ตอนที่ 194 เมอร์คิวเรียส 1
คำตัดสินของธีโอดอร์นั้นถูกต้อง มันแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ที่การโจมตีทั่วไปจะทำอะไรเมอร์คิวเรียส ที่เคลื่อนไหวราวกับป้อมปราการได้
มันเหมือนกับน้ำที่แยกออกจากกันเมื่อถูกตัด เมอร์คิวเรียส นั้นไม่ได้มีนิวเคลียส ซึ่งเป็นจุดอ่อน นั้นทำให้กลยุทธ์ที่เหมาะสมในการจัดการกับมันคือการใช้พลังเวทย์จำนวนมหาศาลของจอมเวทย์
นี่ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้พวกเขาได้เปรียบ
“ไม่มีทาง มีเพียงสองคนที่สามารถขัดขวางสัตว์ประหลาดนี่ได้”
“มันเป็นไปไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!”
“พวกเราจะไปด้วย!”
มุจัก ซิลเวีย และวิลเลี่ยม ทั้งหมดต่างคัดค้านความคิดของเวโรนิก้าและธีโอดอร์
จอมเวทย์ขั้น8และจอมเวทย์ขั้น7 คือคนที่สามารถกวาดผ่านได้ทั่วทวีป แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้นั้นเกินมาตรฐานทั่วไป เนื่องจากเวโรนิก้าไม่สามารถใช้เวทย์ไฟในการต่อสู้ได้ พลังของเธอจึงลดไปครึ่งหนึ่ง
พวกเขาจะปล่อยให้ทั้งสองคนต่อสู้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้ยังไง?ทั้งสามคนต่างไม่เชื่อมั่น มีเพียงพาร่าเท่านั้นที่ยอมรับ
“นั่นเป็นการตัดสินใจที่ดี”
“อะไรนะ...”
“เธอกำลังพูดบ้าอะไร?”
พาร่าไม่สนใจปฏิกิริยาของกลุ่มและพูดอย่างไม่แยแส “เมอร์คิวเรียส จะคำนวณลำดับความสำคัญในการกระทำของมันตามจำนวนมาน่าของเป้าหมาย ความหนาแน่นของจอมเวทย์ขั้น7และสูงกว่านั้น จะแตกต่างโดยสิ้นเชิง นั่นหมายความว่ามันจะโจมตีพวกเขาด้วยความสำคัญระดับสูดสุด”
“ตะ-แต่หากความสนใจอยู่ที่กลุ่มแอนดราส....”
…พวกเขาไม่สามารถแอบผ่านไปได้เช่นลอยด์ โพลแลน?เพื่อตอบสนองต่อคำถามนั้น พาราแกรนัมได้ชี้ออกไปอย่างใจเย็น “ดูซะ ทุกคนตายหมดแล้ว”
มันเหมือนกับที่เธอพูด แรงสั่นสะเทือนได้หยุดลงแล้ว และอัศวินเงาทุกคนต่างแปรเปลี่ยนเป็นกองเลือด ทุกคนต่างเป็นผู้ใช้ออร่าระดับสูง แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับมรดกจากยุคโบราณกาล
นี่ไม่สามารถเรียกได้ว่าการต่อสู้ พวกเขาถูกฆ่าล้างสังหารอยู่ฝ่ายเดียว นอกจากนี้ เมอร์คิวเรียส ยังเลื้อยไปรอบๆขณะที่บ่นเกี่ยวกับการที่ปล่อยลอยด์ให้พลาดไป ดูเหมือนมันกำลังมองหาเป้าหมายที่จะทำลายอีก
ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ ดูเหมือนทุกคนจะเริ่มเชื่อแล้ว จากนั้น พาร่าก็แอบพูดคุยกับธีโอดอร์ “หัวหน้า มานี่เดี๋ยวสิ”
“….?เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ
จากนั้น พาร่าก็ขยับปากเธอไปใกล้หูและพูด “ไม่ต้องเป็นห่วงไป”
“อะไร...”
“ฉันรู้วิธีเข้าไปด้านใน แต่ไอสารเลวนั่นกล้าที่จะทำลายเข้าไป?ฉันมั่นใจว่าไอหมอนั่นจะไม่ได้ออกมาแบบมีชีวิต”
“โอ๊ะ กับดัก?”
ธีโอดอร์ตระหนักถึงความหมายของเธอในทันทีและพาร่าก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเย็น สำหรับเวทย์โบราณ ผู้สร้างของพวกเขาคือพระเจ้าที่ควรเคารพ สำหรับสิ่งสกปรกที่กล้าจะก้าวเท้าเข้าไปในสถานที่ที่พระเจ้าของเธอสร้างขึ้นนั้น เธอไม่สามารถที่จะรับได้
“ด้วยสิทธิพิเศษของฉัน ฉันไม่สามารถหยุดเมอร์คิวเรียสได้ แต่ฉันสามารถควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยในห้องทดลองได้ ฉันจะเข้าไปและจับกุมตัวหมอนั่น”
“...งั้นฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่เธอ”ธีโอดอร์รู้สึกสงสารเล็กน้อย ให้แก่ลอยด์ ผู้ที่ทำให้เวทย์โบราณเป็นศัตรูเขา จากนั้นพาราแกรนัมก็ได้เอื้อมมือออกไปในมุมที่คนอื่นๆไม่สามารถมองเห็นได้และผลักบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในกระเป๋ามิติของธีโอดอร์
“นี่....?”ธีโอดอร์พูด
“มันเป็นสิ่งที่ฉันได้สัญญาไว้กับเธอ ฉันหวังว่าเธอจะสามารถถือมันไว้ได้โดยไม่ใช่มัน แต่หากเธอต้องการใช้มัน มันสามารถทำมันขึ้นมาได้อีก”
“อา”
‘ศิลานักปราชญ์!’
ธีโอดอร์พยักหน้าขณะที่เขาสัมผัสมันและยืนยันว่ามันคืออะไร เขากังวลว่าจะไม่มีวิธีจัดการกับเมอร์คิวเรียส แต่ของขวัญชิ้นนี้ทำให้เขามีทางเลือกอื่น หลังจากที่พาร่าคุยกับธีโอดอร์เสร็จ เธอก็ขยับตัวออกห่างจากเขา
จากนั้นเวโรนิก้าผู้เฝ้าดูพวกเขาด้วยดวงตาแปลกๆ ก็ได้พุดขึ้น “ตอนนี้ เริ่มกันได้รึยัง?”
ถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับ เมอร์คิวเรียส แล้ว
***
เมอร์คิวเรียสเป็นสิ่งประดิษฐ์ผู้พิทักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ตั้งใจ บางทีมันภูมิปัญญาของมันอาจจะเติบโตขึ้นหลังจากอาศัยอยู่ในโลกมาเป็นเวลานาน พาราเซลซัสนั้นไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้ แต่เมอร์คิวเรียสในตอนนี้นั้นโกรธอย่างมาก
เป็นเพราะมันปล่อยให้ผู้บุกรุกตัวจ้อยหลบหนีไปได้
[ความก้าวหน้าของภารกิจ:98.2% .......] ดวงตาของมันได้ปรากฏข้อมูลขึ้น
เนื่องจากผู้สร้าง พาราเซลซัส ไม่ได้พิจารณาถึง ‘อารมณ์’ในการออกแบบของเขา เมอร์คิวเรียสจึงบิดลำตัวไปทั่วโดยไม่รู้วิธีการบรรเทาความขุ่นเคืองนี้ แม้ว่ามันจะมีอายุมากมาย แต่อายุความรู้สึกของมันยังเด็กนัก มันถูกออกแบบมาให้เป็นเครื่องมือที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้โดยพลการ
......ใช่ เว้นแต่ว่าใครบางคนจะกระตุ้นมัน
บูมม!
บางสิ่งที่รุนแรงได้กระแทกหัวของเมอร์คิวเรียสอย่างฉับพลัน มันมีพลังที่รุนแรงซึ่งสามารถระเบิดปรอทได้หลายพันแกลลอน!หัวของเมอร์คิวเรียส สะบัดไปทางอื่นเพราะแรงระเบิดและได้ระเบิดอารมณ์ภายในของมันออกมา
มันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
[การโจมตีครั้งแรกจากเป้าหมาย โดยการใช้’พลังกระแทก’เวทย์ขั้น7....]
ทางด้านใต้ของโบราณสถาน ดวงอาทิตย์กำลังตกอยู่ ด้วยผมสีแดงและเสื้อคลุมสีแดง เวโรนิก้าได้ระเบิดพลังเวทย์ทั้งหมดของเธอออกมา ทำให้ร่างกายของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอได้ใช้เวทย์ลอยตัวและยิ้มให้กับเมอร์คิวเรียส “โอ้ มันได้ผล ”
รอยยิ้มนี้ได้กระตุ้นเมอร์คิวเรียสโดยไม่ตั้งใจ [ต้องกำจัด]
ครื่นนน....
มวลน้ำหนักมหาศาลได้บดขยี้พื้นดินพร้อมๆกับพื้นดินสั่นสะเทือน แผ่นดินดูเหมือนจะกรีดร้องทุกครั้งที่งูยักษ์ขยับ แม้กระทั่งเวโรนิก้ายังอดที่จะรู้สึกประทับใจไม่ได้ แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับการทำลายล้างครั้งใหญ่
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือกับเมอร์คิวเรียส ยิ่งไปกว่านั้น น้ำหนักของมันยังมากกว่าน้ำถึง13เท่า และร่างกายของมันประกอบไปด้วยปรอทมากกว่าหนึ่งแสนแกลลอน หรืออาจจะถึงหนึ่งล้านแกลลอน
และการสะบัดหางของมัน หมายถึงการทำลายล้าง
“เด็กน้อย!” เวโรนิก้าจ้องมองใจเย็นก่อนที่จะร้องเรียกธีโอดอร์ ผู้ที่กำลังยืนอยู่ด้านใต้เธอ “จงใช้เวทย์น้ำแข็งทั้งหมดของเธอซะ!แช่แข็งมันเมื่อมันมาถึง!”
“ครับ!”
“หลังจากนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน!นับมันอย่างระวัง!”
เมอร์คิวเรียสได้ส่งเสียงดังขณะที่มันเข้ามาใกล้ ธีโอดอร์ได้เมินเฉยหูที่เจ็บปวดของเขาและรอให้เมอร์คิวเรียสเข้ามาในระยะของเวโรนิก้า
ที่600เมตร ฝุ่นทรายเริ่มคลุ้งจนยากที่จะมองเห็น ที่470เมตร มันเร็วและยืดหยุ่นกว่าที่เขาคิด นี่อาจจะเป็นเรื่องยาก ที่320เมตร เข้าได้วิเคราะห์รูปแบบการเลื้อยของมัน ทื่150เมตร ระยะของเขาได้ซ้อนทับกับเมอร์คิวเรียส
‘-ตอนนี้แหละ’
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่อาจที่จะพลาดได้แม้แต่เสี้ยววินาที เวทมนต์ของเขาได้ครอบคลุมรัศมี50เมตรและเส้นผ่าศูนย์กลาง100เมตร
ร่างกายของเมอร์คิวเรียส อาจจะโค้งงอ แต่มันก็อยู่ช่วงระยะที่เขาหวังผล
“เหนือท้องฟ้า ใต้ท้องฟ้า!จงระเบิดอย่างไม่หยุดยั้ง ยมิลล์ หมอกขาว!”
ธีโอดอร์ได้ใช้เวทมนต์น้ำแข็งที่คิดค้นโดยซิลเวีย แอทลันคัส!
“ละอองเพชร!”
ในช่วงระยะที่จำกัด พายุสีเงินซึ่งเลวร้ายยิ่งกว่าพายุหิมะได้ถาโถมเป็นกำแพงล้อมกรอบเมอร์คิวเรียส พลังอำนาจของมันเหนือกว่าซิลเวีย ผู้ที่เป็นจอมเวทย์ขั้น6มากนัก
ผลึกน้ำแข็งได้ลอยอยู่บนอากาศราวกับพายุหิมะและพวกมันได้แช่แข็งปรอทที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าน้ำอย่างมากในพริบตา เมอร์คิวเรียสรู้สึกประหลาดใจกับการโจมตีนี้ เนื่องจากมันคิดว่าเป้าหมายมีเพียงเวโรนิก้าเท่านั้น
เปรี้ย...!เปรี้ย....!
ไม่น่าแปลกใจ เมอร์คิวเรียส พยายามดิ้นหลุดจากกับดักนี้ แต่ทว่า มันสายเกินไป ร่างกายกว่าครึ่งของมันได้ถูกแช่แข็งแล้ว มันถูกแช่จากหัวไปจนถึงหางของมัน กลับกลายเป็นว่ามีรูปปั้นน้ำแข็งงูอยู่กลางทะเลทราย ส่วนที่เหลือของทีมสืบสวนต่างใช้ช่วงเวลานี้เพื่อวิ่งผ่านเมอร์คิวเรียส และรีบเข้าโบราณสถานไป จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนบอกธีโอดอร์
“ขอให้โชคดี!”
“ธีโอ ระวังตัวด้วยนะ!”
“อย่าตายนะ หัวหน้า!ผู้นำหอคอยเองก็ควรจะระวังตัวด้วยนะครับ!”
พวกเขาพูดด้วยเสียงที่ดังมาก ธีโอดอร์อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และจ้องมองไปที่เวโรนิก้า มันเป็นการโจมตีที่ดี แต่มันไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเมอร์คิวเรียส ธีโอดอร์ซึ่งเคยชินกับสิ่งมีชีวิตจากยุคโบราณกาลแล้ว ทำได้แต่ถอนหายใจออกมา
‘เวลานี้มันจะน่ารำคาญมากยิ่งขึ้น’
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นน้ำแข็งบนเมอร์คิวเรียสเริ่มละลาย หากให้ธีโอดอร์คำนวณ ด้วยจำนวนพลังเวทย์ที่เขาใช้ไป เขาคิดว่ามันควรจะแช่แข็งได้สักหนึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตามความต้านทานเวทมนต์ของเมอร์คิวเรียสนั้นสูงจนทำให้มันเหลือเวลาแค่3นาทีเท่านั้น
ถ้านี่คือการตอบสนองต่อน้ำแข็ง ซึ่งควรเป็นจุดอ่อนของมัน งั้นธาตุอื่นๆก็คงจะทำอะไรมันไม่ได้ การถ่วงเวลาจนกว่าพาราแกรนัมจะควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยได้คือตัวเลือกที่ดีที่สุด?
ขณะที่ธีโอดอร์กำลังคิดเช่นนั้น เวโรนิก้าก็เปิดฉากโจมตีขึ้น กฏข้อที่1ของRed Tower ใครเปิดก่อนได้เปรียบ!(55555)
“ดาวหางพิฆาต!”
เวทย์โจมตีขั้น7 ซึ่งเป็นการรวมธาตุทุกธาตุเข้าด้วยกันอย่างเท่าเทียม ได้พุ่งเข้าใส่เมอร์คิวเรียสที่ถูกแช่แข็งอยู่
บูมมมม!
มันมีสภาพเป็นของแข็งที่มีความเหนียวผสมอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้โดยสมบูรณ์
การโจมตีของเวโรนิก้าได้ระเบิดร่างกายของมันเป็นชิ้นๆ ร่างกายที่ยาวหลายร้อยเมตรได้แตกเป็นชิ้นๆและกระจัดกระจายไปทั่วพร้อมๆกับวงเวทย์ละอองเพชร
มันเป็นอำนาจที่เหมาะสมกับการเรียกว่าเทพแห่งการทำลายล้าง
“อ้า!ทำไมคุณไม่บอกผมก่อน?”ธีโอดอร์บ่นเธอขณะที่หลบเศษซากของมัน เขาเกือบจะถูกคลื่นอัดกระแทกพุ่งเข้าใส่ อย่างไรก็ตาม เวโรนิก้าได้มองตามชิ้นส่วนที่แตกกระจายของปรอทด้วยท่าทางจริงจังซึ่งไม่เหมือนกับตัวตนปกติของเธอ
“…หืม พลังที่รุนแรงเช่นนี้กลับไร้ค่า”เธอสัมผัสได้ถึงมัน
เวโรนิก้าเคยคิดว่าจังหวะการโจมตีก่อนหน้านั้นสมบูรณ์แบบ แต่มันกลับไร้ความหมาย ราวกับจะยืนยันสัญชาตญาณของเธอ ว่าเมอร์คิวเรียสนั้นรอดมาได้
วูบบบบบ!
ไม่สิ การรอดชีวิตเป็นคำของสิ่งที่มีชีวิต ชิ้นส่วนที่แตกกระจายได้ขยับมากองอยู่ที่เดียวกันและรวมเข้าด้วยกัน
มันจะกลายเป็นงูยักษ์อีกครั้งหรือไม่?มันอาจจะเคยติดกับดักของธีโอดอร์ แต่ร่างกายของงูนั้นมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ไม่มีเวทย์ป้องกันใดหรือพลังออร่าที่สามารถทนทานต่อน้ำหนักหลายร้อยตันของปรอทได้
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ของพวกเขากลับผิดพลาดไป
“…ยักษ์?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”
รูปร่างซึ่งไม่ต่างไปจากมนุษย์ เว้นแต่ความจริงที่ว่าแขนและขาทั้งสองข้างนั้นมันยาวเกินกว่า50เมตร ทั้งสองต่างรู้สึกเคร่งเครียดเมื่อเห็นเมอร์คิวเรียสเปลี่ยนจากงูเป็นยักษ์
ขณะนั้นเอง....
ผ่าง!
มันเป็นดวงตา พวกมันเป็นดวงตาที่เป็นสีขาวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกระจกตาสีขาว รูม่านตาสีขาว และม่านตาสีขาว ดวงตาได้ปรากฏขึ้นบนร่างกายของยักษ์ หากมีเพียงแค่นั้น เวโรนิก้าและธีโอดอร์จะไม่รู้สึกแปลกใจเลย แต่ทว่า ปัญหาก็คือจำนวนของดวงตา พวกมันปกคลุมไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ว้าว น่าขยะแขยงสิ้นดี”เวโรนิก้าขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่ชอบใจ
ขณะเดียวกัน คู่หูของธีโอดอร์ก็ได้ตื่นขึ้นและพูดกับธีโอดอร์ –มันมีพลังของผู้เฝ้าดู อาร์กอส ผู้ที่มีดวงตานับร้อย มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเพียงอย่างเดียว แต่เมอร์คิวเรียสนั่นมีพลังของเทพเฮอร์มีส
‘ความตะกละ บอกฉันหากแกรู้อะไรอีก’
-อาร์กอสเป็นชื่อของยักษ์ที่ปรากฏในยุคเก่าแก่ ด้วยดวงตาหลายร้อยดวงที่ปกคลุมทั่วร่างกายของมัน มันจึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเฝ้าดู จากนั้นมันก็ได้ถูกสังหารโดยเฮอร์มีส ซึ่งกำลังหาอะไรบางอย่างที่อาร์กอสปกป้องอยู่
ความตะกละได้อธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับอาร์กอสและวิเคราะห์เมอร์คิวเรียส ผู้ที่กำลังเคลื่อนไหว มันอาจจะไม่ใช่พาราแกรนัม แต่ความตะกละนั้นมีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับยุคโบราณกาลและได้อธิบายถึงสถานการณ์
-สิ่งมีชีวิตเทียมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของเทพเฮอร์มีส.....โชคดี ที่มันไม่สามารถใช้พลังของcaduceusได้(คฑางูไขว้ของเฮอร์มีส) อันที่จริง หากมันสามารถใช้ได้ เมอร์คิวเรียสคงจะเป็นเทพเจ้าไปแล้ว
จากนั้นความตะกละก็พูดชึ้นราวกับมันสนใจ –เอาละ พยายามคิดถึงวิธีการซะ
‘…ไม่ มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้งั้นหรอ?นี่คือจุดจบ?’
-เจ้าลองมองไปข้างหน้าดูสิ
‘ข้างหน้า?มีอะไรอยู่ข้างหน้า...บ้าเอ้ย’
ขณะที่ธีโอดอร์กำลังตั้งใจฟังความตะกละ ดวงตาหลายร้อยดวงก็ได้จับจ้องมาที่เขา ดวงตาบนร่างกายเมอร์คิวเรียสได้เปลี่ยนเป็นสีแดง ธีโอดอร์ไม่รู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของพวกมัน แต่เขารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี เขารู้สึกหนาวสั่นไปทั่วไขสันหลังขณะที่เขากระโดดไปด้านหลัง พร้อมๆกับที่เมอร์คิวเรียสก้าวไปข้างหน้า
“-มันกำลังมา!”
ยักษ์และสองจอมเวทย์ผู้ที่สามารถทำลายภูเขาได้ด้วยกำปั้น....ณ ใจกลางทะเลทราย ตำนานที่จะถูกเล่าขานได้ถูกเขียนขึ้นที่นี่