ตอนที่ 113: กระบวนการ (2)
แองเจเล่ถือกล้องดูดาวไว้ในมือและผลักปลายเพื่อให้มันหดกลับสู่ความยาวเท่าเดิม
เขาดึงฝาอีกครั้ง หินเวทมนต์ภายในเปลี่ยนเป็นสีเทา มันดูเหมือนว่าการสื่อสารนั้นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก
แองเจเล่ปิดฝาและผูกกล้องดูดาวด้วยเชือกที่แข็งแกร่งสีดำ ในขณะนี้กล้องดูดาวมีความสำคัญกับเขาดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะรักษามันไว้ให้ปลอดภัย
"น้ำอสุ.....ข้าช่วยเธอแต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตอบแทนข้าด้วยสิ่งที่มีค่า" แองเจเล่ถูคางของเขาและยิ้ม
เขามองไปรอบๆห้องและดีดนิ้ว อนุภาคพลังงานลมได้ดับเปลวไฟในตะเกียงน้ำมันและมันทำให้ห้องมืด
แองเจเล่นั่งขัดสมาธิบนเตียง เขาหลับตาและเริ่มทำสมาธิ
***********************
เช้าตรู่ในอีกสองวันต่อมา
ภายในเขตแดนของลิเลียโด้
เมืองสีเทาที่มีทรงเปลือกหอยถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ที่หนาแน่น มันเกือบจะเหมือนกับว่าเมืองเป็นเครื่องหมายที่เผาขนาดใหญ่ตรงกลางของป่า
กำแพงหินสูงสีดำแยกเมืองออกจากป่า มีทางเข้าสี่ทาง ผู้คนเข้าและออกเมืองอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นวันที่อบอุ่นและสายลมก็พัดเป็นช่วงๆ มีนกสีขาวหลายตัวได้บินวนเหนือเมืองในขณะที่ร้องออกมา
ทางตะวันตกของเมืองมีรถม้าสีเทากำลังเดินทางมาที่ประตูเมืองอย่างช้าๆ รถม้าถูกรวมเข้ากับนักเดินทาง ไม่มีการตกแต่งใดๆที่ตัวรถ
รถม้าเป็นของคาราวานต่างถิ่น รถม้าส่วนใหญ่เป็นสีเทาและคนขับรถม้าทุกคนสวมผ้าพันคอสีเทา ผู้ชายที่อยู่ในกองราคาวานทุกคนมีเคราหนาที่คางและผู้หญิงส่วนใหญ่ก็อวบ
ตอนนี้ที่คาราวานมีเสียงดัง
"กรีดวู้ดเอาอีก เอาอีกรอบ"
ผู้คนบนถนนกำลังตะโกน พวกเขาจ้องไปที่รถม้าตรงกลางคาราวาน
คนขับรถม้ามีร่างกายที่แข็งแกร่งและสวมผ้าพันคอสีเทาเช่นกัน มีผู้ชายที่สวมชุดขุนนางที่มีสีสันและนอกจากนี้เขายังมีเคราหนาที่คาง มีเหยี่ยวสีดำยืนอยู่ที่ไหล่ขวาของเขามันกำลังกางปีกของมัน
"กรีนวู้ด แสดงให้พวกเขาเห็นสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้" ผู้ชายคนนี้ตบเบาๆไปที่เหยี่ยว
เหยี่ยวบินขึ้นไปในอากาศ มันร้องและเริ่มโฉบไปมา เสียงร้องของมันฟังดูราวกับว่ามันกำลังร้องเพลงเป็นจังหวะ
ผู้คนที่ดูเหยี่ยวเริ่มเชียร์และปรบมือ บางคนหยุดสิ่งที่เขากำลังทำเมื่อพวกเขาถูกดึงดูดจากเสียงร้องของเหยี่ยว
"กรีดวู้ดได้ชนะการประกวดร้องเพลงเหยี่ยวในเขตใต้ไม่นานมานี้" ผู้ชายคนนี้ตะโกนด้วยความภาคภูมิใจ
"มันไม่มีการประกวดอะไรเช่นนั้น" บางคนหัวเราะ
"โอ้ ข้าแน่ใจว่าเขาบอกความจริง เขาได้จัดประกวดด้วยตัวเอง" บางคนเยาะเย้ย
ผู้คนเริ่มหัวเราะหลังจากที่ได้ยินคำเหล่านี้
มีชายหนุ่มผมสีบลอนด์ยื่นหัวออกมานอกหน้าต่างและเหลือบมองรอบๆ สีหน้าของผู้ชายคนนี้ซีด เขาสวมชุดขุนนางสีเหลืองและดูค่อนข้างหล่อ ชายหนุ่มคนนี้มีดวงตาที่แหลมคม เขาดูสง่างามและสงบ มันดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเหยี่ยวที่กำลังร้อง
"นายท่านเรามาถึงเมืองเอ็มม่าแล้ว" ชายหนุ่มปิดหน้าต่างและพูดกับใครบางคนในรถม้า
"โอ้ เรามาถึงแล้วงั้นหรือ" ชายหนุ่มอีกคนที่มีผมน้ำตาลสั้นเปิดหน้าต่างอีกข้างและเริ่มมองไปรอบๆ "เราใกล้จะถึงคอกม้าแล้ว ไปแจ้งให้ที่อยู่ข้างหลังเรา"
"เข้าใจแล้วครับ" ชายหนุ่มหน้าซีดพยักหน้า เขาเปิดประตูและออกจากรถม้าไป จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่รถม้าที่อยู่ข้างหลัง
รถม้าทั้งสามคันได้ออกจากคาราวานและคนขับรถม้าก็ไปรายงานทหารยาม
มีคนสี่คนออกจากรถม้าคันแรก พวกเขาทั้งหมดสวมชุดขุนนางที่มีสีแตกต่างกัน สองคนนั้นสวมชุดคลุมสีเทาและมีกางเขนสีดำอยู่ข้างหลังชุดคลุมของพวกเขา ทหารยามโค้งให้พวกเขาทันทีหลังจากที่เห็นว่าพวกเขาสวมชุดอะไร
"ยินดีต้อนรับ" ทหารยามตะโกนเสียงดังหลังจากที่โค้งให้ พวกเขาวางมือขวาไว้เหนือศีรษะและยืดหลังให้ตรง
ฝูงชนที่กำลังรอเข้าเมืองมีเสียงดังหลังจากที่พวกเขาเห็นชุดคลุมสีเทาและเริ่มถอยห่างด้วยความกลัว
"เป็นคนที่มีพลังลึกลับ"
"คนที่มีพลังลึกลับ นั่นเป็นท่านมิเชลจากตระกูลนันแนลลี่ ข้ารู้จักเขา"
"อีกคนเป็นท่านเคลลี่ ข้าเห็นเธอครั้งหนึ่งเมื่อประมาณสิบปีก่อน"
ผู้คนเริ่มกระซิบ
มิเชลและเคลลี่เดินไปที่รถม้าที่อยู่ตรงกลางหลังจากที่ทักทายทหารยามแล้ว
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสั้นเปิดประตูและออกมาจากรถม้า ดวงตาของเขาแหลมเหมือนดวงตาของอินทรีและเขาสวมชุดคลุมสีเทาด้วยเช่นกัน เขาเหลือบไปรอบๆและฝูงชนพยายามที่จะไม่สบตากับเขา
"นี่เป็นจุดหมายปลายทางของเราหรือ" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสั้นถามเสียงเบา
"ใช่แล้วแองเจเล่"
แองเจเล่พยักหน้าและดึงคอเสื้อขึ้นมา เขาเริ่มเหยียดตัว "เร็วเข้า หลังจากนี้ข้ามีสิ่งที่ต้องจัดการ"
แองเจเล่ฟังเหมือนคนออกคำสั่งแต่เคลลี่และมิเชลรู้ว่าความสามารถทางจิตของแองเจเล่แข็งแกร่งแค่ไหนหลังจากที่ค้นคว้าเสร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เขามี พวกเขารู้ว่าแองเจเล่สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดายถ้าพวกเขาทำให้แองเจเล่โกรธ
"แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แองเจเล่คืนนี้พักผ่อนให้ดีๆ เราจะจัดการเขาวันพรุ่งนี้" เคลลี่พูดเสียงเบา
แองเจเล่พยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็หันไปทางขวาและมองไปที่เนินเขาก่อนที่จะเข้าประตูเมือง
"อะไร" หญิงสาวในชุดสีเขียวก้มตัวลงทันทีหลังจากที่แองเจเล่มองไปทิศทางของเธอ เธอกลัวและลดกล้องส่องทางไกลในมือลง
'เขากำลังมองมาที่ข้างั้นหรือ มันเป็นไปได้อย่างไรด้วยระยะที่ห่างเช่นนี้' สีหน้าของเธอซีดด้วยความกลัว เธอมั่นใจว่าชายหนุ่มคนนั้นมองมาที่เธอและรู้สึกอึดอัดหลังจากที่สบตากับเขา
"ทำไมเขาถึงช่วยเคลลี่....." หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจและดวงตาเริ่มปวด "ข้าต้องรายงานสถานการณ์ให้กอนดอร์ทันที"
เธอนึกถึงตอนที่แองเจเล่จ้องมองที่เธอและเธอก็สั่น
"คนเหล่านี้....กอนดอร์เป็นคนใจดีและอ่อนโยน ทำไมพวกเขาถึงพยายามฆ่ากอนดอร์" เธอกำหมัดแน่น "มันดูเหมือนว่าตระกูลนันแนลลี่ได้จ้างคนที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยเหลือตระกูลในครั้งนี้ ข้าต้องรีบไป"
หญิงสาววิ่งลงเขาทันทีและหายเข้าไปในป่า
*******************
ห้องศึกษาหลักเต็มไปด้วยโทนสีเหลืองและมีการตกแต่งที่หรูหรา มีตู้หนังสือขนาดเล็กสองตู้ข้างกำแพงแต่มีหนังสือสีน้ำตาลไม่กี่เล่ม นอกจากนี้ยังมีโต๊ะสีขาวตรงกลางห้อง
ข้างๆโต๊ะมีเก้าอี้สองตัว แองเจเล่และเคลลี่กำลังนั่งตรงข้ามกัน มีแสงแดดส่องผ่านลงมาจากหน้าต่างและทำให้ห้องมีแสงสว่าง ม่านถูกสายลมพัดลอยแต่แองเจเล่ก็ยังรู้สึกผ่อนคลายที่เก้าอี้
มีแม่บ้านหกคนยืนอยู่ข้างๆพวกเขา หญิงสาวคนหนึ่งใส่กระโปรงสีเทาสั้นได้เทเครื่องดื่มจากกาทองแดงขนาดเล็กให้พวกเขา
ถ้วยทั้งสองถ้วยที่เต็มไปด้วยของเหลวสีน้ำเงินถูกวางบนโต๊ะอย่างนุ่มนวลตรงหน้าของพวกเขา มีกลิ่นหอมเหมือนนมฟุ้งอยู่ในอากาศ
เคลลี่จับไปที่ถ้วยและยิ้ม "ลองดูสิ มันเป็นของพิเศษเฉพาะท้องถิ่นชานมสายไหม"
แองเจเล่ถือถ้วยสีเงินไว้ในมือและส่ายมันเล็กน้อย ของเหลวสีน้ำเงินภายในถ้วยดูใสและน่าหลงใหล แองเจเล่รู้ว่ามันต้องเป็นอะไรที่พิเศษเพียงแค่มองไปที่มัน
เขาจิบมัน สัมผัสแรกที่เขาได้ลิ้มรสก็คือนมแต่จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันมีความหวานและเปรี้ยวจากส่วนผสมพิเศษ ที่จริงแล้วรสชาเกือบจะเหมือนข้าวและมีกลิ่นหอมเหมือนโยเกิร์ตสตรอเบอร์รี่
"เอาล่ะ ศัตรูของพวกเราคือใคร" แองเจเล่วางถ้วยเงินลงและถามเสียงเบา
การแสดงออกของเคลลี่เปลี่ยนไป "เราจะจัดการคนอื่นๆปัญหาก็คือกอนดอร์ มีคนแก่บางคนกำลังช่วยเขาและเขาเป็นคนที่โจมตีเราจากข้างหลังในครั้งที่ผ่านมา ได้โปรดทำให้แน่ใจว่าคนๆนั้นไม่มายุ่งกับเราเมื่อเรากำลังจัดการกอนดอร์และส่วนที่เหลือของตระกูลของเขา"
แองเจเล่พยักหน้า "ล่อให้เขาออกมาและข้าจะจัดการเอง"
"ขอบคุณมาก" เคลลี่หัวเราะ "เจ้าอยากพบผู้นำตระกูลของข้าหรือไม่"
"ไม่เป็นไร ข้าอยากพักผ่อนเพียงแค่หาห้องให้ข้า" แองเจเล่ปฏิเสธข้อเสนอของเธอ
"ตกลง" เคลลี่ปรบมือ "เจ้านำท่านแองเจเล่ไปที่ห้องของเขา"
"ค่ะท่านเคลลี่" ผู้หญิงที่เทน้ำชาให้พวกเขาตอบ
หลังจากที่แองเจเล่ออกจากห้องเคลลี่ก็เอนหลังไปที่เก้าอี้และเริ่มจิบชานม
"เคลลี่ในที่สุดเจ้าก็มาถึงที่นี่แล้ว" ขุนนางชายวัยกลางคนได้เข้ามาในห้องและตะโกน "ข้าสงสัยว่าครั้งนี้เจ้าสามารถจัดการได้หรือไม่"
"ไม่ต้องห่วง ข้าแน่ใจว่าเราสามารถกลืนกินตระกูลสตีเฟ่นได้ในครั้งนี้" เคลลี่หัวเราะเยาะ
"ตาต่อตาฟันต่อฟัน" เคลลี่ขบฟันและพูดเสียงเย็นชา