ตอนที่ 27 : เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัว!!
หลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความโมโหว่า "ไออ้วนบัดซบ เจ้าคิดว่าการจารึกอาคมมันทำได้ง่ายๆเช่นนั้นหรือไร เจ้าถึงกล้าพูดราวกับว่าอยากได้เมื่อไรก็ต้องได้ ข้ายังไม่ได้กล่าวถึงราคาวัตถุดิบที่ต้องจ่ายด้วยซ้ำ เจ้ารู้หรือไม่การจารึกอาคมเพลิงอัสนีหนึ่งครั้งต้องใช้เหรียญเงินซื้อวัตถุดิบไม่ต่ำกว่า 30 เหรียญ?! "
เทคนิคการจารึกอาคม นับว่าเป็นเทคนิคที่ผลาญเงินทองมหาศาล
นี่ยังไม่กล่าวถึงว่าอาคมเพลิงอัสนีนั้น ยังนับว่าเป็นอาคมจารึกระดับต่ำเท่านั้น
หากเป็นการจารึกอาคมระดับสูงกว่านี้ จำนวนเหรียญเงินที่ต้องใช้มันอาจจะเป็นพันๆเหรียญหรืออาจจะสูงถึงหมื่นเหรียญด้วยซ้ำ ...
หลิงเทียนคาดว่าเมื่อเขาบอกราคาไป ไออ้วนบัดซบนี่ต้องเลิกล้มความตั้งใจเป็นแน่
ต่อให้บิดาของไออ้วนนี่จะเป็น ผู้อาวุโส 5 ลี่ติงก็เถอะ เขาก็ยังได้รับเบี้ยเลี้ยงจากตระกูลเพียง 20 เหรียญเงินต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ไออ้วนนี่จะได้รับเงินมาผลาญเล่นจากบิดามากมายอะไรขนาดนั้น
แต่ทว่า เมื่อไขมันน้อยได้ยินคำกล่าวของหลิงเทียน มันกลับหัวเราะออกมา อย่างเหนือความคาดหมาย
มันเอามืออ้วนกลมของมันล้วงเข้าไปในอกเสื้อก่อนที่จะหยิบตั๋วเงินออกมาปึกนึง ตั๋วเงินนั้นแต่ละใบมีมูลค่าถึง 100 เหรียญเงิน ไออ้วนยื่นทั้งหมดส่งให้หลิงเทียนทันที "ลูกพี่ต้องการแค่เงินเท่านั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นนับว่าไม่มีปัญหาอันใดเลย! นี่น่าจะมีราวๆ 700 เหรียญเงินกว่าๆ ท่านสามารถใช้มันมอบให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคม เพื่อจารึกอาคมให้ข้าได้เต็มที่ "
ต้วนหลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออก
เขาค่อนข้างมั่นใจว่า เงินจำนวนมากในมือไขมันน้อยไม่น่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากผู้อาวุโส 5 ถึงแม้ว่า ลี่ติงจะพึ่งได้รับเงินมาเพิ่มอีก 500 เหรียญเงินจากการลงพนันข้างเขาในวันก่อนก็เถอะ แต่เขาก็ควรมีเหรียญเงินไม่เกิน 1,500 เหรียญ
มิฉะนั้นวันที่ลงพนันเขาคงไม่แสดงท่าทางมีปัญหากับการใช้ออกแค่ 500 เหรียญเงิน
หลิงเทียนรับเงินจากไขมันน้อยก่อนที่จะนับมันอย่างรวดเร็วพร้อมถามออกมา "ลี่ซวน เงินพวกนี้เจ้าเอามาจากไหนกันแน่?"
ไขมันน้อยเผยยิ้มกว้างออกมาจนตามันหรี่เล็กลงแทบจะหายไป "ท่านปู่ข้าให้ไว้ก่อนที่ข้าจะกลับมายังตระกูลลี่ ลูกพี่ท่านอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อของข้านะได้โปรด ไม่งั้นข้าคงไม่สามารถเก็บรักษาเงินพวกนี้เอาไว้ได้ "
"นอกจากตั๋วเงินพวกนี้ แล้วเจ้ายังมีอีกหรือไม่?"
แววตาสงสัยของหลิงเทียนเริ่มเปล่งประกายออกมาเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเจ้าอ้วนนี่จะกล้ามอบเงินให้เขาทั้งหมดในทีเดียว
"แหะแหะ ยังมีอยู่อีกนิดหน่อย"
ไขมันน้อยกล่าวออกมาอย่างน่าไม่อาย "ท่านปู่ของข้ากล่าวกับข้าว่า หากข้าใช้เงินหมดเมื่อไหร่ สามารถเขียนจดหมายไปขอท่านเพิ่มได้ทุกเมื่อ แหะๆ"
หลิงเทียนเบ้ปากเล็กน้อย นี่เห็นได้ชัดว่าปู่ของไขมันน้อยย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?
จากความทรงจำในอดีตของต้วนหลิงเทียนคนเก่า เขารู้แค่ว่ามารดาของไขมันน้อยเสียชีวิตจากล้มป่วยเมื่อราวๆ 7-8 ปีก่อน หลังจากนั้น ไขมันน้อยก็ถูกปู่ของมันพาไปเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
"ด้วยเหรียญเงินจำนวนนี้ ย่อมใช้ทำอะไรได้หลายอย่าง ... "
หลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะตบไปที่บ่าของไขมันน้อย "เอาล่ะ ข้าจะเขียนรายการวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการจารึกอาคมเพลิงอัสนีให้เจ้านำไปซื้อ แล้วจากนั้นค่อยมาพูดถึงค่าแรงของข้าหลังจากที่ข้าจารึกอาคมเพลิงอัสนีตามจำนวนวัตถุดิบที่เจ้าสามารถซื้อมาได้ ส่วนเงินนี่ข้าจะเก็บไว้ก่อนเป็นมัดจำ.... หืม เจ้ามีอะไรจะพูดงั้นเหรอ?"
"ลูกพี่ ท่านบอกว่าจะจารึกอาคมให้ข้า ... อย่าบอกนะว่าท่านเป็นคนจารึกอาคมเพลิงอัสนีพวกนี้?"
เมื่อเข้าใจความหมายของคำพูดหลิงเทียน ไขมันน้อยก็ตกตะลึงอย่างมาก
"เจ้าจะสนใจเรื่องไร้สาระไปทำไม? ตราบใดที่อาคมเพลิงอัสนีใช้งานได้ จะสนใจทำไมว่าใครเป็นผู้จารึก?
หลิงเทียนเก็บตั๋วเงินเข้าประเป๋าก่อนที่จะหันหลังเดินกลับเข้าไปในลานบ้าน เพื่อนั่งเขียนรายการวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการจารึกอาคมเพลิงอัสนี
"เอาล่ะเจ้าดูรายชื่อวัตถุดิบในรายการนี้ นี่จะเป็นวัตถุดิบสำหรับการจารึกอาคมเพลิงอัสนีหนึ่งชุด ... อ่อ แล้วเจ้าต้องเตรียมพวกเครื่องประดับมาเองด้วย ข้าไม่มีเครื่องประดับสำหรับจารึกอาคมให้เจ้าหรอกนะ"
หลิงเทียนกล่าวขึ้นมาในขณะที่เขายื่นรายการวัตถุดิบให้ไขมันน้อย
"ได้เลยลูกพี่"
ไขมันน้อยรับรายการวัตถุดิบมาถือไว้อย่างทะนุถนอมราวกับว่ามันเป็นสมบัติมีค่า ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังหลิงเทียนด้วยแววตานับถือพร้อมกับฉายแววลังเลเล็กน้อยราวกับมีคำพูดอะไรในใจจะกล่าว
"ฮึ่ม หากเจ้ามีอะไรอยากจะพูด ก็รีบพูดออกมาอย่าลีลา!" หลิงเทียนกล่าวถามด้วยความรำคาญ
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ไขมันน้อยนี่ก่อกวนเขาแทบตายแล้ว
"ลูกพี่ ... ข้าอยากเรียนการจารึกอาคมกับท่าน...พอจะเป็นไปได้หรือไม่" ใบหน้าอ้วนๆของไขมันน้อยกล่าวถามออกมาด้วยความคาดหวัง
เมื่อสังเกตเห็นว่าหลิงเทียนขมวดคิ้วเป็นปม ไขมันน้อยรีบกล่าวเสริมออกมาอีกครั้ง "ลูกพี่ข้าไม่คิดจะให้ท่านสอนข้าเปล่าๆโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ข้าจะจ่ายค่าเล่าเรียนให้ท่าน "
ค่าเล่าเรียน?
คิ้วของหลิงเทียนกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่แววตาของเขาจะเปล่งประกายวูบขึ้นมา
ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือเงิน แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเหรียญเงินอยู่ถึง 30,000 เหรียญ แต่ว่าในเวลาอีกไม่นานตัวเขาก็จะตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดแล้ว หลังจากนั้นเขาคงใช้เงินหมดไปอย่างรวดเร็ว...
เขาไม่รู้ว่าจำนวนเงินที่เขาต้องใช้มันจะสูงถึงขนาดไหน เพราะตอนนี้เขามีความสามารถในวิชาชีพต่างๆหลากหลายมาก
ไม่ว่าจะเป็นการหลอมโอสถ,หลอมสร้างอาวุธแม้กระทั่งการจารึกอาคม ทุกอย่างล้วนใช้เหรียญเงินจำนวนมหาศาลนัก
"ไม่มีปัญหา เจ้าอาจจะมีความตั้งใจแต่อย่าได้คิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ข้าจะใช้เวลาในการสอนเจ้าเพียงวันละครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เจ้าเรียนรู้ได้แค่ไหนก็เป็นเรื่องของเจ้าแล้ว "
มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ ที่จะไม่รับเงินที่มาประเคนถึงโต๊ะ
ต้วนหลิงเทียนตบไปที่ไหล่ของไขมันน้อยเบาก่อนที่จะกล่าวออกมา "ข้าก็มีสัมพันธ์อันดีกับผู้อาวุโส 5 ไม่น้อย ข้าจะคิดค่าเล่าเรียนเจ้าเพียง 1,000 เหรียญเงินต่อเดือนเท่านั้น เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่? "
หลังจากได้ยินคำกล่าวของหลิงเทียน ไขมันน้อยก็นิ่งไปราวกับกบถูกงูเห่าจ้อง
เมื่อเห็นท่าทางที่ไขมันน้อยแสดงออกมา หลิงเทียนคิดว่าเขาคงเรียกราคาสูงเกินไป เขากระแอมแก้เขินก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า "อะแฮ่ม ถ้าเจ้าคิดว่าราคามันสูงเกินไปข้าก็สามารถลดให้เจ้าได้ เล็กน้อย.."
"ไม่เลย มันถูกมาก! ข้าต้องขอบคุณท่านมาก ลูกพี่ " ไขมันน้อยกล่าวขัดคำของหลิงเทียนออกมาอย่างตื่นเต้น
เมื่อหลิงเทียนเห็นท่าทางของมันเขาก็เสียใจเล็กน้อย นี่เขาเรียกราคาต่ำเกินไปอย่างนั้นเหรอ?
เมื่อเห็นไขมันน้อยที่ถือรายการวัตถุดิบในมือราวกับสมบัติมีค่ากำลังจะกลับไป เขาก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "เจ้าต้องรับปากข้าว่าสิ่งที่เจ้าได้รับรู้ในวันนี้ รวมถึงการจารึกอาคมที่ข้าจะสอนเจ้า ต้องไม่ถูกบุคคลอื่นนอกเหนือจากเจ้ารับรู้เป็นอันขาด มิฉะนั้นเจ้าก็ลืมเรื่องเรียนการจารึกอาคมไปได้เลย "
“ลูกพี่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าสาบานด้วยชีวิตว่าข้าจะไม่มีวันบอกใครเด็ดขาด ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็จะไม่พูดมันออกมา!!”
ไขมันน้อยรับปากด้วยความจริงจัง ก่อนที่มันจะเดินจากมาด้วยอารมณ์เริงร่า
แค่คิดว่าในอนาคตมันจะจัดการเล่นงานลี่หมิง จนมันต้องยินยอมสยบให้แก่เขา มันก็ตื่นเต้นจนไม่รู้จะระงับความสุขนี้ไว้ยังไงแล้ว
มันตั้งใจว่า มันจะเก็บอาคมเพลิงอัสนีไว้อีกราวๆ 20-30 อัน เท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว ...
"นับว่าการมองการณ์ไกลครั้งนี้ของข้า ลี่ซวน ได้ผลลัพธ์เกินคาดอย่างยิ่ง การที่ได้คนเก่งกล้าสามารถด้านการต่อสู้เหนืออัจฉริยะในตระกูลซ้ำยังมีความรู้เรื่องการจารึกอาคมเช่นนี้มาเป็นลูกพี่ นับว่าข้าได้รับโชคครั้งยิ่งใหญ่แล้ว! "
ไขมันน้อยบ่นพึมพำเบาๆ ด้วยความดีใจในขณะเดินทางกลับบ้านเพื่อหยิบเงินไปซื้อวัตถุดิบในรายการ เพราะตอนนี้เขามอบเงินที่ติดตัวไว้ทั้งหมดให้หลิงเทียนไปแล้ว
หลังจากที่ไขมันน้อยกลับไป ต้วนหลิงเทียนก็กลับมายังลานบ้าน เพื่อไปสอนวิชาวาดกระบี่ให้แก่เค่อเอ๋อ
หลิงเทียนเข้าไปประคองเค่อเอ๋อไว้จากด้านหลังเพื่อปรับปรุงข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆในการวาดกระบี่ของนาง
หลังจากสองเดือนผ่านไปความเข้าใจในการวาดกระบี่ของเค่อเอ๋อใกล้จะบรรลุระดับถึงแก่นแท้แล้ว นางเพียงขาดการฝึกฝนอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กลิ่นหอมจากเรือนผมนุ่มสลวยสวยงามโชยเข้าจมูกของหลิงเทียน อดไม่ได้ที่มันจะสูดลมหายใจเข้าด้วยความสุขสม เรือนร่างของทั้งสองอิงแอบแนบชิดถ่ายเทความอบอุ่นให้แก่กันและกัน
ต้วนหลิงเทียนดื่มด่ำกับไออุ่นจากเรือนร่างของสตรีในอ้อมกอดพร้อมสูดลมหายใจรับกลิ่นหอมเข้าจมูกราวกับตกอยู่ในภวังค์ ยามนี้หัวใจของมันพองโตยิ่งนัก
"พวกเจ้ากำลังทำอันใดกันอยู่ งั้นเหรอ?" น้ำเสียงขี้เล่นดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะก้าวเท้าเข้ามาในลานบ้าน
เมื่อได้ยินน้ำเสียงหยอกล้อดังขึ้นหลิงเทียนก็เขินอายอย่างมาก มันรีบผละออกจากเค่อเอ๋อทันที
ส่วนด้านเด็กสาวตอนนี้เขินอายจนแทบควันออกหู พวงแก้มรวมทั้งใบหูของนางแดงก่ำราวกับลูกตำลึง
นางรีบกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “นายหญิง”
เจ้าของเสียงหยอกล้อขี้เล่นเมื่อครู่ คือลี่หลัวนั่นเอง
"เค่อเอ๋อเจ้าพักการฝึกฝนไว้ก่อนแล้วมาช่วยข้า ฉันวันนี้ข้าไปซื้อของมามากมายเพื่อเลี้ยงฉลองพวกเจ้าทั้งสอง"
ลี่หลัวที่ยืนถือตะกร้าผักอยู่ยิ้มแย้มกล่าวออกมา
"เจ้าค่ะ"
เด็กสาวรีบเก็บกระบี่ของนาง ก่อนที่จะเดินไปรับตะกร้ามาทันที
"ท่านแม่ มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?" หลิงเทียนกล่าวถามออกมาพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า
"ไม่ต้องหรอก เจ้าไปฝึกฝนต่อเถิด ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 แล้วเจ้าก็อย่าได้ลืมเลือนไปว่า ฟางเจี้ยนนั้นอยู่ในระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 หากโชคร้ายเขาสามารถหลบกระบี่ของเจ้าได้ เจ้าจะทำอย่างไรเล่า เจ้ารีบไปฝึกฝนให้ชำนาญยิ่งขึ้นดีกว่า " ลี่หลัวกล่าวไล่หลิงเทียนให้ไปฝึกทันที
"นายน้อยท่าน ตัดผ่านไปยังระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 แล้วเหรอเจ้าคะ?"
เด็กสาวมองไปยังหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ
หลิงเทียนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น "ฮ่าฮ่า ขนาดเค่อเอ๋อของข้ายังมีระดับบ่มเพาะร่างกายถึงขั้นที่ 6 อย่างรวดเร็วหากข้าไม่ตัดผ่านไปยังระดับ 7 เกรงว่าข้าจะต้องเสียหน้าแล้ว "
เด็กสาวตอนนี้หน้าซีดลงเล็กน้อย นางรีบกล่าวขึ้นมาว่า "นายน้อยไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามลดความรวดเร็วในการบ่มเพาะลงเจ้าค่ะ"
ลี่หลัวยิ้มก่อนที่จะกล่าวแทรกออกมา "ฮ่าย เค่อเอ๋อ เจ้าอย่าได้สนใจวาจาของเขามากนัก เจ้าแค่ต้องตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะต่อไปก็พอ ถึงพวกเราจะเป็นอิสตรีแต่พวกเราก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแข็งแกร่งกว่าบุรุษ มิฉะนั้นเราจะปรามพวกเขาได้อย่างไรเล่า... หากเจ้าไม่อยากถูกเขารังแกในอนาคตเจ้าต้องรีบฝึกฝนบ่มเพาะให้เหนือกว่าเขาเข้าใจมั้ย"
หลังจากได้ยินคำกล่าวของลี่หลัว เด็กสาวก็เขินอายอย่างมาก เธอหิ้วตะกร้าที่รับมา ก่อนที่จะรีบวิ่งแจ้นหายเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว
"ลูกเทียน เจ้าก็อย่าเกียจคร้านการฝึกล่ะ!" ลี่หลัวกล่าวกับหลิงเทียนที่กำลังจ้องมองเค่อเอ๋อวิ่งหนีเข้าไปในครัว
หลิงเทียนยิ้มรับ ก่อนที่จะเริ่มทำการฝึกซ้อมต่อ
ร่างกายที่ยืดหยุ่นพร้อมทั้งใช้ออกด้วยวิชาวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย พริ้วไหวไปทั่วทั้งลานราวเส้นแสง
ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวราวกับไร้แรงต้านของสายลม การเคลื่อนที่นี้นับว่ารวดเร็วราวกับสายฟ้า ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขากำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่าสะพรึง ...
แต่ความสามารถในการบ่มเพาะของเค่อเอ๋อในช่วงสองเดือนมานี้ แม้จะเป็นหลิงเทียนยังต้องตกตะลึง
ความเร็วในการบ่มเพาะของนางนั้น รวดเร็วไม่ได้แตกต่างอะไรจากเขาเลย นับว่าเหนือกว่าอัจฉริยะของตระกูลลี่ไปไกลโข
เค่อเอ๋อเป็นแค่สตรีชาวบ้านผู้หนึ่งเท่านั้น แต่ทว่ากลับมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้
หากเทียบกับมารดาของเขา พรสวรรค์ของเค่อเอ๋อกลับสูงส่งกว่าด้วยซ้ำ
แต่การที่เค่อเอ๋อมีพรสวรรค์และการบ่มเพาะที่รวดเร็ว มันก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว หลิงเทียนเองก็รู้สึกมีความสุขกับมันมาก
อย่างน้อยในขณะที่เขาจากเมืองวายุโปรยแห่งนี้ไป เขาก็จะมีเค่อเอ๋อที่แข็งแกร่งพอๆกันกับเขาคอยร่วมทางเคียงข้างฟันฝ่าไปด้วยกัน
หากข้างกายเขาไร้ซึ่งเค่อเอ๋อแล้ว คงไม่ต่างอะไรกับสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต
หลังจากนั้นไม่นานสองสาวก็เตรียมอาหารเสร็จสิ้น
ทั้งครอบครัวนั่งลงร่วมมื้ออาหารกันอย่างสนุกสนาน บทสนทนาต่างๆนาๆดังขึ้น บรรยากาศมันช่างอบอุ่นและเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
.....
ในเวลาเดียวกัน ณ บ้านพักส่วนตัวของผู้อาวุโสสอง ลี่เฉิง
ลี่เฉิงจ้องมองไปยังลูกชายของมันที่นอนสิ้นท่าอยู่บนเตียงอยู่หน้าประตูห้อง ท่าทางของมันเต็มไปด้วยความผิดหวัง "ดูเจ้าสิ หากเป็นหลิงเทียนลงมือจัดการเจ้าจนเป็นเช่นนี้ ข้าจะมิกล่าวว่าอันใดเจ้าแม้สักครึ่งคำ แต่เจ้ากลับถูกหมูอ้วนลี่ซวนคนนั้นทำร้ายมา นี่เจ้ารู้สึกละอายบ้างหรือไม่? ส่วนข้ากลับละอายยิ่งนัก! "
"ท่านพ่อ ข้าก็กล่าวบอกท่านเป็นครั้งที่ร้อยแปดแล้ว ที่ข้าเป็นเช่นนี้เพราะผลกระทบของเม็ดยาเพลิงอัสนีดันเกิดขึ้นในระหว่างการประลอง รอให้ข้าหายดีก่อนเถิด ข้าจะจัดการเจ้าลี่ซวนนั่นจนแม้แต่บิดาของมันยังจำไม่ได้!"
ลี่หมิงลุกขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนที่จะกล่าวออกมา ท่าทางของมันช่างดูน่าเวทนาไร้ซึ่งกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่ง สารรูปดูราวกับพวกขี้แพ้
"ดูเจ้าสิ ถึงขั้นนี้ยังกล้ากล่าวอ้างแก้ตัวไร้สาระอยู่อีก พี่ชายของเจ้าก็ใช้เม็ดยาเพลิงอัสนีไม่ต่างอันใดกับเจ้า เหตุใดข้าไม่เห็นว่ามันจักมีผลกระทบอันใดเช่นเจ้า? "
ลี่เฉิงส่ายหัวออกมาราวกับไร้ซึ่งความเชื่อถือในตัวลี่หมิง "หากตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถเอาชนะมันได้ เจ้าก็แค่ต้องกลับไปขยันฝึกฝนบ่มเพาะ แล้วค่อยไปเอาชนะมันในภายหลัง หยุดพยายามหาข้อแก้ตัวได้แล้ว นั่นคือสิ่งที่คนขี้แพ้จักกระทำ! "
ลี่เฉิงสะบัดหน้าก่อนที่จะเดินออกไป
ลี่หมิงทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ตอนนี้แม้แต่การขยับร่างกายเล็กน้อยก็ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานอย่างมาก เขากัดฟันอย่างแรงก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอาฆาต "ไอหมูอ้วนโสโครก รอข้าฟื้นตัวเสียก่อนข้าจะจัดการเจ้าให้สาสม! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจักโชคดีเช่นนี้ตลอดไป"
สำหรับลี่หมิงนั้นชัยชนะของไขมันน้อยเกิดขึ้นเพราะความโชคดี
หากไม่เป็นเพราะผลกระทบของเม็ดยาเพลิงอัสนีเกิดขึ้นในระหว่างการประลอง เป็นไปไม่ได้ที่ลี่ซวนจะเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
แต่ถึงแม้เขาจะบอกกล่าวบิดารมารดารวมทั้งพี่ชายสักเพียงไหน พวกเขากลับคิดว่าเขาแค่หาข้ออ้างแก้ตัวไม่รับความจริง เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากหัวเราะอย่างขมขื่น ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ‘เหตุใดพวกเขาถึงไม่เชื่อข้า? พวกเขาเคยคิดบ้างหรือไม่ว่ามันผิดปกติ? คนอย่างไอหมูอ้วนโสโครกนั่นจะเอาชนะเขาได้อย่างไร? "