เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 25 ท้องฟ้าที่สดใสในฤดูใบไม้ผลิ (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 25 ท้องฟ้าที่สดใสในฤดูใบไม้ผลิ
แปลโดย iPAT
“เขาคือฟางหยวนหรือฟางเจิ้ง?” เด็กบางคนถาม พวกเขาบางคนยังไม่สามารถแยกแยะระหว่างคนทั้งสองได้
“นั่นคือฟางเจิ้ง ใบหน้าของฟางหยวนจะเย็นชาไร้อารมณ์และดูราวกับไม่เคยกังวลสิ่งใด” บางคนตอบ
“โอ้ เป็นฟางเจิ้ง เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งเพียงคนเดียวในรอบหลายปีที่ผ่านมา” ทุกคนกำลังเฝ้ามองฟางเจิ้ง
ตระหนักถึงการจ้องมองของทุกคน ฟางเจิ้งเริ่มรู้สึกกดดันและกังวลมากขึ้น
ยืนอยู่กลางสนามฝึกซ้อมด้วยมือที่สั่นเทา ดาบแสงจันทร์ครั้งแรกที่ฟางเจิ้งเล็งเป้าไปที่หน้าอกของหุ่นฟางกลับพลาดไปถูกลำคอของมัน
เด็กหนุ่มสาวอุทานด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาคิดว่าฟางเจิ้งตั้งใจทำเช่นนั้น แทนที่จะเล็งเป้าไปที่หน้าอกซึ่งทำได้ง่ายกว่า เขากลับแสดงความมั่นใจออกมาด้วยการเลือกโจมตีลำคอของหุ่นฟาง
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของโม่เป่ยและซื่อเฉินก็กลายเป็นเคร่งเครียด
อย่างไรก็ตามมีเพียงสองคนที่สามารถมองเห็นข้อผิดพลาดของฟางเจิ้ง หนึ่งคืออาจารย์อาวุโสและอีกหนึ่งคือฟางหยวน
‘อันตรายมาก’ ฟางเจิ้งลอบกรีดร้องอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าตนเองโชคดี เขาสูดหายใจลึกสองสามครั้งก่อนจะสามารถสงบจิตใจลง จากนั้นเขาก็ส่งดาบแสงจันทร์ออกไปอีกสองครั้ง ทั้งสองครั้งไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น พวกมันปะทะหน้าอกของหุ่นฟางอย่างแม่นยำ
ผลลัพธ์นี้ทำให้อาจารย์อาวุโสพยักหน้า ขณะที่โม่เป่ยกับซื่อเฉินทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น
กลุ่มถัดไปไม่มีผู้ใดน่าสนใจ ไม่มีผู้ใดทำได้ดีกว่าโม่เป่ย ซื่อเฉิน และฟางเจิ้ง ดังนั้นเด็กหนุ่มสาวจึงเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
“ผู้ที่จะได้รับการประเมินที่ดีที่สุดในวันนี้ควรจะเป็นหนึ่งในสามคนนั้น”
“ทั้งสามคนสามารถส่งดาบแสงจันทร์ปะทะร่างของหุ่นฟางได้ทั้งสามครั้ง ข้าอยากรู้นักว่าท่านอาจารย์จะตัดสินอย่างไร?”
“โอ้ นั่น กลุ่มสุดท้าย ฟางหยวนกำลังจะเริ่มการทดสอบ”
“อัจฉริยะนภาที่สามผู้นั้นน่ะหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า”
ตอนนี้ฟางหยวนยืนอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะทำการทดสอบแล้ว
“เขาคือฟางหยวน” โม่เป่ยเงยศีรษะมองฟางหยวนเล็กน้อยก่อนจะเบือนสายตาไปอย่างไม่แยแส
“คราวก่อนเจ้าโชคดีที่สามารถเลือกวิญญาณที่อ่อนแอ ดังนั้นเจ้าจึงได้รับอันดับหนึ่ง ข้าจะคอยดูว่าคราวนี้เจ้าจะทำอย่างไร?” ซื่อเฉินกล่าวและเฝ้ารอเวลาที่ฟางหยวนจะกลายเป็นตัวตลก
“พี่ใหญ่...ครั้งนี้ไม่เหมือนคราวก่อน ข้าฝึกซ้อมมาอย่างหนัก ข้าจะต้องชนะท่าน!” ท่ามกลางผู้คน ฟางเจิ้งกัดริมฝีปากของตนและกำหมัดแน่น
เขามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พอใจกับเรื่องก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นฟางหยวนที่ปล้นชิงอันดับหนึ่งไปจากเขาเพราะความโชคดี
ทุกคนมองมาที่เขา เช่นเดียวกับอาจารย์อาวุโสที่จับตามองเขาอย่างใกล้ชิด แต่ฟางหยวนยังสงบนิ่งและไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลง
เขายกมือขึ้นช้าๆก่อนจะปล่อยดาบแสงจันทร์ออกไป
ลำแสงสีฟ้าอ่อนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าข้ามศีรษะหุ่นฟาง มันกระทั่งข้ามกำแพงไม้ไผ่ออกไปนอกสนามฝึกซ้อมก่อนจะเลือนหายไปกลางอากาศ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นทันที
“นี่เป็นวิธีการที่อุกอาจมากมิใช่หรือ?” บางคนเย้ยหยัน
“เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เขาได้รับอันดับหนึ่งในการปรับแต่งวิญญาณ” อีกคนประชดประชัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟางหยวนเป็นอัจฉริยะผู้ประพันธ์บทกวีที่ล้ำยุคและมักแสดงภูมิปัญญาอันล้ำเลิศออกมาเสมอ สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กคนอื่นๆรู้สึกอิจฉาและหมั่นไส้ ต่อมาเมื่อเขาได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขันปรับแต่งวิญญาณเพราะโชค ทุกคนยิ่งไม่พอใจเขามากขึ้น
ดังนั้นหลายคนจึงเฝ้ารอให้อัจฉริยะที่ผู้คนเคยยกย่องแสดงสิ่งที่น่าอับอายออกมา
เสียงแห่งหัวเราะดังไปทั่วสนามฝึกซ้อม
กระทั่งอาจารย์อาวุโสยังลอบหัวเราะอยู่กับตนเอง ‘เหตุใดต้องคิดมากกับคนเช่นนี้ เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม เขาเพียงโชคดีในการปรับแต่งวิญญาณเท่านั้น’
ในความเป็นจริงอาจารย์อาวุโสตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว แม้โม่เป่ยและซื่อเฉินจะทำได้ดี แต่ฟางเจิ้งยังเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง
สงครามระหว่างโม่เป่ยกับซื่อเฉินเป็นความขัดแย้งทางการเมืองของสองฝ่ายที่มีอิทธิพล แต่อาจารย์อาวุโสแห่งสถานศึกษาไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและไม่มีความคิดที่จะนำพาตนเองไปอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำวนทางการเมือง
อย่างไรก็ตามอาจารย์อาวุโสยังโน้มเอียงไปทางโม่เป่ยและฟางเจิ้งเนื่องจากพรสวรรค์ของพวกเขา นี่เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในตระกูลสามารถยอมรับได้
สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมาพร้อมกับกลิ่นพฤกษาพรรณ แสงแดดที่สาดส่องนำความอบอุ่นมาสู่ผืนปฐพี
แม้เสียงเย้ยหยันจะดังสนั่นแต่ฟางหยวนยังสงบนิ่ง สายตาอันเย็นชาของเขามองไปที่หุ่นฟางเท่านั้น
แน่นอนว่าเขาตั้งใจยิงดาบแสงจันทร์ออกไปเช่นนั้นในครั้งแรก เพื่อให้ได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่ง เขาต้องสร้างผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายโดยยังต้องคำนึงถึงใบหน้าและตำแหน่งของอาจารย์อาวุโสอีกด้วย
“เหลืออีกเพียงสองครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่พี่ใหญ่จะชนะข้า” ดวงตาของฟางเจิ้งค่อยๆสว่างไสวขึ้น ตั้งแต่เด็ก พี่ชายของเขาได้สร้างเงามืดเอาไว้ในหัวใจของเขามาตลอด แต่เวลานี้เงามืดเหล่านั้นกำลังจะเลือนหายไปพร้อมกับแสงสว่างของผู้เป็นพี่ชาย
เมื่อฟางเจิ้งรู้สึกถึงชัยชนะที่ใกล้เข้ามา กำปั้นของเขาก็ค่อยๆบีบรัดตัวแน่นขึ้นด้วยความตื่นเต้น
‘พี่ใหญ่ ครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งชัยชนะของข้าและข้าก็จะชนะต่อไปเรื่อยๆจนกว่าข้าจะสามารถกำจัดเงามืดในหัวใจของข้าออกไปจนหมดสิ้น ข้าจะพิสูจน์ให้ตระกูลเห็นว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นอัจฉริยะตัวจริง!’ ฟางเจิ้งคิด
ฟางหยวนยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้งและส่งดาบแสงจันทร์สีฟ้าอ่อนออกไปเป็นครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตามเขากลับยิงดาบแสงจันทร์ครั้งที่สามออกไปแทบจะในเวลาเดียวกัน
ดาบแสงจันทรสองเล่มผสานกันเป็นหนึ่ง!
ภายใต้ดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความอัศจรรย์ใจของทุกคน ดาบวงจันทรเคลื่อนที่ผ่านลำคอของหุ่นฟางไปอย่างแม่นยำ
“นี่...” หัวใจของฟางเจิ้งราวกับถูกภูเขาหล่นทับ ขณะที่เด็กหนุ่มสาวต่างอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึง
พวกเขามองเห็นศีรษะของหุ่นฟางค่อยๆเคลื่อนหลุดออกจากบ่าและตกลงบนพื้นก่อนที่จะกลิ้งต่อไปอีกสองสามเมตร
ฟางหยวนตัดศีรษะหุ่นฟางจนขาดสะบั้นในครั้งเดียว!
มันเป็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายของทุกคนไปไกลมาก
‘นี่เป็นความโชคดีหรือความชำนาญ?’ อาจารย์อาวุโสขมวดคิ้วลึก ข้อสงสัยนี้เกิดขึ้นในใจของทุกคนเช่นกัน
ในวินาทีนี้สนามฝึกซ้อมกลายเป็นเงียบงันไปอย่างสมบูรณ์
ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวคำใดออกมาได้อีกจนกระทั่ง “นี่เป็นไปได้อย่างไร...” ฟางเจิ้งเปิดปากกล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จิตใจของเขาพังทลายลงอีกครั้ง
ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม วิหคโบยบินอยู่ท่ามกลางปุยเมฆสีขาว
ฟางหยวนเงยศีรษะขึ้นมองทิศทัศน์อันงดงามราวกับเขาไม่เคยตัดศีรษะของผู้ใดมาก่อน
“อา...ท้องฟ้าที่สดใสในฤดูใบไม้ผลิช่างงดงามนัก”