ตอนที่ 135: อำลา (2)
"สายเลือดชั้นสูงไม่ใช่พรสวรรค์ที่มีพลังพิเศษ ร่างกายพวกเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับคนทั่วไป นอกจากนี้สมาชิกราชวงศ์ส่วนใหญ่ไม่ตั้งใจเรียน พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่น พ่อมดฝึกหัดที่มีระดับพรสวรรค์สูงมักจะเกี่ยวข้องกับสมาชิกราชวงศ์ ข้าคิดว่าเจ้ารู้แล้วว่าเจ้าจะต้องเผชิญกับอะไรถ้าเจ้าไม่ได้ติดต่อกับสายเลือดชั้นสูง ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นพ่อมดคนแรกในตระกูลของเจ้า"
แองเจเล่คิดชั่วครู่หนึ่ง เขานึกภาพว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่มาถึงท่าเรือมารัว
"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ช่วยข้าติดต่อพวกเขาด้วย" เขามีรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า
"ได้สิ" ไทโมรอลพยักหน้า เขารู้อยู่แล้วว่าแองเจเล่ไม่มีทางเลือกอื่น
"ข้ามีเพื่อนเก่าอยู่ในอาณาจักรบ้านเกิดของเจ้าพันธมิตรแอนดีส เจ้าสามารถลงจากเรือได้ด้วยตัวตนที่ปกปิด เจ้าเป็นพ่อมดฝึกหัดคนแรกจากพันธมิตรแอนดีสที่กลายเป็นพ่อมดทางการในช่วงสิบปีที่ผ่านมาและเจ้าได้เข้าร่วมดินแดนของพ่อมดมืด มันน่าทึ่งจริงๆ"
แองเจเล่หัวเราะ
"ฮ่าฮ่า ข้าแค่โชคดี ข้าเกือบลืมไปแล้ว แต่เมื่อข้าออกจากพันธมิตรแอนดีสจักรวรรดิรูดินและจักรวรรดิซาลาดินยังทำสงครามกันอยู่ ท่านมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่"
"มีสมาชิกราชวงศ์ไม่มากนักที่เหลืออยู่ในจักรวรรดิรูดินดังนั้นมันจึงถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง จักรวรรดิซาลาดินพบว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะโจมตีดังนั้นพวกเขาจึงได้รับชัยชนะในสงคราม ข้าได้ยินมาว่าสมาชิกราชวงศ์หลายคนกำลังเรียนอยู่ในดินแดนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้เป็นพ่อมดทางการพวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพของจักรวรรดิรูดิน" ไทโมรอลอธิบาย
"ทำไมเราต้องเสียเวลาคุยเรื่องของมนุษย์ธรรมดา พวกเขาไม่สามารถรับการโจมตีของอนุภาคพลังงานเพียงเล็กน้อยได้ เปลี่ยนหัวข้อคุยกันเถอะ"
แองเจเล่พยักหน้า เขาเริ่มพูดถึงความแตกต่างของโครงสร้างรูปแบบคาถาพลังงานเชิงบวกและรูปแบบคาถาพลังงานเชิงลบ พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความคล้ายคลึงกันของการดัดแปลงคาถาจากประเภทต่างๆ
ทั้งสองคนรู้จักลิเลียน่าและทั้งสองคนยังไม่ถึงขั้นแก๊สดังนั้นจึงมีหลายเรื่องที่พวกเขาโต้ตอบกัน
มิตรภาพของพวกเขาได้มากขึ้นเมื่อเรือมาถึงท่าเรือและแองเจเล่ก็ได้เรียนรู้พื้นฐานเพิ่มขึ้นจากไทโมรอล
.
เรือได้หยุดลงที่ฝั่งและปล่อยสมอเรือ บันไดได้ถูกลดลงโดยคนงานบนดาดฟ้า มีผู้หญิงสวมชุดสีดำวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว เธอจะต้องเป็นหนึ่งในแม่มดฝึกหัด
เธอเห็นพ่อมดสองคนยืนอยู่ที่ชายหาดและรีบวิ่งมาหาพวกเขา เธอเอามือขวาจับมือซ้ายและงอเข่าเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะแสดงความเคารพพวกเขาแต่แองเจเล่ไม่รู้ว่าเธอมาจากไหน เขาไม่คุ้นเคยกับรูปแบบมารยาทของเธอ
"ไปรอที่ป้ายถนนข้างป่าจะมีคนมารับเจ้าไป" ไทโมรอลพูดเสียงเบา
แองเจเล่มองไปที่แม่มดฝึกหัดและตระหนักได้ว่าเธอเป็นแม่มดฝึกหัดขั้นที่สองดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ ชายในชุดคลุมสีดำเดินลงบันไดหลังจากที่แม่มดฝึกหัดไป
"แรมโซด้า เจ้าเป็นคนรับผิดชอบในครั้งนี้หรือ" เขามองไปที่ชุดคลุมของไทโมรอลและแองเจเล่
"ไทโมรอลข้าไปก่อนนะ ข้าได้ใช้เวลาบนเรือมากเกินไป"
"ข้าจะคอยจัดการที่นี่เอง" ไทโมรอลพยักหน้าโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
ชายคนนั้นพยักหน้าเช่นกัน เขาถอดฮู้ดออกและเดินไปอย่างรวดเร็ว
"ไปขึ้นเรือและตรวจสอบเครื่องยนต์กันเถอะ" ไทโมรอลพูดกับแองเจเล่ด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนกว่าก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบคนที่เพิ่งพูดกับเขา
"ตกลง" แองเจเล่พยักหน้าและขึ้นเรือที่ว่างเปล่ากับไทโมรอล
เรือลำนี้มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับเรือที่แองเจเล่ใช้เดินทางมา ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือดาดฟ้า ทั้งสองดูเหมือนมดเล็กๆสองตัวบนดาดฟ้า
พวกเขาเดินลงไปห้องโดยสารอย่างรวดเร็วและเดินไปถึงห้องเครื่อง ห้องนั้นมืดแต่ด้วยการสะบัดนิ้วของไทโมรอลคบเพลิงทั้งสองข้างก็สว่างขึ้นทำให้สถานที่นี้มันสว่าง
ห้องนี้มีขนาดพอๆกับสนามฟุตบอลและแองเจเล่ตระหนักได้ว่าที่จริงแล้วพื้นเป็นหลังของปลาสีน้ำเงินเข้มขนาดใหญ่หลายตัว
ปลามีความยาวมากกว่าสิบเมตรและส่วนบนของมันก็ถูกยึดไว้กับด้านล่างของเรือ มีชั้นน้ำเคลือบบางๆที่หนังของปลาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้ามาภายในเรือ
ปลาเหล่านี้เป็นเครื่องยนต์ แองเจเล่สังเกตเห็นว่าพวกมันดูไม่มีจิตวิญญาณ ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกควบคุมด้วยคาถาหรือวิธีพิเศษบางอย่าง พวกมันดูคล้ายกับปลาโลมาแต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก
ไทโมรอลยิ้มและชี้ไปที่ปลา
"ปลาเหล่านี้ถูกดัดแปลงโดยอนุภาคพลังงานและเป็นกำลังของเรือ หลายปีที่ผ่านมาพวกมันอยู่ในทะเล กล้ามเนื้อของพวกมันจะถูกเสริมด้วยเวทมืดเพื่อป้องกันพวกมันจากอาการบาดเจ็บ"
แองเจเล่พยักหน้าขณะที่ยิ้ม "มันเป็นเทคนิคที่น่าอัศจรรย์มาก"
ไทโมรอลพูดต่อ "ชื่อของเรือลำนี้คือฟิวเจอร์(อนาคต) ข้าจะอธิบายระเบียบการให้เจ้าฟัง ก่อนอื่นเราจะต้องรับคนที่ต้องการไปยังดินแดนอื่นที่ท่าเรือต่อไป ส่วนใหญ่เป็นพ่อมดฝึกหัดที่สูญเสียความหวังของพวกเขา หลังจากนั้นเราต้องซ่อมแซมตัวเรือและจ้างลูกเรือเพื่อซ่อนวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการเดินทาง เจ้าไม่มีข้อโต้แย้งอะไรกับแผนใช่ไหม"
"ไม่มี" แองเจเล่ตอบโดยไม่ลังเล
"แต่ข้าต้องเอาของของข้าขึ้นเรือก่อน"
"ข้าสามารถช่วยเจ้าได้" ไทโมรอลหัวเราะเบาๆ
"ขอบคุณมาก" แองเจเล่เริ่มเดินขึ้นไปข้างบน
***************************
หนึ่งวันต่อมา
เรือที่ชื่อ'ฟิวเจอร์'เริ่มแล่นไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้าภายใต้การควบคุมของไทโมรอล
มันใช้เวลาสองวันจากท่าเรือนิคไปอีกที่แห่งหนึ่ง
แรมโซด้าเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายเพราะสถานที่นั้นเป็นที่พวกพ่อมดมืดอาศัยอยู่ ภูมิภาคแรมโซด้ามีอีกชื่อหนึ่งว่า'ไอเคนเฮน'(เปลี่ยนจากไอเคนเฮียน ตอนที่ 51) ชื่อไอเคนเฮนหมายถึง'ที่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้น' และมันค่อนข้างห่างไกลจากดินแดนขององค์กรอื่นๆ
ท่าเรือนิคอยู่ฝั่งตรงข้ามของท่าเรือแห่งที่สอง มันจะใช้เวลาหลายปีในการเดินทางจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งทางบก
แองเจเล่ยืนอยู่ทางกราบขวาของเรือ
ท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดมันเหมือนกับไพลินขนาดมหึมา มีนกนางนวลสีขาวบินอยู่เหนือเรือเป็นครั้งคราวและลมทะเลทำให้ผมของแองเจเล่ลอยในอากาศ เขาวางมือไว้กับราวที่เย็นและมองข้ามพื้นผิวของทะเล
มีเรือขนาดใหญ่สองลำในสายตาของแองเจเล่ เรือเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ ลูกเรือที่มีดาบอยู่ในมือกำลังต่อสู้กัน
"โจรสลัดบุกเรือสินค้าหุ้มเกราะ มันเป็นเรื่องปกติ" ไทโมรอลเดินมาหาแองเจเล่
"ไม่ต้องห่วง พวกเขาจะไม่มาหาเรา ข้าได้ยินว่าปราสาทเขี้ยวขาวได้จัดตั้งกองเรือเพื่อจะกวาดล้างโจรสลัด"
แองเจเล่ได้ยินคำอธิบายของไทโมรอลและพยักหน้าแต่เขาไม่ได้พูดอะไร เรือค่อยๆออกจากพื้นที่และเรือทั้งสองลำที่กำลังต่อสู้กันอยู่ก็หายไปจากสายตาของเขา
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงท่าเรือถัดไปในช่วงบ่ายอีกสองวันต่อมา
ท่าเรือเหยี่ยวทะเลเป็นท่าเรือที่ยูริและคนอื่นๆลงจากที่นี่ ดินแดนของปราสาทเขี้ยวขาวและหอคอยหกวงแหวนอยู่ที่นี่
มีคนหลายคนขึ้นเรือที่ท่าเรือ มีลูกเรือมากกว่าสามสิบคนและพ่อมดฝึกหัดประมาณสิบคน พวกเขาทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ากลับไปที่อาณาจักรบ้านเกิดของพวกเขา
"เร็วเข้า เจ้า เจ้านั่นแหละ หยิบขนมปังและผลไม้!" ชายหัวล้านที่เปลือยส่วนบนตะโกนข้างไทโมรอล เขามีเคราหนา
"ข้าต้องการให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนเรือภายในสามชั่วโมง! เจ้าได้ยินข้าไหม เร็วหน่อย!" เขาตะโกนต่อ
"รู้แล้ว! พวกเราไม่ได้หูหนวก!" มีลูกเรือบางคนตะโกนกลับมา
"มานี่หน่อย! ข้าต้องการความช่วยเหลือกล่องนี้มันหนักมาก!"
"เฮ้! มัดเชือกให้แน่น!"
สถานที่นี้ค่อนข้างวุ่นวาย มีเรือมากมายในขนาดต่างๆที่ท่าเรือที่เป็นอ่าวรูปเปลือกหอยและฟิวเจอร์ก็ยังดูยิ่งใหญ่เมื่อเทียบขนาดกับเรือขนาดใหญ่ลำอื่นๆ
ในขณะที่ลูกเรือหลายคนยกกล่องขึ้นเรือก็มีคนหลายคนในชุดขุนนางทักทายไทโมรอลด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ พวกเขาส่งคนรับใช้หลายคนมาช่วยยกถังน้ำที่มีน้ำจืดอยู่ภายใน
บางคนตะโกนในภาษาท้องถิ่นในขณะที่กำลังโบกมือ แองเจเล่ไม่เข้าใจคำพูดของพวกเขาแม้แต่คำเดียว มีคนประมาณสี่สิบคนที่ยืนอยู่บนสะพานข้างเรือ
แองเจเล่มองเห็นรถม้าและคนเดินเท้าที่ผ่านไปมาตามถนนและเขาก็ได้ยินเสียงตรงนั้นจากที่นี่ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจภาษาของพวกเขาแต่เขาก็ยังรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ในสถานที่ที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้
ทันใดนั้นก็มีคนก้าวมาข้างหน้าและทำทางสำหรับผู้โดยสาร
มีคนประมาณสิบคนที่สวมเสื้อผ้าที่แตกต่างออกไปเดินมาทางเรือ แองเจเล่รู้สึกได้ถึงอนุภาคพลังงานรอบตัวพวกเขา บางคนอยู่ในวัยสามสิบกลางๆและมีชายชราหลายคนที่มีผมสีขาว
พวกเขาเดินไปหาไทโมรอลและโค้งให้ด้วยความเคารพ ไทโมรอลพูดอะไรบางอย่างและชี้ไปที่ฟิวเจอร์อย่างเฉยเมย
กลุ่มนั้นเริ่มขึ้นหลังจากที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของไทโมรอล แองเจเล่เหลือบมองพวกเขาและเห็นคนที่คุ้นเคย
สาวสวยที่มีผมหางม้าสีดำจ้องที่เขา เธอสวมชุดนักดาบสีดำกำลังมองด้วยความสับสน
"เจ้ากำลังมองอะไรเวล!" ผู้หญิงวัยกลางคนดันหลังของเธอไปข้างหน้า
"อย่าจ้องไปที่ท่านพ่อมดเช่นนั้น" เธอกระซิบ
หญิงสาวหันหัวกลับไปทันทีและตามคนอื่นๆไปที่ดาดฟ้า แองเจเล่รู้ว่าเธอคือใคร เธอคือเวลเว็ตผู้หญิงที่เขาพบระหว่างทางไปแรมโซด้า ระดับพรสวรรค์ของเธอคือหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเธอจะล้มเหลวในการไปขั้นต่อไปและเธอต้องกลับไปที่ตระกูลของเธอ
พ่อมดฝึกหัดที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนั้นอยู่ขั้นที่สอง แองเจเล่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนโดยมองไปที่พวกเขาและหลังจากที่เรียนมาหลายปีเวลเว็ตก็ยังอยู่ขั้นหนึ่ง ความรุดหน้าเพียงอย่างเดียวของเธอคือจำนวนของอนุภาคพลังงานที่เธอสามารถควบคุมได้
สถานที่นี้แออัดมากจนแองเจเล่ตัดสินใจที่จะพูดกับเวลเว็ตในภายหลัง เขาอยากรู้ว่าคนอื่นกำลังทำอะไรอยู่ ลูกเรือได้บรรทุกของเสร็จสิ้นภายในสองชั่วโมงแล้วฟิวเจอร์ก็ออกจากท่าเรือภายใต้แสงจันทร์และเริ่มเดินทางไปท่าเรือถัดไป
****************
ก๊อกๆ
"ใคร" แองเจเล่วางปากกาขนนกและขยับโคมไฟน้ำมันไว้บนกระดาษก่อนที่จะตอบ
"ข้าเอง..." มีเสียงดังมาจากข้างนอก
แองเจเล่ขมวดคิ้ว ปัจจุบันเขากำลังพยายามที่จะจัดทำแผนสำหรับพัฒนาเชี่ยวชาญโลหะ นอกจากนี้มันก็ตีสองแล้ว
เขาเกลียดการถูกขัดจังหวะในขณะที่กำลังคิด
"เข้ามา" แองเจเล่ตอบเสียงต่ำ เขาชี้ไปที่ประตู มีลำแสงสีเขียวออกจากปลายนิ้วของเขาและปลดล็อคมัน
ประตูไม้สีน้ำตาลถูกเปิดและมีลมพัดเข้ามาในห้อง มีคนสวมผ้าคลุมสีเทาเดินเข้ามาข้างในและปิดประตู
"เป็นเจ้างั้นหรือ" แองเจเล่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"ใช่ ข้าเวลเว็ต ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้ายังรู้จักข้า" เธอถอดผ้าคลุมออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอ
"มันดึกแล้วทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ ข้าจะคุยกับเจ้าวันพรุ่งนี้" แองเจเล่ลูบขมับของเขา เขาเหนื่อยนิดหน่อย
ปึง
ทันใดนั้นเวลเว็ตก็คุกเข่าลงและโขกศีรษะของเธอไปที่พื้น
"ได้โปรด เราอยู่บนเรือลำเดียวกัน ท่านแองเจเล่รับข้าเป็นคนรับใช้ของท่านเถอะ"
เธอยังไม่เงยหน้าขึ้น แองเจเล่ไม่แน่ใจว่าสีหน้าของเธอเป็นอย่างไรในขณะนี้แต่เขารู้ว่าน้ำเสียงของเธอสั่น
"เจ้าปรารถนาที่จะเป็นคนรับใช้ของข้างั้นหรือ"
"ค่ะ" เวลเว็ตเงยหน้าขึ้นและจ้องมาที่แองเจเล่ แองเจเล่รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนในสายตาของเธอ
"ข้าใช้เวลาสี่ปีในหอคอยหกวงแหวน ข้าอายุ 20 ปีแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะกลายเป็นแม่มดทางการดังนั้นข้าจึงวางแผนที่จะทำหน้าที่เป็นอัศวินในบ้านเกิดของข้า แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะพบท่านที่นี่....และท่านเป็นพ่อมดแล้ว...." เวลเว็ตไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไรกับแองเจเล่ เธอเลือกที่จะกลายเป็นแม่มดฝึกหัดแทนที่จะก้าวหน้าไปกับเมล็ดพันธุ์พลังงานชีวิต เธอได้ยอมแพ้เนื่องจากเธอไม่ก้าวหน้า อย่างไรก็ตามเธอจะไม่ถึงระดับอัศวินขั้นสูงถ้าไม่มีเมล็ดพันธุ์ ระดับพรสวรรค์ของแองเจเล่คือสองแต่เขาก็ทำลายขีดจำกัดหลังจากเรียนผ่านไปเพียง 4 ปี เวลเว็ตชื่นชมเขาแต่ในขณะเดียวกันเธอก็อิจฉาเขา
เวลเว็ตขัดแย้งกับแองเจเล่เมื่อพบกันครั้งแรก แต่ตอนนี้เธอกำลังขอร้องให้เขารับเธอ เธอรู้สึกกระดากใจที่รู้ความจริงข้อนี้ สีหน้าของเธอลุกลี้ลุกลน เธออยากรู้ว่าแองเจเล่สามารถก้าวหน้าเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรมันคือความหวังสุดท้ายของเธอ เวลเว็ตต้องทิ้งศักดิ์ศรีไว้เบื้องหลัง
"ลุกขึ้นก่อน" แองเจเล่พูด
เวลเว็ตลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้สวมชุดนักดาบของเธอ
ร่างกายของเธอมีชุดเกราะหนังที่เน้นหน้าอกของเธอ กระโปรงสั้นสีดำของเวลเว็ตสั้นแค่ต้นขาและมีถุงน่องที่เนียนทำให้ขาของเธอดูสวย
"เจ้ากำลังพยายามเกลี้ยกล่อมข้าด้วยเสื้อผ้าที่เจ้ากำลังสวมอยู่งั้นหรือ" แองเจเล่มองที่เธอ
เวลเว็ตก้มหน้า เธอไม่ตอบคำถามของแองเจเล่แต่พยักหน้าเล็กน้อย
แองเจเล่รู้ว่าถ้าเขารับเธอเธอก็จะตอบสนองทุกความต้องการของเขาในคืนนี้