ตอนที่แล้วบทที่ 29 : การตัดสินใจที่เด็ดขาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 : สังหารเจ้า อาศัยเพียงหนึ่งกระบี่!!

ตอนที่ 30 : การปะทะคารมที่ดุเดือด


เช้าวันถัดมา

แสงอัสดงสาดส่องปลุกเหล่าสรรพชีวิตให้ตื่นจากนิทรายาวนานยามรัตติกาล

เด็กหนุ่มหยิบกระบี่สะเก็ดดาวตกม่วงออกมา วาดชมดูอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะเก็บมันเข้าฝักที่เป็นเข็มขัด แล้วนำไปพันไว้รอบเอว ...

ยากนักที่ใครจะล่วงรู้ถึงความลับของเข็มขัดเส้นนี้ ว่าแท้จริงแล้วมันมีอานุภาพเพียงใด

เมื่อเปิดประตูบ้านพักแสงแดดก็สาดส่องปะทะใบหน้า เด็กหนุ่มหลับตาหลบแสงก่อนที่จะเริ่มยืดคลายกล้ามเนื้อทั่วร่าง

"นายน้อย"

เสียงที่สดใสดังเข้าหูของเขา

มองไปตามเสียงเขาก็พบสาวน้อยหน้าตางดงาม ท่าทางน่ารักกำลังมองมาเขาด้วยแววตาสดใส

สาวน้อยร่างบางสวมเสื้อผ้าสีเขียวอ่อน แม้ว่าเข็มขัดสีม่วงจะดูตัดกับสีชุด แต่ทว่ามันกลับงดงามน่าลงตัวอย่างประหลาด

เข็มขัดของเด็กสาวก็มีคุณสมบัติเหมือนเข็มขัดของเด็กหนุ่ม ทว่าลวดลายของมันกลับสวยงามกว่ากันมากนัก

เมื่อถูกหลิงเทียนจ้องด้วยแววตาเป็นประกาย เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะเขินอายเล็กน้อย พวงแก้มนางเจือสีแดงระเรื่อ ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา "นายน้อยท่านมองสิ่งใดอยู่เช่นนั้นหรือ?"

หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างกรุ้มกริ่มว่า "จะให้ข้ามองอะไรเล่า หากไม่ใช่สาวน้อยที่งดงามแสนน่ารักของข้า เค่อเอ๋อ"

"นายน้อยท่านหยอกล้อเค่อเอ๋ออีกแล้ว"

เด็กสาวกล่าวถามออกมาทั้งที่ใบหน้ายังเขินอาย "นายน้อย ข้าและท่านแม่ของท่านเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว รีบไปที่โต๊ะอาหารเถอะเจ้าค่ะ " หลังจากพูดจบนางก็นำหลิงเทียนไปยังโต๊ะอาหาร

"แล้วท่านแม่ของข้าล่ะ?" หลิงเทียนถามออกมา

"นายหญิงถูกประมุขตระกูลเรียกไปพบแต่เช้าเจ้าค่ะ" เด็กสาวกล่าวออกมา

"อืม เค่อเอ๋อ ข้าคิดว่า คงอีกนานกว่าท่านแม่จะกลับมา เรารับประทานกันก่อนดีกว่า "

หลิงเทียนพยักหน้ารับคำกล่าวของเค่อเอ๋อ เขาประหลาดใจเล็กน้อยที่มารดาของเขาถูกประมุขเรียกพบ

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จทั้งคู่ก็เดินออกจากบ้านมา "เค่อเอ๋อ ตอนอยู่ที่ตระกูลฟาง เจ้าต้องคอยยืนอยู่ที่ด้านข้างมารดาข้าเอาไว้รู้มั้ย?"

"ข้าทราบค่ะนายน้อย" เค่อเอ๋อพยักหน้าตอบรับ

ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่ต่างเป็นที่สนใจของชาวเมืองวายุโปรยอย่างมาก

หลังจากที่เดินออกจากตระกูลลี่ พวกเขาก็เดินผ่านตลาดตระกูลลี่ เส้นทางที่จะไปยังตระกูลฟางนั้นหากพ้นตลาดตระกูลลี่ไปแล้ว ต้องผ่านตลาดของสกุลฟางไปก่อน

ภายในตลาดของสกุลฟางตอนนี้กลับคึกคักนัก มีผู้คนจำนวนมากที่ยืนแออัดกันเต็มตลาด ราวกับว่าพวกมันทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อรอคอยใครสักคน

ทันใดนั้นเองฝูงชนก็ลุกฮือขึ้น เมื่อมันมองเห็นเงาร่างของใครบางคนจากไกลๆ

"ดูนั่น นั่นคือต้วนหลิงเทียน! จากตระกูลลี่ โอ้สวรรค์ข้ามิอยากจะเชื่อว่าเขาจะกล้ามาที่ตระกูลฟางจริงๆ! "

"เฮอะ ข้าบอกเจ้าแล้ว หลิงเทียนผู้นี้ไม่มีความกลัวผู้ใด เขาถึงกลับกล้าฆ่าฟางเฉียนหน้าเหลาเถาพฤกษา แล้วเหตุใดเขาต้องเกรงกลัวการมาเยือนตระกูลฟาง เพื่อประลองกับฟางเจี้ยนด้วยเล่า"

"เหอะ! ฟางเจี้ยนไม่ได้เป็นบุคคลระดับเดียวกับฟางเฉียน เจ้ามิรู้หรือว่าผู้ดูแลตระกูลฟางนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด เขาแตกต่างจากฟางเฉียนมากนัก เด็กน้อยนั่นมิรอดแน่ "

......

ในขณะที่ทั้งคู่เดินทางผ่านตลาดต่างๆนั้น เหล่าคนเกือบทั้งเมืองวายุโปรยแทบจะมายืนรอเพื่อยลโฉมหน้าเด็กหนุ่มที่เป็นประเด็นร้อนในตอนนี้

การเดินทางของหลิงเทียน จากด้านหนึ่งของตลาดไปอีกด้านหนึ่งของตลาดครานี้...ราวกับขบวนขององค์จักรพรรดิเสด็จ เส้นทางของมันเต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนอยู่ทั้งสองฟากของถนน อีกทั้งยังมีกลุ่มคนจำนวนมไม่น้อยเดินติดตามมันไปยังตระกูลฟางอีกด้วย

มิหนำซ้ำตอนนี้จำนวนคนยังมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ...

ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงหน้าประตูบ้านของตระกูลฟาง

เมื่อพวกเขามาถึง เหล่าคนของสกุลฟางแทบทั้งหมดก็มายืนรอยู่แล้ว

แต่คนในตระกูลฟางทั้งหมดก็ต่างเปิดทางมันให้แต่โดยดี ไร้เรื่องราวอะไร ...

เมื่อหลิงเทียนมาถึงก็พบคนตระกูลลี่จำนวนมากยืนรอมันอยู่ นอกจากหลิงคุนแล้วทุกคนต่างมารวมตัวกันเพื่อรอหลิงเทียน

"ท่านประมุข"

ต้วนหลิงเทียนไม่ประหลาดใจสักเท่าไร ที่พบเห็นประมุขตระกูลลี่ที่นี่ เขานำเค่อเอ๋อไปทำการคารวะประมุขตระกูลโดยทันที

เหล่าผู้คนรอบๆไม่อาจระงับบทสนทนาของเรื่องราวในวันนี้ใด ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยเสียงกระซิบกระซาบ

"ดูเหมือนว่าตระกูลลี่จักให้ความสำคัญแก่หลิงเทียนผู้นี้สูงยิ่งนัก"

"นั่นน่ะสิ ขนาดประมุขตระกูลยังมาด้วยตัวเอง ซ้ำยังนำเหล่าอาวุโสของตระกูลมาด้วยกันทั้งหมด มิธรรมดาจริงๆ ... แม้หลิงเทียนผู้นี้จะมิได้ใช้ชื่อลี่เป็นสกุล แต่คนตระกูลลี่กลับให้ความสำคัญแก่เขาไม่น้อย!"

"ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่เฉพาะการต่อสู้ของหลิงเทียนและฟางเจี้ยนเสียแล้ว ราวกับทั้งสองตระกูลกำลังจะสู้รบกัน!"

......

หลังจากที่ส่งเค่อเอ๋อถึงมือมารดา หลิงเทียนก็เดินอย่างองอาจไปกลางคนของตระกูลฟางก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยเสียงดังลั่นเป็นการยั่วยุว่า "ระยะเวลานัดหมาย 3 เดือนมาถึงแล้ว เหตุใดฟางเจี้ยนยังไม่โผล่หัวออกมาเล่า หรือเจ้าขลาดเขลามิกล้าออกมาสู้หน้าเด็กอย่างข้า!? "

ต้วนหลิงเทียนยืนตะโกนดังลั่น เสียงของเขาดังกังวานราวกับจะทะลุสวรรค์ผ่านชั้นฟ้า

ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่าเขาราวกับเทพเจ้าสงคราม

"เหตุใดข้าจะไม่กล้า?"

คนของตระกูลฟางหลีกทางให้คนกลุ่มหนึ่งของตระกูลที่กำลังเดินเข้ามา

คนที่ตอบรับคำกล่าวของหลิงเทียนเมื่อครู่ ไม่ใช่ใครอื่นมันคือ ฟางเจี้ยน!

ด้านหลังของฟางเจี้ยนก็เป็นประมุขของตระกูลฟาง ฟางยี่ และก็เหล่าอาวุโสของตระกูลฟาง

มีชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างฟางยี่ และดูเหมือนว่าชายชราคนนั้นจะน่าเกรงขามไม่น้อยเพราะท่าทีของฟางยี่กลับดูสำรวม เมื่อมันยืนอยู่ข้างเขา

"นั่นอาวุโสหลักของตระกูลฟาง!"

"ผู้ใดจะคาดคิดกันเล่าว่าเหตุการณ์ครานี้ ผู้อาวุโสหลักของตระกูลฟางจักออกมาด้วยตนเอง!"

"ถ้าอาวุโสหลักของตระกูลลี่มาด้วย เรื่องราวครานี้ท่าจะดุเดือดมิน้อย!"

......

เมื่อได้ยินบทสนทนาของผู้คนหลิงเทียนหันไปจ้องยังอาวุโสหลักตระกูลฟางอีกครั้ง

แม้ว่าท่าทีของอาวุโสหลักตระกูลฟางจะดูสงบเสงี่ยมเยือกเย็น แต่ทว่าหลิงเทียนกลับสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่มันพยายามสะกดข่มเอาไว้

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการสังหารที่ผ่านความเป็นตายมานับไม่ถ้วนอย่างหลิงเทียนมีหรือจะดูไม่ออก

เมื่อคนสำคัญมาถึง เหล่ากลุ่มคนต่างก็แยกย้ายไปรวมตัวกันคนละฝั่ง เหล่าตระกูลฟางก็ไปยืนด้านหลังของอาวุโสหลักตระกูลฟาง ด้านตระกูลลี่ก็ไปยืนด้านหลังประมุขตระกูลลี่

ทันใดนั้นเองอาวุโสหลักตระกูลฟางก็เปล่งวาจาเสียงดังออกมา "เมื่อมาถึงแล้วเหตุใดจึงไปหลบซ่อนอยู่ตรงมุมนั้นกันเล่า ลี่หัว?"

"ฮ่าๆ นับว่าสายตาเจ้ายังไม่ฝ้าฟางเท่าไรนัก"

เสียงปริศนาดังขั้นก่อนที่บุคคลลึกลับจะปรากฏตัวออกมา

มันคืออาวุโสหลักของตระกูลลี่ ลี่หัว

"ท่านผู้อาวุโสหลัก!"

เหล่าคนตระกูลลี่ทำการคารวะอาวุโสหลักลี่หัวอย่างพร้อมเพรียง

"ผู้อาวุโสหลัก มาด้วยงั้นรึ"

แม้จะเป็นหลิงเทียนเองเขาก็คาดไม่ถึงมาก่อนว่าจะได้เห็นลี่หัวที่นี้

...เหล่าผู้คนรอบๆต่างมุงดูเหตุการณ์กันอย่างระทึกขวัญ

ฉากตรงหน้าเผลอๆทั้งชีวิตของพวกมันอาจไม่ได้ชมดูอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้พวกมันรู้สึกว่าการมาชมดูเหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะได้พบบุคคลระดับสูงของเมืองแทบทั้งหมด

ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

“ฮ่าฮ่า! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้อาวุโสหลักทั้งหลายจะมาร่วมงานนี้ด้วย การที่ข้าพาบุตรสาวมาครานี้นับว่าเป็นบุญตาเสียจริง”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นคนที่อยู่รอบๆล้วนหลีกทางให้ผู้พูดเดินเข้ามา คนกลุ่มใหม่นี้คือคนของตระกูลเฉินนำมาโดยเฉินลี่ ทางด้านข้างของมันคือ เฉินเม่ยเอ๋อ ที่รบเร้าให้มันพามารับชมเหตุการณ์ ตอนนี้มันก็นำผู้ติดตามเดินมาหยุดอยู่ระหว่างตระกูลลี่และตระกูลฟาง

“หือ?”

หลิงเทียนสังเกตได้ว่าเฉินเม่ยเอ๋อนั้นกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตากังวล อดไม่ได้ที่หลิงเทียนจะรู้สึกสงสัยขึ้นมา

นางคงไม่ได้ตกหลุมรักข้าหรอกนะ?

"ฟางเจี้ยน!"

หลิงเทียนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคนจ้องไปยังฟางเจี้ยนอย่างไม่แยแสและหวาดกลัว ก่อนที่มันจะเรียกชื่อฟางเจี้ยนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ฟางเจี้ยน ก็เดินไปประจัญหน้ากับหลิงเทียนเมื่อถูกเรียก

"นะ...นั่นมันระดับชั้นก่อเกิดขั้นที่ 1 ! ฟางเจี้ยนทะลวงผ่านไปยังระดับก่อเกิดแล้วเช่นนั้นรึ! " ผู้อาวุโส 2 ของตระกูลลี่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อสัมผัสระดับพลังของฟางเจี้ยน

ทุกๆคนในตระกูลลี่ยกเว้น ลี่หนันเฟิง, อาวุโสหลักลี่หัว และอาวุโส 5 ลี่ติง ต่างตื่นตระหนกกันทั้งสิ้น

ท่าทางของคนตระกูลลี่แปรเปลี่ยนไปในพริบตาแม้กระทั่ง คนที่มุงดูอยู่รอบๆยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดัน

ข้อมูลใหม่ที่พวกเข้าได้รับรู้มันน่าตกตะลึงจนเกินไป!

ผู้ดูแลตระกูลฟาง ฟางเจี้ยนตัดผ่านมายังระดับชั้นก่อเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่?

"ครอบครัวฟางปกปิดเรื่องนี้ได้อย่างแยบยลนัก มิมีผู้ใดเอะใจสักนิด "

"ข้าว่าที่ครอบครัวฟางจงใจปกปิดข้อมูลครั้งนี้ ย่อมมีเหตุผลเป็นแน่!"

......

ตอนนี้ผู้คนรอบๆทั้งหมดกำลังสนทนาเรื่องนี้กันอย่างหนาหู นอกจากนั้นพวกมันยังส่งสายตาเห็นใจมายังหลิงเทียนอีกด้วย

ตอนนี้ความรู้สึกของลี่หลัวก็พลุ้งพล่านอย่างมาก นางไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ฟางเจี้ยนจะตัดผ่านมายังระดับก่อกำเนิดได้ นางรีบเดินออกจากกลุ่มคนตระกูลลี่ มุ่งหน้ามายังหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างร้อนรน "ลูกเทียนกลับบ้านพร้อมกับแม่! พวกเราจะจากไปโดยไม่ต้องสนใจเรื่องราวในวันนี้ "

แต่ก่อนที่หลิงเทียนจะได้ตอบคำมารดาของมันประมุขตระกูลฟางกลับกล่าวแทรกออกมา ฟางยี่หัวเราะลั่นก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน "อาวุโส 9 บุตรชายเจ้าเอ่ยคำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะในวันนั้น อย่าบอกนะว่าวันนี้มันจักกลับคำเสียแล้ว สมคาดมิถึงจริงๆว่าคนตระกูลลี่จักขลาดเขลาหวาดกลัวการสู้รบถึงเพียงนี้? "

ลี่หลัวไม่ได้สนใจฟางยี่แม้แต่น้อยนางจะพาหลิงเทียนกลับบ้านให้จงได้

บุตรชายของนางยังมีโอกาสชนะหากว่าตอนนี้ฟางเจี้ยนนั้นยังมีระดับอยู่ที่การบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9

แต่เมื่อมันมีระดับอยู่ที่ขั้นก่อเกิด ตอนนี้นางไม่เห็นทางที่บุตรชายจะเอาชัยจากมันได้เลย!

"อาวุโส 9 ท่านคิดเล่นตลกกับตระกูลฟางเช่นนั้นหรือ"

ผู้อาวุโสของตระกูลฟางคนหนึ่งเดินมาแทรกระหว่างลี่หลัวและหลิงเทียนราวกลับว่าวันนี้มันไม่มีทางให้หลิงเทียนเล็ดรอดเงื้อมมือพวกมันไปได้เป็นอันขาด

ผู้อาวุโสของตระกูลฟางคนอื่นๆก็มองไปยังเหล่าคนของตระกูลลี่เพื่อสะกดไม่ให้พวกมันลงมือกระทำการอันใด เพื่อช่วยเหลือหลิงเทียน

ครอบครัวฟางมีการเคตรียมการมาเป็นอย่างดี!

"ข้าก็อยากรู้ว่าใครจะหยุดข้าได้!" ลี่หลัวที่ถูกขวางทางกล่าวออกมาด้วยโทสะ

ลี่หลัวยื่นมือไปกระชับกระบี่ชั้นเลิศที่เอวของนาง

ตราบใดที่นางใช้ออกด้วย วิชา วาดกระบี่ ของบุตรชายนาง นางมั่นใจว่า ณ ที่นี้ไม่มีอาวุโสตระกูลฟางหน้าไหนสามารถขัดขวางนางได้แม้แต่ผู้เดียว

แต่หากนางลงมือถึงขั้นนั้นรับรองว่า เรื่องราวครานี้คงไม่จบโดยง่าย มันอาจจะเป็นสงครามของตระกูลลี่และตระกูลฟาง อาจจะมีผู้คนมากมายต้องสังเวยชีวิตกว่าการสู้รบจะจบสิ้น

"ท่านแม่!"

ในเวลานี้หลิงเทียนก็กล่าวคำเรียกมารดามันออกมา พร้อมทั้งส่งสายตามั่นใจไปยังมารดาของมั่นราวกับจะสื่อความหมายว่า "โปรดมั่นใจในตัวข้า"

ลี่หลัวย่อมเข้าใจความนัยจากสายตาของบุตรชายนาง หลังจากที่นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะปล่อยออกมาพร้อมกับละมือจากกระบี่

แต่นางตัดสินใจไปแล้วว่า หากบุตรชายนางไม่อาจรับมือฟางเจี้ยนได้ หรือว่าฟางเจี้ยนทำให้บุตรชายของมันตกอยู่ในอันตราย นางจะไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ต่อให้ทั้งครอบครัวต้องหลั่งเลือดนางก็จะช่วยเหลือบุตรของนาง

สำหรับบุตรชายของนางแล้ว นางมิกลัวแม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก!

"ท่านพ่อจะทำเช่นไรกันดี? ฟางเจี้ยนตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดแล้ว เป็นไปมิได้เลยที่หลิงเทียนจะรับมือเขาได้"

เฉินเม่ยเอ๋อมองบิดาด้วยสายตากังวลก่อนที่นางจะกล่าวออกมาว่า "ท่านพ่อต้องช่วยเขานะ"

เฉินลี่ได้แต่ยิ้มรับอย่างขมขื่น "เม่ยเอ๋อ วันนี้แม้แต่พ่อก็ทำได้แค่เฝ้าดูเท่านั้น เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ... พ่อไม่สามารถกระทำการใดโดยพลการได้"

สีหน้าของเม่ยเอ๋อซีดลงเล็กน้อย นางได้แต่กัดมุมปากก่อนที่จะมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตากังวลอย่างมาก ในใจของนางร่ำร้องอยู่เพียงเรื่องเดียว "ตัวเลวร้ายเจ้าอย่าได้เป็นอันใดไปนะ ข้ายังมิได้เอาคืนเจ้าเลย... "

"นายน้อย!"

สีหน้าของเค่อเอ๋อกลับกลายเป็นซีดเผือด นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าคู่ต่อสู้ของนายน้อยจะตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิดแล้ว

มือเล็กๆขาวนวลละเอียดอ่อนของนางเตรียมพร้อมชักกระบี่อ่อนทุกเมื่อ หากสถานการณ์มันดูเลวร้ายนางพร้อมจะแลกด้วยชีวิตเพื่อปกป้องนายน้อยของนาง

"ลูกพี่ท่านโปรดระวังตัวด้วย!"

ไขมันน้อยที่อยู่ในกลุ่มคนตระกูลลี่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น น้ำเสียงของมันแสดงความห่วงใยออกมาไม่น้อย

ฟางเจี้ยนมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย "หลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ 3 เดือนเจ้ากลับบรรลุถึงระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 ...แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าต้องตกตายวันนี้ ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าเพื่อเซ่นสังเวยให้แก่ดวงวิญญาณของบุตรชายข้า! "

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส "เหตุใดเจ้าจึงพล่ามมากนัก? เจ้าไม่กลัวกัดลิ้นตนเองหรือไร?! "

ฟางเจี้ยนแสยะยิ้มออกมา "หลิงเทียน ได้ข่าวว่ากระบี่ของเจ้าอันตรายมิน้อย แล้วเหตุใดเจ้ามิชักกระบี่ออกมาเสียเล่า ... หรือจะกล่าวว่าจาเหลวไหลเช่น ข้าคนนี้ไม่มีค่าพอให้ชักกระบี่ เช่นนั้นรึ?

"โอ้ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเจ้าจะแสนรู้เยี่ยงสุนัขเช่นนี้"

หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันแววตาของเขาเปล่งประกายราวกับดวงตะวัน

"เด็กบัดซบ หาที่ตาย!"

สายตาฟางเจี้ยนกลับกลายเป็นอำมหิต เส้นเลือดที่หน้าผากมันเริ่มปูดโปนขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว พลังงานต้นกำเนิดเริ่มทะลักออกมาจากสองฝ่ามือของมันหนาแน่นจนเห็นได้ชัด

และทันใดนั้นเองเหนือศีรษะของมัน พลังงานฟ้าดินเริ่มพวยพุ่งก่อนที่จะหลอมรวมเป็นก้อนหมอกทรงกลมสีขาวบริสุทธิ์ ไม่นานนักก้อนพลังนั้นเริ่มพัฒนากลายเป็นเงาร่างของช้างแมมมอธโบราณ ซำร้ายมันยังมีถึงสองตัว!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด