ตอนที่ 20 : จู่โจมเพียงครั้ง...ถึงกับหลั่งโลหิต
"ให้ข้าไสหัวไป?"
หลังจากได้ยินคำพูดของสามหนุ่ม ต้วนหลิงเทียนถึงกับหัวเราะลั่น
"เจ้าหัวเราะอะไร?"
ชายคนหนึ่งกล่าวตะโกนถามออกมา ด้วยความโกรธ
"ข้าก็พอเข้าใจนะไอเรื่องการแสดงออกเพื่อเอาใจแม่นางเฉินของพวกเจ้า... แต่สิ่งที่ข้าขำ คือการที่พวกเจ้าคิดว่ามีปัญญาไล่ข้าไป ถ้าจำไม่ผิดพวกเจ้ามาจากตระกูลฟางใช่หรือไม่? "
ปากของหลิงเทียนฉีกยิ้มกว้างขึ้น สายตาของเขาจ้องมองไปยังบุรุษทั้งสามราวกับมองทะลุไปถึงแก่น
จริงๆแล้วเขาจำได้ลางๆจากความทรงจำของหลิงเทียนคนเก่า เขาจำได้ว่าหนึ่งในชายทั้งสามคนนั้นเป็นคุณชาย จากตระกูลฟาง
"เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง พวกข้ามาจากตระกูลฟาง ตอนนี้มีทั้งตระกูลฟางและตระกูลเฉิน เด็กน้อยเช่นเจ้าคิดว่ามีปัญญาต่อต้านงั้นหรือ? "
"ถูกแล้ว เด็กน้อยเช่นเจ้าอาจหาญต่อกรกับตระกูลฟางและเฉินเช่นนั้นรึ?"
"รีบกราบขอโทษแม่นางเฉินแล้วไสหัวออกไป พวกข้ายังพอมีเมตตา ให้เจ้าจากไปด้วยดีไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวอะไร!"
สามหนุ่มตระกูลรวมหัวกันกล่าวข่มขูต้วนหลิงเทียน และกล่าวราวกับเขาเป็นเด็กน้อย ทั้งๆที่พวกมันก็เป็นเด็กน้อยไม่ต่างอะไรกับหลิงเทียน แค่พวกมันมีอายุมากกว่าหลิงเทียนเล็กน้อยเท่านั้นเอง
"ข้าเชื่อว่าบุตรสาวจากตระกูลเฉินคงสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเฉินได้... "
ต้วนหลิงเทียนกล่าวอย่างจริงจัง ทำให้แม่นางเฉินที่อยู่ด้านข้างถึงกับพยักหน้าด้วยความภูมิใจ
หากแต่คำกล่าวต่อมาของหลิงเทียนกลับทำให้สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวในทันที!
"แต่เจ้าสามคนที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กอ่อนหัด ที่คอยเดินไล่ตามตูดสตรีโง่ๆ สามารถเป็นตัวแทนตระกูลฟางได้งั้นเหรอ? ข้าต้องบอกพวกเจ้าไว้เลยว่า ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยได้พบเรื่องราวเหลวไหลขนาดนี้มาก่อน! ข้าไม่ได้แยแสแม่นางเฉินโง่ๆอะไรของพวกเจ้าแม้แต่นิด สำหรับพวกเจ้าคิดว่าข้าจะสนใจอะไรงั้นเหรอ? "
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจ แววตาของเขาฉายแววสนุกสนานไม่น้อย
"ไอเด็กบัดซบ หาที่ตาย!"
สามหนุ่มจากตระกูลฟางโกรธอย่างมากที่พวกมันถูกดูถูกต่อหน้าแม่นางเฉิน ซ้ำร้ายไอเด็กโอหังนี่ ยังกล้ากล่าวดูแคลนแม่นางเฉินอีกด้วย
"อะไร พวกเจ้าคิดจะสู้งั้นเหรอ?"
ต้วนหลิงเทียนเริ่มหัวเราะออกมาอีกครั้ง
"ข้ารู้ว่าร้าน เถาพฤกษาย่อมมีปัญญาชนคอยดูแล หากข้าลงมือตอบโต้พวกมัน ข้าหวังว่าพวกท่านคงเป็นพยานให้ข้าได้ ว่าข้ากระทำไปเพื่อป้องกันตัว"
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาในขณะที่มองไปยังพนักงาน ที่อยู่ไม่ไกลสักเท่าไร
เหล่าพนักงานและเสี่ยวเอ้อตอบรับคำกล่าวของหลิงเทียน พวกเขาอดนับถือมันไม่ได้ ขนาดผู้ใหญ่บางคนยังไม่มีแววตาและท่าทางที่เด็ดเดี่ยวทระนงขนาดนี้
"แล้วจะทำไม หากพวกข้าลงมือก่อน? พวกเรามือ!"
ชายหนึ่งในตระกูลฟางกล่าวออกมาด้วยเสียงดังลั่น ก่อนที่ชายทั้งสามคนจะลงมือจู่โจมไปยังจุดสำคัญของหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียงกัน ...
"นายน้อย!"
เค่อเอ๋อตะโกนออกมาพร้อมกับเตรียมหยิบดาบบนโต๊ะ
แต่ในขณะที่นางกำลังจะหยิบดาบนั้นเองก็พบว่ามือของหลิงเทียนได้เคลื่อนมาจับดาบเอาไว้
นางเห็นเพียงเส้นแสงสีม่วง วูบไหวออกไปด้วยความเร็วสูงพร้อมกับเสียงดัง เช้ง
พริบตาถัดมา
เสียงร้องจากชายทั้งสามก็ดังขึ้น พร้อมกับโลหิตหกสายสายพุ่งกระจายออกมาราวกับน้ำพุ
ข้อมือของชายทั้งสามคนถูกแสงสีม่วงลากผ่านทิ้งไว้เพียงรอยแดง ก่อนที่สายโลหิตจะพุ่งทะลักออกมาจากรอยแดงดังกล่าวโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ...
"ข้าให้เวลาพวกเจ้าสามลมหายใจ เลือกเอาเองว่าจะอยู่หรือตาย!"
นำเสียงเย็นชาของหลิงเทียนเอ่ยแทรกขึ้นมาสะกดเสียงกรีดร้องโหยหวนของชายทั้งสาม
หลังจากได้ยินคำกล่าวของเขา หน้าของชายทั้งสามเปลี่ยนสีทันที พวกมันต่างรีบวิ่งหางจุกตูดลงไปจากชั้นสองของเหลาเถาพฤกษา
แค่เพียงสองลมหายใจ พวกมันทั้งสามก็อันตรธานหายไปจากสายตาของหลิงเทียน
..เมื่อมนุษย์กำลังเผชิญกับความตาย พวกมันจะเรียกใช้พลังแฝงในร่างออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ...
เหล่าพนักงานที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างสูดลมหายใจด้วยความหนาวเหน็บ
ในสายตาของพวกมันดาบนี้ของหลิงเทียนรวดเร็วเกินไป มันเร็วเสียจนผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับกายบ่มเพาะขั้นที่ห้าอย่างพวกมันไม่สามารถมองตามทันได้
ใบหน้าของเฉินเม่ยเอ๋อที่อยู่ด้านข้างซีดราวกับไร้สีเลือด แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หญิงรับใช้ของเฉินเม่ยเอ๋อกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง ตอนนี้นางหวาดกลัวหลิงเทียนมากเสียจนไม่กล้ามองดูเขา
นางไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่ส่งยิ้มให้พร้อมกับกล่าววาจาหยอกล้อนายหญิงของนางเมื่อครู่ กลับลงมือด้วยความอำมหิตและโหดเหี้ยมขนาดนี้
ส่วนเค่อเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างหลิงเทียนสีหน้าของนางก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ใบหน้าของนางซีดลงอย่างเห็นได้ชัดไม่ต่างอะไรกับนายบ่าวสตรีข้างๆ
"หืม หรือแม่นางเฉินต้องการไปข้าเดินไปส่ง ถึงยังไม่รีบไสหัวออกไป?"
ต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองเฉินเม่ยเอ๋อก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากเห็นท่าทางของนางมันก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
"เจ้าเป็นใครกันแน่?" เฉินเม่ยเอ๋อกล่าวถามออกมาด้วยความหวาดกลัว
"แม่นางเฉินหรือท่านไม่เต็มใจจะจากข้าไป อย่าบอกนะว่า ท่านตกหลุมรักข้าแล้ว น่าเสียดายผู้หญิงจิตใจคับแคบและหลงตัวเองแบบท่านข้าไม่คิดจะเหลือบแลแม้แต่น้อย หวังว่าท่านคงไม่คิดพยายามทำอะไร ที่ไร้ประโยชน์ "
กล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เฮอะ!” เฉินเม่ยเอ๋อไม่คิดว่าหลิงเทียนจะกล่าววาจาร้ายกาจเหยียดหยามกันถึงขนาดนี้ ตอนนี้นางเริ่มโกรธจนน้ำตาแทบจะไหล อดไม่ได้ที่นางจะสบทออกมา
หลังจากที่ได้ฟังวาจาดูหมิ่นของหลิงเทียนความกลัวของนางก็ค่อยๆจางหายไป
"สุ่ยเอ๋อ เมื่อสามคนนั้นจากไปแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปนั่งโต๊ะที่ว่างของพวกมันกัน" หลังจากนั้นเฉินเม่ยเอ๋อก็กล่าวชักชวนหญิงรับใช้เธอไปนั่งโต๊ะริมหน้าต่างที่พึ่งว่างลง
ติ่มซำของสามหนุ่มตระกูลฟางที่หนีไป ยังแผ่ไอความร้อนออกมาอยู่
"เจ้าไปทำความสะอาดโต๊ะแล้วรับใช้แม่นางเฉินเถอะ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหญิงรับใช้อย่างอ่อนโยน ก่อนที่มันจะฉีกยิ้มออกมา
อย่างน้อยเฉินเม่ยเอ๋อก็ต่างจากสตรีน่ารังเกียจทั่วไป ขนาดเกิดเรื่องแบบนี้นางยังหน้าด้านกินอาหารต่อไม่วิ่งหนีไปไหน
"ค่ะ คุณชาย" สุ่ยเอ๋อกล่าวรับคำนางเช็ดเลือดจากคนของตระกูลฟางตามตัว ก่อนที่จะเดินไปรับใช้นายหญิงของนาง
"เค่อเอ๋อ ข้าทำให้เจ้ากลัวหรือไม่?" หลิงเทียนหันไปมองเด็กสาวอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะกล่าวถามออกมา
ตอนนี้ท่าทางของเขาอ่อนโยนมาก ช่างต่างจากท่าทียามลงมือทำร้ายผู้คนเมื่อครู่ลิบลับ
“ข้าไม่กลัวค่ะ นายน้อย”
เด็กสาวรีบส่ายหัวไปมาอย่างน่าเอ็นดู
แต่หน้าตาที่ซีดเซียวของนางก็บ่งบอกว่า ความจริงนางก็ค่อนข้างหวาดกลัวไม่น้อย
หลังจากนั้นอาหารชุดใหม่ของหลิงเทียน ก็ถูกนำมาจัดวางโดยเสี่ยวเอ้อ เขากินติ่มซำพร้อมกับดื่มนมถั่วเหลืองร้อนๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สำหรับเด็กสาวนั้นเธอกินอาหารได้เล็กน้อย ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่สลายความอยากอาหารของเธอไปจนหมด
"เค่อเอ๋อ อย่าไปสนใจเรื่องเล็กๆน้อย เป็นเด็กดีแล้วกินอาหารเยอะๆ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับนางด้วยเสียงอ่อนโยน
"นายน้อย ข้า ... "
ใบหน้าของเธอซีดลงอีกครั้ง เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
"เค่อเอ๋อ อีกไม่นานข้าก็ต้องออกจากเมืองวายุโปรยแล้ว หากเจ้าคิดที่จะติดตามข้าไปเจ้าต้องเตรียมพร้อมจิตใจให้เข้มแข็งขึ้นกว่านี้ เพราะเหตุการณ์ในวันหน้าอาจจะหนักหนากว่านี้ เข้าใจหรือไม่? แน่นอนหากว่าเจ้าไม่คิดที่จะติดตามข้าไป ก็คิดซะว่าข้าไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน " หลิงเทียนถอนหายใจ ก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมา
"นายน้อย เค่อเอ๋อเข้าใจแล้ว เค่อเอ๋อจะกินเยอะๆ ... ได้โปรดนายน้อยอย่าทิ้งเค่อเอ๋อไว้คนเดียวนะเจ้าคะ "
หลังจากกล่าวจบนางก็รีบกินอาหารตรงหน้าหลายๆอย่าง แก้มน้อยๆป่องออกมา หากใครได้มองคงอดไม่ได้ที่จะหลงรักนาง
ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อยเมื่อมองภาพสาวน้อยน่ารักตรงหน้า เขาไม่อยากให้เธอเจอเรื่องร้ายๆอะไร
แต่เขาต้องทำให้จิตใจเค่อเอ๋อแข็งแกร่งมากพอ เพราะเขาก็ไม่อยากเดินทางโดยไร้นางเคียงข้างเช่นกัน
“นี่เจ้า! ถ้าเจ้าไม่ไปตอนนี้ เกรงว่าเจ้าคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาจากคนของตระกูลฟางได้แล้วล่ะ”
หลิงเทียนได้ยินเสียงของเฉินเม่ยเอ๋อดังขึ้นมาจากระยะไกล
"แม่นางเฉินท่านไม่ต้องกังวลแทนข้าหรอก ข้าพนันว่าที่จริงแม่นางเฉินคงอยากให้ข้าเจอปัญหาจากตระกูลฟางไวๆเสียมากกว่า ใช่หรือไม่?" หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
"เจ้า..เจ้านี่มัน!"
เมื่อเฉินเม่ยเอ๋อได้ฟังน้ำเสียงกระแนะกระแหนไม่สนใจคำเตือนของหลิงเทียน อดไม่ได้ที่นางจะโมโหจนควันขึ้นหัว
“ข้าไม่มีวันเลิกราแน่ ข้าต้องรู้ไห้ได้ว่าเจ้าเป็นใคร!”
"หญิงบ้าเฉินเม่ยเอ๋อนี่ดุร้ายเสียจริง เจ้าว่าไหม" หลิงเทียนกล่าวออกมาเบาๆ กับเค่อเอ๋อ
หลังจากที่กินอาหารตรงหน้าเสร็จ หลิงเทียนก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นบุรุษสามคนจากตระกูลฟางที่จากไป พาพรรคพวกกลับมา
ตอนนี้ข้อมือของพวกมันถูกพันผ้ามาอย่างดีเป็นเครื่องหมายว่าได้รับการรักษามาแล้ว พวกมันพาชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีมุ่งหน้ามาด้วยท่าทางเอาเรื่อง
ทั้งสี่คนก้าวเข้ามาในร้านเถาพฤกษาด้วยท่าทางดุดัน
เมื่อเฉินเม่ยเอ๋อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้านางก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา นางมองไปที่หลิงเทียนก่อนที่จะคิดในใจอย่างขุ่นเคือง ‘เจ้าอยากไม่ฟังคำเตือนของข้าเอง ผู้ดูแลร้านโอสถของตระกูลฟางมาเองดูซิเจ้าจักลงมือตอบโต้ได้อย่างไร จะคอยดูว่าเจ้าจะยังมีหน้าหัวเราะได้อีกรึไม่ ...’
“เฮอะ! หากเจ้าคุกเข่าขอร้องข้าสามครั้ง ข้าอาจจะช่วยพูดให้เจ้าได้นะ” เฉินเม่ยเอ๋อกล่าวออกมาด้วยความลิงโลด
"พี่เฉียน มันอยู่นั่น!"
เยาวชนทั้งสามของตระกูลฟางตะโกนพร้อมกับชี้มายังหลิงเทียน ที่กำลังนั่งใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยเศษอาหารออกจากฟัน
"พวกเจ้าสงบสติอารมณ์ลงก่อนข้าจะไปสอบถามข้อเท็จจริงจากมันเอง"
ชายหนุ่มทั้งสามถึงกับหยุดชะงัก
"สงบอารมณ์กับสอบถามอันใดของท่านกันอีก?"
ฟางเฉียนชายหนุ่มผู้ดูแลร้านขายยาของตระกูลฟาง หันกลับไปมองหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา เจตนาฆ่าของมันแผ่ออกมาอย่างปิดไม่มิด
“เหตุใดเจ้าถึงลงมือด้วยความอำมหิตนัก ถึงขั้นตัดเอ็นข้อมือของคนตระกูลฟางของข้า? ตอบมา! ไอเด็กบัดซบ!”
คำกล่าวของชายหนุ่มถึงกับทำให้สีหน้าของเฉินเม่ยเอ๋อเปลี่ยน
‘ตัดเส้นเอ็นขอมือเลยงั้นหรือ?’
ตอนนี้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นางหันไปมองหลิงเทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยหวาดกลัว
นางคิดว่าหลิงเทียนเพียงจู่โจมให้ชายทั้งสามคนเลือดตกยางออกเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าการจู่โจมครั้งนั้นถึงขั้นตัดเอ็นข้อมือของชายทั้งสาม
หากเอ็นข้อมือถูกตัดไปแล้ว ต่อให้ได้รับการรักษาเพียงใด มือของพวกมันก็จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ราบรื่นเหมือนเดิม
สำหรับนักสู้และผู้ฝึกยุทธ์การตัดเอ็นข้อมือไม่ต่างอะไรกับการตัดแขนทั้งสองข้าง
"เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!"
ฟางเฉียนมองไปที่หลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชาราวกับว่ามันมองผู้ที่กำลังจะตาย
สำหรับเขาผู้บ่มเพาะร่างกายระดับสี่ ไม่ต่างอะไรจากเด็กทารก
"ฮ่าฮ่า…. เหตุใดผู้ใหญ่จึงมาเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องราวของเด็กน้อย? ในบรรดาพวกเจ้าคนที่อายุน้อยที่สุดยังแก่กว่าข้า ที่ข้าทำให้พวกมันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจนต้องไปเรียกเจ้ามาแก้แค้นให้ เจ้าไม่รู้เหรอว่าข้าภูมิใจขนาดไหน? ตระกูลฟางคงได้หน้าจากการกระทำของพวกเจ้าไม่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า ... "
หลิงเทียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เขาไม่สนใจเด็กน้อยทั้งสามรวมไปถึงชายหนุ่มที่มาใหม่แม้แต่น้อย ท่าทีของเขาแสดงความเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"หุบปาก!"
สายตาของฟางเฉียนหรี่ลง ตอนนี้มันคิดที่จะลงมือเต็มกำลังด้วยความอำมหิตฟาดเด็กน้อยตรงหน้าให้ตกตาย แต่ในขณะที่มันกำลังจะลงมือนั้นเอง ...
"หยุดมือ!"
น้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสดังขึ้นมา
ชายวัยกลางคนสวมชุดเขียวค่อยๆเดินเข้ามาด้วยท่าทีองอาจ เหล่าเสี่ยวเอ้อและพนักงานต่างก้มหัวโค้งคำนับพร้อมเรียกมันว่า 'ผู้ดูแลหม่า'
"ผู้ดูแลหม่า"
เมื่อฟางเฉียนเห็นชายวัยกลางคนตรงหน้า มันนอบน้อมและลดท่าทีลง
"ฟางเฉียนถึงเจ้าจะเป็นผู้ดูแลร้านยาของตระกูลฟาง แต่ที่นี้คือเหลาเถาพฤกษา ปัญหาใดๆที่เกิดขึ้นภายในร้านข้าตัดสินเองได้คงไม่ต้องให้คนนอกเช่นเจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยว เหลาอาหารแห่งนี้ไม่ใช่ที่ๆใครคิดจะทำอะไรก็ทำได้
ผู้ดูแลกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เช่นนั้นก็ตามท่านกล่าว"
ฟางเฉียนสูดหายใจลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมา
"ข้าจะรอเจ้าอยู่หน้าร้าน หากเจ้าไม่ใช่บุรุษ เจ้าก็นั่งหดหัวอยู่ในเหลาชั่วชีวิตแล้วกัน! "
สายตาเอาเรื่องของฟางเฉียนถูกส่งไปยังหลิงเทียนก่อนที่เขาจะเดินออกไป
"ไม่ต้องกังวล เมื่อข้าและเค่อเอ๋อ กินอาหารเสร็จ ข้าจะลงไปเล่นกับเจ้าเอง"
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาก่อนที่จะหัวเราะ ราวกับเขาไม่ได้มีความกังวลใดๆทั้งสิ้น
แต่เมื่อเขามองไปยังเค่อเอ๋อเขาก็แสดงท่าทีกังวลออกมาเล็กน้อย
"เค่อเอ๋อ ทำไมเจ้าไม่กินอีกสักหน่อยล่ะ อ่า..แบบนั้นแหล่ะ เด็กดีกินเยอะๆนะ ไม่ต้องกังวล "
หลิงเทียนมองไปยังเด็กสาวที่กำลังกังวลด้วยแววตาอ่อนโยน
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าผู้ดูแลหม่า มองไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาทอประกายก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
แขกและเสี่ยวเอ้อที่อยู่บนชั้นสองต่างมองไปยังหลิงเทียนด้วยความเห็นใจ...
ในความคิดของพวกมันแม้หลิงเทียนจะเก่งกล้าสามารถแค่ไหนแต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยอายุสิบห้าปี ส่วนคู่กรณีกลับเป็นฟางเฉียนที่อายุยี่สิบปี ซ้ำมันยังมีระดับการบ่มเพาะร่างกายอยู่ที่ขั้นหก
เป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กน้อยผู้นี้จะเอาชนะฟางเฉียนได้