เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 27 กรรโชกอย่างจริงจัง (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 27 กรรโชกอย่างจริงจัง
แปลโดย iPAT
เด็กหนุ่มสาวตกใจและโกรธมาก
“ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่?”
“เจ้าล้มหัวกระแทกพื้นและกลายเป็นคนโง่เขลาไปแล้วงั้นหรือ? เจ้ากล้ายืนอยู่หน้าประตูสถานศึกษาและปล้นพวกเราจริงๆงั้นหรือ?”
“เจ้าบ้าไปแล้ว! สิ่งใดทำให้เจ้ากล้าทำเรื่องเช่นนี้?”
“ฮืม เจ้าโง่นภาที่สาม กล้าขวางทางพวกเรางั้นหรือ? หลีกทางไป มิเช่นนั้นข้าจะเตะเจ้าบิน...อุ๊ก!”
ฟางหยวนลงมือก่อน
มือขวาของเขาสับไปที่ลำคอด้านซ้ายของเด็กหนุ่มผู้นั้น
เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายไม่คิดว่าฟางหยวนจะโจมตีเขาอย่างกะทันหันขณะที่เขายังกล่าวไม่จบประโยค แน่นอนว่าตอนนี้เขานอนอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าสมเพช
“บัดซบ! เจ้ากล้าดีอย่างไร?” ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและก้าวถอยหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว
“เป่ยจูสลบไปแล้ว พวกเราควรทำอย่างไร?” บางคนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว บางคนด่าทอสาปแช่ง
“พวกเราควรทำอย่างไรงั้นหรือ? พวกเรามีอยู่หลายคน แต่ฟางหยวนอยู่เพียงลำพัง พวกเราต้องโจมตีเขาพร้อมกัน!”
“ถูกต้อง เขาไม่รู้จักความตายจึงกล้าหาเรื่องกับพวกเรา เขากำลังขุดหลุมฝังศพตนเองอย่างโง่เขลา พวกเรามาร่วมมือกัน!”
แต่ก่อนที่พวกเขาจะสามารถทำสิ่งใด ฟางหยวนก็ก้าวเท้าออกไปแล้ว
เขายกฝ่ามือขึ้นสับลงบนลำคอของเด็กหนุ่มอีกคนและทำให้เด็กหนุ่มเบิกตากว้างก่อนจะล้มลงบนพื้นทันที
“ย๊าก...” เด็กหนุ่มอีกคนตะโกนพร้อมกับปล่อยหมัดอันแผ่วเบาตรงไปข้างหน้า
ฟางหยวนลดร่างกายลงต่ำหลบหมัดของเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงยกเท้าขึ้นเตะไปที่เป้ากางเกงของฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ปรานี
“อา...”
เสียงที่น่าอนาถของเด็กหนุ่มดังขึ้น
ฟุบ!
เขาใช้มือกุมเป้ากางเกงก่อนจะล้มลงและกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นพร้อมกับส่งเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
ฟางหยวนเหวี่ยงหมัดไปรอบๆราวกับพยัคฆ์ท่ามกลางฝูงเกาะ
เขามีประสบการณ์การต่อสู้ห้าร้อยปี เด็กเหล่านี้พึ่งเริ่มต้นบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ แล้วพวกเขาจะสามารถแข่งขันกับปีศาจเฒ่าฟางหยวนได้อย่างไร?
หลังจากไม่นานบางคนหมดสติ บางคนโอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น
“เกิดสิ่งใดขึ้นที่นี่?” โม่เป่ยเดินมาถึงและอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เขาเห็นฟางหยวนยืนอยู่หน้าประตูทางออกพร้อมกับเด็กอีกห้าหรือหกคนที่ยืนอยู่รอบๆ
“ฟางหยวนกำลังกรรโชกหินวิญญาณของพวกเรา” หนึ่งในเด็กที่นอนอยู่บนพื้นตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“โอ้ ดูเหมือนเจ้าจะยังแข็งแรงดี” ใบหน้าของฟางหยวนนิ่งเฉยขณะที่เขาเตะไปที่หน้าท้องของเด็กที่พึ่งตะโกนออกมา
“อุก!”
เด็กหนุ่มขดตัวราวกับกุ้งอยู่บนพื้น ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลทะลักและไม่กล้าส่งเสียงออกมาอีก
ความหวาดกลัวพุ่งเข้าเกาะกุมหัวใจของเด็กอีกหลายคนที่กำลังเดินเข้ามาและเห็นฉากเหตุการณ์นี้
“ทุกคน มันจะดีที่สุดหากพวกเจ้าส่งหินวิญญาณมาให้ข้าคนละหนึ่งก้อน หลังจากนั้นข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่หากไม่ ชะตากรรมของพวกเจ้าก็จะเป็นเช่นเดียวกับคนที่อยู่บนพื้น” ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ
“มารดาเจ้าสิ! ขยะนภาที่สามเช่นเจ้ากล้าอวดดีต่อหน้านภาที่สองเช่นข้างั้นหรือ?” โม่เป่ยทะยานร่างออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับส่งหมัดตรงไปที่ฟางหยวนด้วยความดุร้าย
ด้วยการพลิกข้อเท้าเล็กน้อย ฟางหยวนปล่อยให้หมัดของโม่เป่ยบินผ่านเขาไป จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นรวบนิ้วชี้และนิ้วกลางแทงตรงไปยังกระดูกไหปลาร้าใต้ลำคอของโม่เป่ยอย่างแม่นยำ
ดวงตาของโม่เป่ยวูบดับลงก่อนจะล้มลงกระแทกพื้นและสร้างเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
“อา...”
หลังจากเห็นฉากที่น่าตกใจนี้เด็กหนุ่มที่ตั้งใจจะเข้าต่อสู้หยุดเท้าลงและรู้สึกราวกับหายใจไม่ออกทันที
ในสายตาของพวกเขา วิธีการต่อสู้ของฟางหยวนล้ำลึกเกินไป อย่างไรก็ตามมันเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ตั้งใจเรียนในชั่วโมงศิลปะการต่อสู้ พวกเขาจึงไม่รู้ว่ากระบวนท่าเหล่านี้อาจารย์ผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้กล่าวถึงและแสดงตัวอย่างให้พวกเขาดูทั้งหมดแล้ว
มีบางจุดในร่างกายมนุษย์ที่อ่อนแอ เมื่อถูกโจมตี พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และฟางหยวนก็จู่โจมไปที่จุดอ่อนเหล่านั้นอย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วฟางหยวนยับยั้งพลังการต่อสู้ของเขาเพื่อให้เหมาะสมกับเด็กเหล่านี้แล้ว
การโจมตีของเขาทำให้เด็กเหล่านี้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ในความเป็นจริงไม่มีเด็กคนใดที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้แต่คนเดียว
นี่คือความน่ากลัวของประสบการณ์ห้าร้อยปี!
“พวกเจ้าจะส่งหินวิญญาณมาให้ข้าได้หรือยัง?” ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้า
เด็กบางคนก้าวถอยหลังกลับไป ขณะที่บางคนกัดฟันและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง
ฟางหยวนหลบทุกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
แม้การบ่มเพาะในปัจจุบันของเขาจะต่ำ แต่ความสามารถของเขายังอยู่ขณะที่หัวใจของเขาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“ปัง ปัง ปัง”
ภายในไม่กี่ลมหายใจ เด็กหนุ่มหลายคนก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
“เลวร้ายเกินไปแล้ว! โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
“พวกเขาจะไม่ตายใช่หรือไม่?”
ยังมีเด็กหญิงสองสามคนอยู่ด้านหลัง พวกนางไม่กล้าเข้าร่วมการต่อสู้และทำได้เพียงยืนตัวสั่นเทาพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเท่านั้น
ขณะที่ฟางหยวนชำเลืองมองพวกนาง ใบหน้าของพวกนางกลายเป็นบิดเบี้ยว พวกนางรีบโบกมือและถอยหลังกลับ “ไม่ อย่าเข้ามา ข้า...ข้าจะมอบหินวิญญาณให้เจ้า”
หลังจากฟางหยวนได้รับหินวิญญาณ เขาก็ปล่อยพวกนางไป
ด้วยการยืนอยู่หน้าประตูทางออกของสถานศึกษา ฟางหยวนสามารถขังเด็กทุกคนไว้ที่นี่
“เกิดเหตุนรกแตกอันใดขึ้นที่นี่?” เด็กกลุ่มใหม่เดินเข้ามาด้วยความประหลาดใจ
“นั่นไม่ใช่โม่เป่ยงั้นหรือ?” ซื่อเฉินมองร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อฟางหยวนเปิดปากอีกครั้ง เด็กเหล่านี้ก็พุ่งเข้าโจมตีด้วยความโกรธก่อนจะล้มลงบนพื้นทีละคน
“ผู้อาวุโส พวกเราจะยืนดูอยู่ที่นี่โดยไม่เข้าไปหยุดเขาเช่นนั้นหรือ? พวกเราจะทำอย่างไรหากเด็กบางคนตกตายอยู่ที่นี่” กลุ่มเจ้าหน้าที่สถานศึกษารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
หนึ่งในนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ฟางหยวนผู้นี้เหิมเกริมเกินไปแล้ว เขากล้าปล้นเด็กคนอื่นๆหน้าประตูใหญ่ของสถานศึกษาภายใต้การควบคุมของพวกเรา เขาไม่แยแสกฎระเบียบของที่นี่แม้แต่น้อย ผู้อาวุโส เพียงท่านกล่าวออกมาคำเดียว พวกเราจะออกไปจัดการเด็กนั่นทันที”
ฟางหยวนปิดกั้นประตูทางเข้าออกของสถานศึกษาและปล้นชิงหินวิญญาณอย่างอุกอาจ เรื่องนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิลงโทษศิษย์ของสถานศึกษา พวกเขาทำได้เพียงเข้ามารายงานอาจารย์อาวุโสเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่ออาจารย์อาวุโสรู้เรื่องนี้ เขากลับไม่ทำสิ่งใด เขาเพียงยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆเท่านั้น
‘ดูเหมือนเด็กผู้นี้จะมีพรสวรรค์ในการต่อสู้’ นอกจากอาจารย์อาวุโสจะไม่ห้าม เขายังรู้สึกสนใจฟางหยวนมากขึ้นอีกด้วย
ผลการทดสอบใช้ดาบแสงจันทร์ของฟางหยวนทำให้อาจารย์อาวุโสเกิดข้อสงสัย ตอนนี้เมื่อเขาเห็นฟางหยวนต่อสู้กับเด็กกลุ่มใหญ่ด้วยตัวเขาเพียงลำพังและยังสามารถจัดการเด็กทั้งหมดได้อย่างง่ายดายด้วยท่วงท่าที่สง่างาม มันทำให้ความสงสัยในใจของอาจารย์อาวุโสถูกปัดเป่าออกไปจนหมดสิ้น
ในโลกใบนี้มีผู้คนมากมายที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ซึ่งเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ เพียงเมื่อพวกเขาเข้าสู่สนามรบ พรสวรรค์ของพวกเขาจึงจะเผยตัวออกมา
‘เด็กผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นผู้ใช้วิญญาณสายต่อสู้ น่าเสียดายที่เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม เห้อ...’ อาจารย์อาวุโสถอนหายใจ