ตอนที่ 110: ริมแม่น้ำ (1)
"เดี๋ยวก่อน มีข้าเพียงคนเดียวในโรงเรียนที่ตัดสินใจช่วยใช่ไหม" แองเจเลหรี่ตาและถาม
เคลลี่ไม่ได้พยายามซ่อนอะไรจากแองเจเล่ "เอาล่ะ เจ้าพูดถูก แต่เจ้าก็ต้องการสูตรใช่ไหม"
"ที่จริงแล้วข้าไม่ได้รับประโยชน์มากนักจากสูตร มีอะไรที่เจ้าเสนอให้ข้าได้อีกไหม" แองเจเล่พูดเสียงเบา เขาตัดสินใจที่จะขอเพิ่มดังนั้นเคลลี่จึงไม่ได้สงสัยอะไร เคลลี่อาจจะรู้อยู่แล้วว่าอัตราความสำเร็จในการปรุงยาฝันร้ายมันต่ำแต่เธอก็ไม่รู้ว่าแองเจเล่มีชิปที่คอยช่วยเหลือเขาในการเพิ่มอัตราความสำเร็จ
เคลลี่ไม่รู้สึกประหลาดใจกับคำถามของแองเจเล่ เธอพยักหน้า "ข้าจะมอบหินเวทมนต์ปกติ 500 ก้อนเป็นรางวัล เจ้าคิดว่าอย่างไร"
'หินเวทมนต์ 500 ก้อน' แม้ว่าแองเจเล่จะมีบัตรดำสี่ใบเขาก็รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเคลลี่จะเสนอหินเวทมนต์มากขนาดนี้
แองเจเล่ทำงานอย่างหนักเพื่อได้รับหินเวทมนต์ก่อนที่สงครามจะเริ่มและครั้งนี้เขาเกือบตายจากการได้รับวัสดุหายากเหล่านั้น แม้ว่าเขาจะตกใจกับข้อเสนอแต่การแสดงออกของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยน
"ตกลง ส่งข้อความมาหาข้าเมื่อเจ้าพร้อม"
แองเจเล่ดึงรูนรูปงูขนาดใกล้เคียงกับไข่ในอากาศขณะที่เขาพูด มันดูเหมือนงูที่กำลังจะฉกไปข้างหน้า
จากนั้นเขาก็ผลักรูนไปด้วยนิ้วของเขา รูนเปลี่ยนเป็นแสงสีดำและเข้าไปในชุดคลุมสีเทาของเคลลี่
เคลลี่รีบดึงรูนที่มีแมลงรูปร่างแปลกๆออกมาในอากาศและผลักไปในชุดคลุมของแองเจเล่เช่นกัน
"ดี ตอนนี้เราได้แลกเปลี่ยนสัญลักษณ์รูนของเราแล้ว" แองเจเล่พยักหน้า "เราสามารถติดต่อกันได้โดยตรง"
"ข้าจะคุยกับเจ้าในเร็วๆนี้" เคลลี่ยิ้ม
**************
แองเจเล่ตรวจสอบเวลาโดยใช้ซีโร่หลังจากที่ออกจากห้องทดลอง มันเป็นเวลาบ่ายสาม แผนของเขาคือมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องของเขาและพักผ่อนก่อนที่จะศึกษาหนังสือที่เก็บไว้ในชิป อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่รู้ว่าขั้นของพ่อมดมีอะไรบ้างดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาในห้องสมุดให้มากขึ้นก่อน
ในขณะนี้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องสมุด สถานที่นี้ว่างเปล่า แองเจเล่เดินผ่านตู้หนังสือขนาดใหญ่สองตู้และเริ่มตรวจสอบตู้หนังสือที่ส่องแสง ตู้สีแดงผู้อ่านต้องมีความสามารถทางจิตของพ่อมดฝึกหัดขั้นที่สามในขณะที่ตู้สีดำสามารถอ่านได้เฉพาะพ่อมดทางการเท่านั้น
แองเจเล่ตรวจสอบชั้นหนังสือสีแดงก่อนและในที่สุดเขาก็พบหนังสือที่เขาต้อการ
เขาสัมผัสแสงสีแดงด้วยนิ้วของเขาอย่างระมัดระวัง มีรูปรากฏขึ้นที่บาเรียซึ่งพอดีกับมือของแองเจเล่ เขาคว้าไปที่หนังสือที่มีปกสีดำอย่างง่ายดาย เขาไม่ได้เอาหนังสือเล่มนี้ไปที่โต๊ะเพียงแค่ยืนอยู่ข้างตู้ในขณะที่เริ่มอ่าน
ผิวของหนังสือมีหนูสีเทาที่มีตากำลังเรืองแสงสีน้ำเงิน มันดูเหมือนว่าจะโจมตีใครก็ตามที่จะอ่านหนังสือ ตาสีน้ำเงินเกือบจะเหมือนเปลวไฟและมีควันออกมาจากดวงตาของมัน
แองเจเล่สังเกตหนูแปลกๆนี้ เขาลูบดวงตาของมันด้วยมือซ้ายของเขา
ชี่
มือของแองเจเล่ได้รับบาดเจ็บจากความร้อน มันหมายความว่าเปลวไฟเป็นของจริง
เขาตกใจ เปลวไฟดูเหมือนจะเป็นเปลวไฟที่ช้างเรืองแสงสร้างขึ้น ความแตกต่างของมันมีเพียงแค่สี เขาเปิดหนังสือและเริ่มตรวจสอบระดับของพ่อมด
'พ่อมดสามารถควบคุมพลังและกฎของธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตที่เข้าใจพลังและกฎนี้จะถูกเรียกว่าพ่อมด'
นั่นคือประโยคแรกในหน้าแรก แองเจเล่อ่านต่อไป
'6,000 ปีก่อนเผ่าต่างๆได้เริ่มสงครามกันเนื่องจากความเกลียดชังระหว่างพวกเขา 300 ปี สงครามนับครั้งไม่ถ้วนถูกประกาศโดยมนุษย์ กึ่งมนุษย์ เมอร์โฟล์คและอมนุษย์ มีมนุษย์และพ่อมดจำนวนมากที่ต้องตายไป พ่อมดที่แข็งแกร่งตัดสินใจที่จะสร้างมาตราวัดความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ นั่นคือต้นแบบของระบบจัดอันดับ การวัดสามารถใช้ได้กับทุกเผ่าโบราณ นอกจากนี้มันยังถูกใช้สำหรับวัดระดับของพ่อมด'
'3,000 ปีก่อนมาตราวัดถูกปรับปรุงเนื่องจากการสูญหายของหลายเผ่า พ่อมดมนุษย์แข็งแกร่งที่สุดในเวลานั้นดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนระบบการจัดอันดับเพื่อให้มันดียิ่งขึ้นสำหรับพ่อมด'
'และมาตราวัดที่ใช้อยู่นี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1429'
แองเจเล่ขมวดคิ้ว '1249 นั่นมันหนึ่งร้อยปีก่อน หนังสือเล่มนี้เก่าแก่ขนาดไหน....'
เขาคิดชั่วครู่และเริ่มอ่านต่อ
'ชื่อของพ่อมด'
'อันดับพ่อมดขึ้นอยู่กับจำนวนคาถาที่สามารถร่ายได้โดยไม่มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับ โดยขึ้นอยู่กับระดับของคาถาที่มีเก้าระดับ'
เขาเห็นแผนภูมิภายใต้คำอธิบาย ระบบเก้าระดับได้รับการอธิบายอย่างละเอียดข้างแผนภูมิ รายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละระดับถูกเขียนขึ้นภายในแผนภูมิ
มีคาถาเอกลักษณ์แต่ละขั้นซึ่งใช้ในการวัดระดับของพ่อมด นอกจากนี้พลังของพ่อมดที่มีระดับเดียวกันก็มีความแตกต่างกันเนื่องจากคาถาพิเศษที่พวกเขามี
ความแตกต่างระหว่างระดับนั้นห่างกันมาก คาถาเดียวกันมีความเสียหายเพิ่มมากขึ้นถึง 10 หรือ 20 เท่าเมื่อถูกร่ายโดยพ่อมดที่มีระดับสูงกว่า นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อมดระดับต่ำถึงแสดงความเคารพต่อพ่อมดระดับสูง พวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพ่อมดระดับสูงโกรธ
พ่อมดมีเก้าระดับแต่ละระดับมีความแตกต่างกันในวิธีที่พวกเขาสื่อสารและวิธีที่พวกเขาให้ความเคารพต่อพ่อมดที่อยู่ระดับสูงกว่า แองเจเล่อ่านหนังสือจบอย่างรวดเร็ว เขาข้ามบางเรื่องไปแต่เขาก็มีความคิดทั่วไปเกี่ยวกับการจัดอันดับของพ่อมด
'เก้าระดับและเก้าระดับชั้น....' แองเจเล่นำหนังสือเล่มนี้กลับไปที่ชั้นและเริ่มคิด ท้ายเล่มของหนังสือนี้มันกล่าวถึงพ่อมดที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ 6,000 ปี พวกเขาทั้งหมดเป็นพ่อมดระดับเจ็ดแต่พวกเขาก็ห่างจากจุดสูงสุด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถึงระดับสูงสุดแต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพ่อมดเหล่านี้รู้ชื่อของพวกเขา
จากข้อมูลทั้งหมดที่แองเจเล่รวบรวมมาเมื่อไม่นานมานี้เขาก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับเขตแดนมากขึ้น วิทยาลัยแรมโซด้า ลิเลียโด้ ซานเตียโก้และพันธมิตรแดนเหนือ บรรดาองค์กรพ่อมดเหล่านี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแผ่นดิน พวกเขาอยู่ใกล้กับชายฝั่งและพวกเขาทั้งหมดมีอาณาเขตเป็นของตนเอง
10% ของแผ่นดินถูกควบคุมโดยองค์กรพ่อมด ตรงข้ามกับจักรวรรดิแรมโซด้าเป็นทะเลทรายขนาดใหญ่และเมื่อข้ามทะเลทรายผู้คนก็จะเข้าถึงองค์กรพ่อมดที่ทางเหนือของแผ่นดินได้ การติดต่อสื่อสารระหว่างองค์กรพ่อมดทางใต้และองค์กรพ่อมดทางเหนือนั้นเป็นเรื่องยากเนื่องจากระยะทางที่ไกล
พื้นที่ที่แองเจเล่อยู่ตอนนี้ถูกเรียกว่าดินแดนมืดของพ่อมดโดยพ่อมดจากพื้นที่อื่น มันหมายความว่าสถานที่นี้เหมาะสำหรับพ่อมดที่มุ่งมั่นกับการทำลาย แรมโซด้าและพันธมิตรแดนเหนือชอบชื่อเล่นนี้เพราะความเสียหายคาถาที่พวกเขาสร้างมีพลังมากกว่าคาถาที่สร้างโดยองค์กรพ่อมดอื่นๆ
แองเจเล่นึกถึงวันที่เขาอยู่บนเรือ พวกเขาหยุดหลายท่าเรือและพ่อมดฝึกหัดก็ไปยังองค์กรที่แตกต่างกัน ยูริไปสถานที่ที่เรียกว่าปราสาทเขี้ยวขาวมันห่างจากแรมโซด้ามากและแองเจเล่จะใช้เวลาเป็นปีในการไปถึงที่นั่นด้วยการเดินเท้า
มันดูเหมือนว่ามีองค์กรพ่อมดจำนวนมากบนแผ่นดินนี้แต่พวกเขาไม่สามารถสื่อสารกับองค์กรจากพื้นที่อื่นได้เนื่องจากระยะทางที่ไกล
แองเจเล่คิดชั่วครู่และเริ่มสงสัยว่าพ่อมดฝึกหัดที่เขาพบบนเรือกำลังทำอะไร กูดี้ กาย ยูริ อันรูลี่ แนนซี่ จาเร็ดที่มีพรสวรรค์ แลนโด้ ลุคและเวลเว็ต พวกเขาทั้งหมดไปยังองค์กรที่แตกต่างกัน
มีความเหงาจากภายใน เขาแทบจะไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนนี้ เบเนดิกเป็นคนที่แองเจเล่คุยด้วยมากที่สุดแต่เขาก็มาจากองค์กรอื่น
'ข้าไม่มีใครให้พูดด้วยที่นี่....' แองเจเล่มองไปรอบๆและคิด
เขามองไปรอบๆ ห้องสมุดยังคงเงียบอยู่ แองเจเล่คิดถึงวันที่เขาใช้เวลาอยู่ในดินแดนของบารอนและวันที่เขาอยู่ท่าเรือมารัว เขาตัดสินใจที่จะตามเป้าหมายคนเดียวแต่บางครั้งเขาก็สงสัยว่าเขาเลือกถูกหรือไม่
แองเจเล่ส่ายหัว "วันหนึ่งข้าจะพบพวกเขาอีกครั้ง" เขาพึมพำ
เขาออกจากห้องสมุดและตัดสินใจที่จะตรวจสอบทุกพื้นที่ของโรงเรียน เขาต้องการเรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับโรงเรียนนี้ตั้งแต่เขาถูกยอมรับแต่เขาไม่มีเวลาให้ทำเช่นนั้น โถงหลักสามารถเข้าได้โดยพ่อมดทางการเท่านั้น มีบาเรียสีดำกั้นทางเข้าไว้ พ่อมดฝึกหัดไม่สามารถมองเข้าไปข้างในได้
มีคนขายอยู่เพียงสามคนที่พื้นที่ซื้อขาย หนึ่งในนั้นคือคนที่แองเจเล่ซื้อชุดอุปกรณ์ปรุงยาชุดแรกของเขา
โถงภารกิจเป็นสถานที่ที่เขารับคำขอ มันว่างเปล่าเช่นกันแต่ก็ยังมีรายการคำขอบนกระดาน โรงเรียนมีขนาดใหญ่มากและมันสามารถรองรับพ่อมดฝึกหัดได้มากกว่าหมื่นคน
มีหลายสาขาในโรงเรียนและมีรายการจำนวนมากที่ถูกนำเสนอจากแต่ละสาขา ตัวอย่างเช่นสาขาปรับเปลี่ยนพลังงานมากกว่าสิบรายการที่แตกต่างกัน สาขาเวทมนต์และศาสตร์แห่งความตายมีมากกว่าสิบสองรายการ อย่างไรก็ตามรายการส่วนใหญ่ไม่มีนักเรียนและอาจารย์จะถูกส่งไปสอนเมื่อมีนักเรียนลงทะเบียนเพียงพอ หลังจากสงครามอาจารย์และนักเรียนจำนวนมากยังไม่ได้กลับมา แองเจเล่สงสัยว่าหลักสูตรยังคงถูกนำเสนอโดยสาขา
ห้องสมุด แผนกยา พื้นที่ทดลองและแผนกบริการคือสถานที่ที่แองเจเล่เคยไปมาแล้ว หอพักถูกแยกออกจากกันตามสาขา
พื้นที่สวนสุดท้ายที่แองเจเล่อยากไปคือสวน
สำหรับคนที่ไม่รู้ว่ากึ่งมนุษย์แตกต่างกับอมนุษย์อย่างไรจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
กึ่งมนุษย์ก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดของมนุษย์
อมนุษย์ก็คือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์(สองขาสองแขน)แต่ไม่มีสายเลือดของมนุษย์พวกออร์ค ก็อบลิน