ตอนที่ 143: เริ่มออกเดินทาง (2)
แองเจเล่ปิดม้วนอย่างระมัดระวังและนอนบนเตียง เขามีข้อสันนิษฐานบางอย่างในใจ
'ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่และพ่อของข้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พวกเขาพบกันระหว่างสงครามในป่าที่อันตราย เธอไม่ได้รับบาดเจ็บหลังจากการซุ่มโจมตี มีใครบางคนต้องทิ้งเธอไว้ที่นั่นหรือบางทีเธออาจจะไม่ได้เป็นลมเลย ความงามของแม่ทำให้บารอนตาบอด น่าแปลกที่เธอมีเสน่ห์มากจนทำให้พ่อตัดสินใจที่จะไม่เจาะลึกเกี่ยวกับการเผชิญหน้าแปลกๆ....'
แองเจเล่ตัดสินใจที่จะวิเคราะห์ข้อมูลนี้อย่างรอบคอบ
'แม่เอาพี่ชายของข้าไปและทิ้งข้าไว้กับบารอน มันหมายความว่าอะไร..... พี่ชายของข้าได้รับเลือกดังนั้นข้าจึงเป็นตัวล้มเหลวของเธองั้นหรือ ข้าถูกทอดทิ้งเพราะข้าไม่มีพรสวรรค์ใช่ไหม ร่างกายของข้าอ่อนแอและระดับพรสวรรค์ของข้านั้นต่ำ ข้าเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาๆ'
แองเจเล่ส่ายหัวและเก็บม้วนไว้ใต้หมอน
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างและลืมตา
"ระดับพรสวรรค์สำหรับพ่อมดฝึกหัด....ใช่! ใช่แล้ว!" ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้น
"มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น!"
'พรสวรรค์ของข้าคือระดับสองแต่ข้าไม่เกี่ยวข้องกับสมาชิกรางวงศ์ตามพ่อของข้า ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ข้าเกิดในตระกูลขุนนางแต่พ่อของข้าเป็นเพียงบารอน พ่อมดฝึกหัดส่วนใหญ่ที่ข้าพบคือสมาชิกราชวงศ์หรืออย่างน้อยก็สืบทอดสายเลือดมา ข้าไม่คิดว่าข้ากลับมาเกิดใหม่ในร่างกายของวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปและได้รับพรสวรรค์ของพ่อมดฝึกหัด' แองเจเล่วิเคราะห์ต่อ
'มีเพียงคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้เพราะพ่อของข้าเป็นเพียงอัศวินขั้นสูง แม่ของข้าคิรันเป็นสายเลือดชั้นสูง ไบรอนน่าจะมีระดับพรสวรรค์ที่สูงกว่าข้าดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะทิ้งข้าไว้กับบารอน มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เนื่องจากพ่อมดฝึกหัดที่มีระดับพรสวรรค์ต่ำจะต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นในระดับเดียวกันกับพ่อมดฝึกหัดที่มีพรสวรรค์สูง'
'อย่างไรก็ตามมันไม่มีวัสดุคาถาที่นี่ มีเพียงพ่อมดฝึกหัดที่สูญเสียความหวังของพวกเขาที่จะกลับมาดินแดนแห่งนี้บางทีคิรันอาจจะเป็นหนึ่งในนั้น แต่ทำไมถึงเลือกพ่อ เธอยู่ในป่ารอคอยบารอนคาร์ลและทำไมเธอถึงไม่เคยพูด บางทีเสียงของเธออาจจะเปิดเผยตัวตนของเธอ'
แองเจเล่นั่งอยู่บนเตียงและค่อยๆหลับตาอีกครั้ง
'บารอนคาร์ลเป็นอัศวินขั้นสูงแล้วเมื่อเขาพบคิรันแต่ก็ยังมีแกรนด์อัศวินคนอื่นๆและการเลือกพวกเขาเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพ่อมดฝึกหัดที่จะเข้าใกล้แกรนด์อัศวินแต่คิรันก็เลือกที่จะเกี่ยวข้องกับอัศวินขั้นสูง บางทีเธออาจจะไม่ใช่มนุษย์และเธอต้องหลีกเลี่ยงการติดต่อกับแกรนด์อัศวินด้วยเหตุผลบางอย่าง' แองเจเล่กะพริบตาหลายครั้ง
'คิรันไม่ใช่มนุษย์ เธอเลือกที่จะมีความสัมพันธ์กับอัศวินขั้นสูงและนำลูกชายที่มีระดับพรสวรรค์สูงกว่าไป นี่มันจึงอธิบายได้ว่าทำไมข้าถึงได้กินอาหารบางอย่างเพิ่มค่าสถานะของข้าได้แต่พ่อของข้าทำไม่ได้ สาเหตุมันมาจากเลือดที่ข้าได้รับจากคิรัน'
'ซีโร่มีข้อมูลยีนของมนุษย์ธรรมดาในฐานข้อมูลหรือไม่' แองเจเล่ถาม
[พบข้อมูล ต้องการถ่ายโอนหรือไม่] ซีโร่รายงานหลังจากที่ผ่านไปหลายวินาที
'โอนมาให้ข้าและเปรียบเทียบกับยีนของข้า ข้าอยากรู้ว่ายีนของข้าแตกต่างจากคนปกติหรือไม่'
[กำลังเปรียบเทียบ.....โปรดรอสักครู่....]
แองเจเล่รู้สึกว่าข้อมูลถูกโอนเข้าสู่สมองของเขาและเขาก็สามารถดูการคำนวณที่ทำโดยซีโร่ข้างหน้าวิสัยทัศน์ของเขาได้
ด้วยพลังจิตที่สูงของเขาในที่สุดแองเจเล่ก็สามารถมองตามสิ่งที่ซีโร่ทำในทดสอบการเปรียบเทียบได้ มีข้อมูลจำนวนมากถูกแยกจากฐานข้อมูลและป้อนลงในระบบเปรียบเทียบ ซีโร่กำลังคำนวณทุกอย่างทีละขั้นตอนด้วยความเร็วสูงสุด
หลังจากที่ทำลายขีดจำกัดยีนแองเจเล่ก็พบว่าตัวเองคิดเร็วกว่าแต่ก่อนและเขาก็พิจารณาการกระทำของเขาด้วยความสงบ ค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นของเขาทำให้ได้รับประโยชน์มากมายและนี่เป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น
ร่างกายของเขากำลังมีการเปลี่ยนแปลงหรืออาจจะเป็นการพัฒนา
[งานเสร็จสิ้น ผล: มีความคล้ายคลึงกัน 77.78% หากไม่มียีนโบราณจะเป็น 82.12% จำนวนตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขก่อนการทำลายขีดจำกัด]
'ถ้าเช่นนั้นข้าก็คิดถูก' แองเจเล่รู้สึกโล่งใจ
"ข้าเป็นครึ่งมนุษย์" แองเจเล่ยกมือขวาขึ้นและมองไปที่ฝ่ามือ เขาตระหนักว่าลายฝ่ามือของเขามันแปลก มันดูเหมือนเครื่องหมาย "X"
แองเจเล่จ้องมองที่เครื่องหมายชั่วครู่ซึ่งมันดูไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป
เขายิ้ม "อะไรก็ช่าง ข้าไม่สนใจว่าข้าเป็นมนุษย์หรือไม่ ข้าเป็นตัวของข้า พ่อของข้าคือคาร์ล ริโอและแม่ของข้าคือคิรัน ข้าอาจจะได้เบาะแสตามที่อยู่ที่เขียนไว้บนม้วนกระดาษแต่ข้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร มันคือโชคชะตาของข้า"
แองเจเล่หยุดชั่วครู่
"นอกจากนี้ข้าต้องมองหาองค์กรที่ส่งดิ๊กไปลอบสังหารบารอน มันแปลกที่พวกเขาไม่ได้พยายามติดตามข้าหลังจากที่ข้าฆ่าดิ๊ก เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาไม่รู้ว่าแหวนเวทมนต์มีคาถาที่ทรงพลังในการเพิ่มความว่องไว" แองเจเล่พึมพำ
เขาดึงผ้าห่มขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะนอน แองเจเล่ได้กลิ่นร่างกายของหญิงสาวสองคน เขาเริ่มทำสมาธิ
เช้าวันรุ่งขึ้น
เจ้าชายจัสตินได้มารับแองเจเล่พร้อมกับรถม้าหลายคันและกลถ่มทหารขนาดใหญ่
พวกเขาวางแผนที่จะไปเยือนเมืองหลวงของพันธมิตร เมืองอาเรียมีชื่อเสียงเรื่องดอกไม้สดและนักเต้น สภาของพันธมิตรก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน
ข้างนอกมันยังมืดอยู่เล็กน้อย รถม้ามากกว่าสิบคน ทหารขี่ม้าเป็นร้อยคน พลเดินเท้าและอัศวินอีกหลายคนค่อยๆออกจากท่าเรือมารัว
แองเจเล่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบถึงการเดินทางของเขา เขานั่งอยู่ในรถม้าสีดำที่ใหญ่ที่สุดตรงกลางขบวนและมองไปที่ป่าผ่านหน้าต่าง
"ท่านกำลังคิดอะไร ท่านเงียบมาก" เจ้าชายจัสตินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ มีสาวสวยอยู่ข้างๆเขา ผู้หญิงคนนี้เป็นหนึ่งในลูกสาวของจัสติน เขากำลังทำผมให้เธอ เธอเป็นคนที่เจ้าชายชอบมากที่สุด
แองเจเล่หันกลับไปมองที่จัสติน
"มันก็แค่....มีสิ่งที่เปลี่ยนไป" เขาพูดเสียงเบา
จัสตินหัวเราะหลังจากที่ได้ยินว่าแองเจเล่เพิ่งพูดอะไร "ท่านจะคุ้นเคยกับมัน ข้าพบท่านไทโมรอลเมื่อข้ายังเด็ก เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของปู่ของข้า ปู่และพ่อของข้าได้เสียชีวิตแล้วแต่ท่านไทโมรอลยังดูลักษณะเหมือนเดิม มันเกือบจะเหมือนกับว่าเขาถูกขังอยู่ในกาลเวลา"
เมื่อเจ้าชายทำผมให้ลูกสาวของเขาเสร็จก็จูบแก้มเธอ
"เอาล่ะหนูน้อย นี่เป็นทรงผมที่เจ้าชอบ"
เธอพยักหน้าราวกับว่าเธอไม่ได้ยินว่าจัสตินพูดอะไร แม้ว่าเธอจะสวยแต่แองเจเล่ก็มองไม่เห็นจิตวิญญาณในสายตาของเธอ มันเป็นหนึ่งในอาการของโรคสมองเสื่อม
แองเจเล่มองไปที่ผู้หญิงคนนั้น เธอสวมชุดสีดำและมีอายุประมาณ 18 ปีแต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอทำคือการอยู่กับเจ้าชาย ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากไปที่อื่น
"เธอเป็นลูกสาวของเจ้างั้นหรือ" แองเจเล่ถาม
จัสตินพยักหน้า
"อิสซาเบลเป็นลูกสาวสุดที่รักของข้าแต่เธอเกิดมาพร้อมกับภาวะสมองเสื่อม"
"ให้ข้าดูว่ามีอะไรที่ข้าสามารถทำให้เธอได้บ้าง" แองเจเล่ต้องการชดใช้เขาสำหรับสิ่งที่เขาทำเมื่อหลายวันก่อน หากปราศจากจัสตินการแก้แค้นของเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
"มันเป็นไปไม่ได้ ท่านไทโมรอลเป็นพ่อมดแห่งแสงแต่ท่านก็บอกว่าไม่มีอะไรที่ท่านสามารถทำได้เพราะอิสซาเบลเกิดมาพร้อมกับโรคสมองเสื่อม" จัสตินส่ายหัวดูหดหู่
แองเจเล่มองไปทีศีรษะของเธอและบอกให้ซีโร่สแกนสมองของเธอ
"ไทโมรอลพูดถูก มันเป็นที่สมอง สมองของอิสซาเบลมีขนาดเล็กกว่าคนทั่วไป" แองเจเลส่ายหัว ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เพราะภาวะสมองเสื่อมของเธอไม่ได้เกิดจากทางจิต
จัสตินพยักหน้า เขาได้พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อรักษาโรคสมองเสื่อมของเธอ การแสดงออกของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป
"อิสซาเบลไม่สามารถแม้แต่จะพูดจบประโยคได้ ข้าได้สิ้นหวังแล้วแต่ข้าก็ยังอยากหาสามีที่ดีให้เธอ อย่างน้อยก็มีใครบางคนดูแลให้ข้าถ้ามีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น"
แองเจเล่พยักหน้า
"มาพูดเกี่ยวกับเมืองกันสักหน่อย มันชื่ออาเรียใช่ไหม ข้าไม่เคยเรียนรู้ระบบของพันธมิตรแอนดีส"
จัสตินยิ้ม
"พันธมิตรแอนดีสตั้งขึ้นโดยหลายอาณาจักร ข้าเป็นเพียงเจ้าชายในหนึ่งอาณาจักรเหล่านั้น สมาชิกของสภาเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรต่างๆ ข้าเชิญท่านเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่ถูกจัดโดยสภาเพราะกษัตริย์อยากจะเห็นท่าน ข้าเป็นเพียงตัวแทนของพวกเขา"
แองเจเล่หัวเราะ "ข้าจะอยู่ที่นี่เพียงสี่ปี ไม่มีทางที่ข้าจะอยู่ที่นี่ตลอดไป"
"ไม่ต้องห่วง พวกเขาไม่ได้พยายามที่จะบังคับให้ท่านอยู่ในพันธมิตร" จัสตินรู้ว่าแองเจเล่กำลังคิดอะไร
"ท่านจะไม่ผิดหวังหลังจากที่เราไปถึงเมือง มีบันทึกบางอย่างที่เกี่ยวกับอำนาจลึกลับที่ถูกค้นพบหลังสงครามจบและมันถูกเก็บไว้ในอาเรีย"
"เป็นเช่นนั้นหรือ" แองเจเล่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"ขอบคุณ มันเยี่ยมมาก"