ตอนที่ 189 แขกไม่ได้รับเชิญ 2
กริ๊ก
เสียงตัวล็อคทำงาน ผู้บุกรุกจากออสเต็นได้ยอมจำนนแล้ว ดังนั้น พาร่าจึงนำตัวล็อคเหล่านี้มา เมื่อใส่ลงไปบนแขน มันจะยืดตัวจากข้อมือไปยังข้อศอก วัสดุแปลกๆ แสดงให้เห็นว่ามันไม่สามารถระบุได้ด้วยความคิดทั่วไป
“บางที นี่คืออดาแมนเที่ยม?”
“ชะ-ใช่”
พาร่ายืนยันด้วยเสียงประหลาดใจ มันเป็นโลหะที่เหมือนน้ำแข็งทึบแสง ดั่งเช่นที่ธีโอดอร์คาดเดา มันเป็นสิ่งที่เธอได้สร้างขึ้น “ฉันได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้จับผู้อยู่เหนือธรรมชาติ แต่ในสนามรบมันไม่มีเวลาให้ใช้ ดังนั้นฉันจึงทิ้งพวกมันไว้ในโกดัง แต่ตอนนี้พวกมันมีประโยชน์แล้ว”
“…เอาละ ฉันดีใจที่มันเป็นประโยชน์”
“ใช่มั้ย?สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของหน้าที่ฉันด้วย”
พาราแกรนัมอาจจะอธิบายว่ามันไร้ประโยชน์ แต่มันก็เป็นเครื่องมือที่สามารถควบคุมปรมาจารย์ดาบได้
โดยปกติ ปรมาจารย์ดาบจะสามารถฉีกกระชากเหล็กได้ด้วยพลังเหนือมนุษย์และออร่า ดังนั้น กุญแจมือลงอาคมนี้จึงแข็งแกร่งอย่างมาก แม้กระทั่งมิธริลยังบิดเบี้ยวหากปรมาจารย์ดาบใช้พลังของเขาอย่างเต็มที่
แต่อดาแมนเที่ยมนั้นยากที่จะนำมาทำสิ่งประดิษฐ์ได้ แต่ทว่าพาราแกรนัมได้สร้างมันขึ้นมาด้วยวิธีลึกลับ
การแสดงออกที่ผ่อนคลายของมูจัก แข็งค้างทันทีเมื่อเขารู้สึกว่าถูกผูกมัด
“ธีโอดอร์!”
“อ่า ครับ”
ขณะนั้นเอง จอมเวทย์White Tower ก็ได้เข้ามาใกล้เขาและกล่าว “ฝ่าบาทต้องการพบผู้บุกรุก”
“เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกไหม?”
“ไม่ คุณสามารถใช้รถม้านี่ไปยังพระราชวังได้เลย”
“อืม”ธีโอดอร์พยักหน้าโดยไม่ลังเล ถึงแม้มุจัก จะถูกจับไว้แล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นปรมาจารย์ดาบผู้ที่ก้าวข้ามขอบเขตที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นธีโอดอร์จึงไม่รู้สึกโล่งใจเลยเว้นแต่ผู้นำหอคอยคนอื่นจะเข้ามาควบคุม
ธีโอดอร์ได้ดึงโซ่แน่นขึ้น
แกร๊ก
มันเกิดจากแรงกระชาก...?เลือดได้ไหลออกจากปากของมูจักหลายหยด
“เอาละ ไปได้แล้ว”
“….”
ธีโอดอร์พูดอย่างเย็นชาโดยไม่คลายโซ่เลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด พวกเขาเป็นผู้บุกรุกที่พยายามเข้าไปยังที่พักของเอลโลน่า นั่นหมายความว่าธีโอดอร์ไม่สามารถญาติดีกับพวกเขาได้ ไม่สิ มันไม่ใช่แค่นั้น ธีโอดอร์รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เดือดพล่านในตัวเขา
“อะไรทำให้แกมาที่นี่?”
“หืม?”
“หากแกมาจากออสเต็น แกควรจะจำได้ว่าแกทำอะไรลงไปที่เบอร์เก้น”
วินซ์ได้บอกธีโอดอร์ถึงตัวตนของ[Shackler]ที่ปลอมตัวมาเป็นพ่อค้าทาสเอลฟ์ในเบอร์เก้น ดังนั้นธีโอดอร์จึงรู้ความจริงเกี่ยวกับเบื้องหลังเหตุการณ์ในเบอร์เก้น
มูจักหลับตาลงด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าไม่มีอะไรจะพูด ข้าไม่ขอแก้ตัวใดๆ”
“ความผิดในอดีตจะไม่หายไป และฉันไม่ต้องการให้แกมาขอโทษฉัน”
“ถูกต้อง ทำกับข้าอย่างที่เจ้าต้องการ”
ธีโอดอร์ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกกับคำพูดเหล่านี้ แต่เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรกับท่าทางนี้ได้ ธีโอดอร์ได้ลากโซ่อย่างรุนแรงและเดินไปข้างหน้า หลังจากที่อ่านบรรรยากาศที่ผิดปกติระหว่างสองคน คนที่เหลือก็เดินตามมา
กึก กึก
ท้ายที่สุด ผู้บุกรุกจากออสเต็นก็ไม่สามารถที่จะเห็นได้แม้กระทั่งใบหน้าของเอลฟ์ชั้นสูงขณะที่พวกเขาถูกลากไป
***
“เจ้าได้ประสบปัญหามากมายนัก หัวหน้าQuattro”เคิร์ทที่3 ผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตาจากคืนก่อน ได้มองดูกลุ่มของธีโอดอร์จากบัลลังก์ เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของมูจักและเหล่าทหารเอก ซึ่งเป็นสาเหตุของการรวมตัวที่กะทันหัน
เคิร์ทที่3พูดด้วยท่าทางเยาะเย้ย “เจ้าคือผู้บุกรุกทั้ง4ที่ถูกจับตัวได้?”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”
“นี่ดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไร พวกเขาได้มาถึงที่นี่แล้ว ปล่อยพวกเขาซะ”
“หะ?นั่น....”
ธีโอดอร์แปลกใจกับคำสั่งของเคิร์ท แต่คนอื่นได้ร้องประท้วงก่อนที่เขาจะตอบ สถานที่นี้เต็มไปด้วยปรมาจารย์เวทย์ แต่มุจักนั้นคือปรมาจารย์ดาบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการต่อสู้ระยะประชิด
“ฝ่าบาท นั่นไม่ได้เด็ดขาด!”
“ท่านไม่สามารถปล่อยคนร้ายเหล่านี้จากการจับกุมได้!”
“อย่างน้อยก็มัดขาพวกเขาไว้!”
เคิร์ทโบกมือให้ฝูงชน “หยุด”
ขณะเดียวกัน ใครบางคนก็ได้ร่อนลงมายืนข้างธีโอดอร์
พรึ่บ
เสื้อคลุมสีแดงของเธอกระพือจากการร่อนลง เวโรนิก้าได้ระเบิดพลังของเธอออกมา เหล่าทหารเอกต่างทรุดตัวลงขณะที่พวกเขาได้รับผลกระทบจากDragon Fear มีเพียงธีโอดอร์และมุจักเท่านั้นที่สามารถยืนได้ในบริเวณนี้
“หากเป็นเช่นนี้ จะมีการคัดค้านใดๆหรือไม่?”
ใครจะสามารถต่อกรกับเวโรนิก้าได้?ไม่มีใครกล้าปฏิเสธคำพูดของเคิร์ท พวกเขาต่างนิ่งเงียบ พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะไม่มีใครกล้าต่อสู้กับเวโรนิก้า จากนั้นเคิร์ทก็มองไปยังธีโอดอร์อีกครั้ง ผู้ที่ถอนหายใจและดึงกุญแจออก
กริ๊ก
เมื่อมุจักถูกปล่อยตัว เวโรนิก้าก็ได้พูดขึ้น “ตาแก่ หากกล้าขยับโดยไม่ได้รับอนุญาติละก็ ฉันจะฆ่าแก”
“...ฟู่ น่ากลัวยิ่งนัก”
“มองไปข้างหน้า ฉันจะฆ่าแกหากพูดจาไร้สาระ ดังนั้น จงมองไปข้างหน้า”
‘เธอจริงจัง’ธีโอดอร์นั้นอยู่ใกล้เธอและสังเกตถึงน้ำเสียงที่จริงจังของเธอ เวโรนิก้าจะฆ่าเขาหากเขาขยับแม้แต่ก้าวเดียว เธอจะห๋าเขาหากเขาพูดจาไร้สาระ ขณะที่ผมสีแดงของเธอลุกโชนราวกับเปลวไฟ เป็นหลักฐานว่าเธอไม่ได้พูดเล่น
‘นี่คือการเอาจริงของผู้นำหอคอย’
ในช่วงที่เธอต่อสู้กับอัตตา สติของเขากำลังจางหายไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ธีโอดอร์เห็นได้อย่างชัดเจนถึงวงกลมแปดวงที่กำลังหมุนอยู่ของเธอ และแรงกดดันที่ทำให้แรงโน้มถ่วงโดยรอบเพิ่มขึ้น
จากนั้น เมื่อทุกอย่างอยู่ในการควบคุม เคิร์ทก็ได้เปิดปากขึ้น “งั้นเราจะยอมรับฟังข้อแก้ตัวของผู้บุกรุก หัวของเจ้าจะขึ้นอยู่กับการหว่านล้อมของเจ้า”
แม้จะรู้สึกราวกับมีมีดจี้คออยู่ แต่มุจักกลับไม่สั่นเลย “ประการแรก ขอบพระทัยที่ยอมรับฟังข้อแก้ตัวของข้า ฝ่าบาท”
“ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“ข้าเข้าใจ งั้นข้าจะบอกท่านว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผู้พิทักษ์แห่งออสเต็น หนึ่งในนักดาบที่สุลต่านไว้ใจมากที่สุด ได้เผชิญหน้ากับเคิร์ทที่3ด้วยความมั่นใจ เบื้องหลังของมุจักคืออาณาจักรที่กำลังจะตาย ผู้คนต่างหิวโหย ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเขา ส่งผลให้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“ออสเต็นกำลังเผชิญกับภัยแล้งที่ไม่เคยมีมาก่อน ราชาแห่งเมลเทอร์ โปรดเมตตาพวกเรา โปรดประทานข้าวและน้ำแก่ข้า เพื่อคนที่ทุกข์ทรมาน”
“แค่นั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้ารู้ว่าท่านจะไม่ทำ แต่หากมันเป็นไปได้ ข้าอยากจะพบกับแขกจากเอลฟ์เฮล์ม ผู้ที่กำลังพักอยู่ในอาณาจักรของท่าน”
“หือ เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง”เคิร์ทยิ้มและจ้องมองไปที่มุจัก ผู้ที่กำลังก้มหัวให้เขา คำร้องขอของมุจักจะได้รับหากเมลเทอร์นั้นใจกว้าง อย่างไรก็ตาม เรื่องที่พวกเขาข้ามชายแดนมาโดยไม่ได้รับอนุญาติและบุกรุกเข้าเมืองหลวงละ....?
เห็นได้ชัดว่ามุจักนั้นมีความคิดอื่น ดวงตาหลายสิบคู่ได้จับจ้องไปยังมุจักด้วยความระแวง จากนั้นเคิร์ทที่3ก็ได้ตั้งคำถามที่พวกเขาทุกคนสงสัย “ทำไมเจ้าจึงไม่ส่งฑูตมาละ?”
ดวงตาสีเขียวของมุจักลดต่ำลง และตอบกลับด้วยเสียงต่ำ “ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้”
“ทำไม?”
“ข้าไม่ทราบว่าทำไม แต่เหล่าเงาแห่งแอนดราส ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายแดนของออสเต็นและทะเลทรายมิวส์ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าไม่คิดว่าท่านจะยอมรับคำร้องขอของเรา”
“….เถรตรงยิ่งนัก แม้ว่าเจ้าจะยังพูดไม่ตรงประเด็นก็ตาม”
เหล่าเงาแห่งแอนดราส.....
ด้วยคำพูดที่เย็นชาของเคิร์ท บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเพราะออสเต็นได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลักพาตัวที่เบอร์เก้น เขาไม่แน่ใจว่าฑูตจากเอลฟ์เฮล์มจะยินดีที่จะพบกับพวกเขา
นั่นเป็นเหตุผลที่มุจัก ได้พูดดึงดูดความสนใจของพวกเขาด้วยคำพูดที่เกี่ยวกับจักรวรรดิแอนดราส
“เหยื่อล่อ?มาดูกันว่าเจ้าได้เตรียมอะไรมาเพื่อพวกเรา”
“คิดซะว่ามันเป็นการเจรจาต่อรอง”
“คายคำพูดออกมาเร็วเข้า จิ้งจอกเฒ่า”
หลังจากที่ถูกกระตุ้น มุจัก ก็ได้หยิบอะไรบางอย่างออกมา เวโรนิก้ารู้สึกตึงเครียดจากการกระทำของเขา แต่มุจัก ไม่ได้หยิบอาวุธหรือยาพิษ ออกมา
มันเป็นม้วนหนังสัตว์ ในออสเต็น หนังจะถูกนำมาใช้แทนกระดาษเนื่องจากไม้นั้นหายาก ดูเหมือนว่าม้วนหนังผืนนี้จะเป็นสิ่งที่มุจักเตรียมไว้สำหรับการเจรจา เขาไม่ได้ให้คำอธิบายขณะที่เขากางม้วนหนัง
‘…นี่?’ธีโอดอร์ได้เฝ้ามองมุจักจากทางด้านขวาของเขา นั่นหมายความว่าเขาสามารถมองเห็นเนื้อหาของม้วนหนังได้ก่อนใคร มีเส้นที่ลากบิดไปมาและมีสัญลักษณ์ผสมอยู่และตัวอักษรที่เขาไม่รู้จัก ไม่นานนัก ธีโอดอร์ก็ตระหนักได้ว่ามันหมายถึงอะไรขระที่คิ้วของเขากระตุก
‘นี่คือแผนที่ของทะเลทรายมิวส์?’
นี่เป็นภูมิประเทศที่มีอยู่ในทะเลทรายเท่านั้น ภูมิประเทศที่รายล้อมด้วยหุบเขาใหญ่และเนินเขาทรายที่ช่วยนำทางคนเร่ร่อนในช่วงเวลาอันยาวนาน มันยังคงเป็นเรื่องยากลำบากที่จะวาดแผนที่ของทะเลทราย ดังนั้นแผนที่ทะเลทรายมิวส์จึงเป็นของที่พิเศษ แผนที่ที่ซับซ้อนเช่นนี้จะขายได้ไม่น้อยกว่า100เหรียญทอง บางทีมันอาจจะถูกผลิตขึ้นโดยราชวงศ์แห่งออสเต็น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เรื่องสำคัญนั้นไม่ใช่แผนที่ มุจัก ได้ชี้ไปยังจุดสีแดงตรงมุมของแผนที่ และยกหัวเรื่องขึ้นซึ่งทำให้เมลเทอร์ไม่อาจที่จะนั่งเฉยได้อีกต่อไป
“ด้วยเหตุผลบางประการ จักรวรรดิแอนดราสกำลังควบคุมทะเลทรายแถบนี้”
“มีอะไรอยู่ที่นั่น?”
“ข้าไม่สามารถเข้าใกล้ได้ แต่จักรวรรดิได้แสดงความสนใจอย่างมากออกมาและกำลังขุดพื้นที่นี้อยู่ มันเป็นซากโบราณสถานจากยุคก่อนหน้า ตามที่ข้าได้ยินมา เป็นไปได้ว่ามันอาจจะถูกสร้างขึ้นในยุคโบราณกาล”
‘สิ่งก่อสร้างจากยุคโบราณกาล!’ ท่าทางของเคิร์ทแข็งค้างขึ้นหลังจากที่ได้ยิน ซากโบราณส่วนใหญ่จากยุคโบราณกาลส่วนมากได้ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว แต่จักรวรรดิแอนดราสกลับค้นพบส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่
พวกเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความรู้ด้านวัฒนธรรมในยุคก่อนหน้า แต่พวกเขาเพียงแค่ต้องการพลังอำนาจจากสิ่งของในยุคโบราณ มันเป็นอาณาจักรซึ่งเป็นปรปักษ์และทำสงครามกับเมลเทอร์มานานกว่า500ปี
“….เจ้าได้นำสิ่งที่น่ารำคาญมา เราขอบคุณสำหรับรายงานที่น่าเชื่อถือ แต่เรารู้นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด”
“แน่นอน”
ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของมุจัก เคิร์ทจึงอดที่จะบีบที่วางแขนของบัลลังก์เขาแน่นไม่ได้ หากเขาต้องการ เขาสามารถสั่งให้เวโรนิก้าฆ่าเขา และเธอจะเผาไหม้มุจัก ให้กลายเป็นขี้เถ้าทันที อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ไม่คาดคิดกลับขัดจังหวะการสนทนาขึ้น
“ฝ่าบาท”
“หืม?หัวหน้าQuattro?”
“กระหม่อมสามารถดูแผนที่นี้ได้หรือไม่ ฝ่าบาท?”
“แน่นอน บอกเราหากเจ้ามีความคิดใดๆ”
หลังจากได้รับการอนุญาติ ธีโอดอร์ก็รับแผนที่จากมุจัก เป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนเคยเห็นแผนที่ทะเลทรายนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตรงจุดสีแดงนั่น
“อา”
มันเชื่อมโยงกัน ธีโอดอร์ตระหนักได้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึกคุ้นเคย เมื่อมองไปที่ส่วนนั้นของแผนที่ เขาได้เห็นแผนที่ของทะเลทรายมิวส์มาแล้วสองครั้งรวมตอนนี้ ครั้งแรกคือตอนที่อยู่ในYellow Tower นี่เป็นที่ตั้งห้องทดลองของพาราแกรนัม
‘พวกมันได้ค้นพบสถานที่นั้น....!’
ซากโบราณสถานที่จักรวรรดิแอนดราสพยายามจะขุดขึ้นมา.....
มันคือห้องทดลองของพาราเซลซัส