ตอนที่ 26 : จารึกอาคมเพลิงอัสนี
"ไออ้วนบัดซบ เจ้ากล้าขู่ข้างั้นเหรอ!?" แววตาของหลิงเทียนเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อไม่น้อย
"ลูกพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว!"
"พอ!"
หลิงเทียนรู้สึกหงุดหงิด มันไม่อยากเสียเวลากับไออ้วนมากไปกว่านี้
เขาค่อยๆถอดแหวนทองแดงบนมือ ก่อนที่จะมองไปยังลี่ซวนแล้วพูดว่า "รับแหวนนี่ไป และ ถอดแหวนของเจ้าส่งมา!" สิ้นคำกล่าว ลี่ซวนได้แต่มองอย่างโง่งม
เขามองไปยังแหวนทองแดงบนมือของหลิงเทียนก่อนที่จะหันกลับมามองแหวนทองบนมือของเขา ความเจ็บปวดถูกแสดงออกบนใบหน้าอ้วนท้วนและแววตาของเขา
"ลูกพี่ นี่เป็นของขวัญที่ท่านปู่มอบให้ข้าเมื่อวันเกิดปีที่แล้ว... "
"แล้วไง ตกลงเจ้าจะแลกเปลี่ยนหรือไม่? หากไม่แลก เช่นนั้นก็เรื่องของเจ้า!" หลิงเทียนตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะหันหลังเตรียมจากไปทันที
เจ้าอ้วนก็ไม่ได้เป็นคนโง่งมอะไร มันเอะใจถึงความนัยที่ซ่อนเร้นอยู่ มันรีบเดินไปกางมือหยุดหลิงเทียนเอาไว้ก่อนที่จะกล่าวออกมา "ลูกพี่ แหวนของท่านมีความลับซ่อนอยู่ใช่หรือไม่?"
หลิงเทียนตอบออกไปว่า "เหอะ ! หากเจ้าใช้แหวนวงนี้ เจ้าสามารถเอาชนะลี่หมิงได้ในชั่วพริบตา แต่ในเมื่อแหวนของปู่เจ้ามันสำคัญเกินกว่าจะมอบให้ข้า เช่นนั้นก็ลืมมันเถอะ! " เมื่อหลิงเทียนพูดจบเขาก็ตั้งใจกลับไปยังลานบ้านเพื่อฝึกซ้อมทันที
"ลูกพี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ ข้ายอมรับผิดแล้ว! "
ไขมันน้อยเริ่มร้อนรนก่อนที่จะรีบเดินไปขวางหลิงเทียนอีกครั้ง แล้วกล่าวออกมาว่า "ลูกพี่ ท่านอย่าบอกข้านะว่าแหวนของท่านได้จารึกอาคมเอาไว้"
"หืม เจ้ารู้จักการจารึกอาคมด้วยงั้นรึ?"
เรื่องนี้ทำให้หลิงเทียนต้องประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าไออ้วนนี่จะรู้จักการจารึกด้วย
"แหะ แหะ" ไขมันน้อยเริ่มหัวเราะแห้งๆออกมา "ตอนที่ข้าอาศัยอยู่ที่บ้านของท่านปู่ ข้าเคยเห็นเรื่องการจารึกที่บันทึกเอาไว้ในหนังสือโบราณ จากที่ข้าได้อ่านมา ของใช้ส่วนตัวมักถูกจารึกอาคมเอาไว้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้อำนาจบางอย่างได้"
"ยังดีที่เจ้าก็ไม่ได้โง่เง่านัก" หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมส่ายหัว ก่อนที่เขาจะส่งแหวนทองแดงในมือให้ไขมันน้อย "รับไป หากเจ้าไม่ต้องการเสียแหวนทองที่อยู่บนมือของเจ้า เมื่อเจ้าใช้งานอาคมนี้แล้วหนึ่งครั้งให้นำมันมาคืนแก่ข้า"
ไขมันน้อยยื่นมืออ้วนกลมของมันไปรับแหวนมา ก่อนที่ตาเล็กๆของเขาจะจ้องมองหลิงเทียนพร้อมกล่าวด้วยความสงสัย "ลูกพี่ ข้าสงสัย แหวนของท่านมีจารึกอาคมเอาไว้จริงๆใช้หรือไม่? "
“เจ้าคิดว่าข้าพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นหรือ?” หลิงเทียนถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
แหวนวงนี้เขาอุตส่าห์ไปซื้อวัตถุดิบมากมายเพื่อทำการจารึกอาคมเอาไว้ ตอนแรกเขาคิดที่จะใช้มันเพื่อเอาชนะผู้ดูแลตระกูลฟาง ฟางเจี้ยน
แต่ร้อยคนคิดมิสู้ลิขิตฟ้า ใครจะไปรู้ว่าฟางเจี้ยนกลับตัดผ่านระดับชั้นเอาได้ในเวลาสำคัญเช่นนี้?
อาคมจารึกที่อยู่บนแหวนนั้นมันใช้ได้ผลกับผู้บ่มเพาะที่มีระดับต่ำกว่าขั้นก่อกำเนิดเท่านั้น หากเกินกว่านั้นมันย่อมไม่มีผลอะไร!
ดังนั้นเขาจึงคิดพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยคิดแลกมันกับแหวนทองในมือของไขมันน้อย
ตอนนี้ด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยอาคมที่จารึกไว้บนแหวนเพื่อเอาชนะผู้ที่มีระดับการเพาะปลูกต่ำกว่าชั้นก่อกำเนิด
"ลูกพี่ ท่านรู้จักกับผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกด้วยงั้นหรือ? "
ดวงตาอ้วนๆของไขมันน้อยเปล่งประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราวกับว่าหากมันไม่ได้รับรู้เรื่องราวทุกสิ่งมันคงไม่พอใจ
"พอได้แล้ว รีบกลับไปจัดการเรื่องราวของเจ้า แล้วหากเจ้ากล้าที่จะกระจายข่าวลือเรื่องการตัดผ่านระดับชั้นของฟางเจี้ยน หรือหากมันมาถึงหูของมารดาข้าแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าข้าจะเตะเจ้ากลิ้ง ไม่ต่างอะไรกับลูกบอลไปรอบๆสนาม! " หลังจากกล่าวย้ำกับไขมันน้อย หลิงเทียนก็เดินกลับไปยังลานบ้านทันที
แต่ทว่าไขมันน้อยกลับวิ่งตามหลิงเทียนเข้าไปยังลานบ้าน "ลูกพี่ ลูกพี่!"
หลิงเทียนขมวดคิ้ว "มีอะไรอีก?"
ไขมันน้อยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย "ลูกพี่ แล้วทำอย่างไรถึงจะเปิดใช้งานอาคมที่จากรึกอยู่บนแหวนท่านได้หรือ?"
"ไหนเจ้าบอกว่าเคยอ่านมาจากหนังสือโบราณ? เรื่องง่ายๆเช่นนี้ เจ้ากล้ารบกวนให้ข้าสอนงั้นเหรอ? "
หลิงเทียนโมโหไออ้วตรงหน้าอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็ยอมสอนวิธีการเปิดใช้งานอาคมแก่มัน ก่อนที่เขาจะไล่ตะเพิดมันกลับไป
ตอนนี้ฟางเจี้ยนตัดผ่านไปยังระดับชั้นก่อกำเนิดแล้ว นี่นับว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับเขาอย่างมาก ถึงแม้ทักษะการจารึกอาคมจะแข็งแกร่งราวปาฏิหาริย์ แต่ทว่ามันก็ยังมีขีดจำกัดอยู่
อาคมที่หลิงเทียนสามารถจารึกได้ในตอนนี้ มันสามารถส่งผลกระทบต่อผู้บ่มเพาะที่ยังไม่ได้พัฒนาพลังงานต้นกำเนิดเท่านั้น
อาคมจารึกที่สามารถส่งผลต่อผู้บ่มเพาะในระดับชั้นก่อกำเนิดนั้น มันต้องใช้พลังงานต้นกำเนิดและวัตถุดิบราคาสูงมากในการจารึก
เขาคิดถึงการขอความช่วยเหลือจากมารดา แต่ศาสตร์แห่งการจารึกนั้นซับซ้อนและลึกซึ้งเป็นอย่างมาก กว่าจะมีความรู้พอเพียงให้จารึกอาคมได้สำเร็จมันต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าและทำความเข้าใจเต๋าแห่งการจารึก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะทำการจารึกอาคมครั้งแรกให้สำเร็จ
เหตุผลข้อเดียวที่ทำให้หลิงเทียนสามารถจารึกอาคมได้อย่างง่ายดายนั่นคือ ความทรงจำของจักรพรรดิที่กลับชาติมาเกิด ในหัวของเขา เมื่อเขาเริ่มทำการจารึกอาคมมันก็แทบไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดผู้นั้นเป็นคนลงมือเอง เขาเลยไม่ได้รู้สึกว่ามันยากอะไร
"ดูเหมือนตอนนี้หากข้าต้องการฆ่าฟางเจี้ยน คงไม่สามารถพึ่งความช่วยเหลือจากผู้ใดได้อีกแล้ว ข้าต้องพึ่งความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น! "
เมื่อเดินกลับมาถึงลานบ้านที่ใช้ทำการฝึกซ้อม ประกายตาของหลิงเทียนเปล่งประกายวูบไหวขึ้นมา บางทีเทคนิค วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้แก่เขา!
เหตุผลที่เขาไม่อยากให้ลี่ซวนกระจายข่าวการเลื่อนระดับชั้นของฟางเจี้ยนนั้น เพราะเขาไม่อยากให้มารดาล่วงรู้
เขามั่นใจว่าหากมารดาทราบข่าวการตัดผ่านระดับชั้นของฟางเจี้ยนในยามนี้ ต่อให้นางต้องเป็นทาสทำงานสักล้านปีเพื่อหาเงินมาจ่ายแทนการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในครึ่งเดือนหลังจากนี้นางก็คงยอม
ส่วนทางด้านตระกูลฟางเหตุผลที่มันจงใจปิดบังเรื่องสำคัญเช่นนี้ คงเป็นเพราะมันกลัวว่าเขาจะยกเลิกการนัดประลอง เห็นได้ชัดว่าพวกมันต้องการใช้โอกาสครั้งนี้เพื่อกำจัดเขา!
"ตระกูลฟาง พวกเจ้าประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว!" แววตาของหลิงเทียนเต็มไปด้วยเพลิงโทสะแห่งความแค้น
ณ หอฝึกยุทธ์หลักของตระกูลลี่ ลี่ซวนยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่บนลานประลองอย่างวางท่า
รอบๆเขาเต็มไปด้วยศิษย์ของตระกูลลี่ เหล่าศิษย์ทุกคนต่างมองลี่ซวนที่ยืนเต๊ะท่าอยู่ด้วยแววตาสงสัย "เขาบ้าไปแล้วหรือไร? เขากล้าที่จะท้าทายลี่หมิงอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายเขายังอับอายไม่พอหรืออย่างไร? "
"ข้าก็ไม่รู้เช่นกันหรือเป็นเพราะผิวหนังของเขาเต็มไปด้วยไขมันอ้วนๆนั่น จนมันไม่รับรู้ความเจ็บปวดเสียแล้วมั้ง "
"เฮ่อ ผู้อาวุโส 5 นับว่าเป็นบุรุษที่หล่อเหลามีความสามารถไร้ขีดจำกัดซ้ำยังเต็มไปด้วยความสง่างาม ดูเหมือนนอกจากคิ้วแล้ว ลี่ซวนไม่ได้มีอันใดเหมือนผู้อาวุโส 5 เลย"
"ฮ่าฮ่า ถึงเขาจะมีลักษณะอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน แต่พวกมันคงถูกชั้นไขมันปิดซ่อนไว้จนมิด"
......
บทสนทนาของเหล่าศิษย์ทุกคนในตระกูลต่างเต็มไปด้วยการเหยียดหยามดูแคลนลี่ซวน พวกเขารู้สึกว่าครั้งนี้ลี่ซวนหาญกล้ากระทำการที่เกินความสามารถของมันไปไกลโข
"ไอ้หมูอ้วนโสโครก ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากล้าท้าประลองกับข้างั้นเหรอ"
หลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินมาหยุดรงหน้าของลี่ซวน เขามองไปยังลี่ซวนด้วยใบหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันดูแคลน
มันคือลี่หมิง บุตรของอาวุโส 2 ของตระกูลลี่
"ลี่หมิง เรื่องราวระหว่างพวกเราต้องจบลงวันนี้!"
เมื่อเห็นท่าทางหยามหยันของลี่หมิง ลี่ซวนรู้สึกขุ่นเคือง มันตะโกนออกมาด้วยเสียงดังลั่น ไขมันตามตัวของมันถึงกับกระเพื่อมยามที่มันตะโกน ก่อนที่มันจะส่งหมัดอ้วนๆของมันพุ่งตรงไปยังลี่หมิง
"เจ้าอย่าได้ประเมินตัวเองสูงเกินไป!" ลี่หมิงยิ้มหยันออกมาด้วยความรังเกียจ เขาไม่จำเป็นต้องหลบหมัดนี้ เขาทำเพียงส่งกำปั้นพุ่งมาปะทะกำปั้นของไขมันน้อยเท่านั้น
เขาค่อนข้างมั่นใจ ตราบใดที่กำปั้นของเขาปะทะกับกำปั้นของไขมันน้อย มันต้องกลิ้งกระเด็นไม่ต่างอะไรกับลูกบอล
สำหรับความเห็นของเหล่าศิษย์ตระกูลลี่ทุกคนที่รับชมอยู่ก็เป็นเช่นเดียวกัน พวกมันล้วนคิดว่า ลี่ซวนยังห่างไกลนักที่จะเทียบชั้นกับลี่หมิง...
ปัง!
หมัดของทั้งคู่ปะทะกันเสียงดังสนั่น ในจังหวะปะทะนั้นเองแววตาของลี่ซวนก็หรี่ลง เขาใช้งานอาคมบนแหวนที่ถูกจารึกเอาไว้ทันที ...
ซู่มม!
ทันใดนั้น ลี่หมิงกลับรู้สึกราวกับถูกสายอัสนีบาตฟาดฟัน ร่างกายทั้งร่างของมันพลันสิ้นไร้เรี่ยวแรงในทันใด ความรู้สึกเช่นนี้ มันแทบไม่ต่างอะไรกับผลของเม็ดยาเพลิงอัสนียามที่มันใช้บ่มเพาะร่างกาย
แต่มันไม่ทันได้คลายความสงสัยว่าเพราะเหตุใดทั่วทั้งร่างของมันพลันรู้สึกเหมือนผลกระทบจากเม็ดยาเพลิงอัสนี หมัดของลี่ซวนกลับจู่โจมกระหน่ำมายังร่างของมัน โดยไม่ให้เวลามันขบคิดอีกต่อไป
หมัดของลี่ซวนรัวต่อเนื่องออกมาทันที หมัดหนึ่งเข้าปะทะใบหน้าของลี่หมิงอย่างจังทำให้มันถึงกับล้มลง! และเมื่อมันล้มก็เป็นทีของลี่ซวน มันรัวหมัดของมันราวกับพายุเฮอริเคนกระหน่ำจู่โจมลี่หมิงอยู่ฝ่ายเดียว!
"ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?" เหล่าศิษย์ของตระกูลลี่ที่อยู่รอบๆ ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง บางคนถึงกับต้องบิดเนื้อต้นขาเพื่อพิสูจน์ว่ามันกำลังฝันอยู่หรือไม่ แต่เมื่อความเจ็บปวดบังเกิดขึ้น นั่นก็หมายความว่าพวกมันไม่ได้ฝันไป ตอนนี้พวกมันเลยได้แต่ตะลึงงันกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
ลี่ซวนร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทั้งๆที่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ลี่หมิงพึ่งตัดผ่านไปยังระดับ 6?
“หยุดเถิด ได้โปรดหยุดได้แล้ว”
เมื่อความเจ็บปวดราวกับถูกเพลิงอัสนีโหมกระหน่ำจางหายไป ลี่หมิงก็ต้องการจู่โจมสวนกลับเพื่อล้างความอัปยศ แต่ทว่าเมื่อเขากำลังจะเกร็งกำลังจู่โจม กล้ามเนื้อทั่วร่างของเขากลับเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพราะการโจมตีของลี่ซวน จนเขาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย
เมื่อไม่สามารถพลิกผันสถานการณ์ได้ เขาก็เริ่มอ้อนวอนขอความเมตตาออกมา
"เจ้ายังจะกล้าเรียกข้าว่า หมูอ้วนโสโครก อีกหรือไม่?"
ลี่ซวนไม่มีความเห็นใจเลยสักนิด ในขณะที่อีกฝ่ายร้องขอความเมตตา มันกลับกระทืบลงไปที่เอวของลี่หมิงอย่างจัง นั่นทำให้ลี่หมิงถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาพร้อมกับเอามือกุมไปที่เอวอย่างน่าสังเวช
"ไม่แล้ว ข้าไม่เรียกแล้ว!" ลี่หมิงกล่าวออกมาด้วยความร้อนรน
"ยามที่เจ้าเห็นข้านับต่อจากนี้ ให้เรียกข้าว่า พี่อ้วน เข้าใจหรือไม่?" ลี่ซวนพยายามทำใบหน้าให้ดูน่ากลัวก่อนที่จะกล่าวข่มขวัญลี่หมิง
"ได้ๆ พี่อ้วน พี่อ้วน!" ลี่หมิงรีบกล่าวออกมา เขาเกรงว่าหากเขาเอ่ยคำช้า หมัดของลี่ซวนจะกระหน่ำทุบตีลงมาอีก
ผู้มีปัญญาย่อมรู้ว่ายามใดควรสู้ยามใดควรถอย เนื่องจากอาการบาดเจ็บในร่างกายมันมากมายนัก จนมันไม่มีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาชนะลี่ซวนได้ มันจึงยอมกล้ำกลืนความอัปยศและเลือกที่จะอดกลั้น!
มันคิดไปแต่เพียงว่า ยามใดที่มันฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ มันจะให้ไอ้หมูอ้วนโสโครกนี่ต้องชดใช้อย่างสาสม!
และแน่นอนว่ามันย่อมรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ว่าเพราะเหตุใดร่างกายของมันจึงรู้สึกราวกับได้รับผลเช่นเดียวกันกับการใช้เม็ดยาเพลิงอัสนี ในยามที่กำปั้นของมันปะทะกับกำปั้นของลี่ซวน หรือว่ามันจะเป็นเพราะผลกระทบของเม็ดยาเพลิงอัสนี?
"ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่ายามที่เจ้าพ่ายแพ้ เจ้าจักกลายเป็นคนขี้ขลาดไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้! " ลี่ซวนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน่ายำเกรง ก่อนที่จะก้าวเดินออกจากหอฝึกยุทธ์หลักของตระกูลลี่
หลังจากที่เขาได้สั่งสอนลี่หมิงไปอย่างหนัก ลี่ซวนก็รู้สึกเบิกบานอย่างมาก "อาคมจารึกเพลิงอัสนี ที่ลูกพี่มอบให้ช่างล้ำเลิศนัก ข้าคิดว่าลี่หมิงคงรู้สึกสงสัยเป็นแน่ว่าเหตุใดร่างกายของมันถึงรู้สึกเช่นเดียวกับตอนใช้เม็ดยาเพลิงอัสนี...ข้าพนันว่ามันต้องคิดว่าเป็นผลกระทบจากเม็ดยาเพลิงอัสนีเป็นแน่ ฮ่าฮ่า! "
ณ ลานฝึกซ้อมเล็กๆแห่งหนึ่ง ร่างบอบบางของสตรีวัยเยาว์ที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู กำลังวาดกระบี่อ่อนสะเก็ดดาวตกม่วงด้วยความคล่องแคล่วว่องไว นางกำลังฝึกฝน วิชาวาดกระบี่ ด้วยความตั้งใจ
ด้านข้างของนางปรากฏชายหนุ่มหล่อเหลาแววตาอ่อนโยน ที่คอยอธิบายเทคนิคต่างๆและปรับแก้ข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ในการวาดกระบี่ของนางโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
"ลูกพี่ ลูกพี่!"
ทันใดนั้นเสียงใครบางคนจากนอกลานก็ทำลายความสงบลง เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย "ไอไขมันน้อยน่ารำคาญมาอีกแล้ว! เค่อเอ๋อ เจ้าฝึกฝนไปเรื่อยๆ รอข้าสักครู่หนึ่ง"
"เจ้าค่ะ นายน้อย" เด็กสาวพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง
หลิงเทียนเดินออกมาจากลานฝึกซ้อมด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เมื่อเจอไขมันน้อยที่กำลังรอคอยอยู่ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยถาม "เจ้ยังมีเรื่องอะไรอีก?"
ไขมันน้อยหัวเราะอย่างร่าเริง ก่อนที่มันจะถอดแหวนทอง และแหวนทองแดงออกจากนิ้ว พร้อมทั้งส่งไปยังหลิงเทียน "ลูกพี่ นี่แหวนของท่าน... "
หลิงเทียนยืนเฉยไม่ได้เดินไปรับแหวนแต่อย่างใด เขากลับมองภาพตรงหน้าด้วยความสงสัยก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา "นี่หมายความว่าอะไร?"
ไขมันน้อยตอบด้วยความเขินอาย "ลูกพี่ ข้าพึ่งเอาชนะลี่หมิงมาอย่างโหดร้าย ข้ามั่นใจว่าเมื่อมันพักฟื้นจนหายดีแล้ว มันต้องกลับมาท้าข้าสู้อีกครั้งเป็นแน่...ดังนั้นข้าเอ่อ...ข้าอยากรบกวนให้ท่านช่วยจารึกอาคมเพลิงอัสนีให้อีกครั้ง”