บทที่ 10 : การพนัน!
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เป็นวันที่นัดประลองระหว่างหลิงเทียนกับหลี่เจีย
ยามเช้าในห้องที่สะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อย หลิงเทียนลุกขึ้นจากถังอาบน้ำ เขาเพิ่งจะดูดซึมส่วนสุดท้ายของน้ำยาบ่มเพาะร่างกายไป
ขณะที่เขาขยับร่างกาย เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่ง หลิงเทียนยกยิ้มมุมปาก
ตลอดทั้งเดือนของการฝึกฝนอย่างหนักไม่ได้เสียเปล่า! หลังจากที่ผ่านการบ่มเพาะเป็นเวลาหนึ่งเดือน ปรากฏร่องรอยความภาคภูมิใจบนใบหน้าหลิงเทียนจางๆ
การฝึกร่างกายเป็นเวลานานทำให้ร่างกายของหลิงเทียนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เทียบกับตัวเขาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เหมือนกับเป็นคนละคน
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงเคาะประตูมาจากข้างนอก
"นายน้อย ท่านตื่นหรือยัง?"
เสียงที่ไพเราะเช่นเดียวกับการร้องเพลงจากนกขมิ้นทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนโยนภายใต้แสดงออกอันสงบนิ่งของหลิงเทียน
หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จ หลิงเทียนเดินออกมาจากด้านหลังห้อง เดินไปเปิดประตูห้อง
เมื่อประตูเปิดแสงแดดอ่อน ๆ ความอบอุ่นไหลเข้ามาในห้อง และเข้าสู่ร่างกายของหลิงเทียน
ข้างนอกคือเด็กสาวบอบบางและสง่างามจ้องมองมาทางหลิงเทียน เมื่อสายตาของพวกเขาปะทะกัน เธอก้มหน้าลงในความเขินอาย แก้มเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ
เด็กสาวสวมเสื้อผ้าสีเขียวอ่อน ซึ่งเผยให้เห็นการเติบโตของเธอ คู่ดอกไม้บานที่ไม่ได้ตั้งใจอวด เป็นสิ่งล่อตาล่อใจแสดงถึงความอ่อนเยาว์ เอวที่เพรียวบางที่อาจกอดได้ด้วยแขนข้างหนึ่ง ถูกผูกติดกับเข็มขัดสีฟ้าที่พ้ริวไปตามแรงลม ...
หลิงเทียนมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า และนิ่งไปชั่วครู่
"เค่อเอ๋อร์ เจ้าตื่นเช้าดี" หลิงเทียนยิ้มให้ยิ้มเล็กน้อย
เขาถอนหายใจเบา ๆ ในใจ ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ร่างกายของเธอมีเสน่ห์มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่หลิงเทียนมองเธอ ใบหน้าของเธอแดงจนดูเหมือนเลือดจะไหลออกมาได้
"นายน้อย นายหญิงบอกว่าท่านจะออกไปข้างนอก ให้ข้ามาปลุกท่าน และออกไปพร้อมกับนายน้อย ข้ามิคิดว่านายน้อยจะตื่นเช้าเช่นนี้" เด็กสาวกระพริบตา คิ้วใบหลิวโค้งในรูปพระจันทร์เสี้ยวเมื่อเธอพยักหน้าเบา ๆ สิ่งที่เด็กสาวบอกทำให้หลิงเทียน หัวเราะอย่างขมขื่น
<ท่านแม่คิดว่าข้ายังคงเป็นเด็กขี้เกียจที่ชอบตื่นสาย? >
"เค่อเอ๋อร์, เจ้าไปถึงระดับที่สองของขั้นบ่มเพาะร่างกายแล้ว?"
ทันใดนั้นหลิงเทียนก็มองไปที่เด็กสาวด้วยความรู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่าเธอตัดผ่านไปอีกขั้น
"ต้องขอบคุณทุกอย่างที่นายน้อยมอบให้ น้ำยาที่ท่านปรุงให้ข้า ถ้าไม่เช่นนั้นความคืบหน้าของข้าก็คบไม่รวดเร็วเท่านี้ "
ดวงตาที่กระจ่างใสของเด็กสาวขยับเล็กน้อย และคิ้วใบหลิวของเธอก็ขยับขึ้น เธอพยักหน้าเล็กน้อย มุมปากของเธอก็ยิ้มขึ้น
"ยาเป็นเพียงปัจจัยรอง จุดสำคัญที่สุดคือเจ้ามีพรสวรรค์ที่ดี ดูเหมือนว่าทักษะดาบเหมันต์จะเหมาะกับเจ้ามาก ...เจ้าจะต้องใช้ดาบเนื่องจากเจ้ากำลังบ่มเพาะวิถีดาบ ในตอนบ่ายข้าจะพาเจ้าไปซื้อดาบ " หลิงเทียนส่ายหัวและยิ้ม
"นายน้อยไม่ใช่ท่านบอกว่าการบ่มเพาะร่างกายของทักษะดาบเหมันต์ ไม่ได้มีทักษะดาบใดๆ ? " สาวน้อยกระพริบตาของเธอ
"ข้าจะสอนทักษะดาบอื่น ๆ เจ้าต้องการที่จะเรียนรู้ไหม? " หลิงเทียนหยอกเล่นอย่างสนุกสนาน
"เจ้าค่ะ!" ดูเหมือนจะกลัวว่าหลิงเทียนอาจกลับคำพูดของเขา
"เค่อเอ๋อร์ไปกันเถอะ"
หลังจากออกจากห้องของเขา และปิดประตู เขายื่นมือออกไปจับมือเด็กสาว การกระทำของเขาดูเหมือนเป็นธรรมชาติ และราบรื่นราวกับว่าเขาได้ฝึกซ้อมนับไม่ถ้วน
"ใช่ เราไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่มารอเรานานเกินไป"
ใบหน้าของหญิงสาวมีรอยยิ้มแห่งความสุข ขณะที่มือเล็ก ๆ ของเธอจับมือเด็กหนุ่มไว้แน่น
คู่หนุ่มสาวจับมือกันขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากบ้าน และไปที่ห้องฝึกสมาธิในการฝึกศิลปะการต่อสู้ของตระกูลหลี่
ระหว่างทางพวกเขาถูกจับตามองจากสาวกของตระกูลหลี่ พวกเขามองด้วยความอิจฉา ชื่นชม และเกลียดชัง
ลูกศิษย์ตระกูลหลี่จำนวนหนึ่งมองไปที่หลิงเทียนเหมือนว่าดวงตาของพวกเขาจะพ่นไฟได้ทุกเมื่อ พวกเขาปรารถนาว่าพวกเขาจะสามารถผลักหลิงเทียนออกไป และเข้าไปแทนที่หลิงเทียนได้
มีสาว ๆ บางคนที่มีความรู้สึกริษยา เมื่อมองไปที่เค่อเอ๋อร์ ที่มีความงามพอๆกับนางฟ้าบนสวรรค์
......
ห้องโถงฝึกศิลปะการต่อสู้ของตระกูลหลี่เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่
บริเวณนอกเวทีมีระดับความสูงขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้มีคนเข้ามาที่นั่น คนเหล่านี้เป็นลูกศิษย์ตระกูลหลี่ที่มาชุมนุมกัน พวกเขาคึกคักและตื่นเต้นสุดๆจนพูดคุยส่งเสียงดังกระหึ่ม
"แค่เด็กสองคนสู้กัน แต่ทุกคนในตระกูลมากันหมด นี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก! "
"ใช่ แม้แต่ผู้อาวุโสหอการค้าก็กลับมาจากเมืองวายุโปรย ความคึกครื้นในวันนี้เทียบกับงานวันเกิดท่านผู้นำได้เลย "
"ในความเห็นของข้า ที่บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายได้กลับมาเป็นเพราะผู้อาวุโสที่เจ็ดเชิญบรรดาผู้อาวุโส และท่านประมุขมาเป็นพยาน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะมา ถ้าหากไม่มาจะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้อาวุโสที่เจ็ด"
......
ที่ด้านหน้าของสนามฝึกศิลปะการต่อสู้มีเวทีสูงที่มีที่นั่งวางไว้ หลายคนนั่งอยู่ที่นั่น แล้วดื่มด่ำกับชาหอม ๆ คนเหล่านี้เป็นพวกสายตระกูลหลักของตระกูลหลี่และมีหลี่หนานเฟิง*ผู้เป็นประมุขตระกูลหลี่นั่งอยู่ตรงกลาง
นอกจากที่นั่งข้างๆเขาแล้ว ที่นั่งอื่นๆเต็มหมด ถัดมาด้านหลังเป็นที่นั่งของผู้อาวุโสตระกูลหลี่ แต่ละคนมีเด็กอายุน้อยๆอยู่ข้างกาย
ในฐานะผู้อาวุโสที่เก้าของตระกูลหลี่ หลี่รู่นั่งอยู่ริมๆ ใบหน้าของเธอสงบ ราวกับว่าสีหน้าของเธอจะไม่มีสันเปลี่ยนแม้ว่าภูเขาจะพังลงตรงหน้าเธอ
"ผู้อาวุโสที่เก้า ท่านมีความสามารถในการควบคุมตนเองได้ดี"
ผู้อาวุโสที่เจ็ดและที่เก้า หลี่คุนและหลี่รู่ถูกขั้นด้วยผู้อาวุโสลำดับที่แปด เขาเอนศีรษะมองไปที่หลี่รู่และยิ้มให้จาง ๆ
หลี่คุนแสดงออกถึงความมั่นใจในชัยชนะ
หรี่รู่ทำราวกับว่าเธอไม่ได้ยินเสียงเขา และไม่สนใจเขา ทำให้ผู้อาวุโสคนที่แปดที่อยู่ตรงกลางไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าได้
"ฮึ!" หลี่คุนสบถด้วยความเกรี้ยวกราด
เขาอยากจะดูว่าหลี่รู่จะสามารถทำหน้านิ่งได้นานแค่ไหน
วันนี้บุตรชายของเขาหลี่เจียจะทำให้หลิงเทียนพิการ และแก้แค้นให้กับหลี่ซินที่ไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้
"ผู้อาวุโสลำดับหนึ่ง!"
"ผู้อาวุโสลำดับหนึ่ง!"
คนแยกออกจากกันเป็นทางเส้นหนึ่ง พร้อมด้วยคำทักทายที่เต็มไปด้วยความนับถือ คนที่ดูมีอายุเดินขึ้นไปบนเวทียกสูง คือผู้อาวุโสลำดับหนึ่งของตระกูลหลี่ หลี่ฮั่ว!
"ผู้อาวุโสลำดับหนึ่ง!"
รวมทั้งท่านประมุขหลี่หนานเฟิง ทุกคนในตระกูลหลี่ลุกขึ้นยืน และกวาดมือให้ความเคารพชายชรา
ชายชราคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลี่ แต่เขาก็นับว่าเป็นนักปรุงยาระดับเก้า
ในทวีปเมฆาครามนี้นักปรุงยาจะต้องไปรับการพิจารณาก่อนถึงจะเป็นนักปรุงยาที่แท้จริง
การเป็นนักเล่นปรุงยาต้องทำตามข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก อาจกล่าวได้ว่ามีนักสู้ขั้นสร้างแก่นพลังหลักหลายพันคนไม่มีโอกาสเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้ ในเมืองวายุโปรยทั้งสามตระกูลหลักมีนักปรุงยาระดับเก้าเพียงตระกูลละคน
แต่นักปรุงยาของตระกูลหลี่ เป็นเครือญาติของตัวเอง ในขณะที่นักปรุงยาของอีกสองตระกูลได้รับเชิญเข้ามาในตระกูลด้วยการจ่ายเงินจำนวนมหาศาลซึ่งนักปรุงยาสามารถออกได้ทุกเมื่อ
ชายชราพยักหน้าเบา ๆ และนั่งลงที่ที่นั่งด้านข้างของท่านประมุขหลี่น่าน จากนั้นเขาก็หลับตาลง และเข้าสู่สมาธิ
"หลี่เจีย ผู้อาวุโสลำดับหนึ่งมาถึงแล้วเข้าไปที่ลานต่อสู้ได้เลย"
ผู้อาวุโสที่เจ็ดกล่าวกับหลี่เจียที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา หลังจากที่เขาพยักหน้าหลี่เจียเดินเข้าไปในลานต่อสู้อันกว้างขวาง
"ผู้อาวุโสได้มาถึงแล้ว และหลี่เจียก็เข้าไปในเวที แต่ทำไมหลิงเทียนยังไม่มา?"
"มารยาทเป็นสิ่งที่หลิงเทียนควรมี!"
"เขาไม่กลัวก่อนที่จะมาใช่มั้ย?"
สาวกของตระกูลหลี่ที่อยู่รอบ ๆ ห้องฝึกสมรรถภาพทางกายเริ่มคุยกับคนอื่น บางคนรู้สึกผิดหวังต่อหลิงเทียน
"ผู้อาวุโสที่เก้า ผู้อาวุโสได้มาถึงแล้ว ทำไมลูกชายของท่านยังไม่มา? เขาไม่กลัวที่จะมาใช่มั้ย? " ผู้อาวุโสที่เจ็ดตั้งใจพูดเสียงดังขึ้นบนเวที
"ไม่ต้องห่วงผู้อาวุโสที่เจ็ด ตั้งแต่ลูกชายของฉันได้ตกลงที่จะต่อสู้ เขาจะมาตามที่ตกลงไว้"
หลี่รู่ทำเสียง "ฮึ่ม" เบาๆ
"ผู้อาวุโสที่เก้า ข้ารู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำศึกในวันนี้ ทำไมท่านไม่ยอมรับในนามของลูกชายของท่าน? อย่างน้อยที่สุดวิธีนี้ท่านสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บ และป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านและผู้อาวุโสเจ็ดระหองระแหงกว่าเดิม"
ผู้อาวุโสที่หกหลี่ปิง คนที่มีรอยแผลอยู่บนใบหน้าของเขากล่าว เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลี่คุน
"ผู้อาวุโสที่หก ตามสิ่งที่ท่านพูด ท่านคิดว่าหลี่เจียจะชนะได้หรือ?" ผู้อาวุโสที่ห้าไม่สามารถละเลยได้
"นั่นคือความจริงที่ได้รับการยอมรับจากทุกคน" หลี่ปิงยิ้ม
"ผู้อาวุโสที่หกมาเดิมพันกันเถอะ ถ้าหลี่เจียชนะข้าจะจ่ายเงินให้ท่านห้าร้อยเหรียญเงิน แต่ถ้าหลิงเทียนชนะท่านจะต้องจ่ายให้ข้าห้าร้อนเหรียญเงิน ตกลงไหม?" หลี่ถิง*มองลึกเข้าไปในตาของหลี่ปิงก่อนที่จะพูดอย่างช้าๆ
พวกผู้ใหญ่ของตระกูลหลี่ได้รับเงินไม่เกินยี่สิบเหรียญในแต่ละเดือนเท่านั้น หลี่ถิงใช้เงินเก็บหลายปีในการเดิมพัน!
คนในตระกูลหลี่ในที่นั้นรวมถึงท่านประมุขหลี่น่านมองไปที่หลี่ถิงด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมั่นใจในตัวหลิงเทียนมากขนาดนี้
แม้ผู้อาวุโสหลี่ฮั่วก็ลืมตา และมองไปที่หลี่ถิง หลังจากได้ยินหลี่ถิงกล่าวดวงตาของหลี่ปิงส่องแสงเจิดจ้า
เขาเป็นคนที่ชอบเล่นการพนันโดยธรรมชาติ เขาถูกมองว่าเป็นพวกบ้าการพนัน ในใจของเขาตอนนี้กำลังโลดแล่น เขากำลังจะได้เงินฟรี
ปัญหาเดียวของเขาคือเขาไม่มีเงินห้าร้อยในขณะนี้ เงินส่วนใหญ่ของเขาถูกใช้ไปที่บ่อนการพนัน
"ผู้อาวุโสที่หก ท่านกล้าไหม?" เมื่อเห็นว่าหลี่ปิงเงียบ หลี่หลิงก็หัวเราะ
ใบหน้าของหลี่ปิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขาหันไปมองที่ผู้อาวุโสเจ็ด
"ผู้อาวุโสที่หก ข้าสามารถให้ยืมเงินได้ห้าร้อยเหรียญเงิน นอกจากนี้ข้าจะเอาเงินอีกห้าร้อยเหรียญเงินเพื่อเดิมพันกับผู้อาวุโสที่หก ท่านพร้อมที่จะเดิมพันกับข้าหรือเปล่า ผู้อาวุโสห้า?" หลี่คุนกล่าวหลังจากสังเกตเห็นความยากลำบากของหลี่ปิง เขามองไปที่หลี่ถิงด้วยท่าทางที่กระตือรือร้น
หลี่ถิงขมวดคิ้ว แม้ว่าห้าร้อยเหรียญเงินเป็นเพียงเงินเก็บไม่กี่ปี แต่เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับปีนี้, หลี่ถิงมีเพียงประมาณแปดร้อยเหรียญเงิน
หลี่คุนผู้ซึ่งสามารถรวบรวมเงินออมได้หนึ่งพันเหรียญเงินได้ อาจจะถือว่าเป็นผู้อาวุโสที่ร่ำรวยในตระกูลหลี่
อาจกล่าวได้ว่าหลี่คุนกำลังเสี่ยงโชคทั้งหมดทั้งตัวของเขา และเดิมพันออกไปทั้งหมด!
*บทก่อนหน้าชื่อประมุขตระกูลหลี่ อิ้งแปลมาว่า หลี่น่านฮอง บทนี้ แปลมาว่า หลี่หนานเฟิง ต่อจากนี้จะใช้'หลี่หนานเฟิง'อย่างเดียวนะคะเพราะมันเท่กว่า อิอิ ผู้อาวุโสห้าก็จะใช้ หลี่ถิง นะคะ