ตอนที่ 136: การปะทะเล็กน้อย (1)
แองเจเล่หลับตาและทำเสียงขึ้นจมูก ในห้องนั้นเงียบ เสียงที่มีคือเสียงคลื่นเท่านั้น เวลเว็ตที่อยู่ใกล้ๆกำลังรอแองเจเล่พูด เธอจ้องที่แองเจเล่ด้วยความกังวล
"แล้วยูริเป็นยังไงบ้าง เจ้าลงเรือพร้อมกับเขาใช่ไหม ข้าคิดว่าเขาจะไปที่ปราสาทเขี้ยวขาว" ทันใดนั้นแองเจเล่ก็ถาม
"ใช่ แต่ข้าไม่ได้คุยกับเขามาชั่วระยะหนึ่ง" เวลเว็ตตอบทันที
"แต่ข้าได้ยินมาว่าเขาไปที่ชายแดนกับกลุ่มของพ่อมดฝึกหัด"
แองเจเล่พยักหน้าตอบกลับ เขาลืมตาและมองไปที่เวลเว็ต
"ขอโทษด้วย ข้าไม่สามารถรับเจ้าเป็นคนรับใช้ของข้าได้" เขาตอบเสียงเบา
หลังจากพูดจบแองเจเล่ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเวลเว็ตซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยความหมดหวัง
"นั่นคือคำตอบสุดท้ายของเจ้างั้นหรือ...." เวลเว็ตสั่นสะท้านและเสียงของเธอก็สั่น
"ข้าขอโทษ" แองเจเล่ส่ายหัว
"ระดับพรสวรรค์ของเจ้านั้นต่ำเกินไป ถ้าข้ารับเจ้าเป็นคนรับใช้มันก็จะเป็นความรับผิดชอบของข้าในการฝึกเจ้าด้วยทรัพยากรทั้งหมดที่ข้าครอบครอง ข้าเพิ่งกลายเป็นพ่อมดทางการและข้าไม่มีเวลาว่างให้เจ้า เจ้าต้องใช้เวลานานและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อเพิ่มระดับ.....ข้าขอโทษด้วย"
สีหน้าของเวลเว็ตซีดลงเมื่อฟังคำอธิบายของแองเจเล่
"เจ้าไม่สนใจร่างกายของข้าหรือ ข้าสามารถทำสิ่งที่เจ้าต้องการได้ทุกอย่าง ได้โปรดเถอะ" มีน้ำตาอยู่ในดวงตาของเธอและเธอกำลังพยายามอย่างดีที่สุดที่จะขอร้องแองเจเล่
"เจ้าเป็นความหวังสุดท้ายของข้า ตระกูลของข้า....พ่อของข้า..." เวลเว็ตร้องไห้ คำพูดของเธอมันไม่ต่อเนื่องกัน
แองเจเล่มองไปที่เวลเว็ตโดยไม่พูดอะไร เขากำลังรอให้เธอสงบลง
"เท่าที่ข้ารู้พ่อของเจ้าเป็นพ่อมดทางการใช่ไหม เจ้ามีสายเลือดของเขา เกิดอะไรขึ้นกับระดับพรสวรรค์ของเจ้า" แองเจเล่ถามอีกครั้ง
"ข้าไม่รู้" เวลเว็ตส่ายหัว
ทันใดนั้นแองเจเล่ก็นึกถึงอะไรบางอย่าง
"พ่อและแม่ของเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกันก่อนแต่งงาน" เขาถาม
"แม่ของข้าเป็นพี่สาวของพ่อข้า" เวลเว็ตพึมพำ
แองเจเล่ตระหนักได้ว่ามันอาจจะเป็นการแต่งงานร่วมสายโลหิตกัน มันเป็นเรื่องปกติระหว่างตระกูลของพ่อมด พวกเขาต้องการให้เชื้อสายของพวกเขาบริสุทธิ์เพื่อลูกๆจะได้เกิดมาพร้อมกับระดับพรสวรรค์ที่สูง
อย่างไรก็ตามโอกาสประสบความสำเร็จนั้นต่ำ พ่อมดส่วนใหญ่เลือกที่จะสืบพันธุ์กับญาติของพวกเขาและมันมีเปอร์เซ็นต์ต่ำที่ลูกของพวกเขาจะมีระดับพรสวรรค์ที่สูงสุดโต่ง ส่วนที่เหลือแย่กว่ามนุษย์ธรรมดา บางคนเกิดมาพร้อมกับความพิการและมีระดับพรสวรรค์ต่ำ พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฝึกทักษะดาบได้
ประเพณีนี้ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงในโลกของพ่อมดเพราะตระกูลขนาดใหญ่ส่วนใหญ่เชื่อมต่อกันผ่านการแต่งงาน
เวลเว็ตอาจจะมีพี่น้องมากมายแต่เธอเป็นคนเดียวที่มีพรสวรรค์
'พ่อของเธอโชคร้ายมาก' แองเจเล่คิด
'เวลเว็ตอาจจะเป็นความหวังเดียวของตระกูลในตอนนี้'
"พ่อของเจ้าอยู่ที่ไหน" แองเจเล่สงสัย
เวลเว็ตลังเลชั่วครู่และเธอก็ดูหดหู่ใจ
"เขาตายแล้ว"
แองเจเล่หยุดถามหลังจากที่เห็นใบหน้าที่เศร้าซึมของเวลเว็ต ต้องมีหลายสิ่งเกิดขึ้นกับตระกูลของเธอแต่เขาไม่อยากมีส่วนร่วม
"ข้าเสียใจด้วย แม้ว่าข้าจะไม่สามารถรับเจ้าได้แต่ข้าก็ยังเป็นเพื่อนเจ้า ข้ามียาสงบจิตอยู่มันจะช่วยเพิ่มพลังจิตของเจ้า" แองเจเล่หยิบหลอดแก้วขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าของเขา ของเหลวภายในดูคล้ายกับน้ำส้ม
มันเป็นยาที่เขาทำขึ้นโดยใช้วัสดุที่แท้จริงแทนที่จะเป็นของทดแทน มันมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวที่เขาเคยใช้กับตัวเอง แม้ว่าวัสดุจะมีราคาแพงแต่เขาก็มีหินเวทมนต์เหลืออยู่มากมาย เขาต้องการที่จะขายมันในภายหลัง
แองเจเล่วางหลอดไว้บนโต๊ะไม้ของเขา ลักษณะของมันภายใต้โคมไฟน้ำมันไม่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตามเวลเว็ตรู้ว่ายานี้มีคุณค่ามากแค่ไหน ความสิ้นหวังในดวงตาของเธอได้หายไป ตอนนี้มันเกือบจะเหมือนกับว่าเธอกำลังมองสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลกนี้
เธอวางมือบนกระโปร่งสั้นและเริ่มดึงขอบขึ้นช้าๆ เวลเว็ตอายแต่การกระทำของเธอมันน่าดึงดูด
"เอามันไปและเจ้าสามารถออกไปได้" แองเจเล่ขมวดคิ้วและพึมพำ
"ข้าจะไม่ทำอะไรกับร่างกายของเจ้า"
เวลเว็ตตกใจเล็กน้อย เธอก้มศีรษะลงและยืนอยู่ที่นั่นหลายวินาทีก่อนที่จะคว้าไปที่หลอด
"ขอบคุณสำหรับยา ข้าขอตัวก่อน" เธอลดเสียงของเธอลง
"รักษาตัวด้วย" แองเจเล่พยักหน้าและเริ่มเขียนอีกครั้ง
เวลเว็ตหันกลับไปและหยิบผ้าคลุมขึ้นจากนั้นเธอก็เปิดประตูและออกไปอย่างเงียบๆ
แองเจเล่ได้ยินเสียงเธอร้องไห้หลังจากที่ประตูปิด หลังจากที่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่รุนแรงเวลเว็ตก็กลับไปที่ห้องของเธอ
แองเจเล่ส่ายหัว
"ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำให้เธอได้จริงๆ" เขาถอนหายใจและจดจ่ออยู่กับกระดาษอีกครั้ง
***********************
เรือสีน้ำเงินกำลังแล่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ใบเรือสีขาวสามใบสั่นเล็กน้อยเมื่อลมพัด
เรือดูเหมือนเมล็ดงาสีขาวท่ามกลางฉากสีน้ำเงินขนาดใหญ่และมันกำลังดิ้นรนอยู่ในคลื่นที่รุนแรง
มีคนยืนอยู่ข้างราวแปดคนกำลังมองไปที่ทะเล ลูกเรือกำลังยุ่งอยู่กับงานที่ได้รับมอบหมาย บางคนกำลังซ่อมเสาและชายหัวล้านก็กำลังควบคุมหางเสือ
แองเจเล่ยืนอยู่ข้างราวเงียบๆในชุดคลุมสีดำกับไทโมรอล
"ที่จริงแล้วข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วยข้า" แองเจเล่หันกลับไปและพูด
"เจ้าต้องการอะไร มันเกี่ยวกับผู้หญิงที่แอบเข้าไปในห้องของเจ้าหลายวันก่อนหรือ เธอต้องการเงินใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่า" ไทโมรอลกะพริบตาและหัวเราะ
"ข้าไม่ได้สัมผัสเธอแม้แต่นิดเดียว เธอเป็นแค่เพื่อน ข้าสงสัยว่าเจ้าสามารถช่วยตระกูลของเธอหลังจากที่เราไปถึงพันธมิตรแอนดีสได้หรือไม่ ข้าไม่รู้รายละเอียดแต่ข้าต้องการทำอะไรบางอย่างให้เธอ"
"ได้สิ เจ้าช่างน่าเบื่อจริงๆ" ไทโมรอลยักไหล่
"เธอเป็นเพียงแม่มดฝึกหัดขั้นที่หนึ่ง เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการกับเธอ นอกจากนี้เธอยังมาหาเจ้าด้วยตัวเอง มันไม่เหมือนกับการที่เจ้าบังคับเธอให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าหรือทำอะไรบางอย่าง ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ เพียงแค่เธอไปที่ห้องของเจ้าในตอนกลางคืนและเจ้าต้องมีอะไรทำในการเดินทางอันยาวนานนี้ใช่ไหม"
"ข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำวิจัย" แองเจเล่ตอบเสียงเบา
"อะไรนะ ทำไม เราเป็นพ่อมดและเราอยู่ชั้นบนสุดของโลกนี้ เรามีชีวิตอยู่นานกว่าคนทั่วไปและเรามีเวลามากพอที่จะก้าวหน้า ตัวอย่างเช่นป้าของข้า เธอเพิ่งอายุ 39 ปีแต่เธอก็มีคนรับใช้ผู้ชาย 15 คนแล้ว เพียงแค่ทำตามสัญชาตญาณของเจ้าตราบเท่าที่ยังไม่ขัดต่อหลักจรรยาบรรณ" ไทโมรอลเป็นพ่อมดทั่วไป เขาไม่สนใจเกี่ยวกับคนธรรมดาเลย แองเจเล่รู้ถึงความหยิ่งยโสในคำพูดของเขา
"บางทีข้าเป็นคนแปลก" แองเจเล่ยิ้ม เขาไม่ต้องการโต้แย้งกับไทโมรอลเพราะเขารู้ว่าความคิดของผู้คนนั้นต่างกัน
"เอาล่ะ ข้าจะทำตามที่เจ้าขอ หลังจากที่เราถึงแอนดีสข้าจะช่วยพูดกับเพื่อนของข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้" ไทโมรอลยอมแพ้หลังจากที่ตระหนักได้ว่าแองเจเล่ไม่สนใจ เขาหยิบนาฬิกาพกคริสตัลสีดำออกมาและตรวจสอบเวลา
"สองโมแล้วข้าไปทำสมาธิก่อน ข้าจะพูดกับเจ้าในภายหลัง"
"ตกลง" แองเจเล่หันกลับไปในขณะที่เขาตอบ
เขาอยู่ข้างราวและมองไปที่ทะเลที่สวยงาม
แองเจเล่ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขาและเวลเว็ตจากลูกเรือ พวกเขาได้ยินคนพูดว่าแองเจเล่บังคับเวลเว็ตให้เป็นทาสเซ็กซ์ของเขาและเวลเว็ตก็ไปที่ห้องของเขาทุกคืน
แองตัดสินใจที่จะไม่อธิบายอะไรให้ลูกเรือเพราะข่าวลือเช่นนี้อาจจะช่วยปกป้องเวลเว็ตได้ เธอจะได้รับความเคารพจากผู้คนถ้าเธอมีความสัมพันธ์กับพ่อมด คนทั่วไปกลัวพ่อมดเนื่องจากเรื่องเล่าที่พวกเขาได้ยินและมักจะอยู่ห่างจากทุกคนหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับพ่อมด
คลื่นน้อยลงหลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่งและลูกเรือก็กำลังจับปลาด้วยตาข่ายตกปลา
"หนึ่ง! สอง! สาม! ดึง!"
"หนึ่ง! สอง! สาม! ดึง!"
"ดึงอีก!"
"ทอม! เร็วอีก!"
"ย่า! อีกรอบ!"
ลูกเรือที่มีมัดกล้ามตะโกนด้วยความยินดี ลูกเรือหลายคนดึงตาข่ายด้วยกันในขณะที่ตะโกนและหัวเราะ
ทั้งปลาและกุ้งถูกโยนลงดาดฟ้าและน้ำจากทะเลก็ทิ้งรอยคราบสีเทาไว้บนดาดฟ้า
แองเจเล่เห็นปลาสีเงิน กุ้งโปร่งใสและมีสิ่งมีชีวิตแปลกๆสีแดงขนาดเท่าลูกชิ้น
แองเจเล่ก้มตัวชี้ไปที่ปลาขนาดเท่าลูกชิ้น
"นี่คืออะไร"
"ปลาทรงกลดแดงนายท่าน" ลูกเรือเข้ามาหาเขาและตอบอย่างสุภาพ
"มันเอาไว้ทำซุปปลาและถ้าเพิ่มมะเขือยาวมันจะทำให้อร่อยขึ้น"
ลูกเรือส่วนที่เหลือทั้งหมดหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำหลังจากที่ตระหนักได้ว่าแองเจเล่กำลังพูดกับพวกเขา พวกเขาโค้งให้แองเจเล่ ใบหน้าของพวกเขามีทั้งความเคารพและความกลัว
"ปลาทรงกลดแดง" แองเจเล่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เขาดีดปลาขนาดลูกชิ้นด้วยนิ้ว
ผิวของมันเหมือนลูกหนังที่เย็นและยืดหยุ่น ปลามีผิวสีแดงเข้มและหนังของมันถูกปกคลุมไปด้วยริ้วรอย
แองเจเล่ไม่พบตา จมูกหรือหูบนตัวปลา มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาเห็นคือปากขนาดใหญ่ตรงกลาง ริมฝีปากของมันหนาทำให้ดูคล้ายกับไส้กรอกสองชิ้นประกบกัน
"นายท่านโปรดระวังตัวด้วย ปลานี้จะโจมตีท่านด้วยการพ่นลำแสงน้ำและทราย...." ลูกเรือคนหนึ่งเตือน
แองเจเล่พยักหน้าและแตะปากของปลา ทันใดนั้นร่างกายของมันก็แบนในขณะที่ปากพ่นลำแสงน้ำใส่แองเจเล่