ตอนที่ 111: ริมแม่น้ำ (2)
ผู้คนส่วนใหญ่อยากไปสวนเพื่อพักผ่อนในขณะที่คอยสังเกตพืชที่แตกต่างกัน พื้นที่นี้ยังช่วยอากาศที่ใต้ดินให้ไหลเวียน มีทะเลสาบเทียมขนาดเล็กอยู่กลางสวนและมีม้านั่งหินสีขาวคุณภาพสูงหลายตัวตั้งอยู่ริมแม่น้ำ
ทะเลสาบสะอาดและน้ำก็นิ่ง
แองเจเล่ยกม้านั่งมานั่งใต้ต้นไม้ เขารู้สึกผ่อนคลายเมื่อมองทิวทัศน์ที่สวยงาม
มีคริสตัลสามเหลี่ยมสีทองขนาดใหญ่อยู่กลางเพดานที่แผ่รังสีความร้อนลงมาสู่ทะเลสาบ มันเป็นแสงจำลองแสงอาทิตย์และมันทำให้สวนทั้งสวนสว่างไสว
แองเจเล่กำลังนั่งที่ม้านั่ง เขารู้สึกถึงความเย็นจากหินในขณะที่เขาสัมผัสกับผิวของม้านั่งด้วยมือของเขา มันราบเรียบราวกับว่าพื้นผิวเคลือบไปด้วยสีโปร่งใสพิเศษ
สายลมอุ่นๆพัดผ่านใบหน้าของแองเจเล่เมื่อพัดไปโดนใบไม้และหญ้าพวกมันสั่นไหว คริสตัลสามเหลี่ยมขนาดใหญ่สะท้อนอยู่บนพื้นผิวของน้ำ มันเกือบจะเหมือนกับว่ามีคริสตัลอีกชิ้นอยู่ในทะเลสาบ
แองเจเล่พักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่กำลังจะออกไปเขาก็ได้ยินเสียงคนพูดจากอีกฟากของทะเลสาบ มีคนหลายคนเดินออกจากพุ่มไม้พวกเขาสวมชุดคลุมสีเทา
มีแม่มดฝึกหัดสองคนและพ่อมดฝึกหัดสามคน พวกเขาดูอ่อนวัย หนึ่งในแม่มดฝึกหัดมีรูปร่างที่น่าดึงดูดและมีใบหน้าที่มีเสน่ห์ เธอกำลังคุยกับพ่อมดฝึกหัดที่อยู่ข้างๆ
ทั้งห้าเดินไปที่ม้านั่งริมทะเลสาบ พวกเขามาที่นี่เพื่อพักผ่อนนั่นคือสิ่งที่แองเจเล่สันนิษฐาน พวกเขาไม่ได้ห่างไกลจากแองเจเล่มากนัก ด้วยความช่วยเหลือของซีโร่แองเจเล่สามารถได้ยินบทสนทนาของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
"จริงหรือ" ผู้หญิงที่มีเสน่ห์เบิกตากว้างและถามอย่างชื่นชม
พ่อมดฝึกหัดข้างๆเธอพยักหน้า มันดูเหมือนเขารู้สึกภูมิใจกับตัวเอง "ใช่ ข้าเกือบจะเรียนรู้รูปแบบคาถาแรกของข้าเสร็จแล้ว ในที่สุดหลักสูตรพื้นฐานก็จบ ข้าได้ใช้เวลาเรียนรู้ไปมากก่อนที่ข้าจะกลับมาที่โรงเรียน"
"มาเถอะ เจ้าใช้เวลาส่วนใหญ่กินและก็นอน เจ้าเรียนรู้รูปแบบคาถาได้เพราะเจ้ามีระดับพรสวรรค์สูง" พ่อมดฝึกหัดอีกคนหัวเราะ "ข้าก็ใกล้เรียนรู้รูปแบบคาถาแรกเสร็จแล้วเช่นกัน ข้าใช้เวลาเรียนรู้ไปกับมันมาก"
"ข้าอิจฉาเจ้าสองคน" ผู้หญิงส่ายหน้าด้วยท่าทีหดหู่ "ลิซ่าและข้ายังเรียนรู้โครงสร้างคาถา ด้วยเหตุนี้เราจึงยังไม่เข้าใจ เราอาจจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีหรือสองปีก่อนที่เราจะสามารถเรียนรู้รูปแบบคาถาแรกของพวกเราได้"
"มัลฟ่าใกล้อยู่ระดับสูงสุดของขั้นที่สองแล้วหลังจากนั้นเราก็สามารถพึ่งพาเขาได้ ข้าคิดว่าตระกูลของมัลฟ่าจะส่งทรัพยากรทั้งหมดมาให้เขา ใช่หรือไม่มัลฟ่าสุดที่รักของข้า" ผู้หญิงอีกคนล้อเลียน
ทั้งห้ากำลังมีช่วงเวลาที่ดีอยู่รอบๆม้านั่ง หัวข้อบทสนทนาส่วนใหญ่ของพวกเขาเกี่ยวกับพ่อมดฝึกหัดที่ชื่อมัลฟ่า อีกสี่คนถามคำถามเขาเกี่ยวกับหลักสูตรเป็นครั้งคราว หนึ่งในแม่มดฝึกหัดน่ารักและดูมีชีวิตชีวาในขณะที่อีกคนค่อนข้างเงียบแต่เซ็กซี่
แองเจเล่นั่งที่ม้านั่งและฟังคำพูดของพวกเขาและหัวเราะ เขามีความคิดนี้อยู่ในใจว่าเขาไม่ใช่พ่อมดฝึกหัดที่สดใสอีกต่อไปหลังจากที่ใช้เวลาทั้งเขาเรียนรู้และนั่งสมาธิ เขาได้มาถึงขีดจำกัดของพ่อมดฝึกหัดขั้นที่สาม เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ
แองเจเล่เฝ้าดูกลุ่มของพวกเขาอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ เขารู้ว่าเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าพวกเขามาก เขาต้องการตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น เขานั่งอยู่ที่นั่นอีกหลายนาทีก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและมุ่งหน้ากลับไป ยังคงมีสิ่งที่เขาต้องจัดการดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป
เขาเดินไปตามเส้นทางข้างหลังม้านั่งอย่างรวดเร็ว
"โคโค่เจ้ากำลังมองอะไรอยู่" ลิซ่าเห็นเพื่อนของเธอมองไปที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ มันดูเหมือนเธอถูกอะไรบางอย่างดึงความสนใจ
"พวกเจ้าเห็นผู้ชายที่อยู่อีกฟากหนึ่งหรือไม่ เขาทำให้ข้ารู้สึกว่าเขา...." โคโค่คิดชั่วครู่แต่เธอหาคำพูดเพื่ออธิบายความรู้สึกของเธอไม่ได้
พ่อมดฝึกหัดทั้งสามคนเงยหน้าไปและเห็นเงาของผู้ชายที่โดดเดี่ยวกำลังมุ่งหน้าออกไปจากสวน
"เขาจะต้องเป็นพ่อมดฝึกหัดขั้นที่สาม" เสียงมัลฟ่าดูอิจฉา
"เจ้ารู้ได้อย่างไร" เพื่อนของเขาทุกคนจ้องมาที่เขา
"ความสามารถทางจิตของเขา......มันแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ" มัลฟ่าลดเสียงลง "แข็งแกร่งกว่าข้ามาก ข้าเห็นเขามองมาที่เราตอนที่พวกเรากำลังพูด ดวงตาของเขาเรืองแสง"
"อะไร" มีคนตะโกนขึ้นมา ทุกคนตกใจ
"ตาของเขาแหลมแต่ข้าไม่เห็นว่ามันเรืองแสง"
"ข้าสามารถรู้สึกได้ เขาไม่ได้จ้องมองด้วยความชื่นชอบ มันรู้สึกเหมือนมีเข็มแทงเข้าไปในผิวของข้า" ลิซ่าขมวดคิ้ว
มัลฟ่าพยักหน้า "นั่นคือสิ่งที่ปู่ของข้าบอกข้าก่อนหน้านี้ เมื่อพ่อมดฝึกหัดขั้นที่สามมาถึงขีดจำกัดมันก็หมายความว่าความสามารถทางจิตของเขาใกล้เคียงกับพ่อมดทางการและดวงตาของเขาก็จะเริ่มเรืองแสง ความสามารถทางจิตของข้าแข็งแกร่งพอที่จะสังเกตเห็นอนุภาคพลังงานรอบๆดวงตาของเขา เราควรจะหลีกเลี่ยงจากพ่อมดฝึกหัดเหมือนผู้ชายคนนั้นและเราไม่ควรยั่วยุเขา"
"ถ้าเช่นนั้น.....ความสามารถทางจิตของเขาก็เกือบจะเท่าพ่อมดทางการแล้วใช่ไหม เจ้าต้องล้อเล่นใช่ไหมมัลฟ่า ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนจะอยู่ในวัยเดียวกับเรา"
"ข้าไม่ได้ล้อเล่น" มัลฟ่าพูดเสียงเข้ม
ทั้งห้าหยุดพูด ความสำเร็จของพวกเขาไม่มีอะไรเทียบได้กับผู้ชายที่อยู่ในวัยเดียวกันกับพวกเขา มัลฟ่าเกือบจะรู้สึกละอายในการพูดเกี่ยวกับการเรียนรู้รูปแบบคาถาแรกของเขาต่อหน้าผู้ชายคนนั้น
"เอาล่ะ มีอัจฉริยะอยู่ในโลกนี้และพวกเขาก็ทำได้ดีกว่าพวกเรา" มัลฟ่าถอนหายใจและเขาก็หัวเราะ
"ใช่ มาพูดเรื่องก่อนหน้านี้ต่อเถอะ" ผู้ชายอีกคนพยักหน้า
พวกเขาได้ฟื้นตัวจากอาการตกใจและเริ่มพูดอีกครั้ง มันเกือบจะเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่ชื่อโคโค่ยังคงแอบมองไปตามทิศทางที่ชายคนนั้นกำลังมุ่งหน้าไปเป็นครั้งคราว
'ข้าต้องก้าวไปข้างหน้า ข้าต้องหยุดเสียเวลา......' โคโค่คิด เธอเอามือของเธอไปไว้ข้างหลังและกำหมัดแน่น
**********************
แองเจเล่เดินไปตามอุโมงค์ เขาไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาทำให้คนแปลกหน้ามีแรงจูงใจแต่เขาก็ไม่สนใจแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาออกไป
ตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องทำ เขาต้องหาวัสดุทดแทนที่จำเป็นสำหรับยาสงบจิต การเลือกคาถาพิเศษของเขาและพยายามทำลายขีดจำกัด
เพื่อที่จะเป็นพ่อมดทางการแองเจเล่ต้องการน้ำอสุและคาถาป้องกันที่เหมาะสม ซีโร่สามารถช่วยเขาคำนวณอัตราความสำเร็จในการทำลายขีดจำกัดได้
ซีโร่สามารถช่วยเขากำหนดอัตราความสำเร็จได้ก่อนที่เขาจะพยายามทำลายขีดจำกัดจริงๆ เขาจะไม่พยายามทำถ้าอัตราความสำเร็จมันต่ำ เขาจะพยายามเพิ่มอัตราความสำเร็จโดยการรวบรวมทรัพยากรที่จำเป็น ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องพึ่งพาโชคเหมือนพ่อมดฝึกหัดคนอื่นๆ
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแองเจเล่จึงเชื่อว่าเขาจะได้กลายเป็นพ่อมด ถ้าเขาได้รับสูตรยาฝันร้ายจากเคลลี่เขาก็สามารถใช้มันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำอสุได้ ตามข้อมูลที่เขาได้รวบรวมมายาฝันร้ายสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทำลายขีดจำกัดของเขาได้ 30% มันเป็นตัวเลขที่น่าทึ่ง
อย่างไรก็ตามยาฝันร้ายเป็นหนึ่งในห้ายาที่ยากที่สุดในการปรุงยาและมันเกือบจะเป็นหนึ่งในยาที่มีความซับซ้อนที่สุดในยาระดับปานกลาง มีเพียงอาจารย์ปรุงยาเท่านั้นที่สามารถทำยานี้ได้และอัตราความสำเร็จก็ต่ำ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อมดฝึกหัดชั้นที่สามคนอื่นๆไม่สนใจข้อเสนอของเคลลี่
'การเพิ่มประสิทธิภาพคาถาจะต้องใช้ความสามารถทางจิตและอนุภาคพลังงาน หลังจากที่เสร็จสิ้นแล้วข้าต้องกลับไปที่เมืองเลนน่อนพร้อมกับสูตรและคาถาเวทมนต์ที่ข้าใช้ แม้ว่าสิ่งนี้อาจจะไม่ใช่แผนที่ดีแต่ข้าก็ต้องพยายามให้ดีที่สุด' แองเจเล่ตัดสินใจ
แองเจเล่ใช้เวลาสองวันในการทดลองปรุงยา เขาใช้การเก็บข้อมูลวัสดุและการทดสอบหลายรอบ จากนั้นเขาก็ขอให้ซีโร่จำลองกระบวนการและรวบรวมผลลัพธ์
นอกจากนี้เขายังเริ่มเรียนรู้ความรู้ที่เขาบันทึกและรูปแบบคาถาที่เขาซื้อ มีข้อมูลมากมายจนทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเพียงแค่ค้นหาผ่านฐานข้อมูล แองเจเล่มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเข้าใจรูปแบบคาถาทั้งหมดเหล่านี้แม้ว่าจะมีความช่วยเหลือของซีโร่ เขาสงสัยว่ายากแค่ไหนที่คนอื่นจะเรียนรู้รูปแบบคาถาหนึ่งคาถา
พ่อมดฝึกหัดคนอื่นจำเป็นต้องท่องจำความรู้และข้อมูลจำนวนมากทุกวัน นอกจากนี้พวกเขาต้องทบทวนสิ่งที่เรียนรู้จากหลักสูตรดังนั้นพวกเขาจะได้ไม่ลืม แองเจเล่สามารถก้าวหน้าได้เร็วกว่าพวกเขาเพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากซีโร่ทำให้เขามีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากที่อ่านคำอธิบายเกี่ยวกับพ่อมดในหนังสือแองเจเล่ก็รู้ว่าพ่อมดมักมีความสามารถในการจดจำได้ดีกว่าคนอื่นเนื่องจากจำนวนความรู้ที่จำเป็นในการเรียนรู้รูปแบบคาถา อย่างไรก็ตามหนังสือไม่ได้กล่าวถึงพ่อมดที่มีความทรงจำเกี่ยวกับการถ่ายภาพและสิ่งที่พวกเขาต้องจดจำมันก็ซับซ้อนมากขึ้นในช่วงหลังๆ
ไม่ว่าจะเรียนรู้เร็วแค่ไหนเขาก็ยังต้องชะลงตัวลงเมื่อมีข้อมูลมากเกินไป
นอกจากนี้ด้วยความช่วยเหลือของซีโร่แองเจเล่ก็มีเส้นโค้งในการเรียนรู้ที่แตกต่างจากคนอื่น คนทั่วไปจะต้องค่อยๆทบทวนความรู้ที่ได้เรียนรู้และแปลงเป็นความทรงจำระยะยาว แต่แองเจเล่เพียงเข้าใจสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้เพียงครั้งเดียวและซีโร่จะคอยจัดการความทรงจำของเขา
แม้ว่าระดับพรสวรรค์ของเขาจะต่ำและดูเหมือนว่าเขาไม่น่าจะเป็นพ่อมดได้แต่เขาก็ยังสามารถเร่งกระบวนการนี้ได้ด้วยการสนับสนุนของชิป เขาสามารถเพิ่งความสำเร็จองเขาได้ก่อนและค่อยพยายามทำลายขีดจำกัดหลังจากพบช่วงที่เหมาะสม มันต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งแต่มันก็คุ้มค่า