ตอนที่ 131: เดินทางกลับ (2)
แผนของแองเจเล่คือการขึ้นเรือที่ท่าเรือกลับไปยังบ้านเกิดโดยใช้เส้นทางเดียวกับที่เขามาที่นี่ รูปแบบการต่อสู้ของเขาค่อนข้างแตกต่างจากพ่อมดคนอื่นๆเพราะเขาเริ่มในขณะที่เป็นอัศวินขั้นสูงและเขามีข้อได้เปรียบในการต่อสู้ระยะใกล้ เขาไม่ต้องการคาถาโจมตีมากนักเนื่องจากความแข็งแกร่งในการโจมตีทางกายภาพของเขา
คาถาโจมตีส่วนใหญ่ต้องการวัสดุสนับสนุนที่แตกต่างกันและสิ่งที่แองเจเล่ได้เรียนรู้รวมถึงคาถาพิเศษของเขามันไม่ต้องใช้อะไร
เขาไม่รู้ว่าพ่อมดคนอื่นต่อสู่อย่างไรและเขาไม่แน่ใจว่าการโจมตีกายภาพของเขาจะมีผลหรือไม่เมื่อพยายามทำลายสนามพลังของพ่อมดแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องรวบรวมวัสดุจำนวนมาก
แองเจเล่ได้อ่านเรื่องพ่อมดที่ต่อสู้ระยะประใกล้ในประวัติแต่พวกเขายังต้องร่ายคาถาเพื่อเสริมการโจมตีกายภาพของพวกเขา คาถาพิเศษของแองเจเล่เชี่ยวชาญโลหะนั้นสามารถช่วยเขาปลดปล่อยพลังทีแท้จริงของคาถาโลหะ มันเป็นคาถาพิเศษที่เขาสร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือของซีโร่และพ่อมดคนอื่นๆไม่สามารถคัดลอกมันไปได้
แองเจเล่เริ่มเรียนรู้คาถาใหม่ระหว่างทางที่ไปท่าเรือ เขาซื้อรูปแบบคาถาจำนวนมากในโรงเรียนและคาถาถูกเก็บไว้ในคลังข้อมูลของซีโร่ แม้ว่าคาถาส่วนใหญ่จะไม่อยู่ในหมวดไฟและลมเขาก็ยังได้เรียนรู้พื้นฐานจำนวนมาก
คาถาพิเศษของแองเจเล่นั้นแข็งแกร่งมันเพิ่มทั้งพลังป้องกันกายภาพและเวทมนต์แต่มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ มีพ่อมดที่มีคาถาพิเศษที่เชี่ยวชาญพิเศษในการป้องกันกายภาพและเวทมนต์ที่แข็งแกร่งเมื่อต้องรับการโจมตีบางประเภท
ด้วยเหตุนี้แองเจเล่จึงต้องการที่จะพัฒนารูปแบบการต่อสู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาพยายามค้นหาเวทมนต์ที่เหมาะสมในคลังข้อมูลและปรับปรุงพวกมันด้วยความช่วยเหลือของซีโร่
**********************
แองเจเล่เช่ารถม้าจากเมืองที่เขาผ่าน เขากำลังนั่งขมวดคิ้วในขณะที่จัดระเบียบข้อมูลคาถา
'พลังจิตของข้าถึง 21 หน่วยแล้วและข้ามีมานาประมาณ 21 ก่อนที่จะร่ายคาถาใดๆ อย่างไรก็ตามข้าไม่ได้คาดหวังว่าคาถาระดับหนึ่งจะใช้พลังจิตสี่หน่วยซึ่งมันก็หมายความว่าข้าสามารถใช้คาถาได้ห้าครั้ง ข้าจะหน้ามืดหลังจากที่พลังจิตหมดแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อมดส่วนใหญ่ถึงควบคุมอนุภาคพลังงานเพื่อสู้ในขณะที่พลังจิตที่ใช้ร่ายคาถามันไม่เพียงพอ เบเนดิกได้ใช้คาถาระดับศูนย์และเขายังได้ใช้อุปกรณ์เวทมนต์อีกหลายอย่าง เขาจะต้องใช้เวลานานในการหาหนทางเพิ่มพูนพลังจิตของเขา' แองเจเล่วางมือไว้บนโต๊ะกลางรถม้าในขณะที่กำลังคิด
'คาถาระดับหนึ่งนั้นแข็งแกร่งแต่พวกมันใช้พลังจิตและมานามากเกินไป ข้าควรเก็บคาถาไว้ในชิปและร่ายมันทันทีเมื่อจำเป็น' ดูเหมือนว่าแองเจเล่จะพบทาง
'ซีโร่คาถาไฟโจมตีที่ข้าเรียนรู้มีมากแค่ไหน' เขาถาม
[พบสองคาถา]
[1.ลูกไฟเล็ก: โจมตีศัตรูจากระยะไกลด้วยลูกไฟ
2.ระเหย: ดูดน้ำออกจากร่างกายของคู่ต่อสู้และสร้างความเสียหายด้วยไอน้ำที่มีอุณหภูมิสูง] ซีโร่รายงานทันที
ทั้งสองคาถานี้แองเจเล่ได้มาจากโรงเรียน เขาเรียนรู้มันเสร็จสิ้นไม่นานมานี้ด้วยความช่วยเหลือของชิป
'จำลองรูปแบบคาถาลูกไฟเล็กและแสดงระดับพลังงานในรูปแบบหน่วย'
มันใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีสำหรับชิปที่จะจำลอง
[จำลองเสร็จสิ้น ลูกไฟเล็กสามารถสร้างความเสียหายได้ 20-25 หน่วย ระยะที่มีประสิทธิภาพ 5 เมตร ใช้พลังจิต 4 และมานา 4]
เปลวไฟของหัวใจเรืองแสงของแองเจเล่นั้นสร้างความเสียหายประมาณ 12 หน่วยในขณะที่การโจมตีกายภาพของเขาสามารถสร้างความเสียหายได้ประมาณ 20 หน่วย
คาถาระดับหนึ่งนี้สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่า 20 หน่วยภายในรัศมี 2.5 เมตรและมันเหมือนกับการที่แองเจเล่สร้างความเสียหายวงกว้างด้วยการโจมตีกายภาพของเขา
นอกจากนี้ลูกไฟเล็กยังเป็นรูปแบบคาถาทั่วไปและพลังมันก็มาจากความเสียหายที่ระเบิดและเผาไหม้ อย่างไรก็ตามอัศวินขั้นสูงส่วนใหญ่ไม่สามารถรอดจากการโจมตีได้ถ้าพวกเขาอยู่ในระยะของมัน มันคล้ายกับการโจมตีจากอัศวินขั้นกลางหลายๆคนพร้อมกัน
แกรนด์อัศวินอาจจะรับมือความเสียหายนี้ได้บาเรียรอบร่างกายของพวกเขามีความต้านทานเวทมนต์
'สามารถเพิ่มความเสียหายได้หรือไม่'
[เป็นไปได้ที่จะเพิ่มความเสียหาย สามารถเพิ่มได้ถึง 32-39 หน่วย การใช้พลังจิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 และการใช้มานาจะเพิ่มขึ้น เวลาโดยประมาณ 4 วัน] ซีโร่รายงาน
'สร้างงาน เริ่มเพิ่มประสิทธิภาพทันที' แองเจเล่สั่ง
[สร้างงาน กำลังปรับปรุง...]
'แสดงข้อมูลการป้องกันของรูปแบบคาถาเชี่ยวชาญโลหะของข้าและจำลองมัน'
[กำลังจำลอง......เชี่ยวชาญโลหะ(สนามพลัง): ความต้านทานกายภาพ 19 หน่วย ความต้านทานเวทมนต์ 14 หน่วย ลดความเสียหายของคาถาที่โจมตีทางกายภาพและเวทมนต์]
การแสดงออกของแองเจเล่เปลี่ยนไป
'ความต้านทานโดยเฉลี่ยของคาถาป้องกันอื่นเท่าไหร่'
'คาถาที่เน้นความต้านทานทางกายภาพและเวทมนต์สามารถรับความเสียหายได้ 25 หน่วย'
มีวิธีเดียวที่จะเพิ่มความต้านทานของสนามพลัง แองเจเล่ได้พบมันก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเป็นคาถาพิเศษของเขา เขาต้องหาโลหะบางอย่างและดูดซับวัสดุเหล่านั้น
เขาได้ดูดซับก้ามจากนักรบก้ามปูทำให้ความต้านทานเวทมนต์ของเขาเพิ่มขึ้น ถ้าเขาสามารถหาวัสดุที่ดีกว่าได้ในอนาคตเขาก็จะเพิ่มความต้านทานได้อย่างรวดเร็ว
'ข้ากำลังเดินทางอยู่ ข้าจะพยายามหาโลหะที่เหมาะสมและดูดซับพวกมัน' แองเจเล่วางแผน
'สร้างงานและจำลองการต่อสู้ระหว่างข้าและพ่อมดทั่วไปที่อยู่ระดับเดียวกับข้าแล้วแสดงให้ข้าเห็นโอกาสที่จะชนะ'
ซีโร่เริ่มจำลองทันที มันใช้เวลาประมาณสิบนาทีเพื่อแสดงผล
[โอกาสที่จะชนะ 73.15%]
แองเจเล่ไม่ได้แปลกใจ เขามีชิปช่วยเขาระหว่างการต่อสู้ นอกจากนี้เขายังมีคาถาที่สามารถใช้ได้ทันที พ่อมดทั่วไปคงจะไม่คาดคิดว่าจะมีการโจมตีที่น่าตกใจเช่นนี้ คาถาที่เขาเก็บไว้สามารถใช้ได้เร็วกว่าการเปิดใช้งานอุปกรณ์เวทมนต์
อย่างไรก็ตามโอกาสชนะก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข สิ่งต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่อาจคาดเดาได้ในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจริง
แองเจเล่ชอบการต่อสู้ เขาสามารถคิดได้เร็วขึ้นและทำได้เร็วขึ้นในระหว่างการต่อสู้ การชนะการต่อสู้ทำให้เขารู้สึกถึงความสำเร็จ
พ่อมดมักจะต่อสู้อย่างอดทนและส่วนใหญ่จะใช้เวลาพิทักษ์โรงเรียนที่พวกเขาเซ็นสัญญา
แองเจเล่ส่ายหัวและหยุดคิด เขามองไปที่โต๊ะไม้ มีซองลูกธนูโลหะอยู่สองซองและมีธนูยาวโลหะอยู่ ใต้โต๊ะมีชุดเกราะโลหะดำทั้งเซ็ต
แองเจเล่เตรียมสิ่งเหล่านี้ก่อนที่จะออกจากเมืองด้วยความช่วยเหลือของไทนอสและฮาร์แลนด์ ลูกธนูและชุดสร้างด้วยวัสดุที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถหาได้ แองเจเล่ไม่ได้ดูดซับพวกมันทั้งหมดได้พร้อมกันดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเก็บไว้ในรถม้า
********************
ตอนเย็น
กองไฟกำลังเผาไหม้ในป่าที่มืดมิดทำให้รอบๆพื้นที่นี้สว่างขึ้น
มีคนสามคนนั่งขัดสมาธิข้างกองไฟ
หนึ่งในนั้นดูแก่ เขาสวมชุดคลุมสีดำและผมของเขามีสีขาว เขากำลังหลับตาทำสมาธิอยู่
อีกสองคนอายุยี่สิบกลางๆ มีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเทาและผู้หญิงที่กำลังเอากิ่งไม้เขี่ยกับเปลวไฟ
ชายหนุ่มกำลังอ่านอย่างระมัดระวัง
หลังจากผ่านไปหลายนาทีผู้หญิงก็วางกิ่งไม้ลงและมองไปที่ชายชรา
"อาจารย์แมรี่แลนด์เราต้องรออีกนานแค่ไหน เราอยู่ที่นี่มาทั้งวันแล้วข้าเดาว่าเขาคงไปเส้นทางอื่น"
ชายชราลืมตาอย่างช้าๆและส่ายหัว
"ไม่ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดที่จะไปท่าเรือดังนั้นเขาจะต้องเลือกเส้นนี้แน่นอน" แมรี่แลนด์หยุดพูดครู่หนึ่ง "ข้าไม่ได้มาภายใต้คำสั่งของโรงเรียน ภายใต้แรงกดดันของลิเลียน่าตระกูลของข้าจะไม่ต้องการแก้แค้นแต่.....อเดลเป็นหลานเพียงคนเดียวของข้าและเขาตายอย่างไร้ค่า ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาไปได้"
เขาหันไปมองพ่อมดฝึกหัดทั้งสองคน
"พวกเจ้าไม่ต้องช่วยข้า"
"อาจารย์ ท่านช่วยเรามากในโรงเรียนเราไม่สามารถปล่อยให้ท่านเผชิญหน้ากับเขาคนเดียว" พ่อมดฝึกหัดลดหนังสือลงและเขาก็พูดอย่างสุภาพ
"นอกจากนี้เราได้มาถึงขั้นที่สามนานแล้ว เราอาจจะพบวัสดุหายากจากร่างกายของเขา"
"ขอบคุณ" แมรี่แลนด์ดูมีความสุข
"เฉพาะผู้ที่เลือกที่จะช่วยข้าเมื่อข้ามีปัญหาถึงจะเป็นผู้ติดตามที่แท้จริงของข้า" เขายิ้ม
"เรายินดีที่จะช่วยเหลือท่าน" พ่อมดฝึกหัดทั้งสองคนลดหัวลงและโค้งให้
"แองเจเล่เพิ่งกลายเป็นพ่อมดทางการดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาเรียนรู้คาถา ข้าคิดว่าเขาไม่รู้วิธีแก้ไขรูปแบบคาถา ข้าสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย" แมรี่แลนด์ดูผ่อนคลาย
"ไม่สำคัญว่าเขาจะมีพรสวรรค์แค่ไหน เขาต้องการเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีเพื่อเชี่ยวชาญคาถาโจมตีระดับหนึ่งดังนั้นแองเจเล่จะต่อสู้ด้วยคาถาระดับศูนย์ เขาไม่มีโอกาสต่อสู้กับข้า หลังจากจบเรื่องนี้ข้าจะพาพวกเจ้าทั้งสองคนไปสู่อีกองค์กรที่ดีกว่า"
"แต่อาจารย์ข้าได้ยินมาว่าเขามีพรสวรรค์ระดับ 2 แต่เขาใช้เวลาเพียงแค่สามปีในการทำลายขีดจำกัด เขาจะต้องมีพลังพิเศษบางอย่าง" แม่มดฝึกหัดขัดจังหวะ
"เราควรเก็บร่างกายของเขาไว้และผ่าตัดเขา ข้าแน่ใจว่าเขาซ่อนความลับบางอย่างไว้"
"มันเป็นความคิดที่ดี" แมรี่แลนด์พยักหน้า
"ข้าจะเก็บร่างกายของเขาไว้ให้เป็นส่วนเดียว"
แมรี่แลนด์ยกมือขวาขึ้นและพูดช้าๆ "ในสงครามกับพันธมิตรแดนเหนือข้าฆ่าพ่อมดฝึกหัดระดับสามมากกว่าสิบคนและพ่อมดสองคน ลิเลียน่าคิดจริงๆหรือว่าเด็กคนนี้มีค่ามากกว่าข้า ข้าจะบอกให้เธอรู้ว่าเธอตัดสินใจได้โง่แค่ไหน"
มีแสงสีขาวที่รุนแรงออกมาจากดวงตาของเขา
____________________________________________________________
พ่อมดที่แปลมาจากคำว่า wizard ซึ่งแปลไทยก็คือพ่อมดหรือผู้เชี่ยวชาญเวทมนต์(นักเวท พอใช้แล้วมันดูไม่ขลังเท่าพ่อมด) แต่พ่อมดมันแทนเพศชายและผมแปลพ่อมดมาเยอะแล้วมันชินเลยจะใช้ต่อไป ถ้าอธิบายผู้หญิงเดี่ยวๆผมจะใช้แม่มดแต่ถ้ารวมกับผู้ชายจะใช้พ่อมดเป็นหลัก