Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 15 – หัวใจแห่งความแข็งแกร่ง
*เปลี่ยนจากผู้เชี่ยวชาญเป็นเซียนนะครับ ผมพึ่งค้นเจอคำนี้ครับ
Chapter 15 – หัวใจแห่งความแข็งแกร่ง
“เป็นคลื่นกระแทกที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้นขณะเขามองไปยังภายในของกล่องในมือของเขา ไม่สามารถที่เก็บอารมณ์บนใบหน้าของเขาได้ เขารู้สึกราวกับว่าเขาค้นพบสมบัติอันล้ำค่า
นอกจากไข่มุกสีแดงสดใสที่มีขนาดเล็กแล้ว ยังมีหอคอยสีดำซึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่ากับนิ้ว ที่ทำให้เกิดคลื่นกระแทกแปลกๆ
คลื่นกระแทกเหล่านี้ทำให้หัวใจของเซี่ยวหยุนบีบรัดขึ้น
เซี่ยวรู้สึกว่าไข่มุกสีแดงสดใสและหอคอยสีดำว่าพวกจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน และมองไปยังชายชราข้างๆเขา
“ท่านปู่ ท่านพ่อของข้าได้ทิ้งสิ่งเหล่านี้ไว้เบื้องหลังเพื่อข้าหรือ?”
แม้ว่าเซี่ยวหยุนจะไม่รู้ว่าไข่มุกสีแดงสดใดและหอคอยสีดำคืออะไร เขารู้ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นผู้ฝึกตนธรรมดาไม่สามารถที่จะครอบครองไว้ได้ ความคิดเกี่ยวท่านพ่อของเขาสามารถได้รับสมบัติเหล่านี้ทำให้หัวใจของเขาถูกเร่ง
เซี่ยวเต็มไปด้วยความรู้อยากเห็นเกี่ยวบิดาที่เขาไม่เคยได้พบมาก่อน
“นั้นถูกแล้ว สมบัติเหล่านี้ถูกไว้เพื่อเจ้าโดยพ่อของเจ้า” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าวด้วยความดูเศร้าเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ ท่านปู่ได้วางแผนที่จะสิ่งเหล่านี้ให้แก่เจ้าหลังเจ้าได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนต้นกำเนิด แต่มันช่างเสียดายที่เรื่องนี้ล่าชายไปเนื่องจากการบ่มเพาะของหลานได้หยุดการก้าวหน้ามาเป็นเวลา 8 ปี”
“ตอนนี้ตระกูลฝางนั้นได้บังคับให้เราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ท่านปู่สามารถทำได้เพียงมอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้าและหวังเจ้าจะสามารถเพิ่มการบ่มเพาะได้” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ได้เป็นสิงโตที่อยู่เหนือคนอื่นอีกแล้ว และแทนที่ด้วยร่องรอยแห่งความกังวลบนใบหน้าของเขา
“ท่านปู่นี่ท่านกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ของฝางเฮ่า?” เซี่ยวหยุนถาม
“ถ้าฝางเฮ่าได้เข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์จริงๆ พวกเราจะอยู่ในปัญหาเลยทีเดียว!” เสียงของผู้ตระกูลเซี่ยวคนก่อนเต็มไปด้วยความกังวล
แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนที่ทรงพลังอย่างมากภายในเขตเมฆาม่วง เขากลับไม่มีอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้านิกายต้นกำเนิดสวรรค์ พวกเขาสามารถที่จะส่งเซียนมาทำลายตระกูลทั้งหมดได้ โดยเฉพาะเมื่อฝางเฮ่าได้เปิดเผยเรื่องนี้ทำให้ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนเก่าตกอยู่ในมือของเขา แม้ว่าจะมีความโกรธของเขาในเวลานั้น
“ไม่ต้องห่วงท่านปู่ หลานชายของท่านจะไม่พ่ายแพ้แก่ฝางเฮ่า” เมื่อเห็นว่าท่านปู่ของเขากระวนกระวายมากแค่ไหน เซี่ยวหยุนก็กำมือของเขาเป็นหมัดอย่างหนาแน่นขณะที่เขากล่าวอย่างเฉียบขาด “ถ้าเขาสามารถถูกเลือกสรรจากนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ได้ ถ้างั้นก็ข้าสามารถทำได้” เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาไม่ต้องการให้พวกเขาต้องกลัวอีกต่อไป
“ปู่เชื่อในตัวเจ้า” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าวขณะที่เขาพยักหน้า แต่ก็ยังคงมีร่องรอยแห่งความกังวลภายในดวงตาของเขา
ถึงแม้ว่าเซี่ยวจะได้เริ่มทะลวงผ่านอีกครั้งและแสดงถึงพรสวรรค์อันน่าเกรงขาม แต่พวกเขามีเวลาห่างจากการประลองแค่ 3 เดือนเท่านั้น เขาสามารถจะปีนข้ามจากระดับ 8 ขั้นหลอมร่างกายเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดได้ในเวลานี้จริงๆ?
ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนยังคงรู้สึกกังขาเล็กน้อยแต่เข้าก็ไม่ได้พูดมันออกมา
แม้ว่าจะมองไม่เห็นมันและเกิดขึ้นเพียงชั่วครูเท่านั้น แต่เซี่ยวหยุนก็ยังมองเห็นร่องรอยของความกังขา
ตัวเขาเองรู้ดีว่าการก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดภายใน 3 เดือนจะเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ
ภายในขอบเขตหลอมร่างกาย การทะลวงผ่านระดับเดียวก็เป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อแล้ว บางคนก็ต้องใช้เวลาทั้งปีเพื่อทะลวงผ่านระดับเดียวหลังจากระดับ 6 และสำหรับบางคนที่มีพรสวรรค์ที่ก้าวเข้าสู่ระดับ 9 ได้ค่อนข้างเร็ว มันจะใช้เวลาหลายปีเพื่อก้าวต่อไป
การก้าวเข้าสู่ขอบเขตต้นกำเนิดไม่ใช่บางที่สามารถทำได้เพียงแค่ต้องการเพียงอย่างเดียว
“ข้าต้องก้าวสู่ขอบเขตต้นกำเนิดโดยเร็วที่สุดและล้มฝางเฮ่าที่การประลอง ด้วยวิธีนี้ท่านปู่จะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”
เด็กหนุ่มแสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยวอย่างเงียบๆต่อตัวเขาเอง อย่างไรก็ตาม เขาเก็บมันไว้ข้างในและไม่ได้พูดมันออกมาดังๆ
นี้เป็นเพราะเซี่ยวหยุนรู้ว่าหากปราศจากพละกำลังที่เพียงพอ กล่าวทั้งหมดนี้ไปก็ไร้ความหมาย มันจะดีกว่าถ้าเขาแสดงมันออกผ่านการกระทำของเขา
“อย่ารู้สึกกดดันเกินไป” เมื่อมองดูว่าเด็กหนุ่มมีความแน่นอนมากน้อยเพียงไร ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนก็ลูบไหล่ของเขา
“อืม” เซี่ยวหยุนพยักหน้าและถามด้วยความคาดหวังในสายตาของเขา “ท่านปู่ พ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
หลายปีที่ผ่านมา เมื่อเซี่ยวได้ตกลงจากอัจฉริยะเป็นขยะ เขารู้สึกว่าราวกับเขาได้ร่วงหล่นมาจากเมฆอันบริสุทธิ์ไปสู่นรก เขารู้สึกว่าเขาถูกทอดทิ้ง และได้ใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนคิดเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขา
บางทีถ้าบิดาและมารยังอยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะปลอบข้า
นี่คือความคิดที่เกิดขึ้นกับจิตใจของเซี่ยวมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แม้ว่าในขณะที่เขาเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่และเข้าใจว่าการคร่ำครวญนั้นไร้ความหาย เด็กหนุ่มก็ยังคงคิดเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขา บางครั้ง เขาก็อยากจะไปตามหาพวกเขา
“พ่อของเจ้า ...” เห็นความหวังในสายตาของเด็กหนุ่ม ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนหยุดชั่วคราว ขณะที่ลักษณะของความเศร้าใจปรากฎขึ้นในดวงตาของเขาอีกครั้ง
หัวใจของเซี่ยวหยุนบีบแหน่นขึ้นขณะที่เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งถูกปิดไว้และรีบถาม “ท่านปู่เกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อของข้า? ทำไมเขาไม่เคยมาพบข้าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา? เป็นไปได้ไหมที่เขาไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว?”
“เด็กโง่ พ่อของเจ้าจะไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไปได้อย่างไร? เขาได้มอบชีวิตของตนเองให้กับเจ้า!” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนค่อยๆลูบหลังหัวของเซี่ยวหยุนขณะที่ดวงตาของส่องแสงสะอึกสะอื้น เขาถอนหายใจเบาๆก่อนพูดต่อ “ตอนนี้เจ้าได้โตขึ้นแล้ว ข้าควรจะบอกสิ่งนี้กับเจ้า”
เซี่ยวหหยุนพยักหน้าขณะที่เขาจ้องไปยังท่านปู่ คอยฟังอย่างเงียบๆ
“พ่อของเจ้ามีนามว่า เซี่ยวซานเทียนและยังเป็นเจ้าของพรสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย เขาได้ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาเมื่อตอนเขาอายุ 6 ขวบ” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่ลักษณะของความคิดถึงได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาแล้วพูดต่อ “บรรพบุรุษของตระกูลเซี่ยวเราได้มีมรดกจิตวิญญาณรบ เมื่อมันตื่นขึ้นแล้วคนๆนั้นจะสามารถกวาดผ่านไปทั่วแผ่นดินได้ พ่อของเจ้าได้แสดงความสามารถที่พิเศษด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา มันมหัศจรรย์มากในราชอาณาจักรจันทราวายุทั้งสิ้น”
“ในท้ายที่สุดเขาได้ถูกเลือกโดยสุดยอดเซียน คนๆนั้นได้นำเขาไปด้วย และถูกทิ้งไวที่เมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์(อันนี้ชื่อนะครับมีชื่อดีกว่านี้ทิ้งไว้ให้หน่อยนะครับ)อันกว้างใหญ่” ผู้นำตระกูลคนก่อนกล่าว
“เมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์?” ดวงตาของเซี่ยวกลายเป็นจริงจังขณะที่เขาจำชื่อนี้ได้ ดูราวกับว่าเขากำลังวางแผนจะไปที่นั่นเพื่อค้นหาพ่อของเขา
“สถานที่แห่งนั้นเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยเซียนด้านการต่อสู้ มีหลายร้อยตระกูลที่ทรงพลังที่นั่นและเซียนเต็มไปทั่วดินแดน มีหลายร้อยตระกูลที่ทรงพลังที่นั่นและเซียนเต็มไปทั่วดินแดน แม้แต่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์ก็จำเป็นที่จะต้องน้อมคำนับให้กับหลายฝ่ายที่นั่น เจ้าสามารถจิตนาการได้ว่าสถานที่ดังกล่าวน่าอัศจรรย์อย่างไร หลังจากออกไปแล้วพ่อของเจ้าได้หายไปนานถึง 10 และไม่มีข่าวจากเขาเลย ซึ่งทำให้เราทุกคนต้องกังวล” ได้ยินการถอนหายใจของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อน สามารถจินตนาการได้แค่กังวลว่าเขาเคยกลับมาแล้ว
เซี่ยวหยุนยังฟังอย่าเงียบๆอยู่ รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอย่างเหลือเชื่อเกี่ยวกับเมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์นั่น สถานที่ประเภทใดที่สามารถกักตัวพ่อของเขาได้เป็นเวลาหลายปี?
“เมื่อเขากลับมา เขาถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลรายแรงและเกือบทั่งร่างกายของเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด ราวกับว่าเขาพึ่งผ่านการต่อสู้เป็นตายมา ตอนนั้นเจ้าและน้องสาวของเจ้ายังคงเป็นเพียงเด็กอยู่ อายุของเข้าเพิ่งเกือบจะ 1 ขวบและร้องไห้อย่างต่อเนื่องบนหลังของเขา” ใบหน้าของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และอีกคนหนึ่งรู้สึกเจ็บปวดหัวใจของเขาจากการได้มองไปยังดวงตาของเขา
หัวใจของเซี่ยวหยุนบีบรัดแน่น
มันดูเหมือนว่าพ่อของเขานั้นได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายพอดู!
“พ่อของเข้าอยู่เพียงวันเดียวและหลังจากให้คำนแนะนำบางอย่าง เขารีบจากไปราวกับว่าเขากังวลว่าศัตรูของเขานั้นจะมาไล่ล่าเขาที่นี่” ใบหน้าของผู้นำตระกูลเซี่ยวเต็มไปด้วยความกังวลขณะที่เขาพูดต่อ “ผ่านไปกว่า 10 ปีแล้ว แต่เราไม่ได้รับข้อมูลใดๆจากเขาเลย เราไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหนตอนนี้”
“ถ้าหากเจ้าตองการจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพ่อของเจ้า เจ้าจำเป็นต้องไปยังเมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าว
“ข้าจะไปอย่างแน่นอน!” เซี่ยวหยุนประกาศขณะที่เขากำหมัดของเขา
“ดีมาก” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนยิ้มให้ความรู้สึกปลอบประโลมขึ้นโดยการจ้องมองที่มั่นคงของเด็กหนุ่ม
อย่างไรก็ตามหัวใจของเขากลับเจ็บปวด – เด็กหนุ่มคนนี้จะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยหลังจากไปยังเมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์?
เมื่อคิดอย่างนี้ ผู้นำตระกูลเซี่ยวค่อนข้างเสียใจที่บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาซ่อนเรื่องนี้ไว้ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกชายของเขาเป็นหรือตาย?
นอกจากนี้ เด็กหนุ่มคนนี้ได้เติบโตขึ่้นและมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้
“เราจะไม่ปล่อยให้สวรรค์ตัดใจสินว่าทุกสิ่งควรแสดงอย่างไร” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนถอนหายใจภายใน
“ท่านปู่ ข้าจะไปแล้ว” เซี่ยวหยุนกล่าวในขณะที่เขาถือกล่อง
“เอาล่ะเจ้าสามารถไปได้แล้ว” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าวขณะที่โบกมือของเขา “ดูสิ่งต่างๆในกล่องเถอะ”
“ขอรับ” เซี่ยวหยุนพยักหน้าและออกไปพร้อมกับกล่องเหล็ก
หลังจากการพูดคุยเรื่องนี้ ตอนนี้เซี่ยวได้หยุนรู้เกี่ยวกับพ่อของเขาเพิ่มอีกเล็กน้อย
พ่อของเขา เซี่ยวซานเทียน ก็เป็นอัจฉริยะที่น่าอัศจรรย์และยังทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เขาถูกโจมตีอย่างรุนแรง
“ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน” หลังจากกลับมาที่ห้องของเขา เซี่ยวหยุนก็กลายเป็นหนักแน่นมั่นคงอย่างมาก
ไม่ใช่เพียงแค่แรงกดดันจากตระกูลฝางเท่านั้น แต่เขายังจำเป็นต้องไปยังเมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์เพื่อค้นหาพ่อของเขา เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อรับมือกับทั้งสองสิ่ง
ปราศจากความแข็งแกร่งที่เพียงพอ เขาจะไม่สามารถทำอะไรได้
“นี่เป็นสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ทั้งหมดโดยท่านพ่อ ข้ามั่นใจว่าพวกมันจะต้องไม่ธรรมดา” หลังจากคิดกับตัวเขาเอง เซี่ยวหยุนก็หยิบตำราโบราณขึ้นมา ขณะที่เขาหยิบมันขึ้นมา ชิ้นส่วนกระดาษก็ได้ตกลงมา ในนั้นมีการเขียนตัวอักษรที่แข็งแกร่ง
“นี้มันเป็นจดหมายจากท่านพ่อ!” เซี่ยวหยุนรู้สึกยินดีและเรื่มอ่านมัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาอ่านสิ่งที่บรรจุในจดหมาย เซี่ยวก็เริ่มขมวดคิ้วลึก
พ่อของเขาอธิบายว่ามีอะไรอยู่ภายในกล่องบ้าง แต่กลับเตือนด้วยว่าอย่าออกตามหาเขา
“ศัตรูของท่านพ่อพวกมันทรงพลังเกินไปหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ข้าไปเสี่ยงชีวิตกับอันตราย” เซี่ยวหยุนรู้สึกว่าหัวใจของเขาอบอุ่นขณะที่เขาคิดในใจ “ท่านพ่ออาจะไม่ต้องการให้ข้าไปยังเมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์จากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวข้าอ ย่างไรก็ตามในฐานะผู้ชาย ข้าจะมัวแต่นั่งได้อย่างไรโดยรู้ว่าท่านพ่อของข้ากำลังมีปัญหา”
“ข้าต้องไปยังเมืองหลวงอาณาจักรสวรรค์!” เซี่ยวหยุนตัดสินใจ
หลังจากนั้นเขาได้หยิบตำราโบราณขึ้นและเปิดหน้าแรกของมัน
ศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อฝึกจนเสร็จ หนึ่งจะสามารถกลืนกินแก่นแท้ปราณทั้งหมดในสวรรค์และโลกได้ และทำลายจิตวิญญาณแรกเริ่มได้ ...
“ศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี้ มันสามารถควบคุมการกลืนกินแก่นแท้ปราณทั้งหมดในสวรรค์และโลกได้ เช่นเดียวกันกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของข้า อย่างไรก็ตามมันยังสามารถทำลายจิตวิญญาณแรกของผู้คนได้ ซึ่งจะทำให้มันทรงพลังมากกว่า ตำนานได้กล่าวไว้ว่ามีเพียงสุดยอดเซียนเท่านั้นที่สามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณแรกเริ่มได้ ซึ่งทำให้พวกเขาน่าเลื่อมใสอย่างไม่น่าเชื่อ ตราบใดที่วิญญาณแรกเริ่มไม่ได้ตายไป พวกเขาก็จะไม่ตายไปด้วย ถึงกระนั้นศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี้กลับสามารถทำจิตวิญญาณแรกเริ่มได้ – มันทรงพลังเกินไปอย่างแท้จริง” เซี่ยวหยุนคิดในใจ รู้สึกตกตะลึง
“บางทีแม้แต่ราชอาณาจักรจันทราวายุและนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ก็ยังไม่ได้มีศิลปะเช่นนี้”
“ตราบใดที่ข้าเรียนรู้ศิปละนี้ แน่นอนว่าข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น”
ความเชื่อมันของเซี่ยวหยุนได้อยู่ในความสำเร็จที่ได้รับการสนุบสนุน
“ศิลปะนี้สามารถหลอวรวมกับจิตวิญญาณการต่อสู้ได้ทั้งหมด ทำให้มันเป็นของตนเอง ... ศิลปะศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดทรงพลังมาก?”
เมื่อเซี่ยวหยุนอ่านหน้าถัดไป เขาก็กลายเป็นตกใจมากยิ่งขึ้น
จิตวิญญาณการต่อสู้ปกติมักจะสืบทอดมาจากมรดก
สำหรับตัวอย่างนั้นมีมากในอดีตไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา พ่อของเซี่ยวหยุน เซี่ยวซานเทียน เป็นคนเดียวที่ปลุกจิตวิญญาณรบขึ้นมาได้
การได้รับมรดกนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป
คนบางคนได้ไปยังเส้นทางอื่น – พวกเขาได้ค้นพบสัตว์อสูรโบราณหรือสัตว์อสูรจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะได้รับเศษจิตวิญญาณของพวกมัน แล้วหลอมรวมเข้ากับพวกเขา อย่างไรก็ตามอัตราสำเร็จในการหลอมจิตวิญญาณนั้นมีแทบจะแค่ 1 ในหมื่น
ในความเป็นจริงแล้ว มักจะมีผลกระทบรุนแรงซึ่งอาจทำให้พวกเขาตายได้
อย่างไรก็ตาม ศิลปะกลืนกินสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่เซี่ยวหยุนมันแตกต่างออกไป
ตามคำอธิบายของมัน หลังจากสำเร็จความเชี่ยวชาญพื้นฐานของศิลปะนั้น จะสามารถหลอมรวมจิตวิญญาณการต่อสู้ที่คล้ายกันและทำให้พวกมันกลายเป็นการสนับสนุน รวมทั้งเพิ่มความสามารถที่คล้ายกัน ในอนาคต เซี่ยวหยุนจะสามารถมีจิตวิญญาณรบของตัวเองได้
ด้วยจิตวิญญาณรบ ทำไมเขาต้องกลัวฝางเฮ่า?