ตอนที่ 145: โอมิเคด (2)
รถม้าค่อยๆช้าลงตรงทางเข้าที่มีทหารยามและไปถึงพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหญ้า มีรถม้าสีเงินที่ตกแต่งด้วยทองคำบนหลังจาจอดอยู่และมีคนหลายคนรออยู่ข้างๆ
มีชายชราที่ดูสะอาดมีผมสั้นสีขาวที่ได้รับการคุ้มครองจากทหารยามหลายคน เขาสวมชุดคลุมสีแดงและจ้องที่รถม้าของเจ้าชายจัสติน
"โอมิเคด!" จัสตินเปิดหน้าต่างและตะโกน "แขกผู้มีเกียรติของเราอยู่ที่นี่! เจ้าควรขอบคุณข้าสำหรับเรื่องนี้" มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
"ไม่เอาน่าจัสติน ต่อหน้าแขกของเราเจ้าทำตัวดีๆหน่อย" ชายชราตอบ
รถม้าของจัสตินและแองเจเล่ค่อยๆหยุดข้างหน้าชายชรา ทหารเปิดประตูให้พวกเขาและพวกเขาก็ออกจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
จัสตินแนะนำแองเจเล่ให้กับชายชรา
"นี่คือท่านแองเจเล่ เขามีความรู้ในสิ่งที่เจ้าสนใจและข้าคิดว่าทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในไม่ช้า"
จัสตินหันกลับมามองที่แองเจเล่
"นี่คือโอมิเคดปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของพันธมิตร ข้าคิดว่าทั้งสองคนมีความสนใจสิ่งเดียวกัน"
'ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่' แองเจเล่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพื่อให้ได้ชื่อเช่นนี้จะต้องมีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ต่ออาณาจักรและนอกจากนี้ยังต้องได้รับความเคารพจากนักวิชาการทั้งหมด
"ยินดีที่ได้พบ"
"เช่นกัน"
พวกเขาโค้งให้กันและกันอย่างสุภาพ
แองเจเล่ยืดหลังตรงและสังเกตชายชราข้างหน้า ผมของโอมิเคดนั้นสั้นเกือบจะดูเหมือนหัวล้าน เขามีรูม่านตาสีเหลือง จมูกงุ้ม แก้มลึกและดูผอม แองเจเล่ไม่แน่ใจว่าชุดคลุมสีแดงของเขามีขนาดใหญ่เกินไปหรือว่าเขาผอมเกินไป
ชายคนนี้ดูแก่แต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังงาน แองเจเล่ตัดสินใจที่จะสแกนเขาด้วยซีโร่
[งานเสร็จสิ้น ไม่พบสนามพลัง พ่อมดฝึกหัดขั้นที่สาม อัศวินขั้นกลาง สามารถตรวจสอบรายละเอียดค่าสถานะ] ซีโร่รายงานหลังจากผ่านไปหลายวินาที
'ข้าไม่อยากเห็นค่าสถานะของเขา'
แองเจเล่สนใจข้อมูลของโอมิเคด มันเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่เป็นแบบนี้ โอมิเคดเป็นอัศวินและในขณะเดียวกันเขาก็เป็นพ่อมดฝึกหัด อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าโอมิเคดจะมีระดับพรสวรรค์ต่ำและเขาล้มเหลวในการเชี่ยวชาญทั้งสองอย่าง
"ออร่ารอบร่างกายของท่านนั้นเข้มข้นมาก" โอมิเคดใช้คาถาพิเศษบางอย่างและรู้ว่าพลังจิตของแองเจเล่นั้นสูงมาก
"น่าสนใจ ข้าคิดว่าคนเช่นเจ้าไม่สามารถทำลายขีดจำกัดและไม่สามารถเป็นพ่อมดหรือแกรนด์อัศวินได้" แองเจเล่หยุดชั่วครู่ "ข้านึกภาพไม่ออกเลยว่าต้องทุ่มเทขนาดไหนในการฝึกฝน แม้ว่าเจ้าจะล้มเหลวในการทำลายขีดจำกัดแต่ความสำเร็จของเจ้าก็ยังน่าทึ่งมาก"
"ฮ่าฮ่า พ่อมดทุกคนที่ข้าพบก็พูดเช่นนี้" โอมิเคดยิ้ม "เข้าไปในเมืองกันเถอะ ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงไว้ให้ท่านแล้ว"
แองเจเล่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเกลียดการทำตัวสุภาพและชอบรับประทานอาหารแบบปกติ
"ไม่ต้องห่วง มันเป็นเพียงงานเลี้ยงส่วนตัวเล็กๆ ข้าเกลียดสถานที่ที่ให้ไวน์มากกว่าเนื้อสัตว์และขนมปังด้วยเช่นกัน" โอมิเคดเหมือนกับรู้ว่าแองเจเล่กำลังคิดอะไร
"ข้าจะให้เขาอยู่กับท่าน" จัสตินขัดจังหวะ "ข้าต้องรายงานต่อกษัตริย์ก่อน"
"แน่นอน ไปเถอะ" โอมิเคดพยักหน้า "ท่านแองเจเล่จะไปบ้านของข้า"
"ฮ่าฮ่า ขอบคุณ" แองเจเล่พยักหน้าและมองไปรอบๆ
อาเรียถูกสร้างขึ้นเป็นเมืองรูปเปลือกหอยขนาดมหึมาและแองเจเล่ยืนอยู่บนพื้นดินสูงที่มีมุมมองที่ดีในการมองเห็นสถานที่ทั้งหมด
มีกลุ่มนกบินเหนือเมืองใหญ่และเขาได้ยินเสียงระฆังในหอนาฬิกา
ภายใต้ท้องฟ้าสีครามมีอาคารบ้านเรือน หอคอย รถม้าและคนเดินเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในมุมมองของแองเจเล่
ทั้งเมืองถูกจัดการได้ดี ถนนนั้นยุ่งวุ่นวาย มีสวนสาธารณะที่เงียบและถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ แองเจเล่ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยและเห็นประติมากรรมของมนุษย์ขนาดใหญ่ที่มีแสงสีเงินบนผิวตรงกลางเมือง
เป็นผู้ชายเปลือยส่วนบนสวมหมวกขนนก(เป็นหมวกที่คล้ายๆกับหมวกของโรมันโบราณที่มีเหล็กตรงกลางหมวกขึ้นมาคล้ายๆผมทรงโมฮอร์คและมีขนนกอยู่ข้างบน) เขาถือหอกและโล่ไม้ในมือ ดูเหมือนว่าเขากำลังปาหอกไปที่ดวงอาทิตย์
ประติมากรรมสูงกว่าอาคารใดๆในเมืองและบ้านรอบๆนั้นมีการตกแต่งที่ค่อนข้างดี มีทางเดินสีขาวและมีหลังคาสีเงินมันดูเกือบจะเหมือนว่าเป็นพระราชวังที่สร้างล้อมรอบ
"นั่นคือรูปปั้นของประธานคนแรกของสภา วีรบุรุษในตำนานกษัตริย์เบลล์" โอมิเคดอธิบายเมื่อสังเกตเห็นว่าแองเจเล่กำลังจ้องที่ใด "สูง 112 เมตรและมันเป็นงานศิลปะที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง"
"ขอบคุณสำหรับคำอธิบาย มันน่าทึ่งมาก" แองเจเล่ชมเชย
"ข้าไม่เคยเหนื่อยเลยเมื่อจ้องไปที่มัน...." โอมิเคดถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย "ไปกันเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกเตรียมไว้แล้ว"
"ตกลง" แองเจเล่หันกลับไปและเข้าไปในรถม้าสีเงิน
โอมิเคดเข้าไปในรถม้าหลังเขาและพวกเขาก็เริ่มมุ่งหน้าลงเนินเขาพร้อมกับยามที่ปกป้องพวกเขา
*******************
"เชียร์!"
แองเจเล่และโอมิเคดยกแก้วไวน์ขึ้นไปในอากาศ พวกเขานั่งตรงข้ามกันโต๊ะปกคลุมไปด้วยผ้าสีขาว จานบนโต๊ะไม่ได้มีลักษณะที่สวยงามอะไรแต่กลิ่นของมันทำให้แองเจเล่หิว
พวกเขาอยู่ภายในห้องทรงกระบอกและผนังถูกทำด้วยอิฐสีเทา มีนกบินผ่านหน้าต่างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นครั้งคราว
"ท่านคิดว่าอย่างไร หอคอยของข้าไม่เลวใช่ไหม" โอมิเคดมีรอยยิ้มภาคภูมิใจ
แองเจเล่พยักหน้า "ที่นี่มีเก้าชั้นใช่ไหม น่าจะสูงประมาณเก้าสิบเมตร"
"ใช่ มันสูงประมาณเก้าสิบเมตร บันไดเหล่านี้มันทำให้เจ็บปวดแต่ข้าก็ชอบห้องนี้" โอมิเคดจิบไวน์เขียวจากแก้วของเขาและพูดต่อ "ข้าคิดว่าท่านเข้าใจได้ว่าข้าต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบในการทำวิจัยของข้า"
"ใช่" แองเจเล่พยักหน้า "แต่ที่นี่มันเย็นมากและมันไม่สะดวกจริงๆ มันทำให้เราใช้เวลาสักพักหนึ่งเพื่อมาถึงชั้นเก้า"
"ใช่ ท่านพูดถูกแต่ข้าเคยชินกับมันแล้ว"
"พ่อมดที่แท้จริงจะพบสถานที่ของเขาในที่พลุกพล่าน" แองเจเล่หัวเราะเบาๆ
"ท่านพูดถูก" โอมิเคดหัวเราะเบาๆด้วยเช่นกัน
แองเจเล่และโอมิเคดยังคงพูดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆในขณะที่เพลิดเพลินกับอาหาร ไวน์เขียวในแก้วของพวกเขามีกลิ่นผลไม้ ไม่มีสาวใช้หรือคนรับใช้รอบๆและแองเจเล่รู้สึกผ่อนคลายในสภาพแวดล้อมที่สบายแบบนี้
หลังจากที่ทานอาหารส่วนใหญ่หมดแล้วแองเจเล่ก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนหัวข้อ
"เอาล่ะ เจ้ามีข้อมูลที่ข้าต้องการไหม" ทันใดนั้นเขาก็ถาม
"แน่นอน ข้าได้เตรียมไว้ให้ท่านแล้ว"
โอมิเคดค้นกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่งและเอาเศษไม้สีน้ำตาลขนาดเล็กออกมา มีเมล็ดข้าวบนผิวของมันถูกเรียงด้วยภาษาแอนแมค
"อ่ะนี่" โอมิเคดยื่นเศษไม้ให้แองเจเล่ "มันเป็นที่อยู่ของเพื่อนข้า ข้าคิดว่าเขาสามารถตอบคำถามของท่านได้"
แองเจเล่คว้าเศษไม้และสังเกตอย่างระมัดระวัง เขาไม่สามารถตรวจจับอนุภาคพลังงานใดๆได้ซึ่งหมายความว่าเมล็ดที่เป็นคำนี้เป็นของธรรมชาติ
มันอ่านว่า 'ป่าเงา ข้างล่างของรังอริด้า'
แองเจเล่เก็บเข้าไปในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
"ตามสัญญา เจ้าสามารถถามคำถามข้าได้หนึ่งเรื่อง"
โอมิเคดได้ยินคำพูดของแองเจเล่และหัวเราะ
"ที่จริงแล้วข้าต้องการรูปแบบคาถา"
"รูปแบบคาถา" แองเจเล่ลังเล "ขอโทษด้วยเจ้าต้องให้มากกว่าที่อยู่เพื่อแลกกับรูปแบบคาถา"
"แน่นอน ข้าเข้าใจ" โอมิเคดวางส้อมลงและลุกขึ้นยืน "ข้ารู้มากกว่าสิบภาษา นอกจากนี้ข้ายังมีหนังสือโบราณที่บันทึกประวัติและภูมิประเทศของดินแดนนี้ ถ้าท่านไม่ต้องการของเหล่านี้ข้ายังมีอุปกรณ์ที่ข้าได้รับจากพ่อมดคนอื่นๆผ่านการซื้อขาย"
แองเจเล่กินอาหารเสร็จแล้วดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน พวกเขาเดินลงไปบันไดวนและไปห้องที่ชั้นหก
มันเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีตู้หนังสือเต็มไปหมด
"อ่านหนังสือเล่มก็ได้ตามที่ท่านต้องการและข้าหวังว่าท่านจะพบสิ่งที่ท่านต้องการ" โอมิเคดพูดในขณะที่ยืนอยู่ข้างทางเข้า
แองเจเล่พยักหน้าและเดินไปที่ตู้หนังสือ เขาเริ่มตรวจสอบหนังสือทีละเล่ม: เรื่องลี้ลับ พื้นฐานของคาถา ความงามประติมากรรม การค้นหามนุษยชาติของอนัส เพศและคาถา การเพิ่มขึ้นของอาณาจักร...
หนังสือส่วนใหญ่ถูกเขียนด้วยมนุษย์ธรรมดา บางคนสงสัยเกี่ยวกับโลกของพ่อมดแต่ขุดไม่ลึกพอและหนังสือส่วนใหญ่ไม่ค่อยน่าอ่าน เขาพบหนังสือที่น่าสนใจมากมายที่กล่าวถึงชีวิตประจำวันของพ่อมดแต่ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์กับเขา
หนังสือพ่อมดที่นี่ไม่ได้หายาก แองเจเล่เก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้แล้วเมื่ออยู่ที่แรมโซด้า
โอมิเคดคิดว่าแองเจเล่เป็นเพียงพ่อมดหนุ่มที่ไม่มีเวลาอ่านหนังสือทั้งหมดในองค์กรของเขาแต่เขารู้ว่าแองเจเล่น่าจะเป็นพ่อมดมือใหม่ที่มีความรู้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ห้องสมุดที่โอมิเคดภาคภูมิใจไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์กับเขา
หลังจากที่ผ่านไปหลายนาทีทันใดนั้นแองเจเล่ก็หยุดลงข้างตู้หนังสือตู้หนึ่ง
"หนังสือส่วนที่ตู้นี้เป็นบันทึกโบราณที่ไม่สมบูรณ์" โอมิเคดอธิบายทันทีหลังจากที่เห็นว่าในที่สุดก็มีสิ่งที่ดึงดูดแองเจเล่
แองเจเล่พยักหน้าและเอื้อมมือไปที่ตู้หนังสือ เขาคว้าบันทึกสีดำที่มีเจ็ดหรือแปดหน้า
ชื่อบนปกเขียนด้วยตัวอักษรแปลกๆสีขาว แองเจเล่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้แต่เขาก็รู้สึกแปลกๆในใจเหมือนกับเขากำลังอ่านสูตรจิตสงบ
เขาเปิดหนังสือบันทึก กระดาษมันเต็มไปด้วยคำที่ไม่รู้จัก ขนาดของพวกมันแตกต่างกันและวิธีการเขียนคำต่างๆก็แตกต่างกันมาก บางคำดูเหมือนตัวอักษรและบางคำดูเหมือนตัวเลข มันยุ่งเหยิงแต่แองเจเล่พยายามที่จะจับคู่กับข้อมูลในชิป
บันทึกมันจะไร้ค่าถ้าเขาไม่พบวิธีทำความเข้าใจคำเหล่านี้
'เดี๋ยวก่อน.....ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด....' แองเจเล่กะพริบตา 'มันจะต้องเป็นภาษาโกลาหลจากสมัยโบราณ มีเพียงคำของโลกโกลาหลที่เขียนแบบนี้'
'โลกโกลาหลเป็นโลกลึกลับที่แม้แต่พ่อมดก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ โลกโกลาหลเป็นโลกที่ไม่มีเวลา ไม่มีพื้นที่และไม่มีความตาย สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ที่โลกนั้นและแม้กระทั่งความคิดบางอย่างก็มีชีวิตขึ้นที่นั่น ความวุ่นวายคือสิ่งเดียวที่กำหนดโลกนี้ ถ้าข้าสามารถเรียนภาษานี้และหาประตูสู่โลกนี้ได้.....ข้าก็จะพูดกับสิ่งมีชีวิตที่นั่นและแลกเปลี่ยนกับพวกเขาได้.....ข้าอาจจะทำสัญญากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่นั่น นอกจากนี้ข้าได้ยินมาว่าพวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับพ่อมดโบราณเนื่องจากอายุขัยของพวกเขานั้นไม่มีที่สิ้นสุด' แองเจเล่คิดในขณะที่ค้นหาผ่านความทรงจำของเขา
พ่อมดโบราณบางคนได้พบประตูสู่โลกอื่นโดยบังเอิญในระหว่างการทดลองกับเวลาและช่องว่าง พวกเขาสื่อสารกับเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในโลกอื่นและได้รับคู่หูที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อหรืออุปกรณ์ที่มีมูลค่าผ่านการแลกเปลี่ยน นอกจากนี้พวกเขายังได้พัฒนารูปแบบคาถาพิเศษตามข้อมูลที่พวกเขาได้รับและนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อมดโบราณถึงแข็งแกร่งกว่าพ่อมดสมัยใหม่
ความรู้ของพวกเขาได้รับจากเผ่าพันธุ์ ดินแดนและโลกที่แตกต่างกันและมีคาถาแสงหรือคาถามืดนับไม่ถ้วน พลังของพ่อมดนั้นยากที่จะเข้าใจสำหรับคนธรรมดาและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงถูกเรียกว่าคนลึกลับ
น่าเศร้าที่วิธีการเข้าประตูได้สูญหายไปและพ่อมดสมัยใหม่ไม่สามารถเข้าถึงคาถาที่แข็งแกร่งที่ต้องใช้ภาษาเฉพาะในการร่ายได้ พ่อมดสมัยใหม่กำลังพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อศึกษาเลือดโบราณแต่ไม่มีใครพบข้อมูลที่มีค่าใดๆเลย
พลังที่ยิ่งใหญ่นำความขัดแย้งมาสู่โลกพ่อมดโบราณและเริ่มสงคราม พ่อมดมากมายได้ตายไปและบันทึกมากมายได้สูญหาย พ่อมดโบราณบางคนถอนตัวไปที่อีกฟากของทะเลและบางคนก็ย้ายไปอาศัยอยู่ใต้ดิน บางคนที่มีสัตว์อสูรและสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจากโลกอื่นก็เข้าประตูที่พ่อมดบางคนไม่สามารถเข้าถึงได้
แองเจเล่มีความสุขที่โอมิเคดมีบันทึกโกลาหล เขาคว้าหนังสือบันทกเหล่านั้นและแลกเปลี่ยนกับเขา
ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องการรูปแบบคาถาสับสนแต่เขาไม่เคยเข้าร่วมองค์กรพ่อมดใดๆดังนั้นแม้แต่คาถาระดับศูนย์ก็ยากเกินไปสำหรับเขา เขาต้องค้นหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกันก่อนเช่นพื้นฐานของพลังงานเชิงลบ แองเจเล่สงสัยว่าทำไมโอมิเคดไม่พยายามที่จะเข้าร่วมองค์กรพ่อมดที่ตรงกับพลังของเขา มันควรเป็นเรื่องง่าย อย่างไรก็ตามหนังสือบันทึกทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาสนใจและเขาตัดสินใจที่จะไม่ตั้งคำถามกับเขา