บทที่ 29 : การตัดสินใจที่เด็ดขาด
“ลูกพี่ พรุ่งนี้ก็ถึงวันนัดหมายกับตระกูลฟางแล้ว ท่านคิดจะไปจริงๆเหรอ?”
ในระหวางทางเดินกลับจากหอฝึกยุทธ์หลัก ไขมันน้อยก็กล่าวถามหลิงเทียนออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง แววตาของมันแฝงความเป็นห่วงไม่น้อย
หลิงเทียนกลับยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส "ข้าต้องไปอย่างแน่นอน!"
ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมาของชีวิตเก่าเขา หลิงเทียนไม่เคยผิดสัญญาสักครั้ง คนอย่างเขาพูดแล้วไม่คืนคำ
และนี่ถือเป็นกฎข้อสำคัญที่ตัวเขายึดมั่น
ถ้าเขาไม่ยึดมั่นกฎข้อนี้เอาไว้ ผู้นำในหลายๆประเทศของโลกคงไม่หวาดกลัวเขาถึงขนาดนี้
ไขมันน้อยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ "ลูกพี่ท่านมั่นใจมากหรือไม่?"
ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "เจ้าอยากได้เรื่องจริงหรือโกหกล่ะ?"
"แน่นอนว่าข้าต้องการความจริง!" ไขมันน้อยกล่าวอย่างจริงจัง
"ข้าไม่ได้มั่นใจเต็ม 10 ส่วน" หลิงเทียนตอบออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย
"ลูกพี่ ถ้าท่านไม่มั่นใจพรุ่งนี้ท่านอย่าได้ไปเลย... ท่านมีอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น อายุท่านยังเท่ากับบุตรชายของฟางเจี้ยนด้วยซ้ำ หากท่านไม่ไปคงไม่มีใครกล้าว่าท่านได้หรอก " สีหน้าของไขมันน้อยฉายแววกังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด ยามที่มันกล่าวออกมา
"ลี่ซวน" หลิงเทียนพูดออกมาทันทีหลังสิ้นคำไขมันน้อย
"ครับ ลูกพี่?" ไขมันน้อยรีบตอบออกมา
"จดจำคำข้าเอาไว้ หากเจ้าเป็นคนเจ้าต้องยึดมั่นในคำสัญญา หากเจ้าเป็นสับปรับไม่รักษาคำพูดไม่ทำตามวาจาที่ลั่นไว้เจ้าจะเป็นแค่คนไร้ค่า หากครั้งนี้ข้าไม่ไปมันจะเป็นบาดแผลในใจของข้า เป็นจุดความด่างพร้อยในเส้นทางการเพาะปลูกของข้าจนชั่วชีวิต ข้าต้องไปถึงแม้ข้าจะหวาดกลัวแค่ไหนก็ตาม ... ดังนั้น แม้ข้าจะไม่ได้มั่นใจเต็มสิบส่วนแต่ข้าก็ต้องไป! " หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
เด็กสาวข้างๆเด็กหนุ่มดวงตาเปล่งประกายออกมาด้วยความนับถือ
เธอสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่าพรสวรรค์ของชายตรงหน้า ความเด็จเดี่ยวทระนงสมเป็นลูกผู้ชาย ประทับตราตรึงลงไปยังส่วนลึกของจิตใจนาง
ทำให้นางยึดมั่นการกระทำและนับถือพรสวรรค์ของหลิงเทียนอย่างมาก และนางจะนำมันมาเป็นแบบอย่างการกระทำในชีวิตของนาง
"ลูกพี่ข้าคงไม่อาจเถียงอะไรท่านได้ คำพูดของท่านล้วนมีเหตุผล "
ไขมันน้อยกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่น "แต่ครั้งนี้ท่านต้องฟังข้า ท่านอย่าได้วู่วาม! ท่านก็รู้ว่าฟางเจียนไม่ได้มีระดับอยู่ที่กา ... "
"หยุดพูดจาเหลวไหล? เจ้าสนใจเรื่องของเจ้าเถอะ อย่าได้มาก้าวก่ายเรื่องของข้า"
หลิงเทียนกล่าวตัดบทไขมันน้อย ก่อนที่ประกายตาของเขาจะฉายแววดุดันออกมา ‘ไออ้วนนี่ปากมากจริง’
ตอนนี้ไขมันน้อยพึ่งรู้ตัว เมื่อหันไปด้านข้างมันก็พบสายตาของเด็กสาวที่งดงามจับจ้องมายังมัน นางยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย
เมื่อแยกทางกับไขมันน้อยหลิงเทียนก็พาเค่อเอ๋อกลับมาบ้านของมัน
วงหน้าอ่อนเยาว์งดงามยามนี้กลับฉายแววกังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด นางใช้สายตาห่วงใยจับจ้องมายังหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างเป็นห่วง "นายน้อย ท่านไม่มั่นใจจริงๆเหรอ?"
เด็กหนุ่มยิ้มบางๆรับคำกล่าว มันยื่นมือไปลูบแก้มนิ่มละมุนของเด็กสาวก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน "เด็กโง่ ข้าแค่บอกว่าไม่ได้มั่นใจเต็ม 10 ส่วนเท่านั้น! เจ้าไม่ต้องกังวลว่าข้าจะเป็นอะไรไป ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถเอาชนะมันได้แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้เช่นกัน ข้าเองก็ไม่อยากจากเค่อเอ๋อของข้าไปไหนนักหรอก"
คิ้วของสาวน้อยเริ่มขมวดก่อนที่ใบหน้างดงามของนางจะหมองลงเล็กน้อย นางเดินเข้าไปยังอ้อมกอดอบอุ่นของชายตรงหน้า ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมหยาดน้ำตาที่หลั่งรินว่า "นายน้อยหากท่านเป็นอะไรข้า เค่อเอ๋อ ข้า..ข้าจะไม่อยู่แล้ว"
คำพูดของสาวน้อยดั่งมีดกรีดแทงลงกลางใจของหลิงเทียน หลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ...
เพราะตัวเขานั้นมีประสบการณ์ใช้ชีวิตมาแล้วถึง 2 ชาติภพมีเหรอเขาจะไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อกี้ของนางนั้น ไม่ได้พูดออกมาลอยๆเท่านั้น!
ต่อให้ถูกหมื่นกระบี่ทิ่มแทงเพียงใดหลิงเทียนยังไม่หลั่งน้ำตาแม้สักหยด ทว่ายามนี้มันไม่อาจหยุดธารน้ำที่เริ่มหลั่งรินออกมาจากดวงตาของมันได้
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปลูบหัวสาวน้อยตรงหน้า "เด็กโง่ เจ้าไม่เชื่อคำข้าแล้วเหรอ?"
เด็กสาวส่ายหัวพร้อมน้ำตาก่อนที่จะกล่าวออกมา "เคอเอ๋อกลัว ...กลัวว่านายน้อยจะ..จากเค่อเอ๋อไป...เค่อเอ๋อ ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีนายน้อย"
ตั้งแต่หลิงเทียนรับเธอมาดูแล เขาก็มอบความอบอุ่นราวกับครอบครัว และคอยให้ทุกสิ่งทุกอย่างนาง อีกทั้งยังดูแลนางไม่เคยบกพร่อง
ชีวิตของนางนับว่าเป็นของหลิงเทียนแต่เพียงผู้เดียว
ถึงแม่นายน้อยของเธอจะแต่งงานมีบุตรกับสตรีอื่นใด หรือนายน้อยของนางจะแก่เฒ่าสักเพียงไหน นางก็จะอยู่เคียงข้างดูแลนายน้อยของนางไม่ว่าจะอีกนานเท่าไหนและชราสักเพียงใด นางจะคอยดูแลเขา..
ตราบชั่วลมหายใจสุดท้ายของนาง ...
นางจะใช้ชีวิตเพื่ออยู่ดูแลนายน้อยโดยไม่มีความเสียใจ
"เอ่าละดูเจ้าสิ ราวกับแพนด้าน้อยเลย "
หลิงเทียนช่วยซับน้ำตาให้สาวน้อยตรงหน้าก่อนที่เขาจะกล่าวหยอกล้อออกมา "หากแม่ของข้ากลับบ้านมาแล้วเห็นสภาพเจ้าเป็นแบบนี้ ไม่พ้นนางต้องหาว่าข้ารังแกเจ้าแน่ เจ้าก็น่าจะรู้ดีในใจของนางก็เห็นเจ้าไม่ต่างอะไรกับบุตรคนนึง เผลอๆวันนึงนางอาจจะรักเจ้ามากกว่าข้าอีกมั้ง "
"นายน้อย ท่านกลั่นแกล้งเค่อเอ๋ออีกแล้ว"
เด็กสาวที่เริ่มเขินอายอย่างหนักผลักออกจากอกของหลิงเทียน ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีกลับไปยังห้องของนาง
"เด็กน้อยเขินอีกแล้ว"
หลิงเทียนยิ้มก่อนที่จะส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่เคยปล่อยอารมณ์ของเขาแบบนี้มาก่อน..วันนี้เขาถึงกับหลั่งน้ำตา
สำหรับเค่อเอ๋อและแม่ของเขา เขาจะไม่มีวันยอมให้ทั้งสองต้องทุกข์ใจหรือมีอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่
"ฟางเจี้ยนเจ้าต้องตายเท่านั้น!"
สายตาของหลิงเทียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและความอำมหิต
บ้านพักของตระกูลลี่...บ้านของ ลี่ติง
ลี่ติงที่เดินเข้ามาในบ้านสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาสังเกตุเห็นบุตรชายของเขานั่งอยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ "เจ้าทำได้อย่างไร? ถึงเอาชนะลี่หมิงได้สองครั้งเช่นนี้ "
เขารู้ว่าเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วลี่หมิงก็ถูกบุตรชายของเขาเอาชนะและทำร้ายจนบาดเจ็บ ตอนนั้นเขาก็สงสัยและอยากรู้เป็นอย่างมาก
ตอนที่เขาไปกล่าวถามอาวุโส 2 เพราะความสงสัย อาวุโส 2 กลับกล่าวออกมาว่าเป็นเพราะจู่ๆลี่หมิงก็ได้รับผลกระทบจากเม็ดยาเพลิงอัสนี ทำให้พลาดท่าพ่ายแพ้
ตัวเขานั้นรู้ดีถึงฝีมือบุตรชายเขา ว่าย่อมไม่มีทางเอาชนะลี่หมิงได้หากไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น
แต่มาคราวนี้บุตรชายของเขากลับเอาชนะลี่หมิงได้อีกครั้ง และราวกับครั้งที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน นั่นยิ่งกระตุ้นความสงสัยเขาอย่างมาก
เขาเพิ่งกลับมาจากบ้านพักของอาวุโส 2 และก็เหมือนครั้งที่แล้ว อาวุโส 2 บอกว่าเป็นผลกระทบจากเม็ดยาเพลิงอัสนีอีกเช่นเคย ซ้ำเขายังถูกอาวุโส 2 กล่าวตำหนิเรื่องบุตรชายเขาลงมือหนักเกินไป ...
เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็ไม่สามารถระงับความสงสัยเอาไว้ได้เรื่องนี้มันผิดปกติมากเกินไป
ถึงแม้การที่ลูกชายเขาเอาชนะลี่หมิงได้ มันจะทำให้เขาได้หน้าไม่น้อย แต่เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่
"ซวน เกิดอันใดขึ้นงั้นรึ?"
เขาสังเกตุเห็นความผิดปกติของลูกชายได้อย่างรวดเร็ว หลังๆมานี้ลูกชายของเขาร่าเริงขึ้นมาเมื่อเอาชนะลี่หมิงได้ แต่ทว่าตอนนี้มันกลับไปซึมเศร้าเช่นเดียวกับตอนที่ถูกลี่หมิงรังแกเมื่อกาลก่อน
เหตุใดวันนี้เขาจึงแปลกไป
เขาควรจะมีความสุขเพราะเอาชนะลี่หมิงไม่ใช่เหรอ?
ลี่ติงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย "ซวนเจ้ามีปัญหาใดในใจเช่นนั้นรึ? เหตุใดจึงเคร่งเครียดเช่นนั้นเล่า? "
เมื่อสติของลี่ซวนกลับคืนมาจากเสียงเรียกของบิดา เขาก็คิดในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างถี่ถ้วนสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว จนต้องกล่าวออกมากับบิดา "ท่านพ่อข้ามีบางอย่างต้องบอกท่าน แต่ท่านต้องสัญญากับข้า ... ว่าท่านไม่สามารถนำเรื่องนี้ไปบอกกับอาวุโส 9 ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่นับว่าท่านเป็นบิดา! "
ลี่ติงขมวดคิ้ว "เรื่องอันใดกันแน่? บอกข้ามา!"
ลี่ซวนคิดถึงเรื่องที่มันบังเอิญไปได้ยินมาจากตระกูลฟางเมื่อครึ่งเดือนก่อนอีกครั้ง หลังจากลี่ซวนหัวเราะอย่างขื่นขมเขาก็กล่าวออกมา "ลูกพี่ไม่อยากให้ข้าบอกเรื่องนี้แก่ใคร ข้าเลยเก็บมันเอาไว้ในใจตลอดเวลา แต่พรุ่งนี้ลูกพี่ก็จะเดินทางไปยังตระกูลฟางแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเลื่อนระดับการบ่มเพาะร่างกาย ไปอยู่ขั้นที่ 7 แล้ว แต่เขาจะสู้กับฟางเจียนที่มีระดับก่อกำเนิดแล้วได้อย่างไรกัน ? "
"ฟางเจี้ยนอยู่ในระดับก่อกำเนิดเช่นนั้นรึ?"
เมื่อเขาได้ยินเรื่องที่บุตรชายกล่าวออกมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขารีบตะโกนออกมาว่า "ลูกซวน เรื่องสำคัญเช่นนี้เจ้ากลับปิดบังเอาไว้ ? เจ้าช่างกล้านัก! หลังจากที่ข้าบอกท่านประมุขแล้วข้าจะกลับมาเอาโทษเจ้า "
เมื่อพูดจบลี่ติงก็รีบเดินทางไปยังบ้านของประมุขตระกูลทันที
หลังจากที่บิดามันจากไป ลี่ซวนก็ก้มหน้าพึมพำออกมา "ลูกพี่ท่านอย่าได้โทษข้านะ ข้ากังวลว่าอาจจะเกิดเหตุผิดพลาดจนแก้ไขไม่ได้ ถึงท่านจะโกรธจะเกลียดไม่อยากยุ่งกับข้าหลังจากนี้ ข้าก็ยินยอมรับ "
ในตอนค่ำประมุขตระกูลลี่ส่งคนมาตามตัวหลิงเทียน นั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ณ ห้องโถงหลักตระกูลลี่ ลี่หนันเฟิง ผู้อาวุโสลี่หัว และ ผู้อาวุโส 5 ลี่ติงล้วนแล้วแต่ยืนรอเขาอยู่ นี่ทำให้หลิงเทียนเอะใจว่า ต้องเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นแล้ว
ไขมันน้อยบัดซบนั่นต้องปากพล่อยเป็นแน่
“ข้าหลิงเทียนขอ คำนับท่านประมุข,อาวุโส 5 ,อาวุโส ลี่หัว”
หลิงเทียนโค้งคำนับทั้ง 3 คน
"ต้วนหลิงเทียนเจ้ารู้หรือไม่เหตุใดพวกเราจึงเรียกตัวเจ้ามายามนี้?" ลี่หนันเฟิงจ้องไปยิงหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมา
"เหตุที่ท่านประมุขเรียกข้ามา คงไม่พ้นเรื่องที่ฟางเจี้ยน ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดใช่หรือไม่?"
หลิงเทียนกล่าวออกมาตามตรง
"เด็กน้อยเจ้ามีพรสวรรค์สูงส่งและเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ... แต่ครั้งีน้เจ้าไม่คิดหรือว่าเจ้าประมาทเกินไป?" ลี่หนันเฟิงกล่าวออกมา พร้อมถอนหายใจ
ต้วนหลิงเทียนนับได้ว่าเป็นทรัพย์สมบัติของตระกูลลี่ ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาสามารถสร้างโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวนให้ตระกูลลี่ได้อย่างไร้จำกัด
สำหรับตระกูลลี่ โอสถน้ำบ่มเพาะร่างกาย 6 กระบวน มีค่าสูงนัก
เมื่อรวมกับเม็ดยาเพลิงอัสนี้ ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเหล่าศิษย์ในตระกูลลี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และตอนนี้มันมีระดับสูงกว่า ตระกูลฟางและตระกูลเฉินเป็นอย่างมาก
หลิงเทียนยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมา "ประมุขสำหรับข้าในโลกนี้ล้วนมีเรื่องราวที่ควรทำและไม่ควรทำ! สำหรับเรื่องพรุ่งนี้ ตัวข้าหลิงเทียนได้ลั่นวาจารับปากเอาไว้แล้ว ดั่งคำที่ว่า สัญญาของบุรุษมีค่ามากกว่าทองพันชั่ง หากท่านประมุขคิดจะให้ข้าล้มเลิกสัญญานัดหมาย เกรงว่าข้าจะต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว "
"เจ้า…." ใบหน้าของลี่หนันเฟิงเริ่มคล้ำลง
คำพูดของหลิงเทียนมันชัดเจนและไร้ช่องโหว่ ทำให้ลี่หนันเฟิงหมดคำจะกล่าวแย้งเขา
“เด็กน้อยนี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะล้อเล่นได้ ด้วยระดับการบ่มเพาะปัจจุบันของเจ้า เจ้าอาจอาศัยกระบี่ไวของเจ้าสังหารผู้ที่มีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ได้อย่างมิมีปัญหา แต่สำหรับระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 1 หากผู้ฝึกฝนสามารถบรรลุถึงขั้นสูงสุดในระดับชั้นที่ 1 มันจักมีกำลังเทียบเท่าช้างแมมมอธโบราณ 2 ตัว นั่นเป็นอะไรที่เจ้าไม่สามารถรับมือได้” ลี่หัวกล่าวออกมา โดยหวังว่าจะเปลี่ยนการตัดสินใจของหลิงเทียนได้
"ข้าต้องขอขอบคุณในความห่วงใยของท่านผู้อาวุโส" ใบหน้าของหลิงเทียนฉายแววกตัญญูออกมา แต่ทว่าแววตาของเขายังคงแข็งกร้าวราวกับการตัดสินใจครั้งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนมันได้
"เช่นนั้นก็ลืมมันเสียเถอะ ... "
หลังจากที่มองหลิงเทียนสักครู่ ลี่หัวก็ถอนหายใจพร้อมกล่าวออกมา "ประมุขในเมื่อเด็กน้อยนี่ตัดสินใจไปแล้ว ท่านก็ปล่อยให้มันกระทำตามใจเถิด"
"ท่านผู้อาวุโส!"
ทั้งลี่หนันเฟิงและลี่ติงต่างตกใจ
"ข้าขอขอบคุณท่านอีกครั้ง ผู้อาวุโส!"
ต้วนหลิงเทียนมองไปที่ลี่หัวด้วยความซาบซึ้ง ก่อนที่จะหันไปมองลี่หนันเฟิงและลี่ติง "ท่านประมุข และผู้อาวุโส 5 ก่อนที่ข้าจะเดินทางไปยังตระกูลฟางในวันพรุ่งนี้ หวังว่าพวกท่านคงไม่นำเอาเรื่องนี้ไปบอกกล่าวแก่มารดาของข้า หากพวกท่านทำได้ข้าหลิงเทียนต้องขอขอบคุณพวกท่านแล้ว "
หลังจากที่หลิงเทียนกล่าวจบเขาก็เดินจากไป โดยที่ไม่มีผู้ใดเหนี่ยวรั้งเขาไว้อีก
"ท่านผู้อาวุโส ท่านไปรับปากเด็กน้อยเช่นนั้นได้อย่างไร?"
ลี่ติงยิ้มออกมาอย่างขื่นขม เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรลี่หัวถึงยินยอมตามใจลี่เฟิง
ลี่หนันเฟิงก็มองไปยังลี่หัวราวกับว่ามันต้องการถามเช่นเดียวกัน
"ลี่ติงท่านก็เห็นแล้วว่าเด็กนั่นตัดสินใจไปแล้ว เจ้าคิดเหรอว่าพวกเราจะหยุดเขาได้? อย่าบอกข้านะว่าเจ้าคิดจะกักขังเขาเอาไว้ในบ้าน? นี่คือเส้นทางที่เขาได้ตัดสินใจเลือกเดิน ไม่มีใครสามารถเปลีย่นแปลงการตัดสินใจของเขาได้ "
ลี่หัวยืนขึ้นเจีรยมพร้อมที่จะจากไปเช่นกัน
ก่อนที่เขาจะจากไปเขากล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "พรุ่งนี้ข้าจะเป็นคนเดินทางไปดูแลเขาอย่างลับๆด้วยตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลลี่ เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลลี่แล้วพวกเจ้าคิดเหรอว่าข้าจะยินยอมรับความเสี่ยงอยู่เฉยๆ? "