดูว่ามีอะไรขวางทางหรือไม่
ดวงจันทร์ถูกบัดบงด้วยเมฆ แองเจเล่ถือสายบังเหียนไว้ในมือในขณะที่ขับรถม้าอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้เขายังตรวจสอบสภาพแวดล้อมตลอดเวลา ด้วยพลังจิตที่สูงเขาสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างรวดเร็ว
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนี้ แองเจเล่นั่งบนรถม้าและกลับเส้นทางเดิม
************************
สองวันต่อมา
รถม้าสีเทาค่อยๆช้าลงที่ถนนที่อยู่ระหว่างพุ่มไม้สีเขียว เสียงล้อและกีบม้ามันดังมากในตอนเช้า
แองเจเล่จับสายบังเหียนในมือขณะที่เขามองไปที่ต้นไม้ด้นขวา เขามองเห็นหอเฝ้าระวังได้อย่างชัดเจนระหว่างช่องว่างของต้นไม้
เขาเห็นใบเลื่อยอยู่ข้างๆต้นสนขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่านายพรานได้ทำงานเสร็จแล้ว พื้นที่นี้เงียบมากแองเจเล่ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงนก
เขาขมวดคิ้ว "หยุด...."
รถม้าค่อยๆช้าลง เขากระโดดลงจากรถม้าและรีบเดินไปที่ต้นสนขนาดใหญ่
แองเจเล่สัมผัสน้ำค้างบนใบเลื่อยและรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นายพรานไม่ได้กลับมาหยิบอุปกรณ์ของเขาหลังจากฝนหยุดตกซึ่งหมายความว่ามีสิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่แองเจเล่ออกจากหอเฝ้าระวัง เขาอาจจะไม่ได้ฟังคำแนะนำ
การแสดงออกของแองเจเล่เปลี่ยนไป เขามองไปที่หอเฝ้าระวังและยกมือขวาขึ้นเพื่อสร้างมีดสีเงิน
เขาจับมีดไว้แล้วเริ่มเดินไปที่หอเฝ้าระวัง เขาขึ้นเนินเล็กๆและมาถึงทางเข้าหลังจากที่ผ่านไปหลายนาที
เขาผลักประตูและเข้าไปอย่างระมัดระวัง
กองไฟตรงกลางห้องดับนานแล้ว มีเพียงกองขี้เถ้าสีดำอยู่ใต้โครงโลหะแต่นายพรานไม่ได้อยู่ที่นี่
แองเจเล่คุกเข่าลงข้างกองไฟและจุ่มนิ้วลงไปในขี้เถ้า มันเย็น
เขามองไปรอบห้องและเห็นของเหลวสีแดงเข้มที่พื้น เขาเอามือแตะของเหลวแล้วก็ดม
"เลือด...."
รอยเลือดยาวไปถึงบันได
เขาเดินขึ้นบันไดวนและพบร่างกายของนายพรานเมื่อเดินไปครึ่งทาง
นายพรานกำลังนั่งกอดเข่าและมีสระเลือดอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
การแสดงออกของแองเจเล่เปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีใครบางคนเป่าลมเย็นๆบนคอของเขา
ชี่
มีจุดสีน้ำเงินเป็นประกายอยู่ในดวงตาของแองเจเล่และเขาก็กัดริมฝีปากด้วยมุมแปลกๆ