ตอนที่ 21 : ข้าคือ ต้วนหลิงเทียน!!
"นายน้อย ข้าอิ่มแล้วค่ะ"
เค่อเอ๋อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หลังจากที่นางกินติ่มซำชิ้นสุดท้าย นางก็ดื่มนมถั่วเหลืองร้อนๆตามลงไป ก่อนที่จะกล่าวกับหลิงเทียนพร้อมมองเขาด้วยแววตาขอบคุณ
"อื้อ เดี๋ยวพวกเราไปเดินตลาดหาซื้อวัตถุดิบกันก่อน แล้วค่อยกลับบ้านกัน" หลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่มันจะหยิบดาบพร้อมลุกขึ้นยืน
หลิงเทียนค่อยๆเดินลงไปยังชั้นล่างของเหลาเถาพฤกษา โดยมีสายตาของคนทั้งหมดจ้องมองมันตามหลังไป พวกมันต่างนึกถึงเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มกำลังจะประสบ
"มันไม่กลัวตายจริงๆ" เมื่อเฉินเม่ยเอ๋อเห็นหลิงเทียนเดินไปอย่างไม่เกรงกลัว อดไม่ได้ที่นางจะกล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอย นางตัดสินใจเลิกกินอาหารที่เหลือก่อนจะเดินตามหลังหลิงเทียนไปพร้อมกับสาวใช้
แขกที่เหลือได้แต่มองตามเฉินเม่ยเอ๋อโดยที่ไม่ได้ลุกขึ้นตามไปแต่อย่างใด พวกมันจะรอชมเหตุการณ์จากทางหน้าต่าง
การสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเป็นธรรมชาติของมนุษย์
หน้าประตูของเหลาเถาพฤกษา ปรากฏร่างฟางเฉียนและเด็กหนุ่มจากตระกูลฟางทั้งสามคน กำลังมองไปยังเหลาเถาพฤกษาด้วยสายตาอำมหิต ราวกับว่าพวกมันกำลังเฝ้ารอคู่แค้นแต่ชาติปางก่อน
"นี่ก็นานแล้วนะ เหตุใดพวกมันยังไม่ลงมาอีก หรือมันจะขี้ขลาดหดหัวอยู่บนนั้นทั้งวัน? "
“เหอะ!ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่งกล้าสามารถ? พอเห็นศิษย์พี่เฉียนมาด้วย กลับกลายเป็นเต่าหดหัวไปซะแล้ว สารเลวเอ๊ย!”
"เฮ่! มันมานู่นแล้ว!"
ก่อนที่เด็กหนุ่มทั้งสามจากตระกูลฟางจะก่นด่าหลิงเทียนต่อไป ฟางเฉียนก็ส่งเสียงออกมาเมื่อมันเห็นหลิงเทียนก้าวเดินออกมาจากเหลา
ถึงแม้จะเป็นศัตรูกัน แต่พวกมันทั้งสามคนก็อดนับถือไม่ได้ มันช่างกล้าหาญชาญชัยอะไรขนาดนี้!
แน่นอนนอกจากนั้นแล้วพวกมันยังอิจฉาในความสามารถของหลิงเทียนอีกด้วย ...
"คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะกล้าโผล่หัวออกมา" ฟางเฉียนมองไปที่หลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวออกมา
"แล้วทำไมข้าถึงต้องกลัว? ก็แค่สุนัขพิการสามตัวกับสุนัขตัวโตหนึ่งตัวขวางทางข้าเท่านั้น " หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส พร้อมส่งสายตาดูแคลนไปยังคนทั้งสี่
"ผู้ชายคนนี้ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากที่ใดกัน ถึงยังกล้ายั่วยุให้ฟางเฉียนมีโทสะอีกเช่นนี้?" เฉินเม่ยเอ๋อกล่าวออกมาด้วยความทึ่ง หลังจากที่นางตามหลิงเทียนลงมา ตอนนี้นางอยู่ด้านหน้าของผู้คนที่มายืนมุงเพื่อรอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ผู้คนอื่นๆที่อยู่รอบๆ ก็คิดเช่นเดียวกันกับเฉินเม่ยเอ๋อ แต่ว่าส่วนมากของพวกมันกลับส่งสายตาทอแววเห็นใจหลิงเทียนออกมา
"หุบปาก ไอเด็กบัดซบ ! วันนี้หากเจ้าไม่ตาย อย่าเรียกข้าว่าฟางเฉียน! "
หลังจากที่เจอสายตาไม่แยแสและวาจาโอหังของหลิงเทียน ฟางเฉียนโกรธจนเนื้อเต้น ตอนนี้มันเตรียมจู่โจมหลิงเทียนให้ตายตก
ในฐานะผู้บ่มเพาะร่างกายระดับ 6 กำลังของมันมีมากกว่า 1,000 จิน!
"ไม่ใช่แค่เจ้าที่อยากให้ข้าตาย แต่ข้ากลัวว่าอย่างเจ้าคงไม่มีปัญญาทำอะไรข้า" ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา มือข้างนึงเขาชักดาบออกมา ส่วนอีกข้างจับมือของเค่อเอ๋อไว้ เขาค่อยๆก้าวออกมาเผชิญหน้าฟางเฉียนอย่างไม่เกรงกลัว
"เขาคิดจะทำอันใดกันแน่?" เมื่อผู้คนสังเกตเห็นหลิงเทียนจูงมือเค่อเอ๋อออกมาพวกเขาถึงกับงุนงง อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะใช้ความน่ารักของสาวน้อยนางนั้น เพื่อขอความเมตตาจากฟางเฉียน
ณ หน้าต่างบานหนึ่งบนชั้นสามของเหลาเถาพฤกษา
"เด็กน้อยนั่นช่างน่าสนใจ ข้าสงสัยจริงๆว่าเขามาจากไหน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นเลย..แค่ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และความสงบของเขา ก็สูงกว่าเด็กวัยเดียวกันไปมาก " ผู้จัดการหม่ามองหลิงเทียนด้วยความทึ่ง
สายตาของฟางเฉียนเริ่มเย็นชาลง มุมปากมันเริ่มฉีกยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
ความคิดของมันตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากผู้ชมรอบๆ มันกำลังคิดว่า หลิงเทียนต้องนำสาวน้อยนางนั้นมาอ้อนวอนขอความเมตตาจากมัน
แต่เขาจะเมตตามันงั้นเหรอ?
แน่นอนว่าไม่มีวัน ...
"ตาย!"
ฟางเฉียนตะโกนออกมา ก่อนที่จะกระทืบพื้นส่งตัวออกไป
ด้วยความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 6 กำลังที่มากถึง 1,000 จิน ทำให้เขาพุ่งตัวออกไปหาหลิงเทียนราวกับกระสุนปืน ...
กำปั้นที่รวบรวมกำลังของเขาทั้งหมดพุ่งจู่โจมไปยังบริเวณส่วนอกของหลิงเทียน
ทักษะการต่อสู้สีเหลืองระดับกลาง เพลงหมัดเคืองแค้น!
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนฝ่าสายลมมาเข้าหู ทำให้ฟางเฉียน แสยะยิ้มออกมา ราวกับว่าเขากำลังเห็นภาพของหลิงเทียนบาดเจ็บสาหัสปางตาย อ้อนวอนขอชีวิตของเขา
ในขณะที่ฟางเฉียนโจมตีผู้คนต่างกรีดร้อง บางคนก็เงียบราวกับถูกภาพตรงหน้าบีบหัวใจ!
เด็กหนุ่มทั้งสามคนจากตระกูลฟางเผยสีหน้ายิ้มเยาะออกมา
ผู้ใดกล้ามีเรื่องกับพวกข้า มันต้องตาย!
"ชายคนนี้…"
เฉินเม่ยเอ๋อขมวดคิ้ว
ถึงแม้ชายตรงหน้าจะดูแคลนและเมินเฉยเธอตลอดเวลา
แต่ใจของเธอกลับไม่ได้เกลียดอะไรเขา เธอแค่อยากรู้จักเขา อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้นเอง
"หยุดนะ!"
ในที่สุดเฉินเม่ยเอ๋อก็ทนดูไม่ได้ นางตัดสินใจพุ่งออกไปด้านหน้าเพื่อหยุดฟางเฉียน
แต่น่าเสียดาย ที่การกระทำของเธอมันสายเกินไป
กำปั้นที่พุ่งออกมาราวกับกระสุนปืนกำลังพุ่งไปยังหน้าอกของหลิงเทียน ...
ต่อให้ตอนนี้ฟางเฉียนคิดจะหยุดมือเขาก็ไม่สามารถทำได้แล้ว! นับประสาอะไรกับการที่เขาคิดจะฆ่ามัน
"เค่อเอ๋อ ผ่อนคลายร่างกายของเจ้า!"
ปากของหลิงเทียนขยับกล่าวกับเค่อเอ๋อออกมา ก่อนที่เขาจะโอบเอวของนางเอาไว้ พร้อมกับเอนกายหลบหมัดของฟางเฉียนราวกับนกนางแอ่น
นี่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของร่างกายและความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ หลังจากบ่มเพาะทักษะเก้ามังกรจักรพรรดิ์สงคราม รูปแบบอสรพิษ! ความยืดหยุ่นที่พลิกเอวเอนกายหลบมาโดยไม่เสียหลัก ความแข็งแกร่งของมือและขาที่สามารถดึงตัวเค่อเอ๋อออกมาพร้อมประคองไว้อย่างนิ่มนวล
กำปั้นของฟางเฉียนไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของหลิงเทียน ...
ฟึ่บ!!
เคร้ง ฉัวะ!
ในขณะเดียวกันกับเสียงหมัดจั่วลมดังขึ้น เสียงชักดาบพร้อมกับกรีดเฉือนก็ดังขึ้น!
พริบตาต่อมา
ทุกคนได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตะลึง
สายตาของฟางเฉียนหมองลงในพริบตา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง...สองมือกุมคอเอาไว้อย่างแน่นหนา หากแต่ว่าไม่อาจหยุดสายโลหิตที่หลั่งไหลออกมาได้...
ในที่สุดเขาก็ไม่เหลือสติประคองร่างกายอีกต่อไป ร่างของเขาล้มลงราวกับหุ่นกระบอกไร้ด้ายพยุง
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด
บริเวณหน้าร้านเถาพฤกษาไร้สิ้นสำเนียงสรรพเสียงใดๆ
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างไร้วิญญาณของฟางเฉียน...
ผู้ดูแลร้านยาสาขาของตระกูลฟาง ที่มีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้น 6 ตกตายลงง่ายดายเช่นนี้?
ยิ่งกว่านั้นผู้ที่มอบนิทรานิรันดร์ให้แก่มันยังอายุไม่ถึง 16 ปี!
อ่า! โอ้! เฮ่อ!
......
หลังจากเสียงเงียบลงอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เสียงถอนหายใจและเสียงสบถก็ดังระงมกลบเสียงสายลม ความเงียบสงัดหน้าร้านเถาพฤกษาถูกพรากไปในลักษณะเช่นนี้...
สายตาทุกคู่ของทุกคนเบนจากร่างไร้วิญญาณของฟางเฉียน ไปยังร่างของบุรุษหนุ่มที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาถือดาบอย่างองอาจด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งโอบเอวสตรีไว้อย่างอ่อนโยน...
...สิบย่างก้าวคร่าชีวัน..พันลี้ไร้คู่ต่อกร...
ในขณะที่ทุกคนจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตานับถือ เสียงของเขาก็ดังขึ้น
"เจ้าทั้งสามจากตระกูลฟาง หากพวกเจ้ายังไม่คิดจะจบเรื่องราวในครั้งนี้ พวกเจ้าสามารถตามหาข้าได้ที่ตระกูลลี่ จำใส่กะโหลกหนาๆ ของพวกเจ้าเอาไว้จะได้หาเรื่องไม่ผิดคน ข้า คือ ต้วน หลิง เทียน! "
เสียงอหังการดังขึ้นทะลุประสาทรับฟังของทุกผู้ มันสลักลงไปยังจิตวิญญาณของคนทั้งหมด
"ข้าคือต้วนหลิงเทียน!"
ประโยคนี้ยังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหูของทุกคน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้คนได้ยินนามนี้
เมื่อราวๆครึ่งเดือนก่อน นามต้วนหลิงเทียนนี้ บรรลือลั่นไปทั่วเมืองวายุโปรย
สมาชิกของตระกูลลี่ที่ไม่ได้ใช้แซ่ของตระกูลลี่ ต้วนหลิงเทียน!
"เช่นนั้นเขาคือ ต้วนหลิงเทียน? ต้วนหลิงเทียนที่ลั่นวาจาไว้เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ว่าจักไปเยือนตระกูลฟาง พร้อมกับเอาชีวิตของฟางเจี้ยน ผู้ดูแลตระกูลฟาง"
"ไม่ผิด น่าจะเป็นเขา ...แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะน่ากลัวถึงเพียงนี้!"
"ข้าไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาลงมือเช่นไร เห็นอีกทีลำคอของฟางเฉียนก็ถูกสะบั้นไปแล้ว เป็นดาบที่รวดเร็วยิ่งนัก! "
"พวกเจ้าดูสิ เขามีระดับการบ่มเพาะร่างกายแค่ขั้นที่ 4 เหตุใดเขาสามารถสังหารผู้มีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 6 ราวกับตัดหญ้าเช่นนั้นกัน หากไม่เห็นกับตาข้าไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด"
......
ผู้คนไม่อาจหยุดยั้งการสนทนาเกี่ยวกับหลิงเทียนได้ น้ำเสียงของพวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความนับถือแฝงความหวาดกลัว
ปรากฏว่าชายหนุ่มคนนี้กลับเป็นบุรุษเย่อหยิ่งแห่งตระกูลลี่ ที่ลั่นวาจาท้าผู้ดูแลฟางเจี้ยนที่มีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เอาไว้อย่างโอหัง!
"ต้วนหลิงเทียน!"
"ระ..รีบพะ..พา ศพ..ศิษย์พี่ไปหาผู้ดูแล!"
"พะ..พวก เรา.ต้อ..ต้องไปขอคำอธิบาย..กะ..กับ ตระ..ตระกูลลี่แน่!"
สามหนุ่มตระกูลฟางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตอนนี้พวกมันหวาดกลัวหลิงเทียนเป็นอย่างมาก หลังจากกล่าวกับหลิงเทียนด้วยเสียงสั่นราวกับนกหวาดเกาทัณฑ์ พวกมันก็รีบนำศพฟางเฉียนไปหาผู้ดูแลตระกูล
"ต้วนหลิงเทียน? เขาคือ ต้วนหลิงเทียน คนนั้นหรือ? "
หลังจากเฉินเม่ยเอ๋อหายจากอาการตกตะลึง นางก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มซุกซน
ตราบใดที่นางต้องการ นางสามารถไปหาหลิงเทียนที่ตระกูลลี่ได้ทุกเมื่อ ต่อให้เขาไม่อยากเจอหน้านาง นางก็สามารถไปดักรอเขาได้...
"พวกเรากลับ!"
เฉินเม่ยเอ๋อกล่าวกับสาวใช้ของเธอ ก่อนที่ทั้งสองจะกลับตระกูลเฉิน
ฝูงชนที่ล้อมรอบอยู่ด้านหน้าร้านเถาพฤกษาก็ค่อยแยกๆย้ายกันไป แต่บทสนทนาของทุกคนยังคงเป็นเรื่องของหลิงเทียนไม่เปลี่ยนแปลง
หัวข้อหลักของการสนทนา กลับกลายมาเป็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง หลังจากที่มันเคยดังกระหึ่มเมื่อครึ่งเดือนก่อน
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัวของหลิงเทียนแต่อย่างใด
แต่นับจากนี้ต่อไปพวกเขาได้ประจักษ์แล้วว่าตัวตนของหลิงเทียนเป็นเช่นไร และฝีมือของเขาน่าหวั่นเกรงขนาดไหน!
ระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 4 เคลื่อนไหวเพียงหนึ่งกระบวนท่า กลับปลิดปลงชีวิตของผู้บ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 6 ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต่างอะไรกับตัดหญ้า
ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาพวกเขาไม่มีวันเชื่อเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหลเช่นนี้แน่ แต่ตอนนี้พวกเขาได้ประจักษ์ด้วยสองตา ต่อให้มันจะน่าเหลือเชื่อสักเพียงใด พวกเขาก็ได้แต่ยอมรับมัน
"เขาเป็นคนของตระกูลลี่ ต้วนหลิงเทียน?"
บนชั้นที่สามของเหลาเถาพฤกษา ประกายตาของผู้ดูแลหม่า เปล่งประกายลุกโชนออกมา
"การลงดาบของเขาว่องไวจนไม่น่าเชื่อ ...เพียงการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 4 กลับสามารถสะบัดดาบด้วยความเร็วขนาดนี้ได้ หากเขามีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 จะว่องไวถึงเพียงไหนกัน ถ้าเขาสามารถบ่มเพาะจนมีระดับการบ่มเพาะร่างกายจนถึงขั้นที่ 7 การสังหารฟางเจี้ยนที่เป็นผู้ดูแลตระกูลฟาง คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา!
"เฮ่อแต่การจะก้าวเข้าสู่ระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 7 จากขั้นที่ 4 ในเวลาเพียง 2 เดือน มันเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าข้าจะได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก แต่ข้าก็มั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่จะรนหาที่ตาย ถ้าเขากล่าวว่าสามารถสังหารฟางเจี้ยนได้ย่อมแปลว่าเขาต้องมีความมั่นใจอยู่ไม่น้อย! ข้าจะรอดู ...
ณ ตลาดของครอบครัวลี่
ต้วนหลิงเทียนใช้เหรียญเงินจำนวนไม่น้อยซื้อวัตถุดิบในตลาดตระกูลลี่ ก่อนที่จะเดินเล่นกับเค่อเอ๋ออยู่สักพักหนึ่ง หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็กลับตระกูลลี่ไปด้วยกัน
เมื่อได้รับวัตถุดิบเหล่านี้ หลิงเทียนก็ผ่อนคลายลงมาก
"ฟางเจี้ยน อีกสองเดือนเจ้าจะตายไร้ที่ฝัง!"
แววตาของหลิงเทียนลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความแค้น มุมปากของเขาฉีกยิ้มออกมาราวกับปีศาจ
"นายน้อย ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?"
เมื่อเค่อเอ๋อสังเกตุเห็นท่าทางที่น่าหวาดกลัวของหลิงเทียน นางถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
"ข้าสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร แล้วเจ้าล่ะเค่อเอ๋อ ที่หน้าเหลาเถาพฤกษาก่อนหน้านี้ เจ้าไม่กลัวรึไง? "
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมา มือของเขาลูบศีรษะของสาวน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
"นายน้อยบอกจะไม่ให้ข้าติดตามไปหากหวาดกลัว เค่อเอ๋อเลยไม่กลัวอะไรเจ้าค่ะ" เด็กสาวส่ายหัวอย่างน่าเอ็นดู
"ดี" หลิงเทียนพยักหน้า
ถึงเขาจะวางแผนทำให้เค่อเอ๋อมีจิตใจเข้มแข็ง แต่เขาก็ไม่ได้กะจะให้นางเห็นฉากเลือดสาดในทันทีแบบวันนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ถ้าเขาทำรุนแรงเกินมันอาจจะเป็นการบีบคั้นอารมณ์ของเค่อเอ๋อมากเกิน มันอาจทำให้จิตใจของนางแตกสลายได้
อีกทั้งถ้าเขานำนางไปประสบเหตุการณ์ที่รุนแรงในขณะที่เขายังไม่แข็งแกร่งมากพอมันอาจทำให้นางได้รับอันตรายได้อีกด้วย
และนั่นเป็นสิ่งที่หลิงเทียนไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด