ตอนที่ 188 แขกไม่ได้รับเชิญ 1
งานเลี้ยง ที่จัดขึ้นพร้อมๆกับการเปิดงานประลองเวทมนต์ ได้สิ้นสุดลงแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด การปรากฏตัวที่ไม่คาดคิดของเอลฟ์ชั้นสูงนั่นทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมลเทอร์และเอลฟ์เฮล์มได้
ความสมดุลระหว่างขุมอำนาจในเขตเหนือกำลังจะพังลง!หากคนที่มาเป็นเพียงเอ็ดวินและเอลเลี่ยม พวกเขาอาจจะคิดว่าเป็นการมาเยี่ยมเยือน
มันเป็นความจริงที่ว่า เอลฟ์นั้นหาตัวพบได้ยากนับตั้งแต่ก่อตั้งเอลฟ์เฮล์ม แต่ก็ไม่ได้ยากจนผู้คนไม่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของเอลฟ์ ในหลายอาณาจักร ณ ทวีปตอนกลาง การค้าทาสเอลฟ์นั้นยังไม่หายไป นอกจากนี้ยังมีชนเผ่าเอลฟ์ที่ติดต่อกับมนุษย์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เอลฟ์ชั้นสูงเป็นตัวตนที่อยู่เหนือสามัญสำนึก เหล่าผู้คนที่มองเห็นความงดงามและพลังแห่งชีวิตที่ไหลรินออกมาจากเธอต่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ หญิงสาวผู้พิทักษ์แห่งต้นไม้โลก เอลฟ์ชั้นสูงซึ่งมีเพียงไม่กี่ตนบนโลก
การปรากฏตัวของเอลโลน่า ผู้ที่เปรียบเสมือนเชื้อพระวงศ์ เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเอลฟ์เฮล์มต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเมลเทอร์ด้วยใจจริง
“ดูเหมือนว่าขุมพลังในตอนเหนือกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างมาก”
“พวกเราควรที่จะกลับบ้านและเฝ้าดูสถานการณ์สักระยะ”
“แอนดราสและเมลเทอร์ ใครจะเป็นฝ่ายได้เปรียบกันแน่?”
“มีหลายตัวแปรในยุคสมัยนี้ จากการเป็นพันธมิตรของเอลฟ์เฮล์มและการปรากฏตัวของวีรบุรุษหนุ่ม...”
สำหรับผู้ที่ไม่ใช่จอมเวทย์และบุคคลสำคัญจากอาณาจักรอื่น งานประลองเวทมนต์ถือว่าไม่น่าสนใจอีกต่อไป เป็นไปได้ว่าสงครามของทวีปตอนเหนือซึ่งกินเวลานานกว่า500ปี กำลังจะสิ้นสุดลง
ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิแห่งดาบหรืออาณาจักรแห่งเวทมนต์ที่ชนะ ทวีปตอนกลางจะต้องไหลเทไปตามการเปลี่ยนแปลงดั่งกล่าว
บางคนคิดว่าการสงบศึกนี้จะดำเนินต่อไป
บางคนบอกว่าอาณาจักรทั้งสองจะล่มสลาย
บางคนคิดว่าเมลเทอร์จะชนะ
บางคนคิดว่าแอนดราสจะชนะ
ผู้คนได้รวมตัวกันและจินตนาการถึงอนาคต อนาคตของทวีปตอนเหนือในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และผู้ที่กุมอำนาจในยุคสมัยนี้จะเป็นใคร
***
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่งานเลี้ยงจบลง Quattro ก็ได้ถูกแบ่งออกไปยังเหนือ ใต้ ออกและตก เพื่อคุ้มกันพื้นที่ที่คณะฑูตแห่งเอลฟ์เฮล์มพักอาศัยอยู่
แน่นอน หน้าที่คุ้มกันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ นอกเหนือไปจากพวกเขา ยังมีเหล่าจอมเวทย์สงครามรุ่นเก๋าหลายสิบคนประจำการอยู่ที่เขตแดน พวกเขาจะสามารถรับมือกับการโจมตีได้ทุกรูปแบบ แม้ว่าอัศวินจากแอนดราสจะตกลงจากฟ้ามาก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น แม้กระทั่งเหล่าผู้นำหอคอยยังคอยพิทักษ์สถานที่แห่งนี้
รวมถึงธีโอดอร์และผู้พิทักษ์ทั้งสอง 7ผู้อยู่เหนือธรรมชาติ ไม่สิ หากนับรวมประธานสมาคมเวทย์ จะมี8คน ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มุ่งเป้ามายังเอลโลน่า จะถูกบดขยี้ทันที แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็น1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิก็ตาม
ขอบคุณเรื่องนั่น ธีโอดอร์จึงสามารถคิดเกี่ยวกับคำสารภาพเมื่อคืนได้
[ใช่ เขาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว]
รอยยิ้มที่อบอุ่นของเอลโลน่า ราวกับแสงแดดอ่อนๆ
[ฉันอยากจะอยู่เคียงข้างเธอ]
เสียงที่ราวกับหยดน้ำยังดังก้องในหู
“ฟู่....”ใบหน้าของธีโอดอร์เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อนึกถึง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ
ในขณะนั้น เขาได้จมอยู่กับความงดงามของเอลโลน่ามากเกินไปจนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาอดที่จะรู้สึกเขินอายไม่ได้ มีผู้หญิงหลายคนได้แสดงความรักต่อเขา แต่เอลโลน่าเป็นคนแรกที่สารภาพความรักของเธอออกมาโดยตรง
เอลฟ์ชั้นสูงสามารถเลือกเพศได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันเป็นทางแยกที่เธออาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตที่เหลือ เอลโลน่าได้เลือกเพศหญิงโดยไม่ลังเล เธอตัดสินใจด้วยความหวังว่าเธอจะกลายเป็นคู่ครองกับธีโอดอร์
‘…ฉันควรจะตอบเธอยังไง?’
มันเป็นเรื่องสำคัญที่อาจจะเปลี่ยนแปลงทั่วทวีปตอนเหนือ หากธีโอดอร์และแอลโลน่ากลายเป็นคู่ครองกัน เอลฟ์เฮล์มและเมลเทอร์จะไม่มีวันแยกตัวจากกัน
นี่เป็นการรวมกันของผู้นำหอคอยคนต่อไปและเอลฟ์ชั้นสูง ผู้ที่ผูกปมระหว่างสองอาณาจักร ธีโอดอร์ยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเคิร์ทได้สั่งให้เขาอยู่กับเอลโลน่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆจะไม่เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว
ไม่สำคัญว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของชาวเหนือจะเป็นยังไง ยอมรับหรือปฏิเสธ....ธีโอดอร์จะต้องตัดสินใจด้วยหัวใจของเขาเพื่อตอบรับความจริงใจของเอลโลน่า
ดังนั้น เขาจึงคิดถึงความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับเอลโลน่า
“เห้”
เขาสงสัยว่าเขาต้องการที่จะมีชีวิตร่วมกับเธอหรือไม่
“เห้?”
...หรือ หากเอลโลน่าจะมีความสุขกับเขา ธีโอดอร์กำลังคิดอย่างหนักจนไม่สังเกตเห็นคนที่ใกล้เข้ามา
“ธีโอดอร์ มิลเลอร์!”
“อ่า”ธีโอดอร์ตกใจและจ้องมองหญิงสาวในเสื้อคลุมสีเหลืองตรงหน้าเขา เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกของQuattro อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง เธอคือผู้นำYellow Towerและหุ่นเชิดของเวทย์โบราณ พาราแกรนัม
“ข้าได้เรียกเจ้าตั้งนาน เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
“..ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?คุณควรจะอยู่ที่ประตูตะวันตก”
“มีใครก็ไม่รู้กำลังมาที่นี่”
การแสดงออกของธีโอดอร์ได้เปลี่ยนไปเมื่อเขาถามอย่างเร่งรีบ “อะไรนะ?!พวกมันได้ข้ามผ่านเขตแดนมา?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่มีเพียงข้าคนเดียวที่ตรวจจับพวกมันได้”
“คุณสามารถบอกระดับได้หรือไม่?”
“ได้”พาร่าปิดตาของเธอก่อนที่จะเปิดปากขึ้นอีกครั้ง “หนึ่งปรมาจารย์ดาบ และอีกสามยอดฝีมือ เจ้าและโฮมุนครุสของข้าสามารถจัดการพวกมันได้”
“ปรมาจารย์ดาบ.....มันคือ1ใน7เทพดาบแห่งจักรวรรดิ?”
“ข้าไม่รู้ แต่ทว่า ตรรกะของข้าได้ปฏิเสธการคาดเดานั้น 7เทพดาบแห่งจักรวรรดิคงไม่โง่พอที่จะเข้าสู่เมืองหลวงเมลเทอร์”
ถูกต้อง ธีโอดอร์ ไม่ได้แย้งคำพูดของพาร่า ในขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เจตนาของคนกลุ่มนั้นไม่เป็นที่รับรู้ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
ธีโอดอร์ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือใคร แต่เขาจำเป็นต้องทำหน้าที่ของเขา
ปิ้บ.
ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู ธีโอดอร์ได้ผนึกเวทย์ลงไปในชุดเครื่องแบบของเขา มันเป็นการเรียกหาซิลเวียที่ประตูเหนือและวิลเลี่ยมที่ประตูตะวันออก เขาได้บอกกับสมาชิกQuattro อีกสองคนว่าเขาอยู่ที่ไหน พาร่ากล่าวว่าพวกเขาสองคนสามารถจัดการได้ แต่มันเป็นการดีกว่าที่จะหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝัน
‘ทั้งสองคนจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย5ที’
จนกว่าจะถึงเวลานั้น ธีโอดอร์และพาร่าต้องการจัดกับมันด้วยตัวเอง จากนั้นธีดอดอร์ก็เริ่มมองเห็นคนแปลกหน้าที่พาร่ากล่าวถึง อย่างไรก็ตาม เขาสามารถระบุตัวตนของพวกนั้นได้ “นั่น.....ไม่ใช่ว่าพวกเขาคือข้ารับใช้จากวังงั้นหรอ?”
ธีโอดอร์ได้เข้าไปยังวังหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงจำเครื่องแต่งกายได้ เขามองย้อนไปยังพาร่าด้วยสายตาซักถาม แต่เธอส่ายหน้าด้วยท่าทางมั่นใจ
“นั่นเป็นการปลอมตัว ข้าไม่รู้ถึงวิธีการ”
“แน่ใจงั้นหรอ?”
“ไม่มีใครในมาน่า-วิลที่สามารถหลอกสายตาข้าได้ หากเจ้าไม่เชื่อคำแนะนำของข้า ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าตัดสินเอง”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน คนเหล่านั้นก็กำลังเข้ามาใกล้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีสัญญาณที่ผิดปกติใดๆ นอกจากนั้น สัมผัสของธีโอดอร์ยังคงนิ่งเงียบ และเวทย์ตรวจจับของเขายังไม่พบความผิดปกติใดๆ อันที่จริง มันคงเป็นเรื่องไร้สาระหากธีโอดอร์สามารถเปิดเผยการปลอมตัวได้ง่ายๆ ที่แม้กระทั่งเวทย์โบราณยังไม่รู้วิธีการ
ในที่สุดข้ารับใช้ก็เดินมาถึงธีโอดอร์และพาร่า และโค้งคำนับให้พวกเขา “ขออภัย พวกเรามาเพื่อจัดที่พักของคณะฑูต ตามคำสั่งของฝ่าบาท”
“…คุณรู้ไหมว่าฉันคือใคร?”
“หืม?ท่านคือธีโอดอร์ มิลเลอร์ หัวหน้าแผนกเวทมนต์Quattro”ข้ารับใช้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ การหายใจของข้ารับใช้ไม่ได้ติดขัดเลย และดวงตาของเขาได้ถามว่าทำไมธีโอจึงถามเรื่องเช่นนั้น ธีโอดอร์ได้มองดูปฏิกิริยาเพื่อหาข้อบกพร้อง แต่ข้ารับใช้กลับยืนรออย่างเงียบๆโดยไม่กล่าวอะไร
ในขณะนั้น ธีโอดอร์ก็ตัดสินใจว่าเขาควรทำตามคำแนะนำของพาร่าหรือให้พวกเขาผ่านเข้าไป จากนั้นธีโอดอร์ก็ตัดสินใจที่จะขยับไปด้านข้าง “เข้าไปได้แล้ว”
“โอ้ ขอบคุณอย่างยิ่ง Quattro!”
“ไม่เป็นอะไร”
เหล่าข้ารับใช้เดินทีละก้าว ทีละก้าว และ....
ธีโอดอร์รู้สึกได้ถึงการจ้องมองชของพาร่าจากด้านข้างเขา ข้ารับใช้ได้เดินผ่านถนนที่ปูด้วยแผ่นสี่เหลี่ยมและเดินไปบนพื้นดินซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของเอลฟ์ ขณะนั้นเอง....
ปึก
“ไม่นะ?!”
ขาของข้ารับใช้ถูกฝังไว้ใต้ดิน มันไม่ได้ลึกเพียงข้อเท้าหรือหัวเข่าพวกเขา ชายทั้งสี่คนพยายามที่จึงดึงเท้าของพวกเขาออกมาแต่พื้นดินกลับแข็งขึ้น
นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ มันสายเกินไปแล้วเมื่อพวกเขาตระหนักได้ จากนั้นสายฟ้าก็ได้ผ่าลงมาจากฟ้า
--------!!เสียงดังกึกก้องไปทั่ว อากาศได้ระเบิดออกและพื้นดินซึ่งถูกทำให้แข็งด้วยพลังของมิตราได้ละลายลง มันเป็นภัยพิบัติที่เกิดจากเวทมนต์ สายฟ้าแปดสายได้เล็งมาที่จุดๆเดียว สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเท่ามนุษย์จะถูกลบล้างไปโดยไม่เหลือร่องรอย
อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์และพาร่ากลับสัมผัสได้พร้อมกัน
“ไม่มีผลกระทบ?”
“ไม่ มันถูกป้องกันได้”
ขณะที่พื้นดินร้อนระอุ เงาทั้งสี่คนก็ได้เกิดขึ้นท่ามกลางหมอก เวทมนต์ขั้น6 ซึ่งเทียบเท่าได้กับเวทย์ขั้น7 ‘หอกสายฟ้า’ได้มุ่งไปที่เป้าหมาย โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่มันมากพอที่จะกวาดล้างชายทั้งสี่คน
เกี่ยวกับวิธีป้องกันเวทมนต์ มันไม่ถูกเปิดเผยจนกระทั่งหมอกได้จางหายไป
“…แค่ก!”
เลือดได้ไหลรินจากริมฝีปากของมูจัก ชายผู้ที่ทำลายหอกสายฟ้า เขาได้สกัดกั้นเวทมนต์ด้วยพลังออร่าที่เขาฝึกฝนมานานกว่า60ปี อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถสกัดกั้นพลังนั้นได้อย่างสมบูรณ์
ไม่สิ มันยิ่งไปกว่านั้น มูจักเศร้าโศรกเมื่อเขาเห็นดาบที่ดำไหม้ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่สุลต่านได้สร้างขึ้นและมอบมันให้กับเขาโดยตรง
“แค่ก ดาบของข้า....เจ้ากล้าดียังไงถึงมาทำลายของของสุลต่าน...!”
มันเป็นข้ออ้างที่จะถ่วงเวลา เขาถูกผลักให้ถอยหลังด้วยพลังอำนาจที่รุนแรง ดวงตาของมูจักจมลงเพราะเขาตระหนักถึงความเป็นจริงนี้
ตามรายงานการแทรกซึม ชายผู้นี้คือวีรบุรุษแห่งเมลเทอร์และหญิงสาวเพื่อนร่วมงานเขา มูจักเคยได้ยินข่าวลือมามากมาย แต่เขาไม่ทราบว่าวีรบุรุษจะกลายเป็นจ้าวมนตราด้วยวัยเท่านี้
ความเสี่ยงนั้นเยอะเกินไป!แผนการเข้าพบเอลฟ์ชั้นสูงได้ล้มเหลว อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกับการตัดสินที่ใจเย็นของมูจัก เหล่าทหารเอกคนอื่นๆนั้นกำลังเดือดอยู่
“หัวหน้า!เราต้องรีบแล้ว!”
“พวกเราจะอยู่ที่นี่และถ่วงเวลาให้!หัวหน้าควรจะรีบไปได้แล้วครับ!”
“เร็วเข้า ก่อนที่กำลังเสริมจะแห่กันมา!”
อย่างไรก็ตาม มูจักได้ระงับอารมณ์คนของเขา “ไม่ พวกเราล้มเหลวแล้ว มันไม่จำเป็นต้องต่อสู้แล้ว”
ลูกน้องของเขาไม่ได้เป็นปรมาจารย์ดาบ พวกเขาจึงไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์และมูจักได้เข้าใจความสามารถของกันและกันแล้ว พวกเขาอยู่ในระดับที่สามารถเอาชีวิตกันได้ หากมูจักหันไปรอบๆ เขาจะตายทันที นอกจากนี้ เหล่าลูกน้องของเขายังต้องตายอีกด้วย
จากนั้น ความได้เปรียบก็เอนเอียงไปฝั่งธีโอดอร์เพิ่มเนื่องจากการมาถึงของสมาชิกQuattro ที่เหลือ
“ธีโอ!”
“เสียงอะไรนะ หัวหน้า?”
ซิลเวียและวิลเลี่ยม ว่าที่ผู้นำหอคอยทั้งสองได้มาถึงแล้ว ความสามารถของทั้งสองใกล้เคียงกับจอมเวทย์ชั้นหนึ่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาสามารถเอาชนะทหารเอกที่มูจักนำมาได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่ธีโอดอร์และเพื่อนๆของเขาล้อมเข้ามา มูจักก็ตระหนักได้ว่าทางหนีนั้นถูกปิดกั้นหมดแล้ว
“โอ้ หนุ่มสาวที่ยอดเยี่ยมมากมาย...”
ในออสเต็น มันไม่เคยมีเช่นนี้มาก่อน อาณาจักรที่แห้งแล้งเพราะภัยแล้ง เหล่าคนที่มีพรสวรรค์ต่างออกจากอาณาจักรไป ขณะที่คนไร้อำนาจยังคงเน่าอยู่ที่เดิม พ่อแม่ต่างไล่ทิ้งลูกเพื่อลดจำนวนปากท้องถือเป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมเมลเทอร์จึงมีอยู่มากมาย?
“ทำไมสวรรค์จึงโปรดปรานพวกเขา!?”มูจักตัดเพ้อขณะที่เขากำดาบในมือแน่น
ปึก ดาบโค้งที่ละลายของเขาล่วงไปบนพื้นดิน ดวงตาของธีโอดอร์หรี่แคบลงขณะที่มูจักปลดอาวุธของเขาและยกมือทั้งสองข้างขึ้น
“เห้อ วีรบุรุษหนุ่มแห่งเมลเทอร์”มูจักร้องออกมา
“…อะไร?”
มูจักได้ละเลยเสียงร้อนใจของธีโอดอร์และตอบกลับ “ตาแก่ผู้นี้ขอยอมรับว่ามีความผิดฐานรุกรานเมืองหลวงแห่งเมลเทอร์ ข้าหวังว่าเจ้าจะกังขังเราตามขั้นตอนที่มีมนุษยธรรม”