ตอนที่ 193 รอบๆทะเลทราย 3
หลังจากที่อีกาบินผ่านทะเลทรายนานนับชั่วโมง ธีโอดอร์ก็ถูกบังคับให้แก้ไขความเข้าใจของเขา เขาไม่สามารถใช้พลังของมิตราได้ ดังนั้นเขาจึงเรียกฮิวกิ้นมาแทน อย่างไรก็ตาม มันใหญ่เกินกว่าที่เขาคิด
‘อันที่จริง ยิ่งระดับสายตาสูงขึ้นเท่าไร มันก็ยิ่งใหญ่เท่านั้น’
ธีโอดอร์ได้แบ่งปันทัศนียภาพของทะเลทรายกับฮิวกิ้น และไม่นานเขาก็ได้พบเหตุผลนี้
ความสามารถของมิตราจะเคลื่อนที่ไปตามพื้นดิน ขณะที่ฮิวกิ้นสามารถมองลงมาที่พื้นดินจากความสูงระดับเมฆได้ ลมของทะเลทรายไม่สามารถสูงไปถึงระดับนั้นได้ ไม่เหมือนกับกลุ่มของธีโอดอร์ที่สามารถมองเห็นรอบๆได้แค่50เมตร ธีโอดอร์สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างขวาง
จากนั้น บางสิ่งก็เข้ามาในสายตาของธีโอดอร์ มันเป็นสี่ชั่วโมงนับตั้งแต่รถลากไม่สามารถวิ่งได้ เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ที่เริ่มลดต่ำกว่าขอบฟ้า สิ่งที่เรืองแสงอยู่ในทิศทางตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ได้สาดเข้ามาในดวงตาของฮิวกิ้น
“อ้า?!”
“เด็กน้อย เกิดอะไรขึ้น?”
ที่ด้านหน้าของกลุ่ม ธีโอดอร์คว้าดวงตาของเขาอย่างกะทันหันและเวโรนิก้าได้รีบช่วยเขา มันอาจเป็นเพราะนิสัยของอีกา ที่ชอบของที่เปล่งประกาย แสงสีเงินที่เข้าสู่ดวงตาของฮิวกิ้นนั้นยากที่ธีโอดอร์จะทนทานได้
อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์ได้คืนความสมดุลของเขาและมองไปยังภาพนั้นอีกครั้ง มีสิ่งก่อสร้างที่ยังคงรูปร่างของมันในทะเลทรายที่ก่อเกิดโดยมังกรทราย เดสเสิร์ทติโอ้ นอกจากนี้แสงสีเงินที่ทำร้ายดวงตาของเขายังตรงกับคำอธิบายก่อนหน้าของพาราแกรนัม
รูปร่างทรงโดม ที่มีรัศมี300เมตร ได้ปูดออกมาจากพื้นทรายและมันถูกสร้างด้วยโลหะที่ยากจะทำลายด้วยปรมาจารย์ออร่า
“ฉันพบโบราณสถานแล้ว”
ใบหน้าของทีมสืบสวนกลายเป็นเคร่งเครียดจากคำพูดของธีโอดอร์ พวกเขารู้สึกยินดีที่มาถึงจุดหมายปลายทาง แต่พวกเขารู้ดีว่ามีคนอยู่ที่นั่นด้วย ดังนั้น นับตั้งแต่ที่ธีโอดอร์พูด การเดินทางของพวกเขาจึงเริ่มระมัดระวังมากขึ้น
พวกเขาได้เข้ามาใกล้ภาพที่ธีโอดอร์ได้เห็นแล้ว
‘…นั่น’
ทีมสืบสวนสามารถที่จะเห็นโครงร่างของโบราณสถานที่ธีโอดอร์ได้เห็นก่อนหน้าได้แล้ว มีธงรูปดาบบินสองเล่มตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิแห่งดาบ เหล่าอัศวินดำจากแอนดราสกำลังลาดตระเวนไปทั่วโบราณสถาน
“300เมตรข้างหน้า เหล่าอัศวินดำกำลังเดินลาดตระเวนอยู่”
“กี่คน?”
“มี12คนที่กำลังลาดตระเวนและอยู่ตามค่าย ทั้งหมดรวมกันมี40คน”
“เยอะจริงๆ สงสัยคุณค่าของโบราณสถานนี้จะสูงยิ่ง”
ไม่เหมือนกับQuattro ที่ไม่มีประสบการณ์ เวโรนิก้าเคยเผชิญหน้ากับพวกเขามาหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงรู้ความหมายของจำนวนเหล่านี้
อัศวินเงาถือเป็นดาบที่ซ่อนอยู่ของจักรวรรดิแอนดราส ผู้ที่จะกระทำการทุกอย่างในความมืด ความจริงที่ว่า 40 คน ได้ถูกส่งมายังทะเลทรายอันไกลโพ้น เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้มีค่าแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น ท่าทางของธีโอดอร์ก็ได้เปลี่ยนไป “….1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ...อยู่ที่นี่ด้วย”
มันเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย ผมสีดำและขาที่เหยียดออกด้วยลักษณะที่ผ่อนคลาย นี่คือท่าทางของอัศวินผู้ฉลาดแกมโกง เขาคือเทพดาบลำดับที่7ของแอนดราส ลอยด์ โพลแลน (ไอที่ปากดีใส่ธีโอดอร์)
ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ไม่ได้รู้สึกประทับใจกับเขานัก เขาเป็นปรมาจารย์ดาบที่ธีโอได้พบในวังหลวงและขู่ว่าจะฆ่าเขาหลังจากที่สัญญาสงบศึกหมดลง
“เทพดาบลำดับที่7 ลอยด์ โพลแลน”
“อะไรนะ?ไอสารเลวจอมฉวยโอกาสนั่น?”
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของเวโรนิก้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับธีโอดอร์
“ฉวยโอกาส?”
“ใช่ มันแปลกมาก เขาไม่เคยปรากฏตัวเมื่อมีกับดัก แต่หากเป็นสิ่งที่มีผลประโยชน์ เขาจะปรากฏตัวราวกับผีทันที นอกจากนี้ เขาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในสนามรบที่บลันเดลล์หรือฉันอยู่เลย เขาเป็นคนที่มีเลห์เหลี่ยมเสียยิ่งกว่าเทพดาบลำดับที่ 4”
เช่นนั้น ดวงตาของเวโรนิก้าจึงลุกโชน นี่เป็นโอกาสที่จะฆ่าเขา มันไม่ใช่แค่เธอแต่คนอื่นก็เช่นกัน Quattroนั้นมีความผูกพันธ์อย่างยิ่งกับอาณาจักรของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทำลายอำนาจของจักรวรรดิ
ในท้ายที่สุด มีเพียงมุจักและพาร่า ที่ขยับตัวด้วยท่าทางปกติ
“เอาละ หยุดที่เนินนี้แหละ”
ไม่นาน กลุ่มของธีโอดอร์ก็ได้มาเนินทรายใกล้กับโบราณสถานที่มีผู้คนจากแอนดราสยืนอยู่ มันเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการสอดส่องพวกแอนดราส
“เหล่าอัศวินเงา.....มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นพวกเขาด้วยตาของฉันเอง”วิลเลี่ยมมองผ่านเนินทรายและกลืนน้ำลาย เขารู้เกี่ยวกับกองกำลังพิเศษของจักรวรรดิแอนดราส แต่เขาไม่รู้ว่าเขาจะได้เผชิญหน้ากับพวกนั้นด้วยสถานการณ์เช่นนี้
ซิลเวียอดที่จะกระชับคฑาของเธอให้แน่นขึ้นไม่ได้ ขณะที่ธีโอดอร์กำลังจ้องเขม็งไปที่ลอยด์ โพลแลน เวโรนิก้าก็ได้มองไปยังอัศวินแห่งแอนดราสและพึมพำ “พวกมันกำลังทำอะไรอยู่?”
คำถามได้ส่งต่อไปยังทุกคนอย่างเร็ว มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับจอมเวทย์สงครามแห่งเมลเทอร์ ที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการกระทำแปลกๆของอัศวินเงา มีคน5คนที่กำลังขุดเจาะพื้นอยู่ ขณะที่อีกสองคนกำลังฝังอะไรบางอย่างลงไปบนพื้น ของเหลวสีเงินได้ไหลออกมาจากหลุมขนาดใหญ่ที่พวกเขาได้ทำ
พาราแกรนัมเป็นคนแรกที่สังเกตได้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่
“..ระเบิด”
“อะไรนะ ระเบิด?”
‘ฉันรู้ว่าคนของแอนดราสจะใช้วิธีการทุกอย่าง แต่แม้กระทั่งระเบิด?’
เวโรนิก้าและคนอื่นๆต่างหันมามองพาร่าด้วยความประหลาดใจ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจพวกเขา เธอยังคงพึมพำกับตัวเธอเองว่า คนจากแอนดราสจะทำอะไรกันแน่?
ในทางตรงข้าม มีความเป็นไปได้หลายประการว่าทำไมพวกเขาถึงฝังระเบิด กลุ่มของเมลเทอร์ควรจะปล่อยมันไปหรือขัดขวาง?หากพวกเขามั่นใจในชัยชนะ พวกเขาก็ควรจะเลือกอย่างหลังมากกว่า
“หากพวกมันกำลังวางแผนที่จะระเบิด ฉันควรจะใช้ลมหายใจของฉันหรือไม่?”เวโรนิก้าเสนอแผนการที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม ธีโอดอรืได้พิจารณาอย่างจริงจัง ตามที่พาราแกรนัมได้อธิบาย โบราณสถานจะไม่ถูกทำลายโดยลมหายใจของเวโรนิก้า กลุ่มของแอนดราส ผู้ที่ไม่รับรู้ถึงตัวตนของพวกเขา จะถูกเผาผลาญจนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ วัตถุระเบิดจะเกิดการระเบิด และแม้กระทั่งลอยด์ยังยากที่จะรอดชีวิตไปได้ มันเป็นโอกาสที่จะกำจัดทุกคนด้วยการโจมตีครั้งเดียว!
แต่ทว่า ขณะที่ธีโอดอร์กำลังจะพยักหน้าตกลง เสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น
“ไม่ คุณไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!”พาราแกรนัม เวทย์โบราณในคราบหญิงสาว ได้ตะโกนใส่เวโรนิก้า เวโรนิก้าหยุดนิ่งด้วยท่าทางประหลาดใจเช่นเดียวกับ ระเบิดที่ถูกจุดขึ้น
ตูมมมมม!
เกิดการระเบิดที่รุนแรงพร้อมด้วยเสียงคำรามขนาดใหญ่ กลุ่มของธีโอดอร์ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์นี้และรับอุดแก้วหูของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำจนมืดสลัว
ครื่นนนน แผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน..
พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว จากนั้นคลื่นอัดกระแทกขนาดใหญ่ก็ระเบิดออกมา และทะเลทรายต่างสั่นสะเทือนไปทั่ว ธีโอดอร์แทบจะฟื้นตัวจากความตกใจไม่ได้และตระหนักได้ทันที ‘…ไม่ นี่ไม่ใช่การสั่นสะเทือนที่มีผลมาจากระเบิด!’
ผลกระทบจากระเบิดนั้นควรจะหยุดลงได้แล้ว แต่ทำไมแผ่นดินยังคงสั่นสะเทือน? นั่นหมายความว่าคลื่นอัดกระแทกไม่ได้เกิดจากการระเบิด แต่เกิดจากสิ่งที่อยู่ใต้พื้นดิน มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรอ?ธีโอดอร์มองไปที่พาราแกรนัมเพื่อขอคำชี้แจง
จากนั้นเขาก็ได้รับคำตอบ
[เมอร์คิวเรียส...ได้ตื่นขึ้นแล้ว]
ธีโอดอร์ไม่ได้ยินเสียงเพราะหูของเขายังคงดับอยู่ แต่เขาอ่านมันจากปากของเธอ
กึก กึก กึก.....!
ทันใดนั้น ของเหลวสีขาวก็ได้พวยพุ่งจากด้านใต้โบราณสถาน ปรอทได้ถูกฝังไว้ใต้ห้องทดลองเพื่อหยุดยั้งการบุกรุก มันมีปริมาณที่มากและเริ่มก่อสร้างเป็นสิ่งที่ใหญ่โต
นี่คือผู้พิทักษ์ที่เป็นอิสระจากธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่พาราเซลซัสได้สร้างขึ้นจากปรอท ชื่อของมันคือ เมอร์คิวเรียส...
นี่เป็นชื่อที่ถูกมอบให้โดยนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจที่สุดในยุคโบราณกาล ผู้พิทักษ์ไม่ได้มีนิวเคลียส ซึ่งเป็นจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดด้วยรูปร่างที่ไม่แน่นอน มันจะมีความสามารถที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังคงเหลือปรอทอยู่
ผู้พิทักษ์ของพาราเซลซัสได้ปรากฏตัวขึ้นในรูปลักษณ์ของงูและประกาศด้วยเสียงอันดัง [นี่คือการเคลื่อนไหวอย่างอิสระของเมอร์คิวเรียสลำดับที่76 มันเป็นเพราะความพยายามที่จะบุกรุกโดยไม่ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง]
เมอร์คิวเรียส ได้จับจ้องไปยังทีมขุดของแอนดราส [อำนาจทำลายล้าง…]
ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์จะตกลงไปทางตะวันตกเล็กน้อย แต่งูนั้นใหญ่พอที่จะบดบังดวงอาทิตย์ เงาขนาดมหึมาได้ปกคลุมไปทั่ว ขณะที่เหล่าอัศวินต่างแข็งค้างต่อหน้าเมอร์คิวเรียสผู้เหี้ยมโหด
มันมีความยาวหลายสิบเมตร ขณะที่มันมีน้ำหนักหลายตัน ร่างกายของเมอร์คิวเรียสได้ทำจากปรอทซึ่งเป็นอาวุธที่มีมวลมหาศาลภายในตัวมันเอง จากบนสู่ล่าง ซ้ายไปขวา....
เมื่อมวลมหาศาลของปรอทได้ถาโถมเข้าใส่ เหล่าอัศวินเงาหลายนายก็ได้ถูกบดขยี้จนตายทันที
----------!
การเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายไม่เพียงแต่จะทำลายค่ายของแอนดราสจนหมด แต่มันรวมถึงเนินทรายที่กลุ่มของธีโอดอร์ซ่อนอยู่ แม้กระทั่งสายลมยังถูกโจมตี!เมอร์คิวเรียสได้สะบัดหางของมันเบาๆ แต่มันเกือบจะเทียบเท่าได้กับเวทย์ขั้น7
“ว้ากก!”
“อ้าก!”
“ไองูบ้าเอ้ย!”
โชคดีที่เวโรนิก้าสามารถควบคุมแรงลมได้ มิฉะนั้นทั้ง6คนจะถูกพัดปลิวไปทันที มีนักวิชาการคนหนึ่งได้กล่าวว่า ‘มวลที่มหาศาลนั้นจะมีพลังในตัวของมันเอง’
ทั้ง6คนที่ซ่อนตัวอยู่บนเนินทรายได้คิดอย่างรวดเร็วว่าควรทำเช่นไรต่อ ยังคงมีเงาแห่งแอนดราสเหลืออยู่บางส่วน ขณะที่เมอร์คิวเรียสกำลังขยับตัวของมันเพื่อโจมตีอีกครั้ง หากพวกเขาไม่รีบขยับตัว มันจะสายเกินแก้
“เด็กน้อยจากYellow Tower ทำไมเธอจึงหยุดฉันละ?”
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ถึงการดำรงอยู่ของเมอร์คิวเรียส?ดวงตาทั้ง5คู่จับจ้องไปยังพาร่าด้วยความสงสัย
จากนั้น เธอก็อธิบายออกมา “นั่นคือเมอร์คิวเรียส ผู้พิทักษ์ของห้องทดลอง เป็นสิ่งที่พาราเซลซัสได้สร้างขึ้น ร่างกายของมันทั้งหมดทำจากปรอท หากผู้นำหอคอยใช้ลมหายใจมังกร พื้นที่ทั้งหมดนี้จะเต็มไปด้วยแก๊สพิษ”
“แก๊สพิษ?”
“แม้กระทั่งปรมาจารย์ดาบก็ยังไม่สามารถเล็ดลอดไปจากพิษของปรอทได้ นอกจากนี้ หากมันระเหยมันก็จะกลับไปเป็นของเหลวอีกครั้ง”
มันไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นคือความคิดของทุกคนหลังจากที่ได้ยินคำอธิบาย ลมหายใจของเวโรนิก้าจะคุกคามร่างกายของมันได้เท่านั้น แม้ว่ามันจะระเหยจากความร้อนสูง แต่มันก็จะกลับสู่สถานะเดิม นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเขาสามารถเผชิญหน้าได้
พวกเขาต่างสงสัยว่าทำไมพาร่าจึงไม่บอกเรื่องนี้แต่แรก
“แต่ เมอร์คิวเรียส นั่นคือผู้พิทักษ์ที่จะใช้กำลังของมันหากผู้คนไม่เข้าทางประตูอย่างถูกต้องตามกระบวนการ มันจะปลอดภัยสำหรับเราที่จะรอคอยจนกว่ากลุ่มของแอนดราสจะตายทั้งหมด”
“….นั่นก็สมเหตุสมผล”เวโรนิก้า พยักหน้าให้กับคำอธิบายของพาร่า แต่จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่บางสิ่ง “แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ไม่ใช่ว่ามันยากที่จะออกจากสถานการณ์นี้ลำพัง?”
ทีมสืบสวนได้จ้องมองไปยังทางที่เวโรนิก้าชี้ ในสนามรบ เหล่าอัศวินเงาต่างถูกเหยียบย่ำราวกับมด เบื้องหลังของเมอร์คิวเรียส ชายคนหนึ่งได้พยายามเข้าห้องทดลองผ่านอุโมงค์ระบายน้ำที่เผยออกมา(รูที่พ่นปรอทอะครับ)
“ลอยด์ โพลแลน”
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถถอยได้ในตอนนี้ ไอสารเลวนั่นกำลังเข้าไปข้างในเพียงลำพัง”เวโรนิก้ากล่าวและมองไปยังเมอร์คิวเรียว ที่เหมือนกับภูเขา
แม้จะเป็นปรมาจารย์ดาบ ลอยด์เองก็ไม่ลังเลที่จะหนีจากสัตว์ประหลาดเช่นนี้ มันอาจจะแตกต่างไปหากความสามารถออร่าของเขามุ่งเน้นไปที่การทำลายล้าง......เช่นเดียวกับความสามารถ’ภาพลวงตา’ของมุจัก พวกเขาเปรียบเสมือนมดต่อหน้าเมอร์คิวเรียส
ดังนั้น จอมเวทย์จึงต้องเป็นผู้จัดการกับงูปรอทตัวนี้ อย่างไรก็ตาม คนที่จะทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องอยู่ในระดับจ้าวมนตราและสามารถที่จะร่วมมือกับเวโรนิก้าได้
“มาเถอะ เด็กน้อย มันถึงตาของเราแล้ว”