TXV – 2 ความสามารถของเนตร
TXV – 2 ความสามารถของเนตร
หลังจากนั้นสักครู่หนึ่งเซี่ยเหล่ยก็ได้ละทิ้งความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของเขาออกไปและเขาก็เลิกสนใจสิ่งผิดปกติที่อยู่ในซ้ายของเขา
เซี่ยเหล่ยกำผ้าพันแผลไว้ในมือของเขาแล้วก็กลับไปที่เตียงนอนและเขาก็ยังกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเขาก็เผลอหลับไปในเวลาตี 1
เมื่อเซี่ยเหล่ยตื่นขึ้นมาในตอน 8 โมงเช้าเขาก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆที่เกิดจากตาซ้ายของเขาเลย เขาเดินไปยังห้องน้ำอีกครั้ง แล้วถอดผ้าพันแผลที่ปิดตาซ้ายของเขาออกและมองไปยังกระจก
ปรากฏว่าหมอกหนาทึบนั้นมันก็ค่อยๆมีความหนาขึ้นเรื่อยๆที่บริเวณตาซ้ายของเขา
“มันเกิดบ้าอะไรเนี่ย !! ตาข้างซ้ายของเราจะเป็นอะไรไหมเนี่ย ?” ตอนนี้เซี่ยเหล่ยตื่นเต้นเป็นอย่างมากและไม่สามารถข่มความรู้อยากรู้อยากเห็นอขงเขาได้ในตอนนี้เขาใช้ผ้าพันแผลมาสัมผัสตรงบริเวณหมอกที่หนาทึบบริเวณตาซ้ายของเขาหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อเซี่ยเหล่ยไปสัมผัสบริเวณตาซ้ายของเขา เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่ความเจ็บปวดนี้ก็ไม่ได้รุนแรงมาก เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้
จากนั้นหมอกหนาทึบที่บริเวณตาซ้ายของเขาก็ได้จางหายไป เซี่ยเหล่ยสามารถมองเห็นดวงตาของเขาได้ชัดเจนในกระจก ม่านตาซ้ายของเขานั้นมีความแข็งแรงมากกว่าเดิมและมีสีเงางามดูเหมือนว่ามันไม่ได้เกิดอาการบาดเจ็บใด้ๆเลยจากอุบัติเหตุสะเก็ดไฟฟ้าที่เกิดขึ้น จะมีบาดแผลก็แค่รอบๆม่านตานั้นมีแผลไฟไหม้เล็กน้อยเท่านั้น
เซี่ยเล่ยยืนนิ่งสักครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ตาของผมไม่ได้บอด ผมไม่ใช่คนตาบอดโว้ยยย ฮ่าๆ ตาข้าไม่ได้บอด !”
ในช่วงเวลานั้นมีหมอท่านหนึ่งได้เดินผ่านห้องนอนเขาพร้อมกับพยาบาลคนหนึ่ง พวกเขาก็ได้เห็นการกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขของเซี่ยเหล่ยในห้องน้ำ
“เห้ !!! คุณเอาผ้าพันแผลออกมาทำไม ? ” นางพยาบาลพูดอย่างดุดัน “คุณเสียสติไปแล้วหรือไง ? หรือว่าคุณไม่อยากรักษาตาซ้ายของคุณให้หายเป็นปกติแล้ว ? ”
ช่วงเวลานั้นเซี่ยเหล่ยมีความสุขมากจนไม่ได้ยินเสียงใครพูดกับเขาเลย !
“เฮ้ !! ถ้าหากคุณไม่ปฏิบัติที่หมอสั่งพวกเราก็คงไม่สามารถรักษาคุณได้” คุณหมอท่านนั้นก็เริ่มพูดอย่างดุดันเพื่อให้เซี่ยเหล่ยได้ยิน “คุณได้ยินผมมั้ย ?”
“อย่าไปสนใจมันเลย ! เขาต้องการเงินอย่างน้อย 200000 หยวนเพื่อจะทำให้ดวงตาเขากลับมาเป็นปกติครั้ง คุณคิดว่าคนแบบนี้จะมีปัญญาจ่ายได้เงินมากขนาดนี้ ?” พยาบาลกล่าวแบบดูถูก
เซี่ยเหล่ยเริ่มรู้สึกตัวและหันไปรอบๆห้องแต่ในขณะนั้นดวงตาซ้ายของเขาก็เริ่มมีแสงประกายออกมาเล็กน้อยและเขามองเห็นสะโพกที่เปลือยเปล่าของพยาบาลคนนั้นทั้งที่เธอใส่กระโปรงอยู่ จากนั้นสายตาเขาเต็มไปแสงสีขาวเหมือนหิมะกำลังตกสักครู่หนึ่ง เขารู้สึกตกใจมากและเขาก็ขยี้ตาและมองมันอีกครั้งและสิ่งที่เขาเห็นก็คือกระโปรงที่ปกคลุมก้นของเธออยู่เธอมีสรีระรูปร่างที่ดีแต่ในครั้งนี้มันต่างจากครั้งแรก ในครั้งนี้เขาเห็นเธอสวมกระโปรงตามปกติ
“นี่…..นี่มันจะต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ ทำไมสายตาของเราถึงฟ่าฟางขนาดนี้” เซี่ยเหล่ยตกใจและรู้สึกแปลกใจ
“เห้ย ผมกำลังพูดกับคุณอยู่นะ! มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับคุณเนี้ย ?” พยาบาลเริ่มหงุดหงิด
จากนั้นแพทย์และพยาบาลก็ได้พุ่งตรงไปที่เซี่ยเหล่ยและได้จับเขาไว้และมองไปยังตาซ้ายของเขาและถามว่า “ตา…….ตาซ้ายของคุณ มันเกิดอะไรขึ้นเป็นไปไม่ได้.. ?”
นางพยาบาลคนนั้นถึงกับอ้าปากค้างเสมือนว่าขากรรไกรนั้นร่วงลงมาที่พื้น
เซี่ยเหล่ย ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “บังเอิญว่าตาของผมหายเอง ผมไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้เงินจำนวนมากขนาดนั้นได้ ผมจึงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไป ผมต้องการออกจากโรงพยาบาลนี้เดี๋ยวนี้ !”
หมอและพยาบาลจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยยังกับว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดและสิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือผลวินิจฉัยของแพทย์บอกว่าเขาตาบอดอย่างแน่นอน เขามีโอกาสน้อยมากๆที่จะหายเป็นปกติแต่แล้วในที่สุดเขาก็สามารถรักษาตาข้างซ้ายของเขาได้ด้วยตัวเอง สุดท้ายนี้เซี่ยเหล่ยก็มองย้อนกลับไป ด้วยสองตาที่เปิดกว้างและตาของเขาก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์
ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่จะสามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเซี่ยเหล่ยได้
เซี่ยเหล่ยออกจากโรงพยาบาลใน 1 ชั่วโมงต่อมาใช้เพียงแค่ 1,000 หยวนจาก 10000 หยวนที่เฉินฉัวหู่ให้เขามา และเขาก็ได้นำเงินที่เหลือทิ้งลงในถุงขยะ เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น !
แสงแดดที่จัดในเวลากลางวัน มันคงจะไม่ส่งผลดีต่อตาข้างซ้ายของเซี่ยเหล่ยอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงละทิ้งความคิดที่จะไปหาหม่าเสี่ยวอัน จึงได้เรียกรถโดยสารกลับบ้าน
บ้านแห่งนี้เป็นบ้านของพ่อแม่ที่ถูกทิ้งไว้ให้พวกเขามันมีขนาดเพียงแค่ 75 ตารางเมตรและมีจำนวนห้องเล็กๆทั้งหมด 3 ห้องและมีห้องนั่งเล่น 1 ห้อง พวกเขาไม่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพงทุกสิ่งทุกอย่างนั้นค่อนข้างเก่าเพราะว่าอายุการใช้งานแต่ละสิ่งนั้นมากกว่า 10 ปีแล้ว สิ่งของพวกนี้ถึงมันจะล้าสมัยแต่เขาไม่ทิ้งมันไปเพราะว่ามันเป็นความทรงจำจากพ่อแม่ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยก็รู้สึกดีขึ้น เมื่อไม่อยู่ท่ามกลางแสงแดด
“มันเกิดอะไรขึ้น ? เรารู้สึกว่าเราฝันแปลกๆ…..” หลังจากที่เซี่ยเหล่ยนั่งลงเขาก็เริ่มคิดทบทวนกับสถานการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดของเขา
ถึงเซี่ยเหล่ยจะต้องการหาคำตอบ แต่...เขาก็เจอแต่ความว่างเปล่า
“เหล่ย … คุณอยู่บ้านไหม ?” เสียงผู้หญิงเรียกเขามาจากชั้นล่าง
เสียงนั่นทำให้เซี่ยเหล่ยหยุดคิดถึงเรื่องนั้นสักครู่หนึ่งและเขาก็เดินตรงไปที่ระเบียง
เสียงนั้นเป็นเสียงตำรวจสาวคนหนึ่งที่เธอรออยู่ข้างล่าง ใบหน้าของเธอช่างงดงามยิ่งนักและริมฝีปากของเธอเป็นสีชมพูเบาๆดูชีวิตดูมีชีวิตชีวา ชื่อของเธอคือเจียงหยูยี่ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงคนหนึ่งผู้ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ๆกับบ้านของเซี่ยเหล่ย หยูยี่และเหล่ยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กและพวกเขาก็อยู่ข้างๆกันเสมอเวลาที่มีปัญหา
“อ่าว...คุณมีอะไรหรอ ?” เซี่ยเหล่ยยิ้มขณะทักทายเธอ
“ฉันมีเรื่องให้ช่วยหน่อย ช่วยเปลี่ยนแทงค์น้ำหน่อยได้ไหม? ฉันเจ็บมือไม่สามารถที่จะยกมันได้ในตอนนี้” เจียงหยูยี่กล่าว
“ได้สิ เดี๋ยวผมจะลงไป”เซี่ยเหล่ยเดินลงจากระเบียง
ชั้นล่างนั้นมีแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาค่อนข้างรุนแรง จู่ๆตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีเข็มทิ่มเข้าไปในดวงตาของเขา อาการเจ็บปวดที่แสนจะทรมานได้พุ่งตรงไปยังจิตใจของเขาในตอนนี้และตาซ้ายของเขาตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย เขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากและไม่คิดว่าตาของเขาจะอ่อนไหวต่อแสงได้ขนาดนี้
เจียงหยูยี่ วิ่งตรงเข้ามาหาเขาโดยทันทีด้วยความสามารถตาซ้ายของเขาในตอนนี้ผมมองเห็นเสื้อผ้าที่เธอใส่นั้นโปร่งใสและเป็นเส้นใยผ้าบางๆปกปิดร่างของเธออยู่ราวกับใยแมงมุมและเวลาผ่านไปอีกสักครู่หนึ่งใยแมงมุมนั้นได้หายไปในพริบตาในครั้งนี้เซี่ยเหล่ยเห็นเธอเปลือยกายต่อหน้าเขา !
ทรวดทรงองเอวและหน้าอกของเธอนั้นช่างน่าตื่นตาตื่นใจซะเหลือเกินจนทำให้เขาเลือดกำเดาเกือบไหลออกมา….. เซี่ยเหล่ย ไม่เคยเห็นผู้หญิงมาเปลือยกายต่อหน้าเขา
เซี่ยเหล่ยจำได้ว่าเขาเคยเห็นสะโพกของนางพยาบาลในโรงพยาบาลมาแล้วนั่นไม่ใช่ภาพหลอน มันคือเรื่องจริงสิ่งที่เขาเห็นภายในโรงพยาบาลนั้นมันเหมือนกับสิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ในตอนนี้ !
“อะไรเนี่ย ! มันเกิดอะไรขึ้น ? เจียงหยูยี่เธอก็สวมเสื้อผ้าอยู่ ทำไมตาซ้ายของเรานั้นจึงเห็นว่าเธอกำลังเปลือยกายมันเป็นเพราะกระแสไฟฟ้าจากอุบัติเหตุหรือ ? ใช่สิ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ !” เซี่ยเหล่ยกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากที่เซี่ยเหล่ยได้รับบาดเจ็บจากกระแสไฟฟ้า หมอวินิจฉัยว่าตาของเขาบอดอย่างแน่นอน แต่ไม่น่าเชื่อว่าตาของเขาไม่ได้บอดจริงๆและได้ความสามารถพิเศษที่อัศจรรย์มาด้วย ดูเหมือนว่าความโชคดีและความโชคร้ายก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันการโดนสะเก็ดไฟฟ้าที่ตานั้นเป็นโชคร้ายของเมื่อวานนี้แต่กลับเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับวันนี้
“เหล่ย…. เป็นอะไรรึปล่าว ?” เจียงหยูยี่กำลังสงสัยว่าวันนี้ซี่ยเหล่ยทำตัวแปลกๆ ในตอนที่เขาจ้องมองมาที่เธอ
“อือ ผมสบายดี” เซี่ยเหล่ยกล่าวอย่างกังวลใจขณะที่ เจียงหยูยี่กำลังเปลือยกายต่อหน้าเขา ขณะที่เขาลืมตาข้างซ้ายของเขาอยู่
“เหล่ย ทำไมวันนี้ดูลุกลี้ลุกลน ?” เจียงหยูยี่กล่าวแบบหยอกล้อกับเขา “บอกพี่ใหญ่มาซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเหล่ย ?”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “เธออายุน้อยกว่าผมนะ เธอกลายเป็นพี่ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ผมก็แค่เด็กเหลือขอคนหนึ่งจะมีผู้หญิงคนไหนจะมาอยู่เคียงข้างล่ะ ?”
“อย่าโทษตัวเองเลย เหล่ย เป็นคนดีมันต้องมีสักวันหนึ่ง ที่มีคนมาชอบแหละ” เจียงหยูยี่ตอบ
ท่าทีล้อเลียนของเจียงหยูยี่ทำให้เซี่ยเหล่ยผ่อนคลายและดวงตาของเขาก็กลับมาเป็นปกติ ในตอนนี้เขาเห็นเสื้อผ้าของเธอเป็นเหมือนเดิมแล้วและมันทำให้เขาระงับเลือดกำเดาออกจากจมูกของเขาได้...
มันเผยออกมาให้เขาเห็นถึง 2 ครั้งความสามารถนี้ของเซี่ยเหล่ยดูเหมือนว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสามารถทั้งหมด ถ้าหากมีสิ่งเร้ามากระตุ้นการตอบสนองของเขา เซี่ยเหล่ยจะสามารถเปิดใช้งานความสามารถมองทะลุจากตาข้างซ้ายได้ทันทีอย่างที่ใจต้องการ
เซี่ยเหล่ยช่วยเหลือเจียงหยูยี่เปลี่ยนแท้งน้ำแล้วเมื่อเขายกแท้งน้ำไปไว้บนเครื่องเติมน้ำเสร็จ รู้สึกอ่อนเพลียขึ้นมาในทันทีเขารู้สึกหงุดหงิดและเกลียดร่างกายที่อ่อนแอตอนนี้
เซี่ยเหล่ยกำลังคิดอยู่ว่า “ผมรู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนเหลือเกินราวกับว่าผมไม่ได้กินไม่ได้นอนมา 2 วันติดกัน มันอาจจะเกี่ยวข้องกับการใช้ความสามารถในการมองทะลุ ? ดูเหมือนว่าความสามารถนี้ไม่สามารถใช้งานได้บ่อยๆจะต้องเลือกใช้งานเฉพาะเวลาที่เหมาะสมจริงๆ”
“เหล่ย… นี่สำหรับคุณ” เจียงหยูยี่เดินไปหยิบเครื่องดื่มเป็ปซี่และยื่นมันให้เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยหันไปสบตาของเจียงหยูยี่แล้วก็เห็นภาพแปลกๆเขาเห็นเธอใส่ชุดบิกินี่สีแดง เธอดูสง่างาม และรอยยิ้มของเธอนั้นมีเสน่ห์มากกว่าดาราคนไหนๆในภาพยนตร์
“เธอ….” เซี่ยเหล่ยกำลังรู้สึกงงงวย
“เหล่ยทำอะไรหน่ะ ? ดื่มซะสิ” เจียงหยูยี่ยื่นเครื่องดื่มอีกครั้งและเธอใส่ไว้ในมือของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยมองไปที่มือของเจียงหยูยี่และสิ่งที่อยู่ในมือของเธอนั้นไม่ใช่เป็นกระป๋องเป๊ปซี่แต่มันเป็นถุงยาง !!!
บิกินี่สีแดงและถุงยางมันไม่ได้เป็นเรื่องจริงแม้แต่อย่างใด แต่มันเหมือนจริงมากๆในสายตาของเซี่ยเหล่ย มันไม่ใช่เพราะว่าเพียงแค่สิ่งที่ตาก็มองเห็นแต่เป็นสภาพจิตใจของเขาด้วยดังนั้นจิตใจของเขาในตอนนี้กำลังคิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่….เขาคิดว่าเจียงหยูยี่กำลังแกะห่อถุงยางอนามัยออกและค่อยๆขยับมาใกล้ตัวเขา
“เหล่ย…. ? คุณเป็นอะไร ? มีอะไรหรือป่าว ?” เจียงหยูยี่ถามอย่างกังวล
เสียงของเจียงหยูยี่ปลุกเซี่ยเหล่ยออกจากภาพจินตนาการที่เขากำลังคิดอยู่ เขาส่ายหน้าและภาพเหล่านั้นจะได้หายไป หลังจากที่เขาส่ายหน้าครู่หนึ่ง ร่างกายเขาก็รู้สึกอ่อนแรงจนล้มตัวลงไปที่อ้อมแขนของเจียงหยูยี่
หน้าอกของเจียงหยูยี่ช่างอ่อนนุ่มและมีกลิ่นที่หอมหวล เซี่ยเหล่ยรู้สึกเหมือนอยู่กลางทะเลขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับปัญหาเขาได้ทุกๆอย่าง
ขณะที่เซี่ยเหล่ยล้มตัวไปที่เจียงหยูยี่ริมฝีปากของเขาไปโดนแก้มของเธอ ใบหน้าของเจียงหยูยี่ที่อ่อนหวานและนุ่มนวลของเธอนั้นมันเหมือนกับเค้กวนิลานุ่มละมุนที่หอมหวล
เจียงหยูยี่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากแก้มของเธอก็เริ่มแดงและเธอก็ได้เคลื่อนตัวออกตามสัญชาตญาณของเธอ แต่ร่างกายของเซี่ยเหล่ยทิ้งน้ำหนักและล้มตัวลงไปที่เจียงหยู่ยี่มากขึ้นเรื่อยๆ
“เหล่ย... ทำอะไรเนี่ย ?” เจียงหยูยี่รู้สึกกระวนกระวายใจและขาของเธอก็เริ่มอ่อนแรงลงเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยรีบนำตัวของเขาออกจากอ้อมแขนของเจียงหยูยี่และใบหน้าของเขาก็เริ่มแดงก่ำ “ผมขอโทษ…. ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“เหล่ยตั้งใจใช่มั้ย ? ใช่มั้ย หือ ! เหล่ย… ?” เจียงหยูยี่จ้องเขม็งไปที่เขาและสายตาของเธอเต็มไปด้วยความขยะแขยงและรำคาญ
เซี่ยเหล่ยถอยห่างจากเธออย่างรวดเร็วและพูดทันทีว่า “ไม่ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมไม่ได้ตั้งใจผมขอโทษ...”
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยมั่นใจแล้วว่าความสามารถพิเศษของสายตาของเขานั้นทำให้เกิดภาพหลอนหลายๆอย่างและยังมีผลข้างเคียงคือการมีประสาทหลอนแปลกๆ
“วันนี้คุณมีท่าทีแปลกไปมาก เหล่ย” เจียงหยูยี่ไม่พอใจกับคำอธิบายของเขา
“ถ้าเธอไม่มีอะไรแล้ว ผมจะกลับแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้ผมทำก็โทรมาใหม่ในครั้งหน้า เผื่อให้ผมช่วยเปลี่ยนแทงค์น้ำอีก” เซี่ยเหล่ยไม่กล้าอยู่ต่อหน้าเธออีกเขาจึงรีบออกไปจากเธอ
“ขอบคุณนะ” เจียงหยูยี่เห็นเดินเขาไปที่ประตู
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “เธอไม่ต้องมาส่งผมหรอกเราสองคนรู้จักกันมาตั้ง 20 ปีแล้ว ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากหรอก”
เจียงหยูยี่ยิ้มมุมปากและพูดว่า “ฉันไม่ได้ทำเป็นทางการกับเหล่ย และฉันจะบอกเหล่ย นานแล้วว่าเหล่ยควรจะหางานประจำได้แล้ว อย่าไปทำงานที่สถานก่อสร้างเลยมันไม่ใช่งานระยะยาว มันไม่มั่นคงกับเหล่ย เลย”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้าจากนั้นเขาก็เดินออกไป
ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากจะมีชีวิตที่ดี ? อาศัยอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตสะดวกสบายมีพื้นที่บริเวณบ้านมีรถดีๆให้ขับมีหน้ามีตาในสังคมสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเกิดจากเงินแต่เซี่ยเหล่ยขาดแคลนเงินมากที่สุด
“เฉินฉัวหู่จ่ายเงิน 10000 หยวนกับเขาในการรักษาในโรงพยาบาลแต่เขาก็ได้ทิ้งเงินที่เหลือไปแล้วส่วนข้าก็มีรายได้ 9000 หยวนต่อเดือน เมื่อก่อนขณะที่เธอยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยมันคงจะพอหรอก แต่ตอนนี้เธอต้องการมากขึ้นเพราะว่าเธอได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อเดือนต้องใช้ 20,000 หยวนผมยังขาดอีก 11000 หยวน ผมจะทำยังไงดี ?” สมองของเซี่ยเหล่ยในตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวายกับความคิดเหล่านี้
เซี่ยเหล่ยเดินออกจากระแวกบ้านของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
แสงแดดสาดส่องไปทั่วทั้งถนนและรถที่กำลังเคลื่อนที่บนถนนอย่างวุ่นวายในเมืองห่ายจู ผู้คนมากมายร่งรีบไปทำงานเพื่อไปเข้างานให้ทัน เมืองนี้ช่างสับสนวุ่นวายซะเหลือเกิน
“เฮ้ย เราเองก็มีความสามารถในการมองทะลุสิ่งของแล้ว แล้วทำไมเราต้องกลับไปทำงานในสถานที่ก่อสร้างอีกล่ะ ? ทำไมไม่ใช่ความสามารถของเราในการหาเงิน ? น้องสาวของเราและเราก็อาจจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ !” ด้วยความคิดเช่นนี้เสียแล้วจึงมุ่งหน้าไปทางใต้ของเมืองห่ายจู เป็นทางไปสู่มาเก๊าและเกิดความคิดบางอย่างในใจของเขา………
ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า ติดตามข่าวสารและเรื่องราว https://www.facebook.com/Tranxending-Vision-1843606792370694/ ขอเพียงแค่กดไลค์กดติดตาม ก็เป็นกำลังใจให้ผมแปลต่อได้แล้วคร้าบบบ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
###################################################################