Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 14 – ศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
Chapter 14 – ศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
คำพูดที่เย็นชาของฝางเฮ่าดังก้องไปทั่วที่พักอาศัยตระกูลเซี่ยว ทำให้หลายคนรู้สึกรกระวนกระวายมาก
ทุกคนมีการแสดงออกที่รุนแรงบนใบหน้าของพวกเขา และรู้สึกราวกับว่าภูเขายักกำลังกดทับอยู่บนทรวงอกของพวกเขา
แม้กระทั่งผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนขมวดคิ้ว
“นิกายต้นกำเนิดสวรรค์?” เซี่ยวหยุนได้ยกคิ้วของเขาขึ้น และดวงตาของเขาส่องประกาย
การเป็นลูกหลานบ้านหลักตระกูลเซี่ยว เขาไม่มีทางไม่คุ้นเคยกับนิกายต้นกำเนิดสวรรค์
มันเป็นนิกายที่มีอำนาจปกครองเหนือราชอาณาจักรและรวบรวมผู้เชี่ยวชาญทุกประเภท ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมีเป็นปกติเหมือนเมฆภายในนิกาย
สำหรับผู้ฝึกตนภายในราชอาณาจักรจันทราวายุ นิกายต้นกำเนิดสวรรค์นั้นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าฝางเฮ่าจะออกไปแล้ว แต่คลื่นภายในตระกูลเซี่ยวไม่ได้สงบลง กลุ่มผู้อาวุโสรวมตัวตัวรอบๆผู้นำตระกูลคนก่อน พูดถึงสิ่งที่ควรทำ แม้กระทั่งผู้อาวุโสยิ่งใหญ่ที่เกษีนณอายุไปแล้วก็ออกมา – เห็นได้ชัดว่านี้มันร้ายแรงแค่ไหน
ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนนั่งอยู่ที่บนที่นั่งหลักในโถงพิจารณา พวกผู้อาวุโสทั้งหมดมองดูกังวลอย่างเหลือแสนขณะที่พวกเขาพูด
“ฝางเฮ่าได้ถูกจับตามองอย่างดีโดยผู้อาวุโสในนิกายต้นกำเนิดสวรรค์ พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“ถ้าพวกเราไม่ทำตามที่เขาต้องการ ตระกูลเซี่ยวของพวกเราจะคราวเคราะห์เมื่อเขาเข้าสู่นิกายต้นกำเนิดสวรรค์” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวกับพวกเขา นิกายต้นกำเนิดสวรรค์เป็นที่น่ากลัวเกินไป
คนส่วนที่เหลือของตระกูลเซี่ยวรวมตัวกันรอบๆด้านนอกโถงพิจารณาแล้วฟังไปภายใน
“เราควรจะส่งเซี่ยวหยุนให้กับตระกูลฝาง?” หนึ่งในผู้อาวุโสถามทันที
ได้ยินสิ่งนี้ ลักษณะในดวงตาของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกลายเป็นจริงจัง เหมือนกับสิงโตที่ชั่วร้าย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตำหนิผู้อาวุโสคนนั้น เซี่ยวหยุนนั่งอยู่ข้างๆท่านปู่ของเขา ได้ยินการพิจารณาที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่เพียงยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น
เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก และมันอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของตระกูลเซี่ยวทั้งหมด
เช่นนี้มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกผู้อาวุโสจะกังวล
“ข้าคิดว่าสิ่งที่เดียวที่เราสามารถทำได้เพิ่มทำให้เปลวไฟแห่งความโกรธของตระกูลฝางสงบลงได้คือ มันไม่คุ้มค่าที่จะเอาตระกูลเซี่ยวทั้งหมดให้ขึ้นอยู่กับขยะนี้ หยวนฉานในฐานะที่ผู้นำตระกูล เจ้าจำเป็นต้องคิดถึงภาพที่ยิ่งใหญ่ไว้”
“ถูกต้อง ท่านจำเป็นต้องคิดถึงภาพที่ใหญ่เข้าไว้”
“มันไม่คุ้มค่าที่ส่งตระกูลเซี่ยวทั้งหมดไปสู่ความตายมากกว่าขยะเซี่ยวหยุนนี้” ผู้อาวุโสคนอื่นทั้งหมดออกเสียงถึงการยอมรับของพวกเขา
นอกเหนือจากไม่กี่คนแล้ว เกือบทุกคนในห้องโถงกำโห่ร้องให้ส่งมอบเซี่ยวหยุนเพื่อเอาใจตระกูลฝาง
“ภาพใหญ่?” มองดูผู้อาวุโสจำนวนมากทำเช่นนี้ การแสดงออกของเซี่ยวหยวนฉานกลายเป็นมืดมนขณะที่เขาแค่นเสียงเย็นชา “ถ้าเป็นเช่นนี่น ชายชราคนนี้คงไม่สามารถเป็นผู้นำตระกูลได้ ข้าจะนำหยุนเอ๋อออกจากตระกูลเซี่ยวและซ่อนตัวอยู่ในสุดขอบโลก ใครก็ตามที่ต้องการจะดูแลเรื่องภายในตระกูลนี้ก็สามารถทำได้”
“อะไรนะ?” ทุกคนในโถงพิจารณาจ้องมองอย่างตกตะลึง
“ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าเป็นคนที่มีคุณธรรมและจุดยืนที่ดีมาก หากเจ้าคิดจะรับตำแหน่งนี้ว่าอย่างไร?” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนมองไปยังชายชราที่มีคนผมขาวคนหนึ่ง
“ชายชราคนนี้จะตายภายใน 2 ปี ข้าจะแบกความรับผิดชอบดังกล่าวได้อย่างไร?” ดวงตาของผู้อาวุโสใหญ่กระตุกเล็กน้อยขณะที่เขาขมวดคิ้ว
“หัวหน้าผู้อาวุโส - แล้วเจ้าล่ะจะทำมันไหม?” เซี่ยวหยวนฉานหันไปมองที่หัวหน้าผู้อาวุโส
คนที่เริ่มการเรียกร้องให้ส่งมอบเซี่ยวหยุน
“ข้าเพียงแค่อยู่ในขั้น ‘สมบูรณ์’ ของขอบเขตต้นกำเนิดเท่านั้น ข้าจะสามารถปราบปรามฝ่ายอื่นๆทั้งหมดได้อย่างไร?” หัวหน้าผู้อาวุโสถามขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
เซี่ยวหยวนฉานยืนขึ้นขณะที่ดวงตาของเขากระพริบ เขามองไปรอบ ๆ ขณะที่เขาประกาศ “ถ้าใครกล้าที่จะรับตำแหน่งนี้ ชายชราคนนี้จะเกษียณตนเองทันที”
คนในตระกูลเซี่ยวถูกส่งเข้าสู่ความบ้า
เซี่ยวหยวนฉานเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงไม่กี่คนภายในเขตเมฆาม่วงและทรงพลังอย่างมาก ไม่มีใครมีพลังมากกว่าเขาในตระกูลเซี่ยว
อาจกล่าวได้ว่าหากปราศจากเซี่ยวหยวนฉานคอยยืนป้องกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา, ธุรกิจและทรัพย์สมบัติจำนวนมากของตระกูลเซี่ยวคงจะถูกกลืนไปโดยตระกูลอื่นๆ
ถ้าเซี่ยวหยวนฉานพาเซี่ยวหยุนไปที่อื่นจริงๆ พวกจะรักษาจุดยืนภายในเขตเมฆาม่วงได้อย่างไร?
“ผู้นำตระกูลท่านต้องล้อเล่นแน่ - ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าท่านอีกแล้ว” คนที่เคยส่งเสียงกึกก้องให้ส่งมอบเซี่ยวหยุน ไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรอื่นอีกขณะที่พวกเขาฝืนยิ้มออกมา เพราะว่าตระกูลเซี่ยวไม่สามารถดำรงอยู๋ได้หากปราศจากชายชราคนนี้!
ได้ยินว่าท่านปู่ของเขาะจยอมแม้แต้สละตำแหน่งเพื่อพาเขาไปอยู่ที่อื่น เซี่ยวหยุนรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่น่าเชื่อ
ในโลกนี้มีคนที่เต็มใจจะเสียสละอย่างมากเช่นชายชราคนนี้ที่เต็มใจจะให้เขา?
“บ้าเอ้ย ไม่มีพวกเจ้าสักคนกล้าที่จะรับภาระนี้? แล้วพวกเจ้าทั้งหมดจะตะโกนเพื่ออะไร?” ขณะที่มองไปยังพวกผู้อาวุโสทุกคนที่ยิ้มให้กับเขาอย่างขอโทษ เคราของเซี่ยวหยวนฉานพองขึ้นและเขาสาปแช่งอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าชายชราคนนี้เป็นหัวหน้าตระกูลที่ไม่สามารถปกป้องแม้แต่กระทั่งหลานชายของตนเองได้ ใครจะไปจริงจังกับตระกูลเซี่ยวในอนาคต? เจ้าคิดว่าตระกูลเซี่ยวสามารถอยู่รอดอย่างอิสระหรือ?”
“นี่...” พวกผู้อาวุโสทั้งหมดพูดไม่ออก
“กลุ่มคนโง่สายตาสั้น!” การจ้องมองของผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกลายเป็นแหลมคมขณะที่เขาด่า “เจ้าคิดว่าทำไมตระกูลเซี่ยวถึงสามารถก่อร่างสร้างตัวเดียวมาได้นับร้อยปีในเขตเมฆาม่วงโดยไม่ล้มลง? เพราะว่าโชค? เพราะการปกป้องจากบรรพบุรุษของเรา?”
ไม่มีผู้ใดในโถงพิจารณากล้าที่จะตอบและฟังอย่างต่อเนื่อง
เกือบทุกคนในตระกูลเซี่ยวรู้ดีว่าผู้นำตระกูคนเก่าจะสาปแช่งเท่านั้นเมื่อเขาโกรธอย่างแท้จริง แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถยอมให้ตนเองกลายเป็นเป้าหมายของความโกรธของเขาได้
“ถ้าตระกูลต้องการรุ่งเรื่องไม่ล้มลง มันจะต้องแข็งแกร่งผ่านการทำงานร่วมกันของสมาชิกในตระกูลในความสามัคคีและไม่กลัวศัตรูหรือความตาย สมาชิกของตระกูลทุกคนควรจะเป็นชายที่แท้จริงหรือหญิงที่แท้จริงที่มีกระดูกเหล็ก(น่าจะสำนวนละครับแต่ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน) ทำให้คนที่ได้ยินเสียงของพวกเขาสั่นสะท้าน มองไปยังพวกเจ้าทั้งหมด - ทำเสียงนั้นให้ห่างไกลเหมือนเจ้า?” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนหยุดชั่วคราวก่อนจะพูดต่อ “เพียงแค่ฝางเฮ่าก็ทำให้พวกเจ้าทั้งหมดหวาดกลัวเช่นนี้ เจ้ายังมุ่งหมายจะอยู่รอดในอนาคต? ถ้าเจ้าต้องการจะมีชีวิตอยู่ จงแข็งแกร่งขึ้น!”
แม้ว่าชายชรากำลังตำหนิพวกเขา คำพูดของเขาถูกต้องเบ็ดเสร็จและตัดลึกลงไปในหัวใจของพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นเยาว์ เลือกของพวกเขาทั้งได้เดือดพล่าน พวกเขาสามาถอนุญาติให้คนอื่นรังแกพวกเขาได้อย่างไร?
เมื่อฝางเฮ่ากระทำหยิ่งยโสกับตระกูลเซี่ยว พวกเขาหลายคนต้องการจะมอบความพ่ายแพ้ให้แก่เขา อย่างไรก็ตาม มันช่างน่าเสียดาย ไม่มีใครภายในคนรุ่นเยาว์สามารถต่อสู้กับเขาได้
“ผู้นำตระกูลคนก่อนถูกแล้ว คนในตระกูลเซี่ยวของเราขะขี้ขลาดได้อย่างไร?”
“เราไม่สามารถก้มหัวของเราให้กับตระกูลฝางได้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นเราจะต้องเจ็บใจในอนาคต” ด้านนอกโถงพิจารณา คนรุ่นเยาว์ร้องเสียงดังอยู่ด้านนอก
“บอกข้ามา – ว่าเจ้าอยากจะกลายเป็นทาสของตระกูลฝาง หรือจะสู้เพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของพวกเจ้า” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนได้ถามขณะที่เขามองไปรอบๆเขา เหมือนกับแม่ทัพพูดกับพลทหารของเขา คำพ๔ดของเขาดังก้องภายในหัวใจของพวกเขาเหมือนฟ้าร้อง
“เราจะไม่ยอมแพ้”
คนรุ่นเยาว์ด้านนอกแหกปากและตะโกน ขวัญกำลังใจของพวกเขาหนุนขึ้นอย่างมหาศาล ไม่มีสักใครสักคนที่อยากจะมีชีวิตที่ชีวิตของพวกเขาจะขึ่นอยู่กับการลดหัวลงมา
“เจ้าต้องการจะตายอย่างมีจุดยืนหรือมีชีวิตเหมือนสุนัข?” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนถามขณะที่เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“เราควรจะตายอย่างมีจุดยินดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างอัปยศอดสู!” ข้างนอกโถงประชุม คนรุ่นเยาว์ตอบทันที เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยพลัง เกือบจะรู้สึกถึงเลือดที่เดือดของคนรุ่นเยาว์ ซึ่งลามไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ทุกคนลืมสิ่งที่เคยกังวลเกี่ยวกับมันและเริ่มรู้สึกขุ่นเคือง ไม่มีใครอยากมีชีวิตภายใต้การกดขี่ของตระกูลฝาง
ภายใต้บรรยากาศดังกล่าวลามเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แม้กระทั่งผูอาวุโสภายในโถงพิจารณาก็หวั่นไหวไปด้วย
“ท่านปู่มหัศจรรย์มาก!”
เซี่ยวหยุนยักไหล่ขณะที่เขาไปยังท่านปู่ที่อยู่เหนือกว่าของเขา ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเขาก็ทำให้บรรดาผู้อาวุโสที่ยืนกรานในการส่งมอบตัวเขาเงียบลง
วิธีการประเภทนี้ทรงพลังมากกว่าการต่อสู้ด้วยศิลปะการต่อสู้
เพราะว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเดียวกัน ศิลปะการต่อสู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจของคนจำนวนมาก
“ผู้นำตระกูลมีความคิดในการจัดการตระกูลฝางหรือไม่?” แม้ว่าพวกผู้อาวุโสภายในโถงพิจารณาเริ่มเอนเอียง พวกเขายังคงรู้สึกขัดแย้งมาก หลังที่จากผู้อาวุโสจากนิกายต้นกำเนิดสวรรค์คอยหนุนหลังตระกูลฝาง!
“เป็นธรรมดาข้ามีวิธีการ” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนตอบ
“ผู้นำตระกูลคิดอะไรอยู่?” พวกผู้อาวุโสยิ้มอย่างสุภาพขณะที่พวกเขาพยายามจะทำให้เขาตอบเปิดเผยความคิดของเขา
“ตระกูลฝางไม่ได้มีเพียงฝางเฮ่าเท่านั้น? ดังนั้นแล้วไง? ตราบใดมีคนที่สามารถเข้าสู้นิกายต้นกำเนิดสวรรค์ได้ ปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข เมื่อถึงเวลานั้นทำไมเราต้องกลัวพวกเขา? สมาชิกนิกายไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงเรื่องทางโลกภายในราชอาณาจักรได้โดยบังเอิญ เราเพียงแค่ต้องไม่รุกรานพวกเขา” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าว
ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้ยินเรื่องนี้
บรรดานิกายสุดยอดที่ปกครองเหนือราชอาณาจักรทั้งหมดไม่สามารถกระทำอย่างได้
ถ้าใครโจมตีผู้ฝึกตนทางโลกโดยไร้เหตุผลและถูกค้นพบโดยทูต นิกายทั้งหมดจะถูกรุมล้อมด้วยปัญหา
ทั้งหมดนี้เพื่อปกป้องความสมดุลในสวรรค์และโลก มิฉะนั้นถ้าผู้เชี่ยวชาญจากนิกายใหญ่สามารถฆ่าใครก็ได้ที่พวกเขาต้อง มันจะมีสันติภาพได้อย่างไร?
“ท่านคิดว่ามันง่ายที่จะเข้าร่วมนิกายใหญ่?” ผู้อาวุโสบางคนตอบ
นิกายที่ทรงพลังที่มีรากฐานอันลึกล้ำยอมรับเพียงลูกศิษย์อัจฉริยะเท่านั้น ผู้สมัครต้องผ่านบททดสอบตามลำดับจำนวนมากเพื่อก้าวผ่านประตูของพวกเขา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ – พวกเจ้าทั้งหมดไปได้แล้ว” เซี่ยวหยวนฉานโบกมือของเขาขณะเขากล่าวกับเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างเขา “หยุนเอ๋อมากับท่านปู่” หลังจากพูดแบบนี้แล้ว ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนได้พาเด็กหนุ่มออกมาจากโถงพิจารณาพร้อมกับเขา
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาต้องการพึ่งพาขยะนั้น?” ทุกคนประหลาดใจมาก อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าถามเรื่องนี้ออกมาดังๆ
เซี่ยวหยุนติดตามท่านปู่ของเขาไป และสามารถเห็นได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงและสึกหรอบนใบหน้าของเขา เขาคิด “ข้าสงสัยว่าท่านปู่ต้องการจะบอกอะไรข้า”
จากการแสดงออกของชายชรา เซี่ยวหยุนสามารถบอกได้ว่ามันจะไม่ง่ายกำจัดภัยคุกคามจากตระกูลฝาง
ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนพาเซี่ยวหยุนมศึกษาและหยิบเอาบางสิ่งจากความมืด กล่องเหล็กมันวาว
มันมีสัญลักษณ์ลึกลบสลักบนกล่องเหล็กและมีการล็อคลงบนมัน ทำให้ดูลึกลับมาก
“นี่มันอะไรกัน?” หัวใจของเซี่ยวหยุนกระโจนไปมาและเขารู้สึกว่ามีการเชื่อมต่อบางอย่างระหว่างกล่องนี้กับตัวเอง
“นี้เป็นของบางสิ่งที่พ่อของเจ้าทิ้งไว้เบื้องหลัง” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนกล่าวขณะเขาจ้องมองไปยังกล่องด้วยการแสดงออกที่โศกเศร้าบนใบหน้าของเขา
“ท่านพ่อ!” หัวใจของเซี่ยวหยุนเต้นขณะที่เขารู้สึกว่าเลือกของเริ่มหมุนเวียนอย่างลึกลับ “ท่านพ่อทิ้งอะไรไว้ให้ข้าหรือ?”
ผ่านมาแล้ว 10 ปีหรือมากกว่านั้น เซี่ยวหยุนได้ยินเกี่ยวกับพ่อของเขาเพียงเล็กน้อย และผู้คนในตระกูลก็แทบจะไม่ได้พูดถึงเขาเลย
ทุกครั้งที่เขาถามท่านปู่ของเขา คำตอบที่เขาจะได้รับก็คือเขาจะบอกก็ต่อเมื่อตัวเขานั้นไปถึงขอบเขตต้นกำเนิด
มันน่าเสียดายหลังจากที่ผ่านการบ่มเพาะของเขาหยุดการก้าวหน้าลง 8 ปีก่อน เขาจึงหยุดถาม
“อืม” ผู้นำตระกูลเซี่ยวคนก่อนพยักหน้า “มันถึงเวลาที่จะมอบสิ่งนี้ให้เจ้าแล้ว”
ขณะที่เขาพูดเขาหยิบกุญแจออกมาและเปิดกล่องอย่างช้าๆ
วูซซซ!
ทันทีที่กล่องเปิดออก ลำแสงสีเลือดหมูสว่างและส่งแรงกระแทกอันเวิ้งว้างออกมา คลื่นกระแทกทำให้เซี่ยวหยุนสั่นสะท้านในความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัย ราวกับว่าเขากำลังจะถูกกลืนกิน
“มีอะไรอยู๋ข้างในกัน?” เซี่ยวหยุนเอากล่องมองเข้าไปยังข้างใน และพบว่ามีมันมีตำราเก่าแก่สีเหลืองถูกบรรจุไว้
“ศิลปะกลืนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์!” ขณะที่เข้าอ่านคำภายในตำราโบราณ ดวงตาของเซี่ยวหยุนสว่างขึ้น
เพียงชื่ออย่างเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันเป็นศิลปะทรงอำนาจอย่างไม่น่าเชื่อ
เช่นเดียวกับที่เซี่ยวหยุนรู้สึกตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อเกี่ยวชื่อของตำราโบราณเล่มนี้ ดวงตาของถูกดึงไปยังบางสิ่ง ขณะที่ในหัวใจของเขาถูกทำให้รัดกุมโดยไม่สมัครใจ
ข้างตำราโบราณเป็นลูกปัดสีแดงสดใสมันมีขนาดใหญ่เท่าเล็บ คลื่นกระแทกที่ไม่มีสิ้นสุดได้ถูกส่งออกมาจากไข่มุกนี้ หลังจากตรวจสอบอย่างใกล้ชิด, เขาพบบางสิ่งที่ดูคล้ายการเต้นของหัวใจภายในมัน
“มุกนี้คืออะไร?” เซี่ยวหยุนรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่ท่านพ่อของเขาทิ้วไว้เบื้องหลังนั้นไม่ได้ธรรมดาอย่างแน่นอน