ตอนที่ 103: กลับ (2)
"อัลเล็นเจ้าพาแขกมาที่นี่งั้นหรือ" แมวสีขาวหันกลับมา
"ครับท่านผู้เฒ่า" อัลเล็นตะโกน "เขามีสิ่งที่เราต้องการ'
"เจ้าจะตะโกนทำไม..." แองเจเล่หมดคำพูด เขาไม่ได้คิดว่ากระรอกจะตะโกนเสียงดัง
"ท่านผู้เฒ่ามีปัญหาเรื่องการได้ยิน...." อัลเล็นยักไหล่
"เจ้าหมายถึงถั่วลิสงคลุกเกลือใช่ไหม มันเป็นสิ่งที่ข้าชอบ" ผู้เฒ่าพยักหน้า
"เจ้ามีถั่วลิสงมากแค่ไหน" ผู้เฒ่าถาม
แองเจเล่คิดอยู่ชั่วครู่ "ข้าคิดว่ามันมีประมาณหนึ่งกิโลกรัม"
"อะไร เจ้าไม่ขายพวกมันหรือ" ผู้เฒ่าถาม
"หนึ่งกิโลกรัม" อัลเล็นวิ่งไปหาแมวและตะโกนใส่หู
"หนึ่งกิโลกรัม" ผู้เฒ่าพยักหน้า "ข้าต้องการมากกว่านี้แต่ข้าจะรับมันไว้ ข้าไม่ได้กินถั่วลิสงคลุกเกลือนานแล้ว ตอนที่ข้าอยู่ซานเตียโก้มีเมืองที่ชื่อว่าโคโดทางตอนเหนือของลิเลียโด้และผู้คนที่นั่นทำถั่วลิสงคลุกเกลือให้ข้า.....เอาล่ะ อัลเล็นให้เขาเลือกสิ่งที่เขาต้องการ"
"เข้าใจแล้วครับ"
"ขอโทษด้วยข้าขอถามอะไรสักหน่อย ท่านรู้จักเมืองมอสไหม" แองเจเล่ตัดสินใจที่จะถาม "เกิดอะไรขึ้นที่นั่นทำไมไม่มีคนอาศัยอยู่"
ผู้เฒ่าไม่ได้ยินคำถามของเขาแต่อัลเล็นได้ยิน "เจ้าพูดถึงเมืองมอสหรือ มันถูกทิ้งร้างเมื่อประมาณสิบปีก่อน เจ้าถามทำไม" อัลเล็นจ้องมาที่แองเจเล่ด้วยความสับสน
"อะไรนะ สิบปีงั้นหรือ" แองเจเล่ตกใจ "ไม่มีอะไร....ข้าแค่ถามดู"
"สิบปีที่แล้วมีคนรอดมาจากคฤหาสน์บ่วงจันทราแล้วก็เป็นบ้าและฆ่าทุกคนในเมือง หลังจากนั้นมันก็ไม่มีใครพยายามที่จะสร้างตัวอยู่ที่นั่น ข้าบอกเจ้าไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าคฤหาสน์บ่วงจันทราเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก เก้าในสิบที่เข้าไปที่นั่นจะตาย ข้าประหลาดใจจริงๆที่เห็นเจ้าออกมาได้" อัลเล็นอธิบาย "เอาล่ะ ไปเลือกของให้เจ้ากันเถอะ"
'แต่ข้อมูลที่ข้ารวบรวมมันไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย.....' แองเจเล่แน่ใจว่าอาหารที่เขากินเป็นของจริงและเจ้าของโรงแรมที่เขาพบก็ไม่ใช่ภาพลวงตา เขาคิดไปสักพักหนึ่งและตระหนักได้ว่าข้อมูลที่เขาได้รับมันมาจากหนังสือในอดีตที่ผ่านมานานแล้ว
*********************
หนึ่งชั่วโมงต่อมาแองเจเล่ก็ออกจากป่าพร้อมกับไข่สีเทาขนาดเล็กและกลุ่มกระรอกก็นำขนมออกจากรถม้าของเขา
ขณะที่แองเจเล่กำลังจะขึ้นไปที่รถม้าอัลเล็นก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนสักแห่งและกระโดดขึ้นไปบนหลังของม้า "เดี๋ยวก่อนแองเจเล่ ท่านผู้เฒ่ามีข้อความสำหรับเจ้า คำสาปของสวนยังไม่หมดและอย่าเดินทางคนเดียว" อัลเล็นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"อะไร อย่าเดินทางคนเดียวงั้นหรือ" แองเจเล่ลังเล เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาเริ่มรู้สึกเย็นยะเยือกอีกครั้ง เขาคิดว่าเขาได้จบกับสวนแล้ว
"ฝากบอกผู้เฒ่าว่าข้าขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่าน" แองเจเล่ฝืนยิ้ม "ข้าคิดว่าข้าไม่เป็นไร ข้าคิดว่าข้าเป็นคนที่โชคดีมาก"
"ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น" อัลเล็นกระโดดลงจากม้าและเดินไปทางป่า
แองเจเล่สะบัดสายบังเหียนและรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่
"แองเจเล่รักษาตัวด้วย" อัลเล็นตะโกนจากด้านหลัง "ข้าหวังว่าเราจะได้พบกันอีก"
แองเจเล่ได้ยินคำพูดของอัลเล็นและยิ้ม
*********************
แองเจเล่เดินทางเป็นเวลาห้าวันด้วยความเร็วสูงสุดและในที่สุดเขาก็ออกมาจากภูเขามอส
เขามาถึงเมืองขนาดเล็กและเช่าห้องในโรงแรม
"นี่เค้กน้ำมันต้นพลัมและนมของคุณ ทานให้อร่อยนะคะ"
แองเจเล่พยักหน้าเฝ้าดูลูกสาวของเจ้าของเสิร์ฟจานเค้กและแก้วนม เธอออกไปหลังจากที่แน่ใจว่าเสิร์ฟถูกต้อง
แองเจเล่จับไปที่ชิ้นเค้กสีน้ำตาลและกัดมัน เค้กถูกกัดเป็นชิ้นๆ มันมีรสหวานและเปรี้ยวรวมกัน แองเจเล่กินอีกหลายชิ้นและดื่มนมหวานหมดแก้ว เขาวางเหรียญเงินไว้หลายเหรียญบนโต๊ะและไปที่ห้องของเขาที่ชั้นสอง
ห้องของแองเจเล่อยู่สุดทางเดิน เขาต้องการสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อนั่งสมาธิและดูวัสดุที่เขาได้รับจากคฤหาสน์บ่วงจันทรา เขาต้องการที่จะดูแลรักษาพวกมันก่อนที่พวกมันจะแห้งดังนั้นเขาจึงเช่าห้องที่ค่อนข้างเงียบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน
แองเจเล่ล็อคห้องและปิดหน้าต่าง เขาจุดไฟที่ตะเกียงน้ำมันและปลดปล่อยอนุภาคพลังงานในอากาศ เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครพยายามแอบมองผ่านประตูหรือหน้าต่าง อนุภาคพลังงานเหล่านี้จะแจ้งเตือนเขาเมื่อมีคนอยู่ใกล้ๆห้องของเขา
แองเจเล่เอาก้ามปูขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าสีดำและวางมันลงบนโต๊ะ ก้ามปูหนักประมาณห้ากิโลกรัมและผิวของมันเคลือบไปด้วยน้ำมันโปร่งใส มันกำลังเรืองแสงภายใต้แสงไฟ แองเจเล่ใช้น้ำมันที่เขาได้รับจากโรงเรียนเพื่อบำรุงรักษา
แองเจเล่หยิบขวดสีดำออกมาจากกระเป๋าของเขาและเอาจุกไม้ออก เขาเทผงสีขาวลงบนผิวของก้ามและเริ่มลูบมันให้ทั่ว
เวลาได้ผ่านไปและมันเริ่มมืด
เขาถูตาของเขาแล้วยืนขึ้นเพื่อยืดร่างกาย ทันใดนั้นก็มีอะไรแปลกๆดึงดูดเขา
แองเจเล่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีแดงยืนอยู่ข้างหลังเขาจากการสะท้อนของหน้าต่าง
"โปรดช่วยข้าด้วย" หญิงสาวร้องไห้ "ข้าเห็นพวกเขาอีกครั้งแต่ไม่มีใครเชื่อข้า"
แองเจเล่หันกลับไปทันที เขาตระหนักได้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นหลานสาวของเมสซี่
ดวงตาของเธอดูราวกับว่าเธอไม่มีชีวิตและคำพูดของเธอก็ดูสับสน เธอยังคงร้องไห้ ชุดสีแดงเกือบขาดออกจากกัน
"เจ้าเข้ามาได้อย่างไร" แองเจเล่ถาม
ห้องถูกล็อคอยู่แต่หญิงสาวก็โผล่ออกมาจากกลางห้อง แองเจเล่แทบไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด
"ได้โปรด" หญิงสาวจ้องที่แองเจเล่ มันทำให้แองเจเล่รู้สึกไม่สบายใจ
แองเจเล่หายใจเข้าลึกๆ "เจ้ากำลังพูดอะไร วันนั้นเจ้าไปที่ไหน"
"ข้า...." หญิงสาวลังเล แองเจเล่แน่ใจว่าเธอสวมชุดสีแดงเมื่อเขาได้เห็นเธอในวันนั้นและเธอได้รับบาดเจ็บ
แสงจากโคมน้ำมันได้หายไป แองเจเล่หันศีรษะไปเพื่อตรวจสอบแต่ไม่มีใครอยู่รอบโต๊ะ หญิงสาวหายตัวไปหลังจากที่แองเจเล่พยายามพูดกับเธออีกครั้ง
เขารู้สึกเย็นยะเยือกเข้ากระดูกสันหลังของเขา
"ข้าต้องไป ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป" แองเจเล่เริ่มเก็บของ
************************
แองเจเล่ออกจากเมืองและเริ่มมุ่งหน้ากลับ หญิงสาวไม่ได้มาหาเขาหลังจากคืนนั้นที่โรงแรม
อย่างไรก็ตามหลายวันต่อมาเธอก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง แองเจเล่กำลังนั่งข้างกองไฟในตอนกลางคืนที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเงาของต้นไม้ มีแสงจันทร์เพียงสิ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้
หญิงสาวออกมาจากความมืด มีความกลัวและกังวลอยู่บนใบหน้าของเธอ
"ช่วยข้าด้วย ได้โปรด...." เธอร้องครวญคราง "จริงๆแล้วข้าไม่ต้องการ.....ข้าไม่ต้องการจริงๆ...."
แองเจเล่ยืนขึ้นและก้าวถอยหลัง เขาพยายามรักษาระยะห่างจากหญิงสาว
"เจ้าต้องการอะไรจากข้า" แองเจเล่ตะโกน
"ช่วยข้า ได้โปรดช่วยข้า" หญิงสาวร้องไห้และเริ่มเข้ามาหาเขา
"ครั้งที่ผ่านมาเจ้าไม่ได้ตอบคำถามของข้า ตอนนี้ตอบมัน" แองเจเล่รู้ว่าเขาอาจจะไม่ได้พูดคุยกับคนที่ยังมีชีวิต หญิงสาวดูแปลก เธอดูเหมือนไม่มีจิตวิญญาณและเธอสามารถเข้าถึงตำแหน่งของแองเจเล่ได้อย่างง่ายดาย
"คำถาม คำถามอะไร" หญิงสาวหยุดชั่วครู่หนึ่ง
"ที่สวนในวันนั้นเจ้าไปที่ไหน" แองเจเล่ถามเสียงเข้ม
"สวน สวนอะไร"
ทันใดนั้นก็มีสายลมพัดดับไฟ สายตาของแองเจเล่เบลอและหญิงสาวหายตัวไปอีกครั้ง
"บัดซบ" แองเจเล่ด่าขณะที่เขาปาดเหงื่อเย็นๆออกจากหน้าผาก
**************************
สิบวันต่อมาแองเจเล่ก็อยู่ห่างจากเมืองเลนน่อนหนึ่งวัน
เขาตัดสินใจที่จะใช้เวลาในคืนสุดท้ายในเมืองขนาดเล็กจากนั้นก็ไปเมืองเลนน่อน แองเจเล่คิดว่าหญิงสาวจะไม่ปรากฏถ้าเขายังคงเดินทางต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้พักผ่อนหลายวันเขาก็รู้สึกโล่งใจ ซีโร่ไม่เคยเตือนเขาเมื่อหญิงสาวปรากฏตัวและบันทึกไม่พบอะไร มันแปลกมาก แองเจเล่ไม่สามารถระบุได้ว่าที่จริงแล้วหญิงสาวคืออะไร
นอกจากนี้มันดูเหมือนว่าเวลาของหญิงสาวจะถูกแช่แข็งอยู่ในช่วงนาทีสุดท้ายในสวน เธอขอร้องให้แองเจเล่ช่วยเขาและเธอก็ปรากฏเมื่อแองเจเล่อยู่คนเดียวในตอนกลางคืน
"บางทีข้าอาจจะอยู่ห่างจากสวนมากเกินไปแล้วและพลังแปลกประหลาดก็ไม่สามารถเข้าถึงข้าได้อีกต่อไป ไม่ว่าอะไรก็ตามข้าต้องการให้มันหยุด"
แองเจเล่ลูบขมับของเขา ในตอนนี้เขาเหนื่อยมาก เขายืนขึ้นและเทน้ำใส่แก้ว
"ได้โปรดช่วยข้า" ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็มาจากเบื้องหลัง
แองเจเล่แข็งทื่อ เสียงมันใกล้มากเกือบจะเหมือนกับว่าหญิงสาวกำลังตะโกนอยู่ข้างหูของเขา
เขาหันกลับไปอย่างช้าๆและเห็นหญิงสาวยืนอยู่ที่มุมเงียบๆ ไม่มีหน้าต่างในห้องนี้และประตูที่ล็อคอยู่ก็เป็นทางเข้าออกทางเดียว
"ได้โปรดช่วยข้าด้วย" หญิงสาวตะโกนอีกครั้ง เธอจ้องมาที่ดวงตาของแองเจเล่
"ไสหัวไป" แองเจเล่ตะโกน เขายกมือขึ้นและปามีดไปทางหญิงสาว
*PON*
มีดมันแทงเข้าไปในกำแพงและหญิงสาวก็หายไปอีกครั้ง ห้องได้กลับมาเงียบอีกครั้ง
แองเจเล่ปาดเหงื่อออกจากใบหน้า
"อะไรวะเนี่ย" แองเจเล่เริ่มตื่นตระหนักและการแสดงออกของเขาก็ดูหวาดกลัว
"บัดซบ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้ามันเป็นคำสาปมันก็ควรมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับข้าและข้าจะหาทางจัดการกับมัน"
แองเจเล่เดินไปรอบห้องและรังสีที่กำลังส่องสว่างผ่านกระเป๋าของเขา แองเจเล่ลังเลชั่วครู่และรู้สึกตื่นเต้น
เขารีบวิ่งไปที่กระเป๋าและเปิดมัน มีเสื้อคลุมสีเทาอยู่ข้างในและไม้กางเขนด้านหลังของมันก็มีแสงออกมา
"อาจารย์กำลังเรียกข้า ในที่สุดข้าก็สามารถกลับไปได้" นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นใบหน้าที่'น่ารัก'ของแม่มดชรา