ตอนที่9 พบเจอหลงหยางอีกครั้ง
ภายในห้อง, ลู่ซวน ราวกับว่าเขาได้เข้าสู่ภวังค์มาอย่างต่อเนื่องและล้มเหลวมาตลอดและเมื่อพลังจิตวิญาณหมดเขาก็พักฟื้น ทำแบบนี้มาเป็นระยะ
ในเวลานี้นอกหน้าต่างถ้ามองไปจะเปลี่ยนจากกลางวันกลายเป็นกลางคืน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนหลับทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ ลู่ซวน ก็ยังมีชีวิตชีวาเหมือนเดิม สำหรับเขาแค่การบ่มเพาะก็สามารถฟื้นพลังชีวิตและเป็นเหมือนดั่งการนอนหลับพักผ่อน
ในเวลานี้เมื่อเขาปล่อยพลังวิญญาณออกไป ลู่ซวน สามารถทำสำเร็จเจ็ดหรือแปดส่วน ถ้าเขามีเวลาอีกซักเล็กน้อยเขาจะประสบความสำเร็จแน่นอน!
ทำการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณของเขาอีกครั้ง ลู่ซวนเริ่มวาดอักขระอีกครั้งก่อนจะทำการโฟกัสไปที่ปลายนิ้วของเขาและการรวมตัวกันของพลังแห่งจิตวิญญาณก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ
ปลายนิ้วมีความลื่นไหลดั่งเช่นสายน้ำและดูสวยงามมากในการรับชม หลังจากฝึกซ้อมมานานแล้ว ลู่ซวน ก็เริ่มที่จะประสบความสำเร็จในการสร้างอักขระกัมปนาทได้แล้ว
ระหว่างกระบวนการนี้เศษของพลังวิญญาณไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ ก่อเป็นรูปเส้นสาย ไม่มีแม้แต่ครึ่งส่วนของการรั่วไหล!
การเคลื่อนไหวของปลายนิ้วของ ลู่ซวน เริ่มรวดเร็วขึ้น อักขระ ที่มีความซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อค่อยๆหดตัวลงในอากาศ จังหวะสุดท้ายลู่ซวนทำการเคลื่อนไหวทั้งหมด พลันอักขระก็ส่องประกายและส่องแสงไปรอบๆ!
และประสบความสำเร็จ!
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จ! "เมื่อเห็นฉากที่สมบูรณ์ ลู่ซวนก็ไม่สามารถปกปิดอาการดีใจได้ ได้แต่หัวเราะเสียงดัง
ความพยายามทั้งวันทั้งคืนและคืนสุดท้ายได้ประสบความสำเร็จเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่า!
ในเวลาต่อมามีเสียงเคาะที่ประตู และได้ยินเสียงเหยาเล่ยเรียก"พี่ซวน เกิดอะไรขึ้น? ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? "
เมื่อวานลู่ซวนจู่ ๆ ก็รีบกลับมาและเขาก็ล็อกตัวเองอยู่ในห้องของเขา เหยาเล่ย ได้เป็นกังวลและเป็นห่วงเขา แต่ลู่ซวนบอกกับเขาว่าจะทำการบ่มเพาะไม่ต้องมารับกวนเขา เหยาเล่ย เลยไม่กล้าที่จะรบกวน แต่เมื่อได้ยินเสียงดังของ ลู่ซวน เขาไม่สามารถทนอยู่เฉยได้อีกและเคาะประตู
อักขระ ในอากาศเนื่องจากมันสูญเสียแรงสนับสนุนของพลังวิญญาณแล้วก็เริ่มที่จะหายไปจากสายตา
เมื่อได้ยินความห่วงใยของ เหยาเล่ยในน้ำเสียงของเขา ลู่ซวน รีบไปเปิดประตู
"ไม่ต้องกังวลข้าสบายดี!" ใบหน้าของลู่ซวนยังยิ้มอยู่ เขาตบหน้าอกของเหยาเล่ยและบอกว่า: "ไปกันเถอะ พาข้าไปที่ ถนนวิญญาณสินค้า ข้าต้องการซื้ออะไรบางอย่าง "
แม้ว่าเขาไม่ทราบว่าลู่ซวนต้องการจะซื้ออะไรใน ถนนวิญญาณสินค้า แต่การได้เห็นภาพลักษณ์ที่สดใสและไม่ได้เป็นอะไรของเขา ดังนั้น เหยาเล่ย จึงไม่ได้พูดอะไรเลย ทั้งสองเดินไปที่ ถนนวิญญาณสินค้า
นับตั้งแต่ที่เขาได้วาด อักขระกัมปนาท สำเร็จแล้ว ลู่ซวน ก็อยากจะสร้างม้วนอาคม การประเมินของนิกายกระบี่เมฆา ได้กำหนดเส้นตายเหลือเพียงสามวันเท่านั้น ภายในสามวัน ลู่ซวน ไม่เพียงต้องการสร้างม้วนอาคมเขายังต้องการขายมันเพื่อให้ได้เงินเพียงพอที่จะซื้อยาและการพัฒนาเพื่อทำการกลั่นร่างกายระดับสี่!
ทั้งสองเดินไปที่ ถนนวิญญาณสินค้า และเดินตรงไปยังร้านที่พวกเขาไปเมื่อวานนี้
ร้านนี้เรียกว่าศาลาสมบัติและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในร้านค้าชั้นนำและเก็บรวบรวมสินค้าของพวกเขาได้สวยสมบูรณ์ พวกเขามาที่นี่เพราะร้านค้าต้องมีวัสดุที่ต้องการ
เมื่อเห็นชายสองคนเข้ามา ชายชรานั่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ก็เหลือบมองพวกเขาและเปลี่ยนความสนใจออกไป
เขาจำได้ว่าทั้งสองคนเพิ่งมาเมื่อวานนี้ เมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของพวกอีก และดูเหมือนพวกเขาจะเป็นประเภทที่ไม่ค่อยมีเงินมาซื้อสินค้าซักเท่าไหร่พวกเขามาที่นี้เพียงเพื่อแค่มองและเปิดตาของพวกเขาไปทั่วร้าน
เนื่องจากร้านศาลาสมบัติเป็นร้านค้าขนาดใหญ่จึงทำให้ร้านค้าขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นของตัวเอง คนที่เข้ามาไม่ว่าพวกเขาจะมีเงินหรือไม่ก็ถือว่าเป็นลูกค้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ซื้ออะไรพวกเขาก็ยังมองไปรอบ ๆ
แต่คราวนี้ลู่ซวนตรงไปยังชายชราที่เป็นเจ้าของร้าน
"เถ้าแก่, สถานที่นี้ขายวัสถุสร้างม้วนอาคมหรือป่าว ?" ลู่ซวน ถามตรงไปตรงมา
ได้ยินคำพูดของลู่ซวน ชายชราที่เป็นเจ้าของร้านคนนี้ก็ตกใจเล็กน้อย เขาได้ยินมาถูกต้องหรือไม่?เด็กคนนี้ตรงหน้าเขาจริงๆแล้วเป็นผู้วิเศษใช่หรือไม่?
ถึงแม้เขาจะรู้สึกประหลาดใจแต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมาเลย เขายิ้มและพูดว่า: "แน่นอน ชื่อร้านนี้คือ ศาลา สมบัติ สิ่งที่สามารถพบได้ในเมืองหลินทั้งหมดสามารถพบได้ในร้านนี้ "
ใบหน้าของลูซวนแสดงอาการยินดี ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องค้นหาร้านอื่น ๆ "ราคาของม้วนแผ่นกระดาษเปล่าๆและเลือดของสัตว์ป่าดุร้ายอย่างละเท่าไหร่?"
ม้วนกระดาษสำหรับบรรจุอักขระเข้าไปและเลือดจากสัตว์ป่าดุร้ายใช้ในการวาด อักขระกัมปนาท
"ม้วนกระดาษถูกแบ่งออกเป็นสามระดับ ระดับต่ำมีราคาที่หนึ่งตำลึงทองแต่ละม้วน ระดับกลางมีห้าตำลึงทองแต่ละม้วน และระดับสูงมีสิบตำลึงทองแต่ละม้วน อย่างไหนที่นายน้อยชอบ? "
เมื่อได้ยินราคาที่เจ้าของร้านรายงานปากของ ลู่ซวนก็หุบลงทันที ราคานี้แพงเกินไปใช่ไหม!?
ด้วยเงินที่อยู่ในตัวเขา เขาไม่สามารถแม้แต่จะซื้อม้วนกระดาษแผ่นเปล่าระดับกลาง ขนาดม้วนกระดาษเปล่าๆยังมีราคาแพงขนาดนี้ราคาของเลือดหมาป่าจะมีราคาแพงขนาดไหนเพราะมันเป็นวัสดุหลัก?
เผื่อจะโชคดี ลู่ซวนถามอย่างระมัดระวังว่า "เลือดสัตว์ป่าดุร้ายมีราคาเท่าไหร่?"
"อืมเลือดสัตว์ป่าดุร้ายถือว่าเป็นวัสดุระดับต่ำและไม่สามารถถือว่าเป็นของแพงได้ หนึ่งร้อยตำลึงทองต่อขวด หนึ่งขวดใช้ได้ระหว่างแปดถึงสิบครั้ง
ได้รับคำตอบ ลู่ซวน สูญเสียความหวังทั้งหมด เขาไม่ได้คิดว่าวัสดุเหล่านี้จะแพงมากขนาดนี้เขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อมัน
แม้ว่าเขาจะมีความชำนาญ แต่ก็ไม่มีประโยชน์
ขณะที่ลูซวนกำลังขมวดคิ้วและคิดอยู่
"ลู่ซวน! เจ้ากล้าที่จะกลับมาจริงๆ! "
เสียงนี้ดึงความสนใจของลู่ซวนและอีกสองคนพวกเขาเห็นกลุ่มคนเข้ามาในร้าน ใบหน้าของผู้นำกลุ่มคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่หลงหยางแล้วจะเป็นใครอีก?
ชายชราเจ้าของร้านเคาะเคาน์เตอร์และพูดว่า "ภายในร้านนี้ห้ามส่งเสียงรบกวนและการต่อสู้ทั้งหมดเป็นสิ่งต้องห้าม หากเจ้าฝ่าฝืนกฎให้เตรียมพร้อมสำหรับผลที่ตามมา "
เมื่อได้รับคำเตือนจากชายชราผู้ดูแลร้าน หลงหยาง เตือนตัวเองทันทีว่า ถนนวิญญาณสินค้า มีกฎห้ามมีการต่อสู้ใด ๆ จากร้านค้า และร้านศาลาสมบัติ เป็นร้านค้าขนาดใหญ่และมีอิทธิพลมาก เขาโกรธมากเพราะได้เห็นลู่ซวนและลืมกฎข้อนี้
แม้ว่า หลงหยาง จะเป็นคนเย่อหยิ่งจากหมู่บ้านภูเขาชิง แต่พวกเขาตอนนี้อยู่ใน เมืองหลิน และแม้กระทั่งเขาก็ต้องประพฤติตัวให้ดี
เขาขอโทษเจ้าของร้านแล้วหันไปทาง ลู่ซวน และพูดขึ้นว่า "บอกข้ามาตรงๆว่าเจ้าทำอะไรกับเจ้าสองและเจ้าสาม ทำไมพวกเขาจึงถูกฆ่าตาย"
ในตอนแรก หลงหยาง ได้สอนบทเรียนให้ลู่ซวน แต่หลังจากที่กลับมาแล้วเขาก็ไปรายงานให้ หลงไท่ฟัง หลงไท่ได้ฟังและได้พูดเบา ๆ ว่าทำไมไม่ฆ่าเขา?
หลังจากได้ฟังหลงไท่กล่าวและได้รับการสนับสนุนจาก หลงไท่ เขาก็มีความกล้าหาญขึ้น และได้สั่งข้ารับใช้สองคนออกค้นหาลู่ซวนในป่าและให้ทำลายตันเถียนของเขา
แต่เมื่อเขาสั่งเจ้าสามและเจ้าสองออกไปค้นหา ลู่ซวน เขาไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่กลับมาหลังจากเป็นเวลานาน หลังจากรออีกวันหนึ่งยังไม่กลับมา เขาส่งคนไปดูและพบว่าทั้งสองคนนั้นถูกสังหารไปแล้ว ฆาตกรควรจะเป็นลู่ซวนพร้อมด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า ลู่ซวน จะยังมีชีวิตอยู่ในเมืองหลิน
ดังนั้นเมื่อได้พบกับ ลู่ซวน หลงหยางจึงลงมือซักถามเขา
เมื่อมองไปที่หลงหยาง ลู่ซวนก็กล่าวว่า "เจ้าสามและเจ้าสองคือใคร? ข้ารับใช้คนเหล่านั้นคือใคร? โอ้จริงสิ นั้นคือข้ารับใช้ของเจ้าที่ทำแต่เรื่องสกปรกนี่ ใครจะรู้ได้ว่าพวกเขาอาจจะไปมีเรื่องกับผู้เชี่ยวชาญและถูกฆ่าตาย ไม่มีอะไรที่น่าแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ "
คำพูดของ ลู่ซวน ทำให้หลงหยาง โกรธเคือง เขาเรียก เจ้าสองและเจ้าสามว่าเป็นข้ารับใช้สกปรก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นข้ารับใช้ของตระกูลหลงแต่พวกเขาก็ทำการฝึกสอนให้กับคนอื่น ๆ ที่มีขั้นกลั่นร่างกายระดับหนึ่งและมองลงไปที่ลู่ซวนซึ่งเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มของตระกูลที่มีขนาดเล็ก
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่เฉื่อยชาของ ลู่ซวน โดยไม่หวั่นเกรงต่อ หลงหยาง ที่เขากำลังโกรธและหัวเราะอย่างเย็นชา เขากางพัดออกและพับเก็บไว้ในมือของเขาก่อนจะกล่าวว่า "ดีมาก ดูเหมือนบทเรียนที่ข้าให้ไว้ครั้งสุดท้ายไม่เพียงพอ หรือบางทีข้าอาจมีความเมตตามากเกินไป! "
ถ้าคิดอย่างตรงไปตรงมา หลงหยางคงไม่เชื่อว่าลู่ซวนจะเป็นฆาตกรที่ทำการฆ่า เจ้าสองและเจ้าสาม อีกอย่างเจ้าสองเป็นถึงผู้ฝึกยุทธที่มีขั้นกลั่นร่างกายระดับดับสี่ คิดยังไงลู่ซวนก็ไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้เขาได้ตรวจสภาพศพของ เจ้าสองแล้ว เขาเสียชีวิตโดยถูกกระบี่แทงตรงไปที่หัวใจ ลู่ซวงยังไม่ได้มีกระบี่เขาจะแทงเจ้าสองได้อย่างไร?
เมื่อสายตาไปเห็น เหยาเล่ย อยู่ด้านข้างของลู่ซวนและกล่าวว่า "เหยาเล่ย ถ้าเจ้ายังกำลังห้อยติดตามอยู่กับ ลู่ซวน แสดงว่าเจ้ากำลังวางแผนที่จะต่อต้านข้าด้วยหรือเปล่า? หรือว่าตระกูลของเจ้าไม่ต้องการอยู่ในหมู่บ้านภูเขาชิง อีกต่อไป? "
เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของ หลงหยาง เหยาเล่ย มีอาการเกรงกลัว หลังจากที่ตระกูลหลง ทำการปกครองหมู่บ้านภูเขาชิง ตระกูลต่างๆก็โดนกดขี่ข่มเหงจากตระกูลหลง ถ้าเป็นแค่เขา เหยาเล่ย จะทำการสู้ตาย แต่นี้เกี่ยวกับตระกูลของเขา เขาไม่ต้องการทำร้ายพ่อแม่ของเขา "
"หลงหยาง เจ้ามีความสามารถอะไรถึงมาคุกคามเหยาเล่ย?ถ้าเจ้าอยากหาเรื่องก็มาหาเรื่องกับข้า! "เสียงของ ลู่ซวน ดังออกมาอีกครั้ง
เจ้าของร้านหันไปด้านข้างค่อย ๆ ลูบเคราของเขา เขารู้สึกว่าลู่ซวนดูเป็นคนที่น่ายกย่องอย่างมาก ยามที่สหายของเขาโดนคุกคามเขายื่นมือเข้าไปปกป้อง หัวใจของเด็กคนนี้เป็นสิ่งที่ดีงาม ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของเขา สามารถบ่งบอกได้ว่าพวกเขามีความขัดแย้งกัน
เมื่อเห็นลู่ซวนกล้าที่จะออกหน้าให้ เหยาเล่ย หลงหยางก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา: "ชั่งกล้าหาญจริงๆ! มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นแต่กล้าออกหน้าให้คนอื่น?เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้า! "