ตอนที่ 192 รอบๆทะเลทราย 2
กุก กึก กุก!
รถได้แล่นไปตามเส้นทางของลมหายใจมังกรที่มุ่งตรงผ่านใจกลางทะเลทราย
มันเป็นการเดินทางที่ดีกว่าการเดินทางผ่านทรายที่สูงถึงหน้าอกของผู้ชาย แต่มันก็ยากที่จะบอกว่าเส้นทางนั้นราบเรียบเนื่องจากทรายนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นหินหนืด
แม้ว่าจะมีหินเกิดขึ้นเป็นประปราย และวิ่งผ่านเส้นทางลาดชัน แต่รถยังเคลื่อนที่ต่อไปได้เนื่องจากเวทมนต์ทุกประเภทที่ปกคลุมทั่วรถเพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนหรือการกระแทก
มันค่อนข้างเงียบสงบ ภูมิทัศน์ที่มองเห็นผ่านหน้าต่างทั้งสองข้างของรถม้ามีเพียงแค่ทราย ขณะที่ผู้คนภายในรถไม่ได้ทำลายความเงียบสงบ
มีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ผู้นำRed Tower เวโรนิก้า....
กลุ่มจอมเวทย์ชั้นนำทั้งสี่คนของเมลเทอร์ Quattro….
และผู้พิทักษ์แห่งออสเต็น ผู้ที่ถูกจับกุมโดยพวกเขา มุจัก
มุจักนั้นยังคงมีความผิดติดตัวอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดได้ก่อน ขณะที่วิลเลี่ยมและซิลเวียพบว่ามันอยากที่จะแสดงท่าทางได้อย่างอิสระต่อหน้าเวโรนิก้า ที่เหนือกว่าพวกเขา พาร่าไม่เคยที่จะพูดอยู่แล้วเว้นแต่จะจำเป็น และธีโอดอร์ก็ไม่เคยมีการเข้าสังคมที่ดีนัก
ดังนั้นจึงมีเพียงคนเดียวที่สามารถทำลายความเงียบได้ ---เวโรนิก้า เธอรู้สึกเบื่อและพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “อ่า มันน่าเบื่อยิ่งนัก และเราจะต้องอยู่เช่นนี้ไปอีกสองสามวัน”
เธอเหยียดขาขณะที่บ่น มันเป็นระยะทางที่พวกเขาต้องเดินทาง ที่พวกเขาอยู่นั้นเป็นเพียงเขตรอบนอกของทะเลทรายมิวส์เท่านั้น ดังนั้น เวลาที่คาดว่าจะต้องใช้คือ3วัน
เวโรนิก้านั้นรู้สึกเบื่อหลังจากมองออกไปด้านนอกหน้าต่างสักพักและหันมาพูดกับธีโอดอร์ “เราควรจะเริ่มต้นชั้นเรียนศาสตร์เวทย์เลยไหม?”
ธีโอดอร์รู้สึกประหลาดใจกับข้อเสนอสุดพิเศษและถาม “หืม?ในนี้?”
“ไม่เป็นไร?ที่เหลืออยู่นั้นยังเด็ก แต่พวกเขาก็เป็นว่าที่ผู้นำหอคอย ดังนั้นพวกเขาจึงควรที่จะเรียนรู้”
“ถูกต้อง แต่...”
มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับQuattro ที่ได้ยิน แต่ทว่า ปัญหาก็คือคนนอก มุจัก จะเกิดอะไรขึ้นหากปรมาจารย์ดาบได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับศาสตร์เวทย์?ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสี่ยง อย่างไรก็ตาม เวโรนิก้าได้โบกมือคลายความกังวลของธีโอดอร์
“มันไม่สำคัญหรอก ความสามารถออร่านั้นแตกต่างจากศาสตร์เวทย์ ไม่มีจุดอ่อนใดที่จะถูกเปิดเผยจากการรู้ทฤษฏี และมันสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้หากไม่ใช่จอมเวทย์ระดับสูง”
“งั้นพวกเราจะฟัง”
“ได้ เอาละ ฟังดีๆละ ฉันจะไม่บอกเธอซ้ำสอง”
คนอื่นอาจจะยังไม่ใช่จอมเวทย์ขั้น7เช่นธีโอดอร์ แต่พวกเขาเป็นจอมเวทย์ผู้ที่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้มากกว่าคนอื่น ยกเว้นพาร่า เหล่าว่าที่ผู้นำหอคอยต่างมุ่งความสนใจไปที่เวโรนิก้า
เมื่อดวงตาสามคู่ได้จับจ้องมาที่เธอ เวโรนิก้าก็สร้างวงเวทย์ไฟขึ้นในอากาศและเริ่มอธิบาย “ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเธอรู้มากแค่ไหน แต่เธอรู้ไหมว่าจอมเวทย์แต่ละคนจะมีวงกลมที่แตกต่างกันเล็กน้อย?”
“ครับ”
“พวกมันเปรียบเสมือนกล้ามเนื้อและกระดูก อาหารการกินและระเบียบวินัย.....องค์ประกอบและรูปแบบของพวกมันจะเปลี่ยนไปตามตัวแปรและสภาพแวดล้อมหลายๆอย่าง ความเชี่ยวชาญในธาตุที่พิเศษส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากประสิทธิภาพของการไหลเวียนพลังเวทย์ ในกรณีพิเศษ มันสามารถคลาดเคลื่อนจากระบบเวทมนต์ที่มีอยู่ ศาสตร์เวทย์นั้นหมายถึงปรากฏการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงนี้”
นิ้วชี้ของเวโรนิก้าได้ขยับและวงกลมก็ได้รวมเข้าด้วยกันอย่างยุ่งเหยิง กลายเป็นรูปร่างแปลกๆที่จะกลมก็ไม่กลม พวกมันเป็นทรงกลมรูปไข่สองวง ด้วยความเร็วที่ทำให้งุนงง มันได้เปลี่ยนแปลงเป็นรูปสี่เหลี่ยม รูปกรวย รูปสามเหลี่ยม และรูปทรงอื่นๆ
“ไม่มีใครรู้ว่ารูปทรงสุดท้ายจะเป็นเช่นไร ขึ้นอยู่กับสายเลือดที่สืบทอด วิธีการฝึกฝน กระบวนการเจริญเติบโต....มีตัวแปรมากมายเกินจะกำหนดได้ เกี่ยวกับส่วนนี้ ฉันสามารถพูดได้ว่ามันค่อนข้างคล้ายกับความสามารถออร่า”จากนั้นเวโรนิก้าก็ประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน “หากความสามารถออร่าคือการตื่นขึ้นจากการหลับใหล งั้นศาสตร์เวทย์ก็คือการที่บางอย่างภายในนั้นเปลี่ยนแปลง การตื่นขึ้นและการรู้แจ้งมีความคล้ายคลึงกัน แต่พวกมันก็เป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“การตื่นขึ้นและการรู้แจ้ง....”
“หึม มันคลุมเครือเล็กน้อย?หากเธอใช้กรณีของฉันเป็นตัวอย่าง ฉันใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงในการรับรู้ถึงศาสตร์เวทย์ของฉัน”
“หนะ-หนึ่งชั่วโมง?”
เสียงกรีดร้องของสามจอมเวทย์ได้ดังขึ้นในรถ ความยากลำบากในการเรียนรู้ศาสตร์เวทย์นั้นอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับความสามารถออกร่อ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะง่าย บางคนใช้เวลาหลายเดียวหรือแม้กระทั่งหลายปี มีบันทึกว่าอัจฉริยะได้ใช้เวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ ดังนั้นเวโรนิก้าที่ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงจึงเป็นเรื่องที่บ้ามาก
อย่างไรก็ตาม เธอหัวเราะราวกับมันไม่มีอะไร“เอาละ ฉันไม่ได้จะบอกว่าเรื่องนั้นมันโม้ ฉันต้องการจะถามพวกเธอเรื่องหนึ่ง เธอคิดยังไงเกี่ยวกับ’ความร้อน’?”
“คะ-คุณกำลังถามเรา?”
“ถูกต้อง ความร้อนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความร้อนเท่านั้น”
จอมเวทย์ทั้งสามกำลังมีปัญหากับหัวข้อนี้ พาราแกรนัม เวทย์โบราณที่มีความรู้มากมายเกี่ยวกับเวทมนต์ สามารถที่จะตอบคำถามที่ให้รายละเอียดได้มากกว่าทุกคน แต่ทว่า เธอไม่ได้ตอบเพราะเธอไม่รู้สึกว่ามันจำเป็น
ทั้งสามคนได้คิดถึงแนวคิดเรื่อง ‘ความร้อน’จากนั้นพวกเขาก็ต่างแปลกใจ ซิลเวียได้เปิดปากของเธอขึ้นเป็นคนแรก “ไฟที่มองไม่เห็น พลังที่ผลักดันปรากฏการณ์”
“โอ้ ทำไมละ?”
“น้ำแข็งจะหยุดทุกปรากฏการณ์ งั้นความร้อนจะต้องเป็นพลังที่ใช้ผลักดันปรากฏการณ์ทั้งหมด”
“การพิสูจน์โดยใช้สิ่งที่ตรงข้ามกัน มันเป็นแนวทางการคิดที่ดี”เวโรนิก้ากล่าว จากนั้นเธอพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ “มันเป็นคำพูดที่ครอบคลุม แต่นั่นไม่ผิด ใช่ ความร้อนคือพลังที่เคลื่อนย้ายปรากฏการณ์ พลังที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาของมนุษย์”
จากนั้น...
เธอก็ได้เสริมว่า “พวกมันไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย’ดวงตาทั่วไป’”
ดวงตาสีทองของเวโรนิก้าสว่างขึ้น
มนุษย์จะไม่สามารถสังเกตเห็นถึงปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดรอบตัวพวกเขา อย่างไรก็ตาม เธอมีสายเลือดของมังกรแดง เวโรนิก้าได้ทำลายกำแพงของวงกลมที่7และก้าวมาสู่ขอบเขตนี้ ดวงตาของเธอสามารถเข้าใจถึง’การเคลื่อนไหวของพลัง’และควบคุมมัน เธออยู่เหนือเกินกว่าขอบเขตและกลายเป็นจ้าวแห่งความร้อน!
เหตุผลที่ทำให้เธอปลุกความสามารถของเลือดมังกรได้ ซึ่งมีอยู่เพียงน้อยนิดในตัวเธอ และแสดงให้เห็นถึงพลังที่เท่าเทียมกับมังกรสายเลือดบริสุทธิ์นั่นก็เพราะศาสตร์เวทย์ของเธอ
“เธอรู้ไหม กรณีของฉันนั้นพิเศษมากๆ เส้นเลือดของมังกรจะส่งผลต่อวงกลมมากกว่าตัวแปรอื่นๆ ดังนั้นฉันจึงสามารถคาดเดาผลของศาสตร์เวทย์ได้”
แม้จะมีหลายตัวแปร เลือดมังกรถือเป็นสิ่งที่สามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่ท้าทายที่สุด เวโรนิก้าได้สืบเชื้อสายของมังกรแดงและเป็นอัจฉริยะแห่งเวทมนต์ นั่นทำให้เธอกลายเป็นผู้นำRed Tower ที่อายุน้อยที่สุด อะไรคือสิ่งที่เธอสามารถทำได้ดีและอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการจะทำ.....
ทั้งสององค์ประกอบนั้นเข้ากันโดยสมบูรณ์ ทำให้อัตราการเติบโตของเวโรนิก้านั้นไม่อาจคาดการณ์ได้ มันเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงเข้าใจศาสตร์เวทย์ได้อย่างรวดเร็ว กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือสิ่งที่เธอต้องการจะบอกธีโอดอร์
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน จงมองดูเวทมนต์ของตัวเอง ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ความแข็งแกร่งของธีโอดอร์ มิลเลอร์....เธอจะตระหนักถึงความเป็นไปได้ในตัวเธอมากกว่าคนอื่น แทนที่จะพยายามเปลี่ยนตัวเอง จงมองไปที่ตัวเองในกระจกและคิด”
คำแนะนำของคนที่มีประสบการณ์นั้นดีกว่าสิ่งที่มาจากหนังสือ ธีโอดอร์รู้สึกว่าเขาเกือบจะเข้าถึงมันแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะโค้งหัวขอบคุณเธอ
“ขอบคุณครับ ผู้นำ”
“..อย่าขอบคุณฉัน สักวัน เธอจะมีหน้าที่ต้องสอนเรื่องนี้กับคนอื่น”
หลักการสำคัญของสมาคมเวทย์คือการถ่ายทอดความรู้ของพวกเขา ธีโอดอร์ยิ้มเบาๆขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มของเขานั้นดูน่ารัก แต่แก้มของเวโรนิก้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ
ขณะเดียวกัน รถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ครานี้มันไม่ได้อึดอัด นี่เป็นความเงียบที่เกิดจากการที่จอมเวทย์กำลังคิดถึงเรื่องของตัวเอง
ธีโอดอร์มองขึ้นไปบนฟ้าผ่านหน้าต่างและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
‘เวทมนต์ของฉัน....’
ธีโอดอร์ได้นึกย้อนกลับไปในช่วงชีวิตของเขา
***
สามวันต่อมา....
ทุกครั้งที่ถนนสิ้นสุด เวโรนิก้าก็จะใช้ลมหายใจมังกร และพวกเขาก็จะเดินทางอีกครั้ง จากนั้นรถลาก ที่เคลื่อนที่โดยไม่หยุดยั้งก็ได้หยุดลงอย่างกะทันหัน วิลเลี่ยมได้ตรวจสอบมันแต่ก็ไม่พบปัญหาใดๆ
มุจักได้เฝ้าดูเขาและกล่าว “มันไม่มีประโยชน์ พวกเราจะต้องเดินเท้าจากที่นี่”
“อ่า นั่นเอง ฉันลืมไปเลย”เวโรนิก้าไม่ได้สงสัยว่าทำไมพวกเขาต้องเดินและพยักหน้าอย่างง่ายดาย
เมื่อความสับสนเต็มอยู่ในดวงตาของคนอื่นๆ เธอก็ชี้ไปที่ขอบฟ้าไกลและอธิบายสั้นๆ “ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความแห้งแล้ง ระยะเวลาของเวทมนต์จะลดลงอย่างมากในทะเลทรายมิวส์ สิ่งประดิษฐ์เช่นรถคันนี้จะหยุดทำงาน คิดมันเช่นเดียวกับการผลักดันพลังเวทมนต์ลงไปในแจกันที่แตกหัก”
“งั้นพวกเราจะไม่สามารถใช้เวทมนต์เสริมได้งั้นหรอ?”
“เวทย์เช่น ‘บทเพลงแห่งสงคราม’นั้นไม่เป็นไร แต่’Haste(เสริมความเร็ว)’จะถูกปิดกั้น”
นี่เป็นดินแดนที่ลำบาก ธีโอดอร์ไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดเช่นนั้น ขณะที่วิลเลี่ยมกำลังบ่นว่ารถม้านั้นล้าสมัย เนื่องจากลักษณะของWhite Tower รถลากถือเป็นสิ่งที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
“บ้าเอ้ย หากคุณรู้ว่าสิ่งนี่มันราคาเท่าไร...”
“เราไม่สามารถนำมันกลับไปได้?”
“มันจะถูกปกคลุมไปด้วยทรายและไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆในเวลาไม่กี่ชั่วโมง มันน่าเสียดาย แต่มันช่วยไม่ได้”
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเดินทางจากจุดนี้ แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่จะลิ้มรสความยากลำบากของทะเลทรายนี้ ทันทีที่ทั้ง6คนเดินออกจากรถลาก พวกเขาก็ถูกทักทายด้วยสายลมที่เต็มไปด้วยทราย พวกเขากระตุ้นเวทมนต์บนเสื้อคลุมของพวกเขา แต่ทรายนั้นได้เข้าไปตามซอกของเสื้อผ้าแล้ว
คิ้วของเวโรนิก้าได้กระตุก “บ้าเอ้ย ไอจักรวรรดิบ้าๆนี่ มันทำให้ฉันต้องมาที่นี่....”
นี่เป็นความโกรธที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่งต่อจักรวรรดิแอนดราส แต่ไม่มีใครงี่เง่าพอจะทักท้วงเธอ พวกเขาค่อนข้างใกล้กับจุดหมายแล้ว ดังนั้นเวโรนิก้าจึงไม่ใช่ลมหายใจมังกร มันเป็นการเก็บพลังเวทย์ของเธอในกรณีที่โชคร้ายหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด”
ในสถานการณ์นี้ มีปัญหาใหญ่กว่าหนึ่งเรื่อง
“อืม...เวทย์ตรวจจับของฉันไม่ทำงาน ไม่ว่าฉันจะใช้พลังเวทย์มากแค่ไหน มันก็ครอบคลุมไม่เกิน20เมตร”
“มันช่วยไม่ได้ละนะ นี่เป็นอีกหนึ่งบทลงโทษ”เวโรนิก้ามองไปรอบๆด้วยท่าทางหนักใจหลังจากที่วิลเลี่ยมพยายามใช้เวทย์ตรวจจับ ทรายไม่ได้มีความสูงที่คงที่ ทำให้วิสัยทัศน์ของพวกเขามีจำกัด
อย่างแรก อัศวินแห่งแอนดราสนั้นอยู่ที่โบราณสถาน ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่ดีที่จะเข้าใกล้มัน ไม่เหมือนกับเวทย์ตรวจจับ พลังออร่านั้นยังคงทำงานปกติดี ขณะนั้นเอง ธีโอดอร์ก็ได้คิดถึงวิธีการ
“คุณสามารถรอสักครู่ได้ไหม?”
“หะ?เธอมีวิธี”
“ครับ บางที...”
กลุ่มของพวกเขาได้หยุดเคลื่อนไหวขณะที่ธีโอดอร์ตั้งสมาธิ เขากำลังมองหาผู้ทำสัญญาที่ซาโตเมอร์มอบให้เขา นี่เป็นการเชื่อมต่อกับอีกานาม ฮิวกิ้น
‘ฉันคงต้องยืมพลังของมิตราหากเป็นไปได้’
แต่น่าเสียดาย มันเป็นไปไม่ได้ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะทะเลทรายมิวส์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ หรือเป็นเพราะพลังของมังกรทราย ไม่ว่าจะทางใด นี่เป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่อาจจะเรียกจิตวิญญาณธาตุได้
โชคดี ที่การอัญเชิญดูเหมือนจะทำงานได้โดยไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม
“จงมา ฮิวกิ้น!”
ทันทีที่ธีโอดอร์ขยับพลังเวทย์ของเขา อีกาก็ได้โผล่ออกมาจากอากาศ
กา--!
“กะ-การอัญเชิญ?”เวโรนิก้ารู้สึกประหลาดใจกับความมหัศจรรย์นี้และได้ตรวจสอบธีโอดอร์ ประสิทธิภาพของเวทย์อัญเชิญได้ลดลงในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยากที่จะเห็นได้ในยุคนี้ ธีโอดอร์ได้เรียนรู้เวทย์อัญเชิญเมื่อไรกัน?
“เวทย์อัญเชิญ....เธอได้เรียนรู้สายที่ค่อนข้าง....”
“มันเป็นโอกาส”ธีโอดอร์ยิ้มแหยขณะที่เขาคาดเดาความหมายของเธอ เป็นเพราะเขาไม่ได้ใช้เวทย์อัญเชิญมานาน...?ฮิวกิ้นจึงกำลังเพลิดเพลินกับท้องฟ้าหลังจากที่ไม่ได้ปรากฏตัวมาบนโลกวัตถุมาเป็นเวลานาน
‘คุณเห็นไหม ผู้อาวุโส?’ธีโอดอร์นึกถึงใบหน้าผอมบาง ของจอมเวทย์อัญเชิญผู้ที่มอบความรู้ทั้งหมดและความฝันของเขาให้แก่ธีโอดอร์ ทุกคนที่อยู่ในยุคนี้ต่างจำได้ว่าเขาเป็นไอขี้แพ้ แต่เขาเป็นผู้อัญเชิญที่สามารถเรียกฟาฟเนอร์ได้