ตอนที่ 117: แนวคิด (2)
แองเจเล่กำลังอ่านข้อมูลที่อควาสอนเขาในขณะที่เดิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเวลามากนักแต่อควาก็ยังบอกกระบวนการให้เขามากที่สุดและของที่เขาให้แองเจเล่เป็นหนังสือเล็กๆที่บันทึกวิธีการเรียนรู้ของระบบคาถาโลหะ นอกจากนี้มันยังมีหนังสือที่อควาจดบันทึกไว้
มันเป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อยๆสำหรับพ่อมดฝึกหัดที่มีหนังสือบันทึกเพราะพวกเขาไม่ได้มีที่จัดเก็บในสมองของเขาเหมือนที่แองเจเล่มี พวกเขาต้องทบทวนข้อมูลที่พวกเขาบันทึกไว้ในหนังสือบันทึกเมื่อมันถึงเวลาจำเป็น
แองเจเล่ไปถึงประตูเมืองเอ็มม่าอย่างรวดเร็ว มีรถม้าและนักเดินทางมากมายที่รอตรวจสอบโดยทหารยามของเมือง
มีทหารยามหลายคนจากตระกูลนันแนลลี่ที่สังเกตเห็นแองเจเล่และพวกเขาก็รายงานไปยังเคลลี่ แองเจเล่เดินดูร้านขายเร่สักพักหนึ่งและกลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลนันแนลลี่
*********************
"อะไรนะ" ไหล่ของเคลลี่มีผ้าพันแผล เธอลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ด้วยความโกรธ เสียงแหลมสูงของเธอทำให้แม่บ้านหลายคนที่อยู่ข้างนอกประตูสนใจที่ตอนนี้กำลังมองผ่านหน้าต่างอย่างอยากรู้อยากเห็น
"ท่านแองเจเล่ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ" เคลลี่พูดด้วยอาการที่สงบลงเล็กน้อย
เคลลี่และแองเจเล่เป็นคนสองคนในห้องโถงและแองเจเล่จิบชานมพิเศษที่แม่บ้านนำมาให้เขา
"ข้าไม่ได้ล้อเล่น" แองเจเล่ลงถ้วยแก้วลง "ข้าได้สิ่งที่ข้าต้องการแล้ว ตระกูลสตีเฟ่นตอบสนองต่อความต้องการของข้าและเสนอสิ่งพิเศษให้ข้าดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะไม่ยุงกับการต่อสู้ระหว่างตระกูลนันแนลลี่และตระกูลสตีเฟ่น เจ้าสงสัยการตัดสินใจของข้างั้นหรือ"
"ข้า.....ข้าไม่....." สีหน้าของเคลลี่ซีดลงและเสียงของเธอก็สั่น เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบลง "ถ้าท่านตัดสินใจแล้วข้าก็จะจัดรถม้าให้กับท่าน"
"ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ข้ายังมีบางสิ่งที่ต้องจัดการ นอกจากนี้ข้าได้ยินมาว่าจะมีงานเฉลิมลองในเมือง ข้าค่อนข้างสนใจ" แองเจเล่ยิ้มอย่างใจเย็น
"ขอให้สนุก" เคลลี่พูด
"ข้าขอโทษจริงๆ" แองเจเล่ลุกขึ้นยืนและออกจากโถงประชุม
เขาได้ยินเสียงถ้วยแก้วแตกบนพื้นขณะที่เขาปิดประตู
****************
สามวันต่อมา....
ในช่วงเช้าตรู่
ถนนเป็นสีเทา มีบ้านหลังเล็กๆที่สร้างจากอิฐสีเข้มอยู่มุมหนึ่งและมีควันสีขาวออกมาจากปล่องไฟด้านบน ประตูไว้ของบ้านเป็นสีดำตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวขนาดเล็ก
มีชายร่างสูงสวมเสื้อคลุมสีดำยืนอยู่หน้าบ้านเขาสวมหมวกสีดำ ถนนนั้นว่างเปล่าและมีลมเย็นๆพัดมา รถม้าสีดำผ่านไปอย่างช้าๆ มีเสียงกระดิ่งดังมาจากรอบคอของม้าที่น่ารำคาญเล็กน้อย
ชายหนุ่มถอดหมวกออก เขามีผมน้ำตาลสั้นที่กำลังถูกสายลมพัด ชายคนนี้คือแองเจเล่
รถม้าหายไปที่มุม แองเจเล่ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของเขาด้วยหมวกและเคาะประตู
ก๊อกๆ
เขารอสักครู่แต่ไม่มีใครตอบ
"มีใครอยู่ไหม" แองเจเล่ถามเสียงเข้มและเคาะประตูอีกครั้ง
"กำลังไป...." ในที่สุดก็มีคนตอบ
แอ๊ดด
ประตูเปิดออกและมีชายวัยกลางคนที่มีผมสีดำปรากฏตัวข้างประตู เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า
"เจ้าคือใคร" แองเจเล่เป็นคนแปลกหน้าดังนั้นชายคนนั้นจึงหยุดยิ้ม
"ข้าเป็นเพื่อนของกอนดอร์ ข้าขอเข้าไปได้ไหม" แองเจเล่ยิ้ม
"แน่นอน" ชายคนนั้นพยักหน้าและยิ้มอีกครั้ง
เขาหันกลับไปและตะโกน "กอนดอร์ เพื่อนของเจ้ามา"
"ข้ากำลังไป" เสียงของกอนดอร์ดังมาจากในบ้าน
แองเจเล่ได้รับเชิญให้เข้าไปในบ้านและเขาก็เริ่มตรวจสอบรอบๆ
พื้นเป็นพื้นไม้สีแดงและมีเตาผิงที่มีเปลวไฟอยู่ภายใน มีโต๊ะไม้ขนาดเล็กอยู่กลางห้องนั่งเล่นที่มีเก้าอี้ล้อมรอบ มีดอกไม้สีขาวหลายดอกอยู่ตรงกลางโต๊ะ
ในห้องนั่งเล่นแทบจะไม่มีการตกแต่งใดๆแองเจเล่เห็นเพียงภาพวาดที่อยู่เหนือเตาผิงเท่านั้น มีอัศวินที่กำลังก้าวข้างหน้าบนทุ่งหญ้าพร้อมกับม้าของเขา ภาพวาดสีขาวดำมีสีไม่ค่อยสมดุล
ชายวัยกลางคนดูคล้ายกับกอนดอร์ เขาเม็ดมือของเขาด้วยผ้ากันเปื้อนสีขาวที่เขาสวมอยู่
"นั่งก่อนสิ กอนดอร์กำลังมา ข้าต้องเข้าครัว"
"ขอบคุณครับ" แองเจเล่พยักหน้าอย่างสุภาพและนั่งลงบนเก้าอี้
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องนอนทางขวามือในขณะที่ชายคนนั้นเดินเข้าไปในครัว เธอสวมชุดนอนสีเทา ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะนอนไปไม่กี่นาที
"เรา...มีแขกมาหรอคะ" เด็กผู้หญิงอายุประมาณสี่หรือห้าปี ผมสีดำของเธอยาวถึงเอวมันยุ่งเล็กน้อย เธอกำลังถูตาข้างหนึ่งของเธอด้วยมือขวาและเธอดูง่วงนอน
"เขาเป็นเพื่อนของพี่ชายของเจ้า" เสียงของชายคนนั้นดังมาจากห้องครัว
เด็กผู้หญิงจ้องที่แองเจเล่ด้วยความอยากรู้และถาม "พี่ของข้าอยู่ไหน"
"ในห้องของเขา ไปบอกเขาว่าอาหารกลางวันเกือบเสร็จแล้ว"
"ค่ะ"
เด็กผู้หญิงเริ่มเดินไปทางห้องนอนที่อยู่ซ้ายมือของเธอแต่เธอก็สะดุดเท้าตัวเอง
ใบหน้าของเด็กผู้หญิงได้โดนพื้น
"แม่ หัวของข้า" เด็กผู้หญิงร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บ
แองเจเล่พูดไม่ออก เขาไม่ได้เห็นคนสะดุดเท้าตัวเองนานแล้ว....
กอนดอร์เปิดประตูและเดินออกมาจากห้องนอนของเขา เขาเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นแองเจเล่ทันที ดูเหมือนว่าเขาตกใจที่เห็นแองเจเล่ในบ้านของเขา
"ทำไมท่านถึงมาที่นี่" กอนดอร์ละเลยน้องสาวของเขาที่กำลังร้องไห้และมองไปที่แองเจเล่ "โอ้ ใช่แล้ว ท่านมาที่นี่เพื่อสิ่งที่อาจารย์ของข้าได้เตรียมไว้ให้ท่านใช่ไหม"
กอนดอร์นึกถึงข้อตกลงที่พวกเขามีในป่า อควาได้ให้สัญญากับแองเจเล่เกี่ยวกับคำอธิบายอย่างละเอียดของรูปแบบคาถาโลหะที่เขียนไว้
"ไปช่วยน้องสาวของเจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ" แองเจเล่ชี้ไปเด็กผู้หญิงที่กำลังร้อง
"โอ้...." กอนดอร์เดินไปหาน้องสาวของเขาทันทีและช่วยเธอลุกขึ้น เขาตบเบาๆไปที่หัวของเธอและลูบหน้า
มันใช้เวลาสักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะหยุดร้องไห้และกอนดอร์ก็ดูโล่งใจ
"โปรดรอที่นี่ ข้าจะไปเอามาให้" กอนดอร์ลุกขึ้นยืนและพูด เขากลับไปที่ห้องของเขาแล้วคว้าหนังสือหนังเล่มบางๆที่มีปกสีน้ำตาล
กอนดอร์เดินมาทางแองเจเล่และยื่นหนังสือให้เขา
แองเจเล่คว้าที่หนังสือและเริ่มดู ตัวหนังสือไม่ได้ทำมาดีมากนัก มันไม่มีการตกแต่งบนหน้าปกของมัน ชื่อเขียนด้วยหมึกสีดำว่า'พื้นฐานของคาถาโลหะ'
หนังสือเขียนด้วยภาษาไบรันโบราณซึ่งเป็นภาษาที่ผู้คนทั่วไปเรียกว่าภาษาของปีศาจเพราะผู้คนเชื่อว่าภาษาไบรันมีพลังลึกลับอยู่ ตัวหนังสือของภาษาไบรันมีรูปร่างแปลกๆและบางครั้งพวกมันก็จัดเรียงตัวเองเป็นรูนพิเศษหรือรูปแกะสลัก
ชื่อถูกเขียนด้วยภาษาไบรัน คำดูเหมือนตะขาบสีดำที่บิดเบี้ยวและมีตาสีแดงอยู่ตรงกลางของตะขาบ มันจ้องมองมาที่ใครก็ตามที่พยายามเปิดหนังสือ แองเจเล่พบว่ามันแปลกและน่ากลัวเล็กน้อย
แองเจเล่กดไปที่หนังสือเบาๆ มันนุ่มและบาง เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นหนังของอะไร หนังสือนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกองเสื้อผ้ามันเบามาก
"เยี่ยม ขอบคุณ ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว" แองเจเล่ลุกขึ้นยืน
"เดี๋ยวก่อน ท่านจะรังเกียจการทานอาหารกลางวันกับพวกเราหรือไม่" กอนดอร์พูด "พ่อขอข้าเป็นพ่อครัวชั้นเยี่ยม ข้าเชื่อว่าท่านจะพบว่าอาหารของพ่อมีเสน่ห์ แม้กระทั่งคนแคระที่จู้จี้จุกจิกก็ชอบทักษะการทำอาหารของพ่อข้า"
"คนแคระ เจ้าหมายถึงฮาล์ฟลิ่งงั้นหรือ" แองเจเล่ยิ้ม
"ใช่ๆ ฮาล์ฟลิ่ง" กอนดอร์หัวเราะและเกาหัวของเขา เขาดูราวกับเด็กที่ไร้เดียงสา แม้ว่าเขาจะอายุเท่ากับแองเจเล่ก็ตาม
หนังสือเล่มนี้เป็นเหตุผลเดียวที่แองเจเล่มาเยี่ยมกอนดอร์ แต่ครอบครัวของเขาก็ใจดีทำให้แองเจเล่ตัดสินใจที่จะร่วมกินอาหารกลางวันกับพวกเขา แองเจเล่อยากรู้เรื่องครอบครัวของกอนดอร์
พวกเขานั่งเก้าอี้ข้างโต๊ะในห้องนั่งเล่น อาหารวางอยู่บนโต๊ะ
อาหารจานแรกเป็นกะหล่ำปลีม้วนโรยด้วยงาดำและมันหอมมาก นอกจากนี้ยังมีแผ่นเครปสีทอง พวกมันถูกตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมและมีผักสีเขียวและเนื้อสับอยู่ นอกจากนี้ยังมีจานฟัวกราที่มีซอสสีดำและชามสลัดที่มีผักหลากหลายชนิด
มีจานเล็กๆและชามอยู่ข้างหน้าแองเจเล่ มีช้อนส้อมที่ทำด้วยเงินวางอยู่ข้างๆพวกมัน กลิ่นของอาหารทำให้แองเจเล่หิวเล็กน้อย
"ลองดูนี่สิ" พ่อของกอนดอร์ตักอาหารใส่จานของแองเจเล่ "เจ้าควรมาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ กอนดอร์แทบจะไม่เชิญเพื่อนของเขามาที่บ้านของพวกเรานับตั้งแต่ที่แม่ของเขาจากไป เจ้าและวินนี่เป็นเพียงคนสองคนที่มาเยี่ยมพวกเรา"
แองเจเล่พูดไม่ออก จานของเขาเต็มไปด้วยเครป
"ขอบคุณครับ ข้าไม่ได้กินมากขนาดนี้" แองเจเล่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติด้วยความใจดีเช่นนี้
น้องสาวของกอนดอร์กำลังเคี้ยวกะหล่ำปลีม้วนขณะที่มองมาที่แองเจเล่ด้วยความอยากรู้
กอนดอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่กินอาหารไปเรื่อยๆ มันใช้เวลาไม่กี่นาทีในการกินเครปประมาณ 500 กรัมเสร็จ
แองเจเล่กินอาหารที่จานของเขาอย่างช้าๆ มันอร่อยมากและซีโร่บอกเขาว่าอาหารไม่มียาพิษเมื่อเขาวางเครปไว้ในปาก
มันดูเหมือนว่าพ่อของกอนดอร์ไม่สนใจว่าเขาเป็นใครทำให้แองเจเล่รู้สึกพูดไม่ออกอีกครั้ง
พ่อและน้องของกอนดอร์อาจจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในป่าแต่กอนดอร์รู้ เขาดูแลแองเจเล่เหมือนเพื่อนแท้และดูเหมือนว่าเขาเชื่อว่าแองเจเล่เป็นคนที่ดีมาก แองเจเล่กังวลเล็กน้อยกับความไร้เดียงสาและความใจดีของกอนดอร์ที่จะนำเขาไปสู่ความตายในสักวันหนึ่ง
ในที่สุดแองเจเล่ก็ตระหนักว่านี่คือสภาพแวดล้อมของครอบครัวที่ใจดีทำให้กอนดอร์เป็นคนเชื่อคนง่าย