ตอนที่ 38 การจัดการทาส
วันรุ่งขึ้นเจียงเฉินเช็คเอาท์จากโรงแรมเกาะสวรรค์ จากนั้นเขาก็กล่าวคำอำลากับจ้าวเฉินหวูก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน
แผนการปรับโครงสร้างของระบบบำบัดน้ำเสียใต้ดินได้เริ่มขึ้นแล้ว มีบุคลากรทางทหารเพียงไม่กี่คนจากจ้าวคอเปเรชั่นอยู่ทางเข้า รถก่อสร้างที่วุ่นวายพร้อมกับคนงานที่มีแผงโพลีเอธิลีนแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจ้าวเฉินหวูที่วางอยู่บนเส้นทางการค้านี้
ทหารที่มีอาวุธรบเต็มรูปแบบได้เห็นเจียงเฉินและส่งสัญญาณให้เขาหยุด หลังจากตรวจสอบรหัสยีนเพื่อระบุว่าเจียงเฉินเป็นคนที่มีความสำคัญต่อเจ้านาย ทหารได้ทำความเคารพและก้าวไปด้านข้างเพื่อให้เจียงเฉินผ่านไป
แม้ว่าพวกเขาทำงานภายใต้โครงสร้างองค์กร กองกำลังส่วนตัวได้มีระเบียบวินัยทางทหารและความสามารถที่ทำให้เจียงเฉินเข้าใจถึงความสามารถของถนนสายหกได้ดียิ่งขึ้น บนพื้นผิวพลเรือนทหารเป็นกองกำลังป้องกันของถนนหกแต่กองกำลังที่แท้จริงคือกองกำลังส่วนตัวของนายทุน พลเรือนทหารทำหน้าที่เหมือนตำรวจมากขึ้น
หากทหารเหล่านี้เผชิญหน้ากับโรชาน มันจะเป็นการต่อสู้ที่ง่ายซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อน
ตามความเป็นจริงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียยังไม่ได้เริ่ม เจียงเฉินกระโดดไปบนพื้นคอนกรีต สภาพแวดล้อมของเขามืดสนิท เขาเปิดไฟฉายยุทธวิธีและแผนที่สามมิติบนคอมพิวเตอร์ประสาทสัมผัสเต็มรูปแบบ หลังจากทำจุดหมายเสร็จ เจียงเฉินมุ่งหน้ากลับบ้าน
บรรยากาศรู้สึกกดดัน
หลังจากทหารพลเรือนพาพวกเขาไปที่ห้องกักกันแล้ว ความรู้สึกไม่ดีออกมาจากความคิดของทุกคน การตรวจสอบว่าพวกเขาทั้งหมดได้รับไวรัส X1 ได้ถูกเตรียมการไว้เสร็จสรรพ จากนั้นบางคนในชุดสีขาวที่ดูเหมือนแพทย์สั่งให้ทหารเอายาทางพันธุกรรมปักไว้บนเตียง หลังจากที่พวกเขาฟื้นสติของพวกเขา คอของทุกคนรู้สึกเจ็บแปลกๆ
“พวกเราทุกคนได้รับการฉีดยาด้วยไมโครชิปทาส ฉันไม่คิดว่าฉันต้องอธิบายเพิ่มเติม คุณจะถูกนำไปยังเจ้าของใหม่ในไม่นาน เจ้าพวกหมู” เฉิงเว้ยกั่วยังจำได้อย่างฉัดเจนถึงความเย็นชาและการดูถูก ไปยังถนนหกคนไม่มีงานคือพวกหมูที่กินอาหารเสีย
มันเป็นการสมรู้ร่วมคิด
แต่ไม่มีใครต่อต้าน
พวกเขาไม่ได้เป็นคนใหม่ในค่ายผู้รอดชีวิต หลังจากที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือ เสรีภาพเป็นเพียงความปรารถนาเท่านั้น หากไม่ทำงาน พวกเขาจะได้รับสารอาหารหนึ่งมื้อต่อวัน นี้เพียงป้องกันไม่ให้พวกเขาอดตายแต่ก็ยังมีคนตายเพียงแต่ไม่เยอะ
พวกเขาทุกคนเบียดเสียดกันเป็นวงกลมขณะที่ทหารหกคนในชุดรบสีดำยืนอยู่ข้างๆ บางคนคาดเดาว่าจ้าวคอเปเรชั่นซื้อพวกเขาแต่ด้วยพัสดุที่กองอยู่ข้างๆพวกเขา มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของรายการขาย
“ที่รัก พวกเขาทำอะไรคุณบ้าง” เฉิงเว้ยกั่วห่วงใยภรรยาของเขา
“ไม่ ฉันหมดสติหลังจากพวกเขาฉีดยากล่อมประสาท ฉันรู้สึกเช่นเดียวกันกับคุณและพวกเขา เพียงเจ็บเล็กน้อยในคอ” โจวเจี่ยชีต้องการให้สามีของเธอสงบสติอารมณ์ขณะที่เธอจับไปเบาๆที่มือของเขาและตอบอย่างนุ่มนวล
“ทั้งคู่ควรใช้เวลาที่สนิทสนมด้วยกัน บางทีเราอาจจะถูกขายไปเป็นแรงงานทาสที่ไหนสักแห่ง ผู้ชายจะทำงานและผู้หญิง…ฮิฮิ” ชายวัยกลางคนเปิดปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
“มึงพวกเหี้ยอะไร?” เฉิงเว้ยกั่วรู้สึกสั่นสะเทือนจากมือภรรยาของเขาขณะที่ความโกรธเต็มไปในอกของเขา เขาจ้องที่ชายคนนั้นด้วยความโกรธ
“อะไร คุณต้องการที่จะสู้?” ชายวัยกลางคนหาวนอนขณะที่เขาชี้มาที่คอของเขา “มา ฉันจะไม่ต่อสู้กลับ ลองดูว่าคุณตายหรือฉันตายก่อน”
ทาสเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าของ ถ้ามีการต่อสู้ระหว่างทาส ผลตามปกติคือทั้งสองฝ่ายจะถูกประหารชีวิตในที่สาธารณะ กองกำลังส่วนตัวได้สังเกตเห็นความวุ่นวายนี้แล้วและพวกเขาชี้ปืนของพวกเขาเพื่อยับยั้งการต่อสู้ คนเหล่านี้เป็นสมบัติที่มีค่าของเพื่อนของเจ้านาย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาจะได้รับการลงโทษ
เฉิงเว้ยกั่วกำหมัดไว้แต่ก็ปล่อยมันไป ทาสคนอื่นๆเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและสูญเสียความสนใจทั้งหมดโดยไม่ได้สนใจเพิ่มเติมอีก
ทันใดนั้นกองกำลังส่วนตัวก็เคลื่อนไหวทั้งหมด ทั้งหกคนเรียงรายและทักทายชายหนุ่มคนหนึ่ง พวกเขาได้เข้าไปในรถเล็กๆและจากไป
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้เห็นดวงตาสามสิบคู่?
มันไม่ได้รู้สึกเหมือนมีอะไรพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าเขาควบคุมชีวิตของพวกเขา ความรู้สึกไม่แยแสกับชีวิตมันรู้สึกเหมือนจริงโดยเฉพาะตอนนี้
เจียงเฉินหายใจออกขณะที่เขาขจัดความรู้สึกไม่สบายใจจากใจ เขาไม่ต้องการกลายเป็นนักการเมืองที่เลือดเย็น เขาอยากเป็นคนร่ำรวยที่มีชีวิตที่ฟุ่มเฟือย
การไม่มักใหญ่ใฝ่สูงไม่ใช่เส้นทางที่แย่ที่จะเจอกับประสบการ์การชีวิต
อย่างไรก็ตามเพื่อสะสมความมั่งคั่งในดินแดนที่วุ่นวายนี้ เขาจำเป็นต้องมีกองกำลัง ถ้าเขาไม่ใช่คนร่ำรวย เขาก็จะเป็นเหยื่อ ถ้าเขาได้พบทหารรับจ้างฮุยซองอีกครั้ง เขาจะตกเป็นเหยื่ออีกครั้ง
กองกำลังและการป้องปรามมีความจำเป็นและเขาต้องได้รับพวกมัน เขาระลึกถึงความคิดของเขาขณะที่เขาพิจารณาผ่านร่างทั้งหลายที่กระวนกระวายใจและค่อยๆหายใจออกยาวๆ
“เอาล่ะ มองมาที่ฉัน ฉันจะเป็นเจ้านายในอนาคตของคุณ” เจียงเฉินตบมือขณะที่เขาตะโกน
เสียงของเขาสะท้อนผ่านระบบบำบัดน้ำเสียที่มืดมิดมีความรู้สึกแปลกๆกับมัน
“ฉันรู้ว่าพวกคุณทุกคนมีคำถามมากมายในใจ เช่นฉันจะใช้คุณเป็นตัวล่อหรือให้อาวุธไปสู้ในแนวหน้า โชคดีที่ฉันสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้น”
เจียงเฉินรู้สึกว่าทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจทั้งสามสิบคนได้มีการอ่อนตัวลงบนอีพี
รอยยิ้มที่พอใจปรากฏตัวขึ้นบนใบหน้าของเขาก่อนที่เขาจะหายใจเข้าลึกๆและพูดออกมา
“พวกคุณโชคดีเพราะฉันเป็นเจ้านายของคุณและฉันเชื่อว่าคุณจะได้รับประสบการณ์นั้นในไม่ช้า คุณทำงานให้ฉันและคุณจะไม่อดอาหาร ฉันสามารถปล่อยให้พวกคุณมีชีวิตที่มั่งคั่งได้ตามที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน แต่...”
เมื่อมาถึงจุดนี้เจียงเฉินค่อยๆชลอการพูดของเขาลงและตั้งใจลดเสียงของเขาลงในขณะที่เขาเพิ่มความรู้สึกเย็นชาในโทนเสียงของเขา
“ฉันเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่สามารถให้อภัยคือการทรยศ คุณรู้ชิปติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังคอของคุณ สำหรับฉันคุณไม่มีความเป็นส่วนตัว สำหรับคนทรยศไม่มีการลงโทษนอกเหนือจากความตาย นั่นคือทั้งหมด”
คำพูดของความเชื่อมั่นส่งผ่านระบบท่อน้ำเสียใต้ดินอย่างเงียบๆ ตกใจ เกรงกลัวและคู่ดวงตาทั้งหลายกังวลใจขณะที่ไม่กล้าทำเสียงใดๆ
เกรงกลัว? ถูกตัอง! นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการที่จะปลูกฝังในหัวใจของพวกเขา
ต้องมีสิ่งล่อใจ เขารู้ว่าคนเหล่านี้จะเชื่อฟัง เขารู้ว่าช่วงเวลาที่พวกเขาได้กลิ่นข้ามชามแรกหลังจากหลายปี คนที่หวาดกลัวและไม่แน่นอนเหล่านี้จะสรรเสริญเขาในฐานะพระเจ้าคนที่สอง
“คุณกำลังรออะไรอยู่! คว้าทุกสิ่งทุกอย่างแล้วก็กลับบ้านเถอะ!” เจียงเฉินโบกมือให้พวกทาสยืนขึ้นและยกอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้น
เขาปีนออกจากทางออก หลังจากที่เขาได้มั่นใจความปลอดภัยรอบๆ เขาหย่อนตะขอและสายเคเบิลลงไป คนที่อยู่ด้านล้างผูกมันกับพัสดุและยกสิ่งของขึ้นทีละอัน อุปกรณ์การผลิตทั้งหมดถูกถอดแยกออกและเก็บไว้ในกล่อง การประกอบสามารถทำได้ในคฤหาสน์
เขานำทาสที่มีชุดของวัสดุขณะที่พวกเขาเดินผ่านถนนรกร้างที่เต็มไปด้วยซอมบี้ที่ไร้ชีวิต เจียงเฉินเห็นคฤหาสน์ของเขา หรือ “ป้อมปราการดิน”
เขากดกระดิ่ง อย่างรวดเร็วมีร่างที่สวยงามกระโดดลงไปในอ้อมกอดของเขาขณะที่เธอกอดคอของเขาไว้
“คุณได้เอาหญิงสาวมาไหม?” ตาเหมือนแมวจ้องเจียงเฉินขณะที่ซันเจียวตรวจสอบเขาจากบนลงล่าง
"ไม่ควรประโยคแรกเป็นฉันคิดถึงคุณ?" เจียงเฉินลูบหลังของซันเจียวด้วยรอยยิ้มขม เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ซนยิ่งนัก เด็กผู้หญิงที่มุทะลุเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่มีความห่วงใย?
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย” ซันเจียวยิ้มขณะที่เธอเอานิ้ววาดเป็นวงกลมบนหลังของเขา
“ฉันสาบานกับพระเจ้า ไม่!” เจียงเช็งยกมือขึ้นและสาบาน ในเวลาเดียวกันเขาเพิ่มประโยคในใจของเขา
“ถ้าหุ่นยนต์ไม่นับ”
แม้ว่าความรู้สึกที่หกของเธอทำให้ซันเจียวสงสัยเล็กน้อย เจียงเฉินไม่มีกลิ่นแปลกๆเธอจึงปล่อยมันไป
หลังจากที่เธอจูบเจียงเฉินอีกครั้ง เธอเริ่มสั่งทาสที่ด้านข้างเพื่อย้ายสิ่งต่างๆเข้าไปในคฤหาสน์ จากนั้นก็เริ่มวางแผนที่จะตั้งหลักแหล่งเหล่าทาสเหล่านี้
สนามหญ้าในด้านหน้าคฤหาสน์ถูกล้อมรอบไปด้วยเต้นท์ชั่วคราวสำหรับพวกเขา เต็นท์นักท่องเที่ยวขนาดเล็กที่ซื้อมากับจ้าวเฉินหวูแทบจะไม่สามารถรองรับคนสองคนได้ เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่พวกเขาจะต้องเบียดกันเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่านอนด้านนอก
แน่นอนว่ายังมีห้องพักอยู่ในคฤหาสน์แต่เจียงเฉินไม่ยอมให้คนแปลกหน้าเหล่านี้อาศัยอยู่ในบ้านของเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้กลับและประวัติสะอาดที่สลัม เขายังคงมีปัญหาความไว้วางใจ หากปราศจากความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ที่เหมาะสม เจียงเฉินสามารถปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าเท่านั้น
เย้าเย้าเข้าใจตามคำแนะนำของเจียงเฉินและนำหม้อขนาดยักษ์มา เธอทิ้งข้าวครึ่งถุงพร้อมกับน้ำปริมาณมาก จากนั้นเธอก็เพิ่มใบกะหล่ำปลีและหมูบดเล็กน้อยลงไปในหม้อตามไปด้วยเกลือสองช้อนและผงรสเลิศเล็กน้อย
เธอเปิดก๊าซธรรมชาติและเริ่มปรุงอาหารในหม้อยักษ์
หลังจากใช้ช้อนไม้ยักษ์คนให้ส่วนผสมเข้ากัน เย้าเย้าก็เอาฝาปิดฝาหม้อไว้
เธอดมและปรับไฟก่อนที่จะรออย่างเงียบๆเพื่อให้อาหารสุข ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงเฉินให้ทำอาหารที่มีรสชาติอร่อยให้กับพวกทาส เธอจะสนับสนุนการตัดสินใจของเขาโดยไม่คำนึงถึงแรงจูงใจ
[รูปลักษณ์ที่เห็นอกเห็นใจของพี่ดูหล่อ]
บางทีอาจเป็นเพราะความร้อนที่ทำให้ใบหน้าของเย้าเย้าเป็นสีแดง
เธอกำลังจะถึงวัยที่เธอมีจินตนาการของตัวเอง...