ตอนที่ 185 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 2
จิตใจของธีโอดอร์ยังคงว่างเปล่า ความงามที่ราวกับไม่ใช่เรื่องจริงนี้ยังคงมีความคล้ายคลึงอยู่ แต่มันแตกต่างไปจากตอนที่เธอยืนอยู่ระหว่างเพศชายและหญิงอย่างมาก หากเอลโลน่าก่อนหน้านี้ดูราวกับกลีบดอกไม้ที่บริสุทธิ์ เอลโลน่าตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็เปรียบเสมือนกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นต้นอาเคเซียที่แตะจมูกของเขาดูเหมือนจะเป็นกลิ่นกายของเธอ
แม้จะเผชิญหน้ากับแขกสุดพิเศษของอาณาจักรก็ตาม ธีโอดอร์นั้นไม่สามารถที่จะเปิดปากของเขาได้
ไม่สิ ไม่ใช่ธีโอดอร์เพียงคนเดียว ทุกคนที่อยู่รอบๆเอลโลน่าต่างลืมที่จะหายใจ โดยไม่คำนึงถึงเพศของพวกเขา เธอมีความงามที่เปล่งประกายไปด้วยความมีชีวิตชีวา ใบหน้าของเธอขาวผ่าวราวกับแสงแดดที่อ่อนนุ่มและมันเป็นธรรมชาติที่เธอจะดึงดูดความสนใจจากผู้คน
หากพาร่าแกรนัมไม่ได้ดึงสติเขากลับมา ธีโอดอร์คงจะจ้องมองเอลโลน่าต่อไปด้วยท่าทางว่างเปล่า
“อา!ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เอลโลน่า ฉันไม่รู้เลยว่าเธอจะมาที่นี่” ธีโอดอร์ทักทายอย่างเร่งรีบ
“ฮิฮิ ฉันเองก็ไม่คาดคิดว่าธีโอดอร์จะมาพบฉัน”เอลโลน่ายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคำทักทายที่เขินอายของเขา
ธีโอดอร์ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเบื้องหลังรอยยิ้มของเธอ เขาไม่สามารถหยุดดวงตาให้อยู่กับที่ได้ ริมฝีปากบางนุ่ม ฟันสีขาว และนิ้วเรียวยาวที่แตะริมฝีปาก.....มันไม่ใช่เพียงแค่ส่วนเว้าโค้งของร่างกายที่เปลี่ยนไป มันยังมีพฤติกรรมของเพศหญิงที่แทรกเข้ามา
เธอได้จ้องมองเขามาตรงๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไว้วางใจและความปราถนาดีซึ่งสามารถทำให้ผู้รับอาจจะรู้สึกลำบากใจ
ธีโอดอร์แทบจะไม่สามารถหลบหนีจากการจ้องมองของเธอได้ขณะที่เขาพูดกับเอลโลน่าและฑูตคนอื่นๆ “….งั้นพวกเราไปที่อื่นกันเถอะ โปรดบอกผมหากพวกคุณรู้สึกไม่สบายใจ”
“แน่นอน ผู้มีพระคุณ!โปรดดูแลพวกเราด้วย”
“เราขอขอบคุณอย่างสุดซึ้ง”
ทั้งสองผู้พิทักษ์โค้งหัวและก้าวถอยไปอยู่ด้านหลังเอลโลน่าอย่างเป็นธรรมชาติ หน้าที่ของพวกเขาคือการคุ้มกันเธอ พวกเขาจะยืนอยู่ด้านซ้ายและขวา อย่างไรก็ตาม ธีโอดอร์ไม่รู้ถึงความหมายตำแหน่งการยืนของพวกเขา
ทำไมทั้งสองคนจึงยืนด้านหลัง?
มันราวกับพวกเขากลัวที่จะขัดขวาง....
ขณะที่เขานึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเอลโลน่าจึงมีสีชมพูปนอยู่ขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้ธีโอดอร์ เธอทำตัวราวกับสาวแรกแย้ม นิ้วขาวผ่องของเธอบิดไปมาอย่างเขินอายก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจลึกและยื่นมือขวาของเธออกมา มันเป็นการกระทำที่ราวกับเธอต้องการจะจับมือ(จับมือแบบทักทาย) แต่ความหมายมันต่างกัน
“โปรดดูแลฉันด้วย ธีโอดอร์”
“อ่า ครับ”
มันเป็นการกระทำที่กล้าหาญสำหรับเอลโลน่า แต่ธีโอดอร์กลับคว้ามือของเธอโดยไม่คิดอะไรมากนัก เขากลับคว้ามือเธอก่อนที่เอลโลน่าจะได้เตรียมใจ“อ๊ะ...!”
ฝ่ามือที่เล็กกว่าของเธอถูกจับอย่างเบาๆในมือของธีโอดอร์ เธอสัมผัสได้ถึงความหยาบและความร้อน เอลโลน่ารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านฝ่ามือของเธอไปยังหัวของเธอ มันอาจจะแตกต่างหากเป็นชายอื่น แต่ธีโอดอร์เป็นคนพิเศษ ใบหน้าสีขาวที่มีสีชมพูแต้มบางๆจึงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยสมบูรณ์
ธีโอดอร์สังเกตเห็นและรีบดึงมือเขาออกทันที “เอลโลน่า?เธอเจ็บงั้นหรอ?”
“อ่า ไม่มีอะไร ฉันสบายดี”
“แต่หน้าเธอแดง...”
“นะ-นี่ไม่ใช่เพราะฉันเจ็บ...!”เอลโลน่าไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นเพราะเขาจับมือเธอ ดังนั้นเธอจึงปิดปากสนิท แต่ทว่า ธีโอดอร์กลับพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก เขาคิดว่ามันเป็นเพราะเธอเหนื่อยจากการเดินทางไกลมายังเมลเทอร์
ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันลืมนึกไป ฉันจะพาเอลโลน่าไปยังที่พักให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ใช่ ใช่?”
ธีโอดอร์หันหน้าไปจากเอลโลน่าและสั่งว่า “Quattroและเหล่าทหาร!จงเคลียร์เส้นทาง!”
เขาเป็นจอมเวทย์ชั้นหนึ่งผู้ที่จะเป็นผู้นำหอคอยคนต่อไป และยังมีตำแหน่งเป็นถึงมาร์ควิสกิตติมศักดิ์ นอกจากนี้ เขายังเป็นวีรบุรุษของอาณาจักรอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา
วิลเลี่ยมและคนอื่นๆ ได้ฟื้นสติจากความงดงามของเอลโลน่า และเริ่มขยับตัวตามคำสั่งของธีโอดอร์ พวกเขาเป็นคนที่มีฝีมือของมาน่า-วิลจริงๆ
“เปิดเส้นทาง!ทิศทางคือพระราชวัง!”
“เคลียร์ถนนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
“นี่คือคำสั่งของท่านธีโอดอร์!”
เหล่าฝูงชนได้มารวมตัวกันอีกครั้ง แต่พาร่าก็ได้ใช้เวลาอย่างเหมาะเจาะในการใช้เวทมนต์ของเธอเพื่อสร้างกำแพงอีกครั้ง
“กำแพงจงก่อเกิด”
นี่เป็นเวทมนต์ขั้น2ง่ายๆที่จะสร้างกำแพงขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เวทมนต์นี้มันแตกต่างไปจากมาตรฐานทั่วไปเมื่อผู้ใช้คือพาราแกรนัม ระยะของเวทมนต์ได้ยาวไปถึงพระราชวังจากประตูทิศเหนือ มันสูง3เมตร และมีความหนา0.5เมตร และทำจากหินแกรนิต หากเธอใช้เวลาและพลังเวทย์ที่มากกว่านี้ เธอจะสามารถสร้างได้แม้กระทั่งกำแพงคฤหาสน์
กึก กึก ครื่น...!
กำแพงได้ก่อขึ้นทั้งด้านซ้ายและขวา ปิดกั้นสายตาจางฝูงชนและสร้างเส้นทางขึ้น มันเป็นความสามารถในการคำนวณที่คำนึงถึงสองผู้พิทักษ์ เอลโลน่าและQuattro
ในขณะที่ผู้พิทักษ์กำลังชื่นชมในความสามารถ ธีโอดอร์ก็ได้จ้องมองเอลโลน่าอีกครั้ง “พวกเราจะไปที่พระราชวังในตอนนี้ ฝ่าบาทเป็นคนที่ไม่ชอบพิธีการมากนัก ดังนั้นไม่ช้าเอลโลน่าก็จะได้พักแล้ว”
“ขะ-ขอบคุณ...”
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”
เอลโลน่าได้หลอกเขาโดยไม่ตั้งใจเกี่ยวกับเธอและเดินตามหลังเขาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ มือของธีโอดอร์ช่วยพยุงเธอเข้าไปในรถม้า ขณะที่ทำเช่นนั้น ธีโอดอร์สัมผัสได้ถึงมือของเอลโลน่าที่สั่นเล็กน้อย
‘…อะไร?’ธีโอดอร์รู้สับสน
ความรู้สึกเสียวสันหลังวูบนี้มันอะไรกัน?อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สนใจมันจนกระทั่งเขาเข้าไปในรถม้ากับเอลโลน่า ซิลเวียได้เฝ้าดูพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาและดำมืดตั้งแต่ต้น
***
“เราขอยินดีต้อนรับทุกท่านสู่เมลเทอร์ สหายจากป่า!เราหวังว่าท่านจะพึงพอใจกับที่พักของเรา”เคิร์ทที่3ได้ยกร่างของเขาขึ้นจากบัลลังก์ขณะที่เขาพูดและเปิดเผยความพอใจของเขา
เหมือนกับที่ธีโอดอร์ได้คาดการณ์เอาไว้ถึงการมาถึงของผู้พิทักษ์ อย่างไรก็ตาม เอลฟ์ชั้นสูง เสาหลักแห่งเอลฟ์เฮล์ม ได้มาเยือนเมลเทอร์เป็นการส่วนตัว...?
นี่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเอลฟ์เฮล์มได้ยอมรับการเป็นพันธมิตรกับเมลเทอร์และยินดีที่จะเข้าร่วมสงครามกับแอนดราส เหล่าผู้คนที่อยู่ที่นี่ต่างยิ้มอย่างเบิกบานเพราะพวกเขาคิดเช่นเดียวกับเคิร์ท
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้น
‘เธอสวยขึ้นหลังจากเลือกเพศหญิง เอลฟ์ชั้นสูงทุกตนเป็นเช่นเดียวกับเธอ?’
มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แม้กระทั่งเคิร์ทที่3ยังถูกดึงดูดด้วยความงามที่ไม่คุ้นเคยของเอลโลน่าซึ่งแตกต่างไปจากครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบเธอ เสน่ห์ของเธอนั้นหาที่เปรียบไม่ได้ ตามรายงานของธีโอดอร์ เอลโลน่ามีเพศที่เป็นกลางเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?
ดวงตาของเคิร์ทหรี่แคบลงชั่วขณะ เขาเคยคิดว่าที่ใบหน้าของเธอมีสีแดงเจือปนเป็นเพราะความเอาใจใส่ แต่หากมันไม่ใช่ละ?จะเกิดอะไรขึ้นหากใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเนื่องจากคนที่มาพร้อมกับเธอบนรถ?
เคิร์ทที่3แอบซ่อนรอยยิ้มและแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร
“ท่านหญิง เอลโลน่า”
“ค่ะ ฝ่าบาท”
“ท่านอาจจะเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวไกล ดังนั้นทำไมเราไม่เริ่มการพูดคุยในวันรุ่งขึ้นแทนละ?เราได้จัดสถานที่พักผ่อนไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว”
“ฝ่าบาท เราขอขอบคุณสำหรับความห่วงใย”
ขณะที่บทสนทนาลื่นไหลราวกับน้ำ เขาก็ได้หยั่งเชิง “นอกจากนี้ ท่านยังจะอยู่ในความรับผิดชอบQuattro เมื่ออยู่ในมาน่า-วิล ท่านไม่พอใจกับเรื่องนี้หรือไม่?”
“Quattro ฝ่าบาทหมายถึง....”
“เราหมายถึงกลุ่มของธีโอดอร์ ที่นำพาท่านมายังที่นี่”
ขณะนั้นเอง ดวงตาของเอลโลน่าก็หันเหมาทางธีโอดอร์ เธอจ้องมาที่เขาและเลียริมฝีปากเล็กน้อย เคิร์ทที่3ได้เฝ้ามองดูปฏิกิริยาของเธออย่างใกล้ชิดดังนั้นเขาจึงไม่พลาดเรื่องนี้ มันเป็นเพียงการกระทำสั้นๆ แต่มันเป็นที่ชัดเจนว่าเอลโลน่าชอบพอธีโอดอร์
ไม่น่าแปลกใจ ที่เธอจะยอมรับ “เรามีความสุขอย่างยิ่งที่จะได้ทำตามความต้องการของฝ่าบาท แต่ผู้มีพระคุณจะคิดเช่นไร?”
“เราเข้าใจ ท่านธีโอดอร์คิดเช่นไร?”
“กระหม่อมรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับเอลโลน่า”
“อ่า…”
เมื่อธีโอดอร์ตอบกลับโดยไม่ลังเล รอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเอลโลน่า ไม่สำคัญว่าเธออาศัยมากี่ปี เธอพึ่งจะเป็นผู้หญิงได้ไม่นานนัก มีเพียงเคิร์ทเท่านั้นที่รู้ถึงสถานการณืและสิ่งนี่ทำให้เขายิ้มออกมา
กุญแจสำคัญในการเป็นพันธมิตรและวีรบุรุษของอาณาจักร....ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์นี้มันรวมถึงเรื่องของการเมืองและปัจจัยอื่นๆ?มันเพียงพอที่จะใช้การหลอกลวงเล็กน้อย ชายหนุ่มที่มีจิตใจเข้มแข็งและหญิงสาวที่กำลังเบ่งบานเหมือนดอกไม้....เห็นได้ชัดว่าเปลวไฟจะถูกจุดขึ้นหากได้รับโอกาสเพียงเล็กน้อย
หลังจากนั้น การสนทนาก็ได้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว เอลโลน่าและผู้พิทักษ์ทั้ง2ได้ถูกนำทางไปยังที่พักของพวกเขา มีเพียงธีโอดอร์เท่านั้นที่ยังอยู่ในห้อง
“ทำได้ดีมาก หัวหน้าธีโอดอร์ มันมากกว่าที่เราคาดเอาไว้”
“ท่านเยินยอเกินไป ฝ่าบาท”
“ไม่ หากไม่ใช่เพราะเจ้า สถานการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น เรามีเรื่องอยากจะขออีกเรื่อง”เคิร์ทพิงบัลลังก์และพูดกับธีโอดอร์ผู้ที่ยังก้มหัวอยู่ “เย็นนี้ จะมีงานเฉลิมฉลองที่จะประกาศถึงความเป็นพันธมิตรกับเอลฟ์เฮล์ม เราอยากให้เจ้าแนะนำคณะฑูตรวมถึงเอลโลน่า ให้มาร่วมงานเลี้ยงด้วย”
“นี่คือการเมือง”
“ถูกต้อง มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับแขกที่เดินทางมาไกล แต่เราต้องใช้โอกาสนี้ให้ได้มากที่สุด เราอยากให้พวกเขาสนุกไปกับงานเลี้ยงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”เสียงของเคิร์ทดังขึ้นขณะที่เขาสั่งธีโอดอร์ “เจ้าจงพาเอลโลน่าไปยังงานเลี้ยง เราหวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธ จงดูแลเธอเป็นอย่างดีในเมลเทอร์”
“ตามบัญชาฝ่าบาท!”
“โอ้ เรายังมีของขวัญสำหรับเจ้าอีก”
“….?”ธีโอดอร์ดูงุนงง
เคิร์ทชี้ออกไปนอกห้องและกระซิบด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจำได้ไหมว่าเราได้มอบตำแหน่งเอิร์ลให้กับพ่อเจ้าและที่ดินที่อยู่ใกล้กับมาน่า-วิล?”
“พะยะค่ะ กระหม่อมขอบพระทัยสำหรับความเมตตาของฝ่าบาท”
“เราไม่ได้ต้องการคำขอบคุณจากเจ้า เรารู้ว่าเจ้ายุ่งมากและไม่สามารถกลับบ้านได้ ดังนั้นเราจึงส่งคำเชิญและรถม้าไปเพื่อเชิญครอบครัวของเจ้ามาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ พวกเขาได้มาถึงประมาณ1ชั่วโมงแล้วและกำลังรอเจ้าอยู่”
ดวงตาของธีโอดอร์เบิกกว้างตามคำพูดนั้น ตามที่เคิร์ทกล่าว ธีโอดอร์นั้นยุ่งมาก ในความเป็นจริง เขาไม่ได้ยุ่งเพียงอย่างเดียว เขาได้ออกผจญภัยมานานถึงหนึ่งปีและเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ดาบ ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติที่เขาจะคิดถึงบ้าน?ใบหน้าของแม่เขา พ่อ และน้องชายเขาลอยเข้ามาในใจ
ธีโอดอร์สัมผัสได้ถึงการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีของกษัตริย์และยังคงนิ่งเงียบ เขาต้องการขอบคุณพระองค์ แต่เขากังวลว่าเสียงที่ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจจะหลุดออกมาหากเขาเปิดปาก
เคิร์ทที่3ได้ลุกขึ้นจากบัลลังก์เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของธีโอดอร์ “เจ้ากลับไปได้แล้วละ เรายังคงมีงานให้ทำอีกมากนัก และไม่มีอะไรที่จะบอกแก่เจ้าแล้ว”
“…พะยะค่ะ ฝ่าบาท”ธีโอดอร์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบและออกจากห้องด้วยความเร็วที่ผิดปกติ
พ่อเขา แม่เขา และน้องชายเขา....
น้องชายเขายังคงเด็กอยู่ ดังนั้นเขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม การได้เห็นใบหน้าของผู้บังเกิดเกล้าก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา มีเพียงที่แห่งเดียวที่เป็นสถานที่รอในพระราชวังเมลเทอร์
ธีโอดอร์เคยชินกับพระราชวังแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่หลงทาง
เสียงได้ดังเล็ดรอดออกมาจากประตู มันเป็นเสียงทุ้มต่ำของพ่อเขาและเสียงที่แสนจะเบิกบานใจของแม่เขาที่ผสมกับคนอื่นๆ จากนั้นเขาก็เปิดประตูเข้าไป
กริ๊ก ประตูได้เปิดออกด้วยเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากมันถูกทาด้วยน้ำมัน เขากำลังจะได้เห็นใบหน้าของพ่อแม่เขาที่เขาไม่ได้เห็นมานานหลายปี และเมื่อธีโอดอร์ได้มองเข้าไปในห้อง....
“เอ๊ะ?เธอมาเร็วกว่าที่ฉันคิดนะ เด็กน้อย”
“ธีโอ เธอมาแล้ว!”
แดงและเงิน....สองสาวงามที่มีสีผมแตกต่างกันกำลังนั่งคุยกับพ่อแม่เขา