ตอนที่ 119: การเดินทาง (2)
รูปแบบคาถาที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือชื่อว่าบาเรียเกลียว มันสามารถร่ายโดยอนุภาคพลังงานประเภทใดก็ได้แต่ผลของมันจะแตกต่างกันไปและต้องใช้อนุภาคพลังงานสองประเภทเพื่อที่จะสร้างบาเรีย อนุภาคพลังงานสองประเภทที่แตกต่างกันจะชนกันและสร้างสนามพลังที่สามารถช่วยป้องกันการโจมตีทางกายภาพและการโจมตีด้วยพลังงาน มันเป็นคาถาที่แองเจเล่เลือกจากรายการที่เดเลนย่าให้ดู
"มีพ่อมดมากมายที่เลือกคาถานี้ก่อนที่พวกเขาจะพยายามทำลายขีดจำกัด อย่างไรก็ตามพ่อมดส่วนใหญ่ล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายของพวกเขา เจ้าจำเป็นต้องเชี่ยวชาญอนุภาคพลังงานสองประเภท มันจะส่งผลถึงการพัฒนาในอนาคตเมื่อเจ้าเป็นพ่อมดแต่มันเป็นตัวเลือกของเจ้าเองและข้าจะเคารพมัน" เดเลนย่าแนะนำ
"ข้าเข้าใจแล้ว" แองเจเล่พยักหน้า เขารู้ถึงความสำคัญของการมุ่งเน้นไปที่พลังงานใดพลังงานหนึ่งแต่เขารู้ว่าอนุภาคพลังงานไฟและลมค่อนข้างดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเรียนรู้พื้นฐานโดยการเรียนรูปแบบคาถานี้
หลังจากที่ได้เห็นคาถาโลหะที่อควาใช้แองเจเล่ก็พบความเป็นไปได้ในการพัฒนารูปแบบการต่อสู้ระยะประชิดที่เหมาะกับทักษะการต่อสู้ของเขาซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ฆ่าอควา
เขาต้องการรวมบาเรียเกลียวเข้ากับสนามความร้อนสูงและแก้ไขพวกมันด้วยคาถาโลหะหลังจากที่เข้าใจพื้นฐานทั้งหมดของคาถาเหล่านี้ เขาอยากสร้างทักษะติดตัวพิเศษที่สร้างสนามรอบตัวเขาด้วยคาถาโลหะซึ่งสนามนี้จะเพิ่มพลังอาวุธหรืออุปกรณ์ของเขาอัตโนมัติ เมื่อเขาใช้ดาบกางเขนและฟันไปข้างหน้าก็จะมีหลาวโลหะนับไม่ถ้วนออกมาจากปลายดาบ เมื่อการฟันของเขาถูกป้องกันโดยฝ่ายตรงข้ามรูปร่างของใบดาบก็จะเปลี่ยนไปและฝ่ายตรงข้ามจะต้องประหลาดใจ นอกจากนี้ถ้าเขายิงลูกธนูโลหะไปทางกลุ่มศัตรูลูกธนูมันก็จะเปลี่ยนเป็นหลาวโลหะจำนวนมากกลางอากาศ....
คู่ต่อสู้ของแองเจเล่คงจะคิดไม่ออกว่าการกระทำต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไรถ้าเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาทักษะเช่นนี้และความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นี่อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้คาถาโลหะ
การร่ายคาถาโลหะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก มันเป็นรูปแบบคาถาที่มีความซับซ้อนดังนั้นการทำให้มันเป็นคาถาติดตัวที่ทำงานเหมือนคาถาพิเศษจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแองเจเล่ คาถาพิเศษนี้จะช่วยแองเจเล่ในการโจมตีและป้องกันในพร้อมๆกัน แองเจเล่มีของเหลวโลหะที่เขาทำมาจากกรงเล็บขนาดใหญ่ซึ่งมีความต้านทานเวทมนต์สูง มันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับคาถาโลหะ
แองเจเล่คิดชั่วครู่แล้วตระหนักได้ว่าเดเลนย่ากำลังรอเขาอยู่
เขามีรอยยิ้มที่แสดงความเสียใจบนใบหน้า "ขอโทษด้วยข้าใจลอยนิดหน่อย"
"ไม่เป็นไร สิ่งสุดท้าย" เดเลนย่านำม้วนออกมาหลายม้วนจากกระเป๋าของเธอ ม้วนสีน้ำตาลเหล่านี้ถูกผนึกด้วยเชือกสีดำหลายเส้น "นี่เป็นสูตรยาที่เจ้าขอมา พวกมันเป็นสูตรยาระดับต่ำแต่นั่นคือทั้งหมดที่ข้ามี"
"ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก" แองเจเล่คว้าไปที่ม้วนและแก้เชือกออก
แองเจเล่ตรวจสอบเนื้อหาของม้วน สูตรที่บันทึกไว้มีสามยาพื้นฐาน: ผงนอนหลับ ตัวกลางของแจ็คเกอลีนและเสียงผี
เดเลนย่าใช้ผงนอนหลับในเมืองมอส ตัวกลางของแจ็คเกอลีนเป็นส่วนประกอบหลักของยา เมื่อปฏิกิริยาแรงเกินไปก็จะเพิ่มตัวกลางเข้าไปในยาเพื่อควบคุมปฏิกิริยาและลดโอกาสในการระเบิด
เสียงผีใช้ในการบันทึกข้อความเสียง ข้อความเสียงที่บันทึกอาจเก็บไว้ได้มากกว่าสิบปีมันขึ้นอยู่กับคุณภาพของยา
แองเจเล่มองไปที่สูตรเสียงผีและหัวเราะ "ข้าได้ยินมาว่าเสียงผีที่มาทำโดยไซเรนมีความนิยมมากในโลกพ่อมดเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อน"
"นี่ไม่ใช่สูตรที่ไซเรนใช้ถึงแม้ว่าข้าจะชอบเสียงร้องเพลงของพวกเขาก็ตาม" เดเลนย่ายิ้ม "น่าเศร้าที่พวกเขาดับสูญไปแล้ว มีเพียงวิธีเดียวที่ข้าสามารถเพลิดเพลินกับเพลงของพวกเขาคือการใช้เสียงผี สิ่งที่ดีคือยาเหล่านี้มันอยู่ได้หลายปีจนกว่าจะแห้งมิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถฟังเสียงสวรรค์เหล่านั้นได้อีกต่อไป"
"ใช่" แองเจเล่ผูกม้วนเหล่านั้นและเก็บไว้ในกระเป๋าของเขา
"เราใช้เวลาที่นี่มากเกินไป ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการนำของเหล่านั้นมาให้ข้า"
"มันไม่ได้มากอะไร เจ้าช่วยชีวิตข้า" เดเลนย่าหยุดยิ้ม เธอดูสงบมาก
"ถ้าเจ้าต้องการอะไรอีกเพียงแค่ติดต่อข้าด้วยกล้องดูดาว ลาก่อน" เธอดึงฮู้ดขึ้นมาอีกครั้งและลดศีรษะลง
"ลาก่อน ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรเพียงแค่บอกให้ข้ารู้" แองเจเล่ตอบ เขายืนอยู่ที่นั่นเฝ้าดูเดเลนย่าออกจากซอย
แองเจเล่จับกระเป๋าที่มีน้ำอสุอยู่ภายใน ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหัวเราะออกมา เขายืนอยู่ที่นั่นสักครู่ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากซอยอย่างช้าๆและกลับไปที่ถนนที่วุ่นวาย
แองเจเล่เห็นกวีที่สวมเสื้อสีขาวอยู่ข้างถนน เขากำลังเล่นพิณสีดำในมือด้วยดนตรีที่ผ่อนคลาย
มันเป็นครั้งแรกที่แองเจเล่ได้เฝ้าดูกวีเล่นพิณคนเดียว เขาเรียนรู้เกี่ยวกับกวีเมื่อเขาอยู่ท่าเรือมารัว พวกเขาบอกว่าพวกเขาเดินทางตลอดเวลา กวีส่วนใหญ่สามารถต่อสู้ได้และส่วนใหญ่พวกเขาได้รับการต้อนรับจากผู้คนเพราะพวกเขาเป็นนักเล่าที่ยอดเยี่ยมและผู้คนก็สนใจในประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับระหว่างที่พวกเขาเดินทาง
พวกเขามักจะเจียมเนื้อเจียมตัวและใจดี อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่มีเช่นนั้น บางคนอาจจะสร้างเรื่องราวขึ้นเพื่อดึงดูดผู้คน
กวีเห็นแองเจเล่ที่ออกมาจากซอยแล้วนั่งเก้าอี้ยาวที่ล้อมรอบไปด้วยเด็กๆ มีคนหลายคนกำลังฟังเขา
"อา- ฝูงนกกระจิบแสนสวยบนต้นงา เจ้าหญิงมิราน่าดอกไม้แห่งจักรวรรดิ เธอแต่งงานกับดยุคซานเตียโก้ เธอเป็นคนที่สวยสง่า ข้าเห็นเธอครั้งหนึ่งในงานฉลองของจักรวรรดิแต่เธอไม่ได้ส่องแสงเหมือนเพชรอีกต่อไป เธอหดหู่และซูบผอม บางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตาของเธอ อา- เศร้าและโดดเดี่ยว ไม่ยุติธรรม-" มันเป็นตอนท้ายบทกวี
แองเจเล่ขมวดคิ้วและขนเริ่มลุก เสียงของกวีนั้นคล้ายของผู้หญิงและตอนท้ายเสียงของเขานั้นสูง มันดูเหมือนเขาแช่ตัวเองในบทกวีของเขาเอง
'ถ้ากวีทุกคนเป็นเหมือนเขาข้าก็คงสะอิดสะเอียน....' แองเจเล่คิดในใจ
"เยี่ยม กวีที่ยอดเยี่ยม" ฝูงชนโห่ร้อง
หน้าของแองเจเล่กระตุก เขาเฝ้าดูเด็กๆและผู้ใหญ่เชียร์กวีและมันทำให้พูดไม่ออก
แองเจเล่เดินออกไปและเริ่มเดินเล่นบนถนน คู่หนุ่มสาวกำลังเต้นอยู่กลางกลุ่มผู้ชม ทุกคนปรบมือเป็นจังหวะและตะโกนในภาษาท้องถิ่นที่แองเจเล่ไม่เข้าใจ
มีกลุ่มผู้ชายกำลังแข่งกินเบียร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากผับหลายแห่งในเมือง ผู้เข้าร่วมนั่งโต๊ะยาวและพวกเขาดื่มเบียร์จากแก้วขนาดใหญ่ มีคนรักเบียร์หลายคนกำลังเชียร์พวกเขาข้างๆโต๊ะ
แองเจเล่เดินไปรอบๆและไปทางชายชราที่กำลังแสดงหุ่นกระบอก เขามีร่างผอมสวมชุดผ้าลินินสีเทาและผิวของชุดก็เคลือบไปด้วยน้ำมัน ผมสีขาวของเขายุ่งมากและเขาก็เหม็น ชายคนนี้ยิ้มให้กับคนเดินเท้าเป็นครั้งคราวพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้ผู้คนเฝ้าดูเขา มีสายใสๆผูกติดกับนิ้วของเขาและเขาควบคุมหุ่นเชิดขนาดเท่าฝ่ามือสองตัวต่อสู้กัน
หุ่นเชิดสวมชุดสีขาวเป็นผู้หญิงและหุ่นเชิดสวมชุดสีดำเป็นผู้ชาย
ชายชรากำลังทำเสียงหุ่นทั้งสองขณะที่แองเจเล่เข้ามาหาเขา มีเด็กสองคนกำลังนั่งอยู่ข้างๆเฝ้าดูหุ่นด้วยความสนใจ
"....เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเห็นจูเลียนำของเล่นของเขาไป ไม่ จูเลีย เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้" ชายชรากำลังเลียนเสียงของเด็กผู้ชาย
จากนั้นเขาก็ขยับเชือกเล็กน้อยและเปลี่ยนเป็นเสียงของผู้หญิง "ทำไม ทำไมข้าทำแบบนี้ไม่ได้ เขาเป็นของข้าทำไมเจ้าถึงให้ของขวัญที่เป็นของข้าแก่อดอล์ฟ แม้ว่าเขาจะต้องการจริงๆเจ้าก็ไม่สามารถ....."
แองเจเล่พบว่าการแสดงหุ่นของชายชราไม่น่าสนใจ เขาส่ายหัวและเดินจากไป
เขาแค่อยากรู้และเขาต้องการรู้ว่าคนในดินแดนนี้ทำให้ตัวเองเพลิดเพลินได้อย่างไร แต่น่าเศร้าที่เขาไม่พบสิ่งที่ควรค่าแก่การพยายาม แองเจเล่ตัดสินใจกลับไปที่โรงแรม
เขาเก็บของทุกอย่างก่อนที่จะจ่ายเงินและเดินไปทางประตูเมือง
ข้างประตูเมืองมีคอกม้าอยู่ มีพ่อค้าหลายคนกำลังต่อรองกับพนักงาน เจ้าของคอกม้ากำลังช่วยขุนนางชายที่อ้วนบรรทุกสินค้าขึ้นรถของเขา สถานที่นี้มันยุ่งวุ่นวาย
พนักงานเดินเข้ามาหาแองเจเล่เมื่อแองเจเล่เดินมาถึงคอกม้า
"ท่านต้องการอะไรครับ รถม้า ม้าหรือว่าท่านต้องการส่งสินค้าหรือจดหมายไปหาใครสักคน" พนักงานมีรอยยิ้มบนใบหน้า
"ม้า ข้าจะเดินทางไกล" แองเจเล่ตอบ
"ตกลงครับ โปรดตามข้ามา ข้าจะพาท่านไปเลือกม้าที่ท่านต้องการ" พนักงานมีความสุขหลังจากที่ได้ยินแองเจเล่บอกว่าม้า การขายม้าจะช่วยสร้างกำไรให้กับคอกม้า รถม้าเช่าเป็นบริการที่มีราคาถูก
พนักงานสองคนเดินมาทางแองเจเล่หลังจากที่ได้ยินว่าเขาจะซื้อม้า หนึ่งในนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นผู้จัดการ พวกเขานำแองเจเล่ไปทางสนามข้างหลัง
หลังจากนั้นหลายนาทีแองเจเล่ก็เลือกม้าสีดำที่แข็งแรง ม้าสีดำเหมาะสำหรับการเดินทางในเวลากลางคืน สีของมันทำให้ยากที่จะตรวจพบ
"ขอให้เดินทางปลอดภัย" ผู้จัดการยิ้มและตะโกนเสียงดัง
แองเจเล่พยักหน้า เขากระตุกขาและหันตัวม้า เขาเริ่มมุ่งหน้าไปทางประตูเมืองอย่างช้าๆ
ขุนนางชายจ้องที่แองเจเล่ชั่วครู่และเริ่มพูดคุยกับเจ้าของอีกครั้ง
"ตระกูลนันแนลลี่และตระกูลสตีเฟ่นยังต่อสู้กันอยู่ เจ้าเมืองสั่งให้พวกเราไม่ให้ช่วยเหลือในด้านใดๆ พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการทางตอนใต้ของเมือง" ขุนนางชายถอนหายใจ "มันอาจจะลงในอีกหลายวัน ทั้งสองตระกูลมีพื้นหลังที่แข็งแกร่ง"
"ใช่ พวกเขาจะสู้รบกันอีกครั้งในเร็วๆนี้ ทหารยามของเมืองได้เลื่อนการลาดตระเวนของพวกเขา"
พวกเขาสนทนากันและเฝ้าดูคนงานบรรทุกสินค้า
"ข้าอาจจะอยู่นอกเมืองสักพักหนึ่ง ข้าไม่อยากมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของพวกเขา" ขุนนางชายดูกังวล "มีหลายสิ่งหลายอย่างกำลังเกิดขึ้น....."
"ใช่แล้ว" เจ้าของคอกม้าถอนหายใจ