ตอนที่ 30 : การปะทะคารมที่ดุเดือด
เช้าวันถัดมา
แสงอัสดงสาดส่องปลุกเหล่าสรรพชีวิตให้ตื่นจากนิทรายาวนานยามรัตติกาล
เด็กหนุ่มหยิบกระบี่สะเก็ดดาวตกม่วงออกมา วาดชมดูอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะเก็บมันเข้าฝักที่เป็นเข็มขัด แล้วนำไปพันไว้รอบเอว ...
ยากนักที่ใครจะล่วงรู้ถึงความลับของเข็มขัดเส้นนี้ ว่าแท้จริงแล้วมันมีอานุภาพเพียงใด
เมื่อเปิดประตูบ้านพักแสงแดดก็สาดส่องปะทะใบหน้า เด็กหนุ่มหลับตาหลบแสงก่อนที่จะเริ่มยืดคลายกล้ามเนื้อทั่วร่าง
"นายน้อย"
เสียงที่สดใสดังเข้าหูของเขา
มองไปตามเสียงเขาก็พบสาวน้อยหน้าตางดงาม ท่าทางน่ารักกำลังมองมาเขาด้วยแววตาสดใส
สาวน้อยร่างบางสวมเสื้อผ้าสีเขียวอ่อน แม้ว่าเข็มขัดสีม่วงจะดูตัดกับสีชุด แต่ทว่ามันกลับงดงามน่าลงตัวอย่างประหลาด
เข็มขัดของเด็กสาวก็มีคุณสมบัติเหมือนเข็มขัดของเด็กหนุ่ม ทว่าลวดลายของมันกลับสวยงามกว่ากันมากนัก
เมื่อถูกหลิงเทียนจ้องด้วยแววตาเป็นประกาย เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะเขินอายเล็กน้อย พวงแก้มนางเจือสีแดงระเรื่อ ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา "นายน้อยท่านมองสิ่งใดอยู่เช่นนั้นหรือ?"
หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างกรุ้มกริ่มว่า "จะให้ข้ามองอะไรเล่า หากไม่ใช่สาวน้อยที่งดงามแสนน่ารักของข้า เค่อเอ๋อ"
"นายน้อยท่านหยอกล้อเค่อเอ๋ออีกแล้ว"
เด็กสาวกล่าวถามออกมาทั้งที่ใบหน้ายังเขินอาย "นายน้อย ข้าและท่านแม่ของท่านเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว รีบไปที่โต๊ะอาหารเถอะเจ้าค่ะ " หลังจากพูดจบนางก็นำหลิงเทียนไปยังโต๊ะอาหาร
"แล้วท่านแม่ของข้าล่ะ?" หลิงเทียนถามออกมา
"นายหญิงถูกประมุขตระกูลเรียกไปพบแต่เช้าเจ้าค่ะ" เด็กสาวกล่าวออกมา
"อืม เค่อเอ๋อ ข้าคิดว่า คงอีกนานกว่าท่านแม่จะกลับมา เรารับประทานกันก่อนดีกว่า "
หลิงเทียนพยักหน้ารับคำกล่าวของเค่อเอ๋อ เขาประหลาดใจเล็กน้อยที่มารดาของเขาถูกประมุขเรียกพบ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จทั้งคู่ก็เดินออกจากบ้านมา "เค่อเอ๋อ ตอนอยู่ที่ตระกูลฟาง เจ้าต้องคอยยืนอยู่ที่ด้านข้างมารดาข้าเอาไว้รู้มั้ย?"
"ข้าทราบค่ะนายน้อย" เค่อเอ๋อพยักหน้าตอบรับ
ระหว่างการเดินทาง ทั้งคู่ต่างเป็นที่สนใจของชาวเมืองวายุโปรยอย่างมาก
หลังจากที่เดินออกจากตระกูลลี่ พวกเขาก็เดินผ่านตลาดตระกูลลี่ เส้นทางที่จะไปยังตระกูลฟางนั้นหากพ้นตลาดตระกูลลี่ไปแล้ว ต้องผ่านตลาดของสกุลฟางไปก่อน
ภายในตลาดของสกุลฟางตอนนี้กลับคึกคักนัก มีผู้คนจำนวนมากที่ยืนแออัดกันเต็มตลาด ราวกับว่าพวกมันทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อรอคอยใครสักคน
ทันใดนั้นเองฝูงชนก็ลุกฮือขึ้น เมื่อมันมองเห็นเงาร่างของใครบางคนจากไกลๆ
"ดูนั่น นั่นคือต้วนหลิงเทียน! จากตระกูลลี่ โอ้สวรรค์ข้ามิอยากจะเชื่อว่าเขาจะกล้ามาที่ตระกูลฟางจริงๆ! "
"เฮอะ ข้าบอกเจ้าแล้ว หลิงเทียนผู้นี้ไม่มีความกลัวผู้ใด เขาถึงกลับกล้าฆ่าฟางเฉียนหน้าเหลาเถาพฤกษา แล้วเหตุใดเขาต้องเกรงกลัวการมาเยือนตระกูลฟาง เพื่อประลองกับฟางเจี้ยนด้วยเล่า"
"เหอะ! ฟางเจี้ยนไม่ได้เป็นบุคคลระดับเดียวกับฟางเฉียน เจ้ามิรู้หรือว่าผู้ดูแลตระกูลฟางนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด เขาแตกต่างจากฟางเฉียนมากนัก เด็กน้อยนั่นมิรอดแน่ "
......
ในขณะที่ทั้งคู่เดินทางผ่านตลาดต่างๆนั้น เหล่าคนเกือบทั้งเมืองวายุโปรยแทบจะมายืนรอเพื่อยลโฉมหน้าเด็กหนุ่มที่เป็นประเด็นร้อนในตอนนี้
การเดินทางของหลิงเทียน จากด้านหนึ่งของตลาดไปอีกด้านหนึ่งของตลาดครานี้...ราวกับขบวนขององค์จักรพรรดิเสด็จ เส้นทางของมันเต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนอยู่ทั้งสองฟากของถนน อีกทั้งยังมีกลุ่มคนจำนวนมไม่น้อยเดินติดตามมันไปยังตระกูลฟางอีกด้วย
มิหนำซ้ำตอนนี้จำนวนคนยังมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ...
ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงหน้าประตูบ้านของตระกูลฟาง
เมื่อพวกเขามาถึง เหล่าคนของสกุลฟางแทบทั้งหมดก็มายืนรอยู่แล้ว
แต่คนในตระกูลฟางทั้งหมดก็ต่างเปิดทางมันให้แต่โดยดี ไร้เรื่องราวอะไร ...
เมื่อหลิงเทียนมาถึงก็พบคนตระกูลลี่จำนวนมากยืนรอมันอยู่ นอกจากหลิงคุนแล้วทุกคนต่างมารวมตัวกันเพื่อรอหลิงเทียน
"ท่านประมุข"
ต้วนหลิงเทียนไม่ประหลาดใจสักเท่าไร ที่พบเห็นประมุขตระกูลลี่ที่นี่ เขานำเค่อเอ๋อไปทำการคารวะประมุขตระกูลโดยทันที
เหล่าผู้คนรอบๆไม่อาจระงับบทสนทนาของเรื่องราวในวันนี้ใด ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
"ดูเหมือนว่าตระกูลลี่จักให้ความสำคัญแก่หลิงเทียนผู้นี้สูงยิ่งนัก"
"นั่นน่ะสิ ขนาดประมุขตระกูลยังมาด้วยตัวเอง ซ้ำยังนำเหล่าอาวุโสของตระกูลมาด้วยกันทั้งหมด มิธรรมดาจริงๆ ... แม้หลิงเทียนผู้นี้จะมิได้ใช้ชื่อลี่เป็นสกุล แต่คนตระกูลลี่กลับให้ความสำคัญแก่เขาไม่น้อย!"
"ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่เฉพาะการต่อสู้ของหลิงเทียนและฟางเจี้ยนเสียแล้ว ราวกับทั้งสองตระกูลกำลังจะสู้รบกัน!"
......
หลังจากที่ส่งเค่อเอ๋อถึงมือมารดา หลิงเทียนก็เดินอย่างองอาจไปกลางคนของตระกูลฟางก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยเสียงดังลั่นเป็นการยั่วยุว่า "ระยะเวลานัดหมาย 3 เดือนมาถึงแล้ว เหตุใดฟางเจี้ยนยังไม่โผล่หัวออกมาเล่า หรือเจ้าขลาดเขลามิกล้าออกมาสู้หน้าเด็กอย่างข้า!? "
ต้วนหลิงเทียนยืนตะโกนดังลั่น เสียงของเขาดังกังวานราวกับจะทะลุสวรรค์ผ่านชั้นฟ้า
ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่าเขาราวกับเทพเจ้าสงคราม
"เหตุใดข้าจะไม่กล้า?"
คนของตระกูลฟางหลีกทางให้คนกลุ่มหนึ่งของตระกูลที่กำลังเดินเข้ามา
คนที่ตอบรับคำกล่าวของหลิงเทียนเมื่อครู่ ไม่ใช่ใครอื่นมันคือ ฟางเจี้ยน!
ด้านหลังของฟางเจี้ยนก็เป็นประมุขของตระกูลฟาง ฟางยี่ และก็เหล่าอาวุโสของตระกูลฟาง
มีชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างฟางยี่ และดูเหมือนว่าชายชราคนนั้นจะน่าเกรงขามไม่น้อยเพราะท่าทีของฟางยี่กลับดูสำรวม เมื่อมันยืนอยู่ข้างเขา
"นั่นอาวุโสหลักของตระกูลฟาง!"
"ผู้ใดจะคาดคิดกันเล่าว่าเหตุการณ์ครานี้ ผู้อาวุโสหลักของตระกูลฟางจักออกมาด้วยตนเอง!"
"ถ้าอาวุโสหลักของตระกูลลี่มาด้วย เรื่องราวครานี้ท่าจะดุเดือดมิน้อย!"
......
เมื่อได้ยินบทสนทนาของผู้คนหลิงเทียนหันไปจ้องยังอาวุโสหลักตระกูลฟางอีกครั้ง
แม้ว่าท่าทีของอาวุโสหลักตระกูลฟางจะดูสงบเสงี่ยมเยือกเย็น แต่ทว่าหลิงเทียนกลับสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่มันพยายามสะกดข่มเอาไว้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการสังหารที่ผ่านความเป็นตายมานับไม่ถ้วนอย่างหลิงเทียนมีหรือจะดูไม่ออก
เมื่อคนสำคัญมาถึง เหล่ากลุ่มคนต่างก็แยกย้ายไปรวมตัวกันคนละฝั่ง เหล่าตระกูลฟางก็ไปยืนด้านหลังของอาวุโสหลักตระกูลฟาง ด้านตระกูลลี่ก็ไปยืนด้านหลังประมุขตระกูลลี่
ทันใดนั้นเองอาวุโสหลักตระกูลฟางก็เปล่งวาจาเสียงดังออกมา "เมื่อมาถึงแล้วเหตุใดจึงไปหลบซ่อนอยู่ตรงมุมนั้นกันเล่า ลี่หัว?"
"ฮ่าๆ นับว่าสายตาเจ้ายังไม่ฝ้าฟางเท่าไรนัก"
เสียงปริศนาดังขั้นก่อนที่บุคคลลึกลับจะปรากฏตัวออกมา
มันคืออาวุโสหลักของตระกูลลี่ ลี่หัว
"ท่านผู้อาวุโสหลัก!"
เหล่าคนตระกูลลี่ทำการคารวะอาวุโสหลักลี่หัวอย่างพร้อมเพรียง
"ผู้อาวุโสหลัก มาด้วยงั้นรึ"
แม้จะเป็นหลิงเทียนเองเขาก็คาดไม่ถึงมาก่อนว่าจะได้เห็นลี่หัวที่นี้
...เหล่าผู้คนรอบๆต่างมุงดูเหตุการณ์กันอย่างระทึกขวัญ
ฉากตรงหน้าเผลอๆทั้งชีวิตของพวกมันอาจไม่ได้ชมดูอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้พวกมันรู้สึกว่าการมาชมดูเหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะได้พบบุคคลระดับสูงของเมืองแทบทั้งหมด
ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
“ฮ่าฮ่า! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้อาวุโสหลักทั้งหลายจะมาร่วมงานนี้ด้วย การที่ข้าพาบุตรสาวมาครานี้นับว่าเป็นบุญตาเสียจริง”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นคนที่อยู่รอบๆล้วนหลีกทางให้ผู้พูดเดินเข้ามา คนกลุ่มใหม่นี้คือคนของตระกูลเฉินนำมาโดยเฉินลี่ ทางด้านข้างของมันคือ เฉินเม่ยเอ๋อ ที่รบเร้าให้มันพามารับชมเหตุการณ์ ตอนนี้มันก็นำผู้ติดตามเดินมาหยุดอยู่ระหว่างตระกูลลี่และตระกูลฟาง
“หือ?”
หลิงเทียนสังเกตได้ว่าเฉินเม่ยเอ๋อนั้นกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตากังวล อดไม่ได้ที่หลิงเทียนจะรู้สึกสงสัยขึ้นมา
นางคงไม่ได้ตกหลุมรักข้าหรอกนะ?
"ฟางเจี้ยน!"
หลิงเทียนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคนจ้องไปยังฟางเจี้ยนอย่างไม่แยแสและหวาดกลัว ก่อนที่มันจะเรียกชื่อฟางเจี้ยนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฟางเจี้ยน ก็เดินไปประจัญหน้ากับหลิงเทียนเมื่อถูกเรียก
"นะ...นั่นมันระดับชั้นก่อเกิดขั้นที่ 1 ! ฟางเจี้ยนทะลวงผ่านไปยังระดับก่อเกิดแล้วเช่นนั้นรึ! " ผู้อาวุโส 2 ของตระกูลลี่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อสัมผัสระดับพลังของฟางเจี้ยน
ทุกๆคนในตระกูลลี่ยกเว้น ลี่หนันเฟิง, อาวุโสหลักลี่หัว และอาวุโส 5 ลี่ติง ต่างตื่นตระหนกกันทั้งสิ้น
ท่าทางของคนตระกูลลี่แปรเปลี่ยนไปในพริบตาแม้กระทั่ง คนที่มุงดูอยู่รอบๆยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดัน
ข้อมูลใหม่ที่พวกเข้าได้รับรู้มันน่าตกตะลึงจนเกินไป!
ผู้ดูแลตระกูลฟาง ฟางเจี้ยนตัดผ่านมายังระดับชั้นก่อเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่?
"ครอบครัวฟางปกปิดเรื่องนี้ได้อย่างแยบยลนัก มิมีผู้ใดเอะใจสักนิด "
"ข้าว่าที่ครอบครัวฟางจงใจปกปิดข้อมูลครั้งนี้ ย่อมมีเหตุผลเป็นแน่!"
......
ตอนนี้ผู้คนรอบๆทั้งหมดกำลังสนทนาเรื่องนี้กันอย่างหนาหู นอกจากนั้นพวกมันยังส่งสายตาเห็นใจมายังหลิงเทียนอีกด้วย
ตอนนี้ความรู้สึกของลี่หลัวก็พลุ้งพล่านอย่างมาก นางไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ฟางเจี้ยนจะตัดผ่านมายังระดับก่อกำเนิดได้ นางรีบเดินออกจากกลุ่มคนตระกูลลี่ มุ่งหน้ามายังหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างร้อนรน "ลูกเทียนกลับบ้านพร้อมกับแม่! พวกเราจะจากไปโดยไม่ต้องสนใจเรื่องราวในวันนี้ "
แต่ก่อนที่หลิงเทียนจะได้ตอบคำมารดาของมันประมุขตระกูลฟางกลับกล่าวแทรกออกมา ฟางยี่หัวเราะลั่นก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน "อาวุโส 9 บุตรชายเจ้าเอ่ยคำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะในวันนั้น อย่าบอกนะว่าวันนี้มันจักกลับคำเสียแล้ว สมคาดมิถึงจริงๆว่าคนตระกูลลี่จักขลาดเขลาหวาดกลัวการสู้รบถึงเพียงนี้? "
ลี่หลัวไม่ได้สนใจฟางยี่แม้แต่น้อยนางจะพาหลิงเทียนกลับบ้านให้จงได้
บุตรชายของนางยังมีโอกาสชนะหากว่าตอนนี้ฟางเจี้ยนนั้นยังมีระดับอยู่ที่การบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9
แต่เมื่อมันมีระดับอยู่ที่ขั้นก่อเกิด ตอนนี้นางไม่เห็นทางที่บุตรชายจะเอาชัยจากมันได้เลย!
"อาวุโส 9 ท่านคิดเล่นตลกกับตระกูลฟางเช่นนั้นหรือ"
ผู้อาวุโสของตระกูลฟางคนหนึ่งเดินมาแทรกระหว่างลี่หลัวและหลิงเทียนราวกลับว่าวันนี้มันไม่มีทางให้หลิงเทียนเล็ดรอดเงื้อมมือพวกมันไปได้เป็นอันขาด
ผู้อาวุโสของตระกูลฟางคนอื่นๆก็มองไปยังเหล่าคนของตระกูลลี่เพื่อสะกดไม่ให้พวกมันลงมือกระทำการอันใด เพื่อช่วยเหลือหลิงเทียน
ครอบครัวฟางมีการเคตรียมการมาเป็นอย่างดี!
"ข้าก็อยากรู้ว่าใครจะหยุดข้าได้!" ลี่หลัวที่ถูกขวางทางกล่าวออกมาด้วยโทสะ
ลี่หลัวยื่นมือไปกระชับกระบี่ชั้นเลิศที่เอวของนาง
ตราบใดที่นางใช้ออกด้วย วิชา วาดกระบี่ ของบุตรชายนาง นางมั่นใจว่า ณ ที่นี้ไม่มีอาวุโสตระกูลฟางหน้าไหนสามารถขัดขวางนางได้แม้แต่ผู้เดียว
แต่หากนางลงมือถึงขั้นนั้นรับรองว่า เรื่องราวครานี้คงไม่จบโดยง่าย มันอาจจะเป็นสงครามของตระกูลลี่และตระกูลฟาง อาจจะมีผู้คนมากมายต้องสังเวยชีวิตกว่าการสู้รบจะจบสิ้น
"ท่านแม่!"
ในเวลานี้หลิงเทียนก็กล่าวคำเรียกมารดามันออกมา พร้อมทั้งส่งสายตามั่นใจไปยังมารดาของมั่นราวกับจะสื่อความหมายว่า "โปรดมั่นใจในตัวข้า"
ลี่หลัวย่อมเข้าใจความนัยจากสายตาของบุตรชายนาง หลังจากที่นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะปล่อยออกมาพร้อมกับละมือจากกระบี่
แต่นางตัดสินใจไปแล้วว่า หากบุตรชายนางไม่อาจรับมือฟางเจี้ยนได้ หรือว่าฟางเจี้ยนทำให้บุตรชายของมันตกอยู่ในอันตราย นางจะไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ต่อให้ทั้งครอบครัวต้องหลั่งเลือดนางก็จะช่วยเหลือบุตรของนาง
สำหรับบุตรชายของนางแล้ว นางมิกลัวแม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก!
"ท่านพ่อจะทำเช่นไรกันดี? ฟางเจี้ยนตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดแล้ว เป็นไปมิได้เลยที่หลิงเทียนจะรับมือเขาได้"
เฉินเม่ยเอ๋อมองบิดาด้วยสายตากังวลก่อนที่นางจะกล่าวออกมาว่า "ท่านพ่อต้องช่วยเขานะ"
เฉินลี่ได้แต่ยิ้มรับอย่างขมขื่น "เม่ยเอ๋อ วันนี้แม้แต่พ่อก็ทำได้แค่เฝ้าดูเท่านั้น เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ... พ่อไม่สามารถกระทำการใดโดยพลการได้"
สีหน้าของเม่ยเอ๋อซีดลงเล็กน้อย นางได้แต่กัดมุมปากก่อนที่จะมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตากังวลอย่างมาก ในใจของนางร่ำร้องอยู่เพียงเรื่องเดียว "ตัวเลวร้ายเจ้าอย่าได้เป็นอันใดไปนะ ข้ายังมิได้เอาคืนเจ้าเลย... "
"นายน้อย!"
สีหน้าของเค่อเอ๋อกลับกลายเป็นซีดเผือด นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าคู่ต่อสู้ของนายน้อยจะตัดผ่านไปยังระดับก่อเกิดแล้ว
มือเล็กๆขาวนวลละเอียดอ่อนของนางเตรียมพร้อมชักกระบี่อ่อนทุกเมื่อ หากสถานการณ์มันดูเลวร้ายนางพร้อมจะแลกด้วยชีวิตเพื่อปกป้องนายน้อยของนาง
"ลูกพี่ท่านโปรดระวังตัวด้วย!"
ไขมันน้อยที่อยู่ในกลุ่มคนตระกูลลี่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น น้ำเสียงของมันแสดงความห่วงใยออกมาไม่น้อย
ฟางเจี้ยนมองไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย "หลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ 3 เดือนเจ้ากลับบรรลุถึงระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 ...แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าต้องตกตายวันนี้ ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าเพื่อเซ่นสังเวยให้แก่ดวงวิญญาณของบุตรชายข้า! "
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส "เหตุใดเจ้าจึงพล่ามมากนัก? เจ้าไม่กลัวกัดลิ้นตนเองหรือไร?! "
ฟางเจี้ยนแสยะยิ้มออกมา "หลิงเทียน ได้ข่าวว่ากระบี่ของเจ้าอันตรายมิน้อย แล้วเหตุใดเจ้ามิชักกระบี่ออกมาเสียเล่า ... หรือจะกล่าวว่าจาเหลวไหลเช่น ข้าคนนี้ไม่มีค่าพอให้ชักกระบี่ เช่นนั้นรึ?
"โอ้ ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเจ้าจะแสนรู้เยี่ยงสุนัขเช่นนี้"
หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันแววตาของเขาเปล่งประกายราวกับดวงตะวัน
"เด็กบัดซบ หาที่ตาย!"
สายตาฟางเจี้ยนกลับกลายเป็นอำมหิต เส้นเลือดที่หน้าผากมันเริ่มปูดโปนขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว พลังงานต้นกำเนิดเริ่มทะลักออกมาจากสองฝ่ามือของมันหนาแน่นจนเห็นได้ชัด
และทันใดนั้นเองเหนือศีรษะของมัน พลังงานฟ้าดินเริ่มพวยพุ่งก่อนที่จะหลอมรวมเป็นก้อนหมอกทรงกลมสีขาวบริสุทธิ์ ไม่นานนักก้อนพลังนั้นเริ่มพัฒนากลายเป็นเงาร่างของช้างแมมมอธโบราณ ซำร้ายมันยังมีถึงสองตัว!!