เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 26 ธรรมชาติของทุกองค์กร (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 26 ธรรมชาติของทุกองค์กร
แปลโดย iPAT
ยามใกล้พลบค่ำ ท้องฟ้าราวกับถูกอาบย้อมไปด้วยเลือด แสงสีแดงส่องเข้ามาในสถานศึกษา ขณะที่เด็กหนุ่มสาวนั่งตัวตรงมองอาจารย์อาวุโสที่กำลังแจกจ่ายหินวิญญาณให้กับพวกเขา
ทุกเจ็ดวันสถานศึกษาจะมอบหินวิญญาณให้ศิษย์ทุกคนเพื่อนำใช้ในการบ่มเพาะ
“ผู้ใช้วิญญาณฟางหยวน” อาจารย์อาวุโสอ่านรายชื่อที่อยู่ในมือ
ฟางหยวนลุกขึ้นจากโต๊ะริมหน้าต่างด้านหลังสุดก่อนจะเดินออกไปรับถุงเงินสองใบ ใบหนึ่งมีหินวิญญาณอยู่สามก้อน อีกใบมีหินวิญญาณสิบก้อน
“จงพยายามอย่างหนักต่อไป” อาจารย์อาวุโสกล่าว ฟางหยวนประสบความสำเร็จและได้รับอันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง นี่จึงทำให้อาจารย์อาวุโสที่เคยสิ้นหวังในตัวเขาเริ่มหันมามองเขาอีกครั้ง
ฟางหยวนพยักหน้าและเดินกลับไปยังที่นั่งของเขา
‘บัดซบ! เขาได้ที่หนึ่งอีกครั้ง’ โม่เป่ยมองฟางหยวนด้วยหัวใจที่คุกรุ่น
‘ดาบแสงจันทร์สองเล่มตัดคอหุ่นฟางพร้อมกัน นี่เป็นความโชคดีหรือทักษะที่แท้จริงของเขา?’ ซื่อเฉินหรี่ตามอง ตั้งแต่สิ้นสุดการประเมิน คำถามนี้หลอกหลอนอยู่ภายในหัวใจของเขามาตลอด
แต่ไม่ใช่เขาเพียงผู้เดียว ศิษย์ทุกคนต่างตั้งคำถามเดียวกัน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเหตุใด พวกเขาก็ไม่พอใจที่มันเกิดขึ้น
ในช่วงท้ายของชั่วโมงเรียน อาจารย์อาวุโสประกาศบางสิ่ง “พวกเจ้าเข้ามาเรียนรู้สิ่งต่างๆในสถานศึกษาแห่งนี้เป็นเวลาพอสมควรแล้ว เมื่อพวกเจ้าคุ้นเคยกับการใช้วิญญาณ หลังจากนี้ข้าจะสอนวิธียกระดับทะเลวิญญาณให้กับพวกเจ้า สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง ทะเลวิญญาณจะมีครามประกายทองแดง ส่วนผู้ใช้วิญญาณระดับสอง ทะเลวิญญาณจะเป็นสีทองแดง ผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ทะเลวิญญาณจะกลายเป็นสีเงิน หากเปรียบเทียบ ทะเลวิญญาณสีทองแดงจะมีพลังวิญญาณเข้มข้นกว่าทะเลวิญญาณสีครามประกายทองแดงสิบเท่า ในทำนองเดียวกัน ทะเลวิญญาณสีเงินมีพลังวิญญาณเข้มข้นกว่าทะเลวิญญาณสีทองแดงสิบเท่าเช่นกัน”
“พวกเจ้าต้องจำไว้ว่า วิญญาณเป็นสิ่งที่พวกเราใช้เป็นเครื่องมือ ยิ่งการบ่มเพาะของพวกเจ้าสูงเท่าใด พวกเจ้าก็จะสามารถใช้วิญญาณได้มากเท่านั้น อีกสามเดือนข้างหน้า หากผู้ใดสามารถยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งขั้นกลาง คนผู้นั้นจะได้รับหินวิญญาณสามสิบก้อนเป็นรางวัล นอกจากนี้พวกเจ้าจะสามารถเลือกวิญญาณดวงที่สอง ในเวลานั้นข้าจะทำการคัดเลือกหัวหน้าห้องหนึ่งคนและรองหัวหน้าอีกสองคนตามผลการทดสอบของพวกเจ้า ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าห้องจะได้รับหินวิญญาณสิบก้อนทุกเจ็ดวัน ขณะที่รองหัวหน้าห้องจะได้รับหินวิญญาณห้าก้อน เอาล่ะสำหรับวันนี้พวกเจ้าไปได้”
ประกาศของอาจารย์อาวุโสทำให้เสียงพูดคุยปะทุขึ้นทันที
“หัวหน้าห้องและรองหัวหน้าห้อง!” เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น
“หัวหน้าห้องจะได้รับหินวิญญาณสิบก้อนทุกเจ็ดวัน ส่วนรองหัวหน้าจะได้รับห้าก้อน? หากข้าสามารถยกระดับสู่ขั้นกลางได้เป็นคนแรก ข้าจะได้เป็นหัวหน้าห้อง!” ดวงตาของเด็กอีกคนส่องประกายขึ้น
‘หินวิญญาณไม่ใช่จุดสำคัญ สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการได้เป็นหัวหน้าห้องและรองหัวหน้าห้อง มันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์และความเหนือกว่า เมื่อศิษย์ในชั้นเรียนเห็นหัวหน้าห้อง พวกเขาจะก้มศีรษะลงและทักทาย’ โม่เป่ยและซื่อเฉินไม่ได้ขาดแคลนหินวิญญาณ แต่พวกเขาต้องการเกียรติยศ
‘เพื่อให้ได้รับตำแหน่งหัวหน้าห้อง แน่นอนว่าต้องก้าวเข้าสู่ขั้นกลางเป็นคนแรก หากข้าได้เป็นหัวหน้าห้อง พี่ใหญ่จะต้องทำความเคารพข้า! รอก่อน พี่ใหญ่ จงรอให้ถึงเวลานั้น!’ ฟางเจิ้งหันหน้าไปด้านหลัง แต่โต๊ะริมหน้าต่างหลังห้องของฟางหยวนกลับว่างเปล่า
ตอนนี้ศิษย์หลายคนออกไปจากห้องแล้ว
“ฟางหยวนอยู่ที่ใด?” โม่เป่ยต้องการจะเผชิญหน้ากับฟางหยวน แต่ฟางหยวนกลับจากไปแล้ว
“เขาวิ่งหนีได้เร็วนัก เขาคงกลัวข้ามาก ฮืม! ดูเหมือนว่าเขาจะโชคดีอีกครั้งกับการทดสอบในวันนี้” ซื่อเฉินเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“หินวิญญาณเพียงสิบก้อน ข้าไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการก้าวเข้าสู่ขั้นกลางและคว้าตำแหน่งหัวหน้าห้องมาครอง” โม่เป่ยหรี่ตามองซื่อเฉินและฟางเจิ้ง
คนทั้งสองเป็นศัตรูที่แท้จริงของโม่เป่ยขณะที่ฟางหยวนผู้มีพรสวรรคนภาที่สามไม่อยู่ในสายตาของเขา
‘การแข่งขันสองครั้งแรกฟางหยวนโชคดีได้อันดับหนึ่ง แต่คราวนี้เป็นการแข่งขันความเร็วในการบ่มเพาะ คนที่มีพรสวรรค์สูงกว่าจะยกระดับได้เร็วกว่า’ ซื่อเฉินคิดอยู่กับตนเองด้วยความรู้สึกหดหู่ เพราะพรสวรรค์ที่แท้จริงของเขาคือนภาที่สาม มันเป็นเพียงกลโกงในพิธีเผยลิขิตสวรรค์เท่านั้นที่ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเขามีพรสวรรค์อยู่นภาที่สอง
‘เพียงตำแหน่งหัวหน้าห้องและรองหัวหน้าห้องก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้น ช่างเลือดร้อนและไร้เดียงสานัก’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขณะที่ยืนพิงประตูทางเข้าออกของสถานศึกษา
ตำแหน่งเล็กๆกลับสามารถกระตุ้นความปรารถนาในหัวใจของเด็กหนุ่มสาว แม้ในความเป็นจริงมันจะไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง
ฟางหยวนเข้าใจความลับของชีวิตข้อนี้เป็นอย่างดี
‘ไม่ว่าจะเป็นตระกูล นิกายฝ่ายธรรมะ หรือกองกำลังปีศาจ ไม่ว่าจะในโลกก่อนหน้าหรือโลกวิญญาณใบนี้ มันเป็นเช่นเดียวกัน ตำแหน่งสูงต่ำเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ผู้คนปีนป่ายขึ้นไป เพราะการไล่ล่าผลประโยชน์เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ตำแหน่งและอำนาจจะทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกเหนือกว่า มันสามารถสร้างภาพลวงตาว่าชีวิตของพวกเขามีค่ามากกว่าผู้อื่น’
‘อำนาจเปรียบได้กับแครอทที่ใช้ล่อลวงลาโง่ มันสามารถกระตุ้นความปรารถนาในหัวใจของมนุษย์ พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อไขว่คว้ามันมา เมื่อพวกเขาปีนขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ยิ่งมีอำนาจและตำแหน่งสูงเท่าใด พวกเขาก็จะยิ่งกอบโกยผลประโยชน์จากมันมากเท่านั้น’
‘ในทุกองค์กร ตราบเท่าที่มีสายบังคับบัญชา ผลประโยชน์จะถูกส่งมอบให้กับผู้คนตามลำดับ สิ่งที่เรียกว่าหัวหน้าห้องและรองหัวหน้าห้องก็เป็นเพียงแครอทหัวเล็กๆที่ล่อล่วงให้เด็กทุกคนเข้าสู่ระบบตระกูลและสร้างประโยชน์ให้กับอาวุโสระดับสูงขึ้นไปเท่านั้น การตั้งตำแหน่งสูงต่ำจะเกิดขึ้นพร้อมกับผลประโยชน์ที่เหลื่อมล้ำเสมอ บางครั้งกระทั่งศาสนายังถูกดึงมาเป็นเครื่องมือครอบงำจิตใจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากผู้คน’
‘นี่คือความจริงของมนุษย์ น่าเสียดายที่ผู้คนมากมายไม่เคยเข้าใจในความจริงข้อนี้ พวกเขาทำงานหนักเพียงเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น สำหรับทุกองค์กรในโลกใบนี้ สิ่งที่ทุกคนต้องการมีเพียงทรัพยากรในการบ่มเพาะ ยิ่งตำแหน่งสูงเท่าใดก็ยิ่งได้รับทรัพยากรมากเท่านั้น’
ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนก่อตั้งนิกายปีศาจกระหายเลือดขึ้นที่ภาคกลางของทวีปและมีสาวกหลายหมื่นคน เขาเป็นผู้สร้างตำแหน่งต่างๆในนิกายเช่นนักรบปีศาจ ขุนพลปีศาจ นักปราชญ์ปีศาจ และอื่นๆ แต่ละตำแหน่งจะได้รับผลประโยชน์ที่แตกต่างกันไป นั่นทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนยินดีทำทุกสิ่งตามคำสั่งของฟางหยวนเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ ประสบการณ์ท่านผ่านมาทำให้ฟางหยวนเข้าใจความจริงข้อนี้อย่างชัดเจน
‘องค์กรเป็นเพียงภาพลักษณ์ ขณะที่แก่นแท้ของมันคือคำๆเดียว ทรัพยากร! ปราศจากทรัพยากรอาหาร ผู้คนจะตายเพราะความหิวโหย ปราศจากทรัพยากรน้ำ ผู้คนจะตายเพราะความกระหาย ปราศจากทรัพยากรในการบ่มเพาะ ผู้คนจะอ่อนแอและจะถูกรังแกจนตกตายไปในที่สุด’
‘สำหรับผู้ใช้วิญญาณ หินวิญญาณคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด!’ ขณะที่ฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้ มุมปากของเขาก็ยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ
เขาออกจากห้องเรียนมานานแล้ว ตอนนี้เขายืนอยู่ที่ประตูทางออกของสถานศึกษาและกำลังมองเด็กหนุ่มสาวที่เดินใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
“นั่นฟางหยวน!”
“เขาทำสิ่งใดอยู่ที่ประตูทางออก?”
“ฮืม! ทุกครั้งที่ข้าเห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขา มันทำให้ข้ารู้สึกหงุดหงิดมาก”
“อย่าสนใจ เขาอาจจะรอบางคนอยู่”
กลุ่มเด็กหนุ่มสาวไม่สนใจฟางหยวนและกำลังจะเดินผ่านเขาไป
แต่ทันใดนั้น...
ฟางหยวนกลับก้าวเท้าออกมากีดขวางเส้นทางของพวกเขา “หยุด! นี่คือการปล้น! ส่งหินวิญญาณมาให้ข้า!”