ตอนที่ 142: เริ่มออกเดินทาง (1)
"ไม่ ข้าใช้เวลาหลายปีพยายามหาเขาแต่ก็ยังไม่มีเงื่อนงำ" อดอล์ฟส่ายหัว
แองเจเล่ลูบเครื่องประดับรูปเพชรหลังมือขวาของเขาขณะที่ขมวดคิ้ว
"ข้าจะลองติดตามเขาหลังจากที่พูดกับโซเฟีย"
"เยี่ยมเลย เธอจะกลับมาในไม่ช้า" อดอล์ฟพยักหน้า
จากนั้นพวกเขาก็พูดเกี่ยวกับสถานการณ์รอบอาณาจักร แองเจเล่ถามคำถามหลายคำถามและอดอล์ฟก็ตอบคำถามเหล่านั้นทีละคำถาม
จักรวรรดิรูดินได้ถูกทำลายโดยจักรวรรดิซาลาดิน มีเพียงกองกำลังต่อต้านขนาดเล็กที่พยายามจะต่อสู้กลับแต่เมืองสำคัญๆได้ถูกปราบโดยซาลาดินแล้ว สมาชิกราชวงศ์ของรูดินได้หายไปและเขตส่วนใหญ่ของรูดินได้ถูกมอบให้นักรบซาลาดินที่เป็นส่วนหนึ่งของชัยชนะ
จักรวรรดิอูคุซัสยังอ้างถึงดินแดนของจักรวรรดิรูดินเนื่องจากพวกเขาช่วยจักรวรรดิซาลาดินในช่วงสงคราม
'ทหารจากอูคุซัสโจมตีฟิลิประหว่างทางไปมารัว' แองเจเล่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่ราบแอนเซอร์
การสนทนาของพวกเขากินเวลานาน ตอนนั้นมันก็มืดและข้างนอกก็เงียบสงบ แองเจเล่ตระหนักได้ว่ามันดึกแล้วหลังจากที่ได้ยินเสียงคนเข้ามาในบ้าน
อดอล์ฟได้ยินเสียงด้วยเช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นดูเวลา
"มันสี่ทุ่มแล้ว คืนนี้เจ้านอนนี่ไหม ข้าจะบอกให้สาวใช้ทำความสะอาดห้องให้เจ้า"
"ไม่เป็นไรครับ เจ้าชายจัสตินได้เตรียมสถานที่ให้ข้าแล้ว ขอบคุณครับ" แองเจเล่ส่ายหัวและลุกขึ้นยืน
"ตอนนี้ข้าต้องไปก่อน"
"เดี๋ยวก่อนโซเฟียเพิ่งกลับมา" อดอล์ฟลุกขึ้นยืนและยิ้ม
"เจ้าอยากจะพูดกับเธอไหม"
"แน่นอน" แองเจเล่ยิ้ม
แอ๊ดด
โซเฟียเปิดประตูโดยไม่เคาะ
แองเจเล่หันไปมองโซเฟีย โซเฟียสวมชุดรัดๆสีแดง เธอดูคล้ายกับผู้หญิงในความทรงจำของแองเจเล่ ผิวของเธอยังขาว ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งกลับมาจากทุ่งนา
โซเฟียตกใจหลังจากที่เห็นแองเจเล่ในบ้านแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
"ท่านแองเจเล่" โซเฟียงอเข่าเล็กน้อย
"ไม่ได้เจอกันนาน เจ้ากลับมาถูกเวลาพอดี ข้าอาจจะหานักกวีให้เจ้าได้" แองเจเล่มองไปที่เธอ
โซเฟียกะพริบตาหลายครั้งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของแองเจเล่
"เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม" เธอถามและก้าวไปข้างหน้า
"ข้าจะทำให้ดีที่สุด" แองเจเล่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
อดอล์ฟยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่ได้พูดอะไร เขาดีใจที่แองเจเล่สามารถช่วยลูกสาวของเขาได้
"เอาล่ะ เอามือของเจ้ามา" แองเจเล่บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
โซเฟียปิดประตูและพยักหน้า เธอเดินมาหาแองเจเล่และยกมือขวาขึ้น แองเจเล่ค่อยๆกดข้อมือของโซเฟีย
ชี่
มีอนุภาคพลังงานบางอย่างอยู่บนมือของแองเจเล่และจมลงสู่เส้นเลือดของโซเฟีย แองเจเล่หลับตาและเริ่มตรวจสอบ
โซเฟียหน้าแดงและความรู้สึกที่ไม่ดีก็อยู่ในหัวของเธอ เธออยากจะขยับมือแต่มีพลังแปลกๆหยุดเธอ แองเจเล่เพียงแค่ยืนหลับตาแต่โซเฟียรู้สึกได้ถึงพลังงานของแองเจเล่ที่เคลื่อนที่ผ่านร่างของเธอ
"ไม่ต้องกังวล ข้าแค่พยายามหาตัวนักกวี" แองเจเล่ลืมตาและยิ้มให้โซเฟีย
สายหมอกสีดำค่อยๆออกมาจากร่างกายของโซเฟียผ่านทางมือขวาและกลับเข้าไปในฝ่ามือของแองเจเล่
"อาจารย์ท่านช่วยเตรียมห้องให้ข้าได้ไหม ข้าต้องตรวจสอบบางอย่าง" แองเจเล่พูด
"ได้สิ"
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
แองเจเล่เดินออกจากบ้านของอดอล์ฟ โซเฟียและอดอล์ฟเฝ้ามองเขาเข้าไปในรถม้าสีเงิน เรย์เบ็นรอเขาอยู่ที่นั่นหลายชั่วโมงแต่เขาก็ไม่ได้ดูเหนื่อย รถม้าค่อยๆหาตัวไปตรงมุม
อดอล์ฟและลูกสาวยืนอยู่ข้างประตูเฝ้าดูรถม้าจากไปอย่างเงียบๆ
"ข้าจะส่งคนไปหาคนที่หลอกเจ้า โซเฟียเจ้ายังอยากเห็นมันอยู่ไหม" อดอล์ฟถามเสียงเบา
"ไม่ จัดการเขาให้ข้าด้วย" โซเฟียถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป
อดอล์ฟมองไปที่ลูกสาวของเขา เขารู้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อายุเท่าเธอแต่งงานแล้ว
"เจ้าควรฟัง แองเจเล่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า" เขาหันกลับไปมองมุมที่รถม้าหายไป
โซเฟียไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่กัดริมฝีปากเล็กน้อย
เธอรู้ว่าตำแหน่งของแองเจเล่สูงกว่าพ่อของเธอมาก เจ้าชายจัสตินปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นคนสำคัญในเมือง แองเจเล่จะไม่ช่วยเธอถ้าพ่อของเธอไม่ใช่อาจารย์ของเขา
สี่ปีก่อนการสนทนาของเธอกับแองเจเล่จบลงในแบบที่ไม่ดี แต่แองเจเล่ก็ยังใจดีกับเธอ โซเฟียต้องยอมรับว่าเธอเสียใจกับการตัดสินใจแต่มันก็สายเกินไป เธอรู้ว่าแองเจเล่จะไม่อยู่ในเมืองเพื่อเธอ
***************************
แองเจเล่นั่งภายในรถม้าฟังเสียงม้า ล้อรถและชุดเกราะของทหารที่เดิน
ถนนนั้นว่างเปล่า มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพียงคนกลุ่มเดียวรอบๆนี้ เขามองผ่านหน้าต่างและเห็นใบไม้แห้งปลิวไปในอากาศ ในซอยมองแมวกระโดดไปมา
ไม่มีใครเดินบนถนนตอนเที่ยงคืน
แองเจเล่เห็นคนจรจัดเอนตัวอยู่ข้างราวเหล็กหลังจากที่ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เขาไม่แน่ใจว่าชายคนนั้นกำลังนอนหรือตาย ทหารที่กำลังเดินไปกับรถม้าลดศีรษะลง ไม่มีใครพูดอะไร
แสงสลัวๆทำให้แทบมองไม่เห็นถนน
ในที่สุดรถม้าก็มาถึงบ้านที่จัสตินเตรียมไว้ให้ แองเจเล่เห็นคนยืนอยู่หน้าประตูหลังจากที่ออกจากรถม้า
ชายวัยกลางคนยืนอยู่ข้างขุนนางหญิงและชายหนุ่มที่หล่อเหลากำลังรอแองเจเล่ พวกเขาเพียงแค่ยืนรออยู่ที่นั่นและรอแองเจเล่ออกจากรถม้า
"ป้า ทำไมป้าถึงมาอยู่ที่นี่ ข้าวางแผนที่จะไปหาในเร็วๆนี้" แองเจเล่ยิ้มและเดินเข้าไปหาทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเป็นป้ามาเรีย ลุงโบโวลต์และลูกพี่ลูกน้องบัสเตอร์
มาเรียไม่ได้ดูมีอายุ เธอดูแลร่างกายของเธอเป็นอย่างดี เธอก้าวไปข้างหน้าและกอดแองเจเล่
"เรามาที่นี่เพื่อดูว่าเจ้าสบายดีหรือไม่" มาเรียพูดเสียงเบา
"ทำไมป้าถึงรออยู่ข้างนอก ป้าน่าจะบอกคนงานว่าเป็นป้าของข้า ตอนนี้ข้าจะไปพูดกับพวกเขา" ยามที่ยืนอยู่ทางเข้าเห็นแองเจเล่เดินมาหาเขาและเปิดประตูทันที
"ไม่เป็นไรหรอก อย่าไปโทษเขาเลย เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นเจ้ากลับมาดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะรออยู่ที่นี่" มาเรียอธิบาย
โบโวลต์และบัสเตอร์ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่จริงแล้วมันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบแองเจเล่ ครั้งสุดท้ายที่แองเจเล่อยู่ในเมืองมีเพียงป้าของเขาที่ว่าง เขาไปโรงเรียนทันทีดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดกับลุงและลูกพี่ลูกน้องของเขา
แองเจเล่และทั้งสามคนเดินตามเรย์เบ็นเข้าไปในบ้าน พวกเขาคุยกันสั้นๆในขณะที่ผ่านสวนแลแองเจเล่มองเห็นความชื่นชมในสายตาของพวกเขา
แม้ว่าทั้งสามจะเป็นญาติของแองเจเล่แต่แองเจเล่ก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้รักษาระยะห่างกับเขาเหมือนคนในตระกูล สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแต่มันทำให้เขารู้สึกหดหู่ ผู้มีอำนาจมอบอำนาจให้เขาในเมืองแต่ในขณะเดียวกันความอบอุ่นระหว่างสมาชิกในครอบครัวก็หายไป
บางคนบอกมาเรียว่าแองเจเล่กลับมาที่เมืองดังนั้นพวกเขาจึงรออยู่ข้างนอกบ้านหลังนี้หลังจากที่ได้ที่อยู่ พวกเขาเข้าไปในบ้านและพูดคุยกับแองเจเล่อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะออกไป มาเรียบอกว่าจะมาเยี่ยมในภายหลัง
แองเจเล่ไม่ได้กังวลว่าพวกเขาพยายามสื่ออะไร ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ตระกูลของเขาและคนที่เกี่ยวข้องกับเขาจะได้รับการดูแลที่ดี แองเจเล่พึงพอใจกับเรื่องนี้
หลังจากที่พวกเขาจากไปแองเจเล่ก็ล้างหน้าและเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา มีตะเกียงน้ำมันกำลังส่องสว่างอยู่ที่กำแพง ทั้งห้องสว่างขึ้นด้วยแสงไฟจากตะเกียง
ตรงกลางห้องมีเตียงไม้ขนาดใหญ่ที่มีผ้าม่านสีขาว แองเจเล่เดินเข้าไปใกล้เตียงและเห็นหญิงสาวเปลือยกายสองคนหลับอยู่บนเตียง ทั้งคู่กำลังกอดกันอยู่ ใบหน้าที่น่ารักของพวกเธอมันดูมีเสน่ห์
แองเจเล่ยืนอยู่ข้างเตียงและมองไปที่พวกเธอ
"ลุกขึ้น ใส่เสื้อผ้าและออกไปซะ"
หญิงสาวทั้งสองคนลืมตาและใบหน้าของพวกเธอซีดลง
"แต่นายท่าน ท่านไม่ต้องการ...." หนึ่งในหญิงสาวพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็หยุดหลังจากที่เห็นสีหน้าจริงจังของแองเจเล่
"ขอโทษด้วยตอนนี้พวกเราจะออกไป" อีกคนตระหนักได้ว่าแองเจเล่ไม่สนใจ เธอตบหลังของหญิงสาวอีกคนเบาๆและเริ่มใส่เสื้อผ้า
แองเจเล่เฝ้ามองพวกเธอใส่เสื้อผ้า เขารู้ว่ามันเป็นของขวัญจากเจ้าชายแต่เขามีสิ่งสำคัญต้องทำและไม่อยากเสียเวลา
"บอกเจ้าชายด้วยว่าข้าชอบของขวัญของเขา"
หญิงสาวทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พวกเธอได้ยินคำพูดของแองเจเล่และพยักหน้าแล้วออกจากห้องทันที
แองเจเล่มองไปที่ประตูหลังจากที่พวกเธอออกไป
เขาถอดชุดคลุมและห้อยไว้ที่แขวนเสื้อผ้า เขาเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าและนอนลงบนเตียง แองเจเล่ปิดท้องด้วยผ้าห่มสีขาวและเปิดของในมือ
มันเป็นม้วนกระดาษที่พ่อให้เขาปิดผนึกด้วยแท่งไม้สองแท่ง
แองเจเล่ค่อยๆเอาแท่งไม้ออกและคลี่ม้วนกระดาษ ตัวหนังสือเขียนด้วยหมึกสีดำ
[แองเจเล่ลูกข้า ข้าขอโทษด้วยที่ข้าไม่เคยบอกความจริงเกี่ยวกับแม่ของเจ้าและพี่ชายของเจ้าเมื่อเจ้ายังเด็ก ข้าโกหกเจ้า พวกเขายังไม่ตายและไม่ได้เข้าร่วมกองทัพใดๆ
แม่ของเจ้าชื่อคิรัน ข้ากำลังลาดตระเวนกับหน่วยในช่วงสงครามและพบเธอในป่า ข้าไม่รู้ว่าเธอมาจากที่ไหนและข้าไม่รู้ว่าเธอรอดจากการซุ่มโจมตีได้อย่างไรแต่ข้าได้ตกหลุมรักเธอ
คิรันไม่เคยพูด ข้าไม่รู้ว่าเธอสูญเสียเสียงไปก่อนที่จะพบข้าหรือเธอกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่าง วิธีเดียวที่เราสื่อสารกันคือใช้กระดาษหรือแสดงท่าทางออกมาแต่เธอเป็นคนสวยและมีเสน่ห์ ทั้งหน่วยของข้าต่อสู้กัน
ข้าชนะการต่อสู้และเธอยอมรับข้อเสนอแต่งงานของข้า ด้วยเกียรติและรางวัลที่ข้าได้ข้าได้กลับไปที่ดินแดนของตระกูลของเราหลังจากสงคราม หลังจากผ่านไปหลายปีพี่ชายของเจ้าไบรอนก็เกิดและปีต่อมาเจ้าก็อยู่บนโลก อย่างไรก็ตามหลายเดือนต่อมาแม่ของเจ้าหายตัวไปพร้อมกับพี่ชายของเจ้าและไม่เคยกลับมา
ข้าใช้เวลาหลายปีในการตามหาพวกเขาและค้นหาทุกซอกทุกมุมในดินแดนนี้แต่ข้าก็ล้มเหลว พวกเขาหายตัวไป ข้าสงสัยว่าเธอเคยรักข้าหรือไม่ เธออาจจะมาที่นี่เพื่อทำภารกิจบางอย่าง ข้ามีข้อสันนิษฐานมากมายแต่ข้าก็ยังรักเธอ
ข้าหวังว่าเจ้าจะพบแม่ของเจ้าในสักวันหนึ่ง ถ้าเจ้าพบเธอช่วยบอกให้เธอรู้ด้วยว่าประตูของตระกูลริโอเปิดต้อนรับเธอเสมอ
พ่อของเจ้าคาร์ล ริโอ] ข้อความจบลงตรงนี้
ที่ด้านล่างของม้วนมีที่อยู่และรายละเอียดของป่า มันต้องเป็นสถานที่ที่พ่อของเขาพบกับแม่ครั้งแรก