บทที่ 16 : ต่อว่าที่ลงมือ
“หวืด!”
ดาบเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างไหลลื่น ใบไม้ที่ห้อยหล่นลงมาจากต้นไม้ในลานถูกตัดทันที เมื่อใบไม้ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ดาบในมือของหลิงเทียนก็กลับไปอยู่ในฝักแล้ว
"เร็วมาก! นายน้อย ทักษะนั้นคืออะไร? " เด็กสาวรูปร่างผอมบางและสง่างามยืนมองหลิงเทียนอยู่ข้างๆด้วยความรัก
" มันคือวิถี่แห่งการวาดดาบ " หลิงเทียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่สายตาของเขาจะเปลี่ยนไป เมื่อเขาระลึกถึงความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านี้
ในชีวิตก่อนหน้านี้นอกเหนือจากการเป็นผู้อาวุโสในกองกำลังหมาป่าพิฆาต และผู้เชียงชาญด้านการต่อสู้แล้ว การวาดดาบเป็นอีกหนึ่งพื้นฐานที่เขาเคยใช้เพื่อผลักดันตัวเองให้ยิ่งใหญ่
ในเวลานั้นนักลอบสังหารที่ทรงเสน่ห์ และงดงามมากมายเข้าหาเขา โดยหวังว่าจะมีโอกาสสังหารเขา แต่ในขณะที่นักลอบสังหารที่งดงามเหล่านั้นปลดปล่อยเจตนาฆ่าออกมาเพียงเล็กน้อย นั่นก็เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตของพวกเธอ
เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ดาบของหลิงเทียนถูกเรียกว่า 'เคียวของมัจุราช และมันเร็วที่สุดเสมอ
"เค่อเอ้อ เจ้าต้องจำไว้ว่าศิลปะการวาดดาบต้องเน้นความเร็ว ในบรรดาศิลปะการต่อสู้ทั่วโลกมีเพียงความเร็วเท่านั้นที่ไม่สามารถเอาชนะได้! แม้กับผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า ตราบใดที่เจ้าสามารถวาดดาบของเจ้าผ่านลำคอของเขาได้ก่อนที่เขาจะทันตอบสนอง แน่นอนเขาจะต้องตาย!” หลิงเทียนแนะนำเด็กสาวด้วยความอดทนและอ่อนโยน
เด็กสาวทั้งตั้งใจและขยันมาก
มือที่ละเอียดอ่อนของเด็กสาวคว้าดาบสั้นสีม่วง และด้วยคำแนะนำอย่างระมัดระวังของหลิงเทียน เธอก็เริ่มฝึกอย่างช้า ๆ จนกระทั่งท่าทางของนางดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้าง
" นายน้อย ข้าสมองทึบหรือไม่ ? "
หลังจากช่วงบ่ายของการฝึก เด็กสาวเปียกโชกด้วยเหงื่อ คิ้วของนางเคลื่อนไหวเล็กน้อย และดวงตาที่เป็นประกายของนางดูหม่นหมองลง นางดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อย
"ทำไมเจ้าถึงถามเช่นนี้ ? " หลิงเทียนสงสัยในคำถาม
" ข้าฝึกจนถึงบ่าย แต่ความเร็วในการวาดดาบของข้าไม่สามารถเทียบได้แม้แต่หนึ่งในร้อยของนายน้อย นายน้อยข้าไม่เหมาะที่จะฝึกดาบ ? " ริมฝีปากของเด็กสาวขยับช้าๆขณะที่นางพูด
"เด็กโง่ การทำตามต้นแบบมิใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในวันเดียว เจ้าเพียงเริ่มฝึกศิลปะการวาดดาบในช่วงบ่าย เจ้าไม่คิดว่าเจ้าจะตัดสินมันเร็วไปหน่อยหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อข้าฝึกฝนศิลปะการวาดดาบครั้งแรก ข้าฝึกฝนมันตลอดทั้งวัน และความก้าวหน้าของข้ายังต่ำกว่าของเจ้า" หลิงเทียนส่ายหัว เขาสงสัยว่าปัญหาคืออะไร แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่ทำให้เธอลำบากใจคือเรื่องนี้
" เช่นนั้นหรือ ? " เด็กสาวกระพริบตาที่งดงามและเป็นประกาย ความเชื่อมั่นของนางกำลังกลับมาอีกครั้ง
"แน่นอน มันเป็นเช่นนั้น " หลิงเทียนยิ้มเบา ๆ
"เค่อเอ้อ ถ้าเจ้าต้องการใช้ความเร็วของศิลปะการวาดดาบอย่างเต็มที่ เจ้าต้องทำความคุ้นเคยกับวิธีที่ข้าพยายามสอนให้เจ้าก่อนหน้านี้เสียก่อน นั่นคือวิธีถือดาบของเจ้า ขั้นแรกเจ้าต้องทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเจ้า และจากนั้นเจ้าจะต้องทำความคุ้นเคยกับท่าทาง และการใช้พลังในแต่ละขั้นตอน เมื่อเจ้าเข้าใจมันแล้ว เจ้าจึงค่อยมาหาข้า " หลิงเทียนกล่าว
"นายน้อย ข้าจะฝึกอย่างหนัก" เด็กสาวบอกด้วยความจริงใจ ขณะที่เธอพยักหน้า
หลิงเทียนยืนอยู่ด้านข้าง และเฝ้าดูเด็กสาวที่ยังคงฝึกฝนดาบ ทันใดนั้นเขาดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง
"ท่านแม่"
หลี่รู่ปรากฏตัวข้างหลิงเทียน เธอสังเกตเห็นเด็กสาวคนหนึ่งฝึกดาบอยู่ท่าเดียวกัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลี่รู่แสดงความสงสัย
"เทียน เจ้ากำลังสอนทักษะดาบให้กับเค่อเอ้อ ? ทำไมเธอฝึกดาบท่าเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ...เจ้าต้องการให้ข้าซื้อทักษะดาบที่หอตำราให้หรือไม่ ? " หลี่รู่ถาม
"ไม่จำเป็นท่านแม่ ทักษะดาบนั้น เป็นสิ่งดีที่สุดที่ข้าค้นพบแล้ว แต่เมื่อใช้มันในการต่อสู้จริง ทักษะอื่นๆเหล่านั้นล้วนไร้ค่า " หลิงเทียนส่ายหัว
เขาไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้ใด ๆ ที่อยู่ในศาลาการต่อสู้ของตระกูลหลี่อย่างจริงจัง โดยเฉพาะทักษะดาบที่มีอยู่ในศาลาการต่อสู้
" เทียน เจ้าจะบอกข้าว่าทักษะดาบที่เจ้าสอนให้เค่อเอ้อ ดียิ่งกว่าทักษะดาบในศาลาการต่อสู้" หลี่รู่พูดอย่างไม่เชื่อ
" หรือท่านแม่ อยากทดสอบ ? " หลิงเทียนหันกลับมา และหัวเราะ
" เจ้า เจ้าอยากจะประลองกับข้า ? " หลี่รู่หัวเราะ
สำหรับเธอการซ้อมต่อสู้กับนักรบระดับการบ่มเพาะร่างกาย ในระดับที่สามก็เหมือนกับการละเล่น
" ท่านแม่ โปรดระวัง " หลิงเทียนเตือน และในขณะเดียวกันมือขวาของเขาก็กางออก และคว้าด้ามดาบสีม่วงมาแทน
ศิลปะการวาดดาบ!
เขาวาดดาบออกอย่างรวดเร็ว มันไร้ล่องลอย! ภายใต้แสงแดดส่องสว่างจะเห็นได้เพียงเส้นสีขาว ก่อนที่ดาบจะหล่นลง ดาบเหล็กก็กลับเข้าไปอยู่ในมือของหลิงเทียน
ศิลปะการวาดดาบ: รวดเร็วดุจสายฟ้า รุนแรงเช่นฟ้าฝ่า!
ในขณะเดียวกับที่หลิงเทียนดึงดาบ หลี่รู่ก็ขยับไปด้านหลัง!
แรงเท้าที่เธอใช้ออกนั้นเป็นการดึงพลังแห่งท้องฟ้า และบนท้องฟ้ามีเงาขนาดมหึมาโบราณขึ้นมาเหนือหัวของเธอ
ซึ่งหมายความว่าการที่จะหลบดาบของหลิงเทียนได้ เธอต้องใช้พลังของช้างแมมมอธหนึ่งตัว!
หลี่รู่หายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่หลิงเทียนด้วยความไม่เชื่อ
เธอสังเกตเห็นว่าแม้ว่ากระบวนท่าการวาดดาบของบุตรชายเธอจะคล้ายกับที่เค่อเอ้อกำลังฝึกอยู่ แต่ความเร็วที่พวกเขาใช้ มิได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ถ้าเธอช้ากว่านี้ ดาบของบุตรชายเธอจะต้องสัมผัสตัวเธอแน่
การวาดดาบด้วยพลังความแรงของการพ่มเพาะร่างกายระดับที่สาม สามารถบังคับให้เธอใช้พลังเท่ากับระดับการบ่มเพาะร่างกายระดับเก้า เพื่อหลบ ...
ทักษะดาบนี้ช่างท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง!
"ท่านแม่ นั่นเป็นทักษะดาบที่ข้าสอนให้เค่อเอ้อ ท่านเห็นว่าอย่างไรบ้าง ?" หลิงเทียนยิ้มเล็กน้อย
แม้ว่าจะเป็นนักต่อสู้ระดับการบ่มเพาะร่างกายระดับ 6 ตราบใดที่เขาสามารถเข้าใกล้ได้ เขาก็มั่นใจในความสามารถของเขาในการฆ่าคู่ต่อสู้ของเขา
เมื่อมีความแตกต่างของระดับการบ่มเพาะร่างกายหากไม่ถึงหนึ่งระดับ ความช่วยเหลือของอาวุธจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
เมื่อรวมกับศิลปะการวาดดาบของเขาแล้ว การที่เขาจะประสบความสำเร็จด้วยความพยายามของเขาก็จะยิ่งง่ายขึ้น!
" ทักษะดาบนี้ เจ้าได้จากชายชราที่เจ้าพบในฝันของเจ้าด้วยหรือไม่" หลี่รู่เหลือบมองลึกลงไปที่หลิงเทียน
หลิงเทียนไม่สามารถช่วยตัวเองได้ เขาใช้มือแตะจมูก และยิ้มอย่างอาย
" เทียน ทักษะดาบนี้เรียกว่าอะไร ? "
" ศิลปะการวาดดาบ "
" เจ้าสามารถสอน แม่ด้วยได้หรือไม่ ? "
" แน่นอน ท่านแม่ !"
หลี่รู่เริ่มให้ความสนใจกับศิลปะการวาดดาบ ดังนั้นเธอจึงเริ่มฝึกกับเค่อเอ้อ
ด้วยเธอมีพื้นฐานระดับการเพาะปลูกที่สูงจึงทำให้ความก้าวหน้าในการฝึกศิลปะการวาดดาบของเธอรวดเร็วกว่าเค่อเอ้อยิ่งนัก
หลังจากวันนั้นด้วยความแข็งแกร่งช้างแมมมอธหนึ่งตัว ความเร็วในการวาดดาบของหลี่รู่ก็คล้ายคลึงกับของหลิงเทียน
แน่นอนความเข้าใจในศิลปะการวาดดาบของเธอไม่ได้ใกล้เคียงกับหลิงเทียน
หลังจากนั่นเธอใช้กำลังหนึ่งหมื่นปอนด์เพื่อให้สอดคล้องกับความเร็วของหลิงเทียน
เพื่อประโยชน์ในการปลูกฝังศิลปะการวาดดาบ หลี่รู่ซื้อดาบเหล็กกล้ามาด้วย ดาบของเธอจะอยู่กับเธอตลอดเวลา
ไม่กี่วันต่อมา หลิงเทียนเริ่มจะไม่มีเวลามากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการบ่มเพาะพลังของตัวเองแล้ว เขายังสอนมารดาและเค่อเอ้อให้รู้จักกับวิธีการฝึกฝนดาบอีกด้วย และขณะเดียวกันเขายังต้องเปลี่ยนแปลงสูตรน้ำยาพ่มเพาะร่างกาย ให้กับผู้อาวุโสของตระกูลหลี่
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากมารดาและเค่อเอ้อ เขาคงจะหมดแรงเอาเง่ายๆ
หลังจากใช้เวลาสามวันในการผสมน้ำยาสมุนไพรเพื่อผสมให้กับบุตรของตระกูลหลี่ใช้เป็นเวลาสามเดือน หลิงเทียนจึงมีเวลาว่าง
ขณะที่มองไปที่ตัวยาสมุนไพรที่กองซ้อนกันดังภูเขาในห้องของเขา หลิงเทียนมีรอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของเขา
เขาเก็บสมุนไพรอย่างน้อยหนึ่งในสามของสมุนไพรทั้งหมด ที่ผู้อาวุโสตระกูลหลี่ได้มอบให้ เป็นค่าแรงของเขา
ซึ่งหมายความว่าเมื่อเขาต้องการผสมน้ำยาของบ่มเพาะร่างกาย ในอนาคต เขาจะไม่ต้องซื้อสมุนไพรอีกต่อไป
" เทียน คนจากตระกูลฟางได้มาหาเจ้า ท่านประมุขขอให้เจ้าไปพบที่ห้องโถง" หลี่รู่กล่าว
ตระกูลฟาง ?
" สุดท้ายพวกเขาก็มาแล้ว ? "
ดวงตาของหลิงเทียนกระพริบ เขาไม่มีร่องรอยของความตกใจ
ขณะที่เขาพาเค่อเอ้อไปซื้อดาบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้คาดเดาว่าคนที่แอบสะกดรอยตามเขาเป็นคนของตระกูลฟาง
ห้องโถงตระกูลหลี่
มีท่านประมุขแห่งตระกูล และผู้อาวุโสที่หกหลี่ปิงนั่งอยู่ข้างๆ ที่นั่งตรงข้ามกับพวกเขาคือท่านประมุขของตระกูลฟาง ฟางอี
ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังฟางอีเป็นชายวัยกลางคนที่ดวงตาเป็นสีแดง
“ท่านประมุข”
ทันใดนั้นเสียงของหลิงเทียนดังออกมาจากหน้าห้องโถง
“เข้ามา” หลี่น่านตอบ
" ผู้อาวุโสที่หก ข้าได้ยินมาว่าบุตรชายของท่านหลี่ดู่กำลังจะก้าวไปสู่ระดับที่สามของขั้นตอนการบ่มเพาะร่างกาย ขอแสดงความยินดี…." หลิงเทียนเข้าและทักทายท่านประมุขหลี่น่าน ก่อนที่จะพยักหน้าให้หลี่ปิง
หลีปิงยิ้มอย่างเป็นกันเอง และสายตาของเขากระพริบด้วยความกตัญญู และเสียใจ
ถ้าหลิงเทียนไม่ได้ใจกว้าง บุตรชายของเขาคงจะไม่มีโอกาสก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้
"หลิงเทียน นี่คือท่านประมุขของตระกูลฟาง และคนที่อยู่ข้างหลังเขาคือพ่อบ้านของ
ตระกูลฟาง" หลี่น่านแนะนำ
" คารวะประมุข ท่านพ่อบ้านฟาง"
หลิงเทียนจ้องมองไปยังแขกทั้งสองคน และยิ้มให้จางๆ การแสดงออกของเขาไร้ความกังวล
" ข้าได้ยินมานานแล้ว ว่าผู้อาวุโสคนที่เก้าของตระกูลหลี่ เป็นสตรีเก่งกล้าสามารถ และบุตรชายควรจะเหมือนอย่างแม่ แต่เท่าที่ข้ามอง เจ้าออกจะสามัญทั่วไป "
สายตาของฟางอีแคบลงไป
ตามการสอบสวนของเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ การเพิ่มขึ้นของพลังอย่างฉับพลันของหลิงเทียนเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์
ในเวลาหนึ่งเดือน เขาเปลี่ยนแปลงจากคนป่วยเป็นผู้ฝึกยุทธ์นักสู้ระดับที่สามของขั้นบ่มเพาะร่างกาย
และเขาสามารถทำให้คนที่แข็งแรงอย่างหลี่เจียบุตรชายของผู้อาวุโสที่เจ็ดกลายเป็นคนพิการ ซึ่งหลี่เจียนเป็นถึงเด็กอัจฉริยะของตระกูลหลี่
หลังจากนั้นเขายังไม่ได้ถูกลงโทษใด ๆ จากตระกูลหลี่
"ท่านประมุขฟาง ข้าพาหลิงเทียนมาที่นี่แล้ว ท่านตามหาเขาเพราะเหตุใด ? " หลี่น่านเอ่ยปากถาม
ใบหน้าฟางอีเปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของเขา และมองไปที่ชายหนุ่ม
ในลักษณะที่โกรธแค้นอย่างรุนแรง
" หลิงเทียน ??เจ้ากล้ามาก! เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเจ้าทำร้ายบุตรชายของข้า และทำให้บุตรชายของพ่อบ้านฟางของข้าพิการ เจ้ามีคำอธิบายให้ข้า ใช่หรือไม่ ? "
หลี่น่านและหลี่ปิงไม่ได้คิดถึงการระเบิดความโกรธอย่างฉับพลันของประมุขฟางอี เพราะพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
ใบหน้าของหลิงเทียนเงียบสงบเหมือนน้ำในสระ เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีอะไรอยู่เหนือการคาดการณ์ของเขา
" ท่านประมุขฟาง ถ้าท่านมาที่นี่เพื่อต่อว่าการลงมือของข้าแล้ว ข้ากลัวว่าท่านจะต้องผิดหวัง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น ข้าแน่ใจว่าท่านได้ตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยความยุติธรรม ถ้าบุตรชายของท่านไม่พึ่งบารมีของตระกูลฟาง ข้าคงจะไม่ทำร้ายเขา นอกจากนี้ในความเห็นของข้า ข้ายังมีเมตตาโดยไม่ลงมือทำร้ายบุตรชายของท่านหนักเกินไป ข้าถือว่าได้ไว้หน้าแก่ตระกูลฟางของท่านแล้ว " หลิงเทียนยิ้มอย่างเฉยเมย
" เจ้ากล้ามาก เป็นแค่สมาชิกของตระกูลหลี่ที่ใช้แซ่อื่น เจ้ากล้าที่จะไม่สุภาพกับท่านประมุขฟางอี แห่งตระกูลฟางได้อย่างไร! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! "
พ่อบ้านฟาง ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังได้หาโอกาสที่เขาต้องการ เขาตะโกนดังขึ้นก่อนที่จะลอยออกไปเหมือนนกอินทรี พุ่งเข้าหาหลิงเทียน
การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และความตั้งใจในการฆ่า เหนือศีรษะของเขาปรากฏพลังแห่งสวรรค์ และโลก ทำให้เกิดเงาดำโบราณขนาดมหึมา!