ตอนที่แล้วตอนที่ 183 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 0
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 185 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 2

ตอนที่ 184 ทวีปตอนเหนือที่ถูกกระตุ้น 1


ทวีปตอนเหนือ....นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นไม่ค่อยตระหนัก แต่คนจากอาณาจักรอื่นๆต่างคิดว่าเขตเหนือนั้นได้ถูกปิดตายและให้ความรู้สึกมืดทึบ

นับเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ทั้งสองขุมอำนาจ แอนดราสและเมลเทอร์ ได้ทำสงครามกัน นี่เป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับพื้นที่ตอนกลาง ที่หลายอาณาจักรได้อยู่ร่วมกัน หรือกระทั่งเขตใต้ ความรู้สึกของประชาชนในเรื่องความรักชาติของทวีปตอนเหนือนั้นยิ่งใหญ่กว่าอาณาจักรอื่นๆจนเทียบไม่ติด

อย่างไรก็ตาม มันจะไม่เป็นปัญหาหากเพียงแค่ทวีปตอนเหนือถูกปิดกั้น

แต่ปัญหาก็คือหนึ่งในขุมอำนาจตอนเหนือที่ถูกปิดกั้นนั้นคืออาณาจักรที่มีความก้าวหน้าในด้านเวทมนต์มากที่สุดในทวีป เมลเทอร์

พวกเขามีอารยธรรมด้านเวทมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ อาณาจักรในตอนกลางนั้นมีความสนใจในเวทมนต์ของเมลเทอร์อย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจละเลยเมลเทอร์ได้ อย่างไรก็ตาม มันยากสำหรับพวกเขาที่จะจับมือกับจักรวรรดิแอนดราส

“ครานี้ สถานการณ์จะเปลี่ยนไป”กษัตริย์องค์ปัจจุบันของเมลเทอร์ เคิร์ทที่3พูดขณะมองไปรอบๆฝูงชน

มีเหล่าผู้นำหอคอยและปรมาจารย์เวทย์หลายคน และมีข้าราชการอีก12คน นำโดยผู้ดูแลกิจการภายในราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีผู้คนที่ทรงอิทธิพลในเมือง ซึ่งแตกต่างจากขุนนางของราชอาณาจักรอื่น ผู้คนจำนวนมากของเมลเทอร์ได้มารวมตัวกันที่พระราชวัง

มีเหตุผลเพียงอย่างเดีรยวที่ทำให้การประชุมนี้เกิดขึ้นทุกปี

“วันนี้ในตอนเที่ยงวัน งานประลองเวทมนต์จะเริ่มต้นขึ้น”

มันเป็นสถานที่ที่ทฤษฏีทางด้านเวทมนต์และสิ่งประดิษฐ์ใหม่จะสามารถแสดงความสามารถออกมาได้ มันเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าจอมเวทย์ งานประลองเวทมนต์เป็นงานประจำปีที่จะจัดขึ้นในอาณาจักรแห่งเวทมนต์ เมลเทอร์

ในขณะที่งานประลองเวทมนต์จัดขึ้น ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะยกเลิกชั่วคราวและประชาชนจากเขตพื้นที่อื่นจะไม่ลังเลเลยที่จะมาที่นี่ นี่หมายความว่ามันเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นโอกาสสำหรับสายลับจากอาณาจักรอื่นที่จะเข้ามา

“ผู้นำRed Tower เวโรนิก้า”

“ฝ่าบาท” เวโรนิก้าตอบรับ เสื้อคลุมสีแดงที่มีสีทองแซมอยู่ตรงอก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำหอคอย ได้กระพือราวกับมีลมพัดอยู่ภายในห้องแต่ทว่ามันเป็นเพราะพลังเวทมนต์ของเธอ

“เช่นเคย Red Tower จะรับผิดชอบด้านความปลอดภัยของเมืองหลวง จัดการและลงโทษได้อย่างเต็มที่หากมีการก่อกวนใดเกิดขึ้น”

“ตามบัญชาฝ่าบาท”

เคิร์ทพยักหน้าและเปิดปากอีกครั้ง “ผู้นำWhite Tower ออร์ต้า”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”คนที่ก้าวไปข้างหน้าในครั้งนี้ก็คือ ผู้นำWhite Tower ออร์ต้า ในเสื้อคลุมและหน้ากากสีขาวของเขา ออร์ต้าได้รอคอยคำสั่งอย่างนอบน้อม

“เกิดอะไรขึ้นกับการฟื้นฟูเครือข่ายเฝ้าระวังก่อนหน้านี้?”

“พวกเราได้ใช้กำลังคนและวัสดุมากขึ้นถึงห้าเท่าและสามารถขยายครอบคลุมเมลเทอร์ได้ทั้งหมด หินมาน่าที่ต้องใช้นั้นเยอะพอสมควร แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆจนกระทั่งงานประลองเวทมนต์สิ้นสุดลง”

“ดี อย่าละเลยในฐานะที่เป็นสายตาและหูของเรา”

ดังที่ได้กล่าวไป งานประลองเวทมนต์ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญสำหรับเมลเทอร์และถือเป็นเส้นทางที่ดีในการซ่อนตัวสำหรับสายลับของอาณาจักรอื่น เพื่อที่จะทำลายระบบเฝ้าระวังของมาน่า-วิล อัศวินเงาของแอนดราสได้ถูกส่งมาหลายครั้ง แต่นั่นก็ล้มเหลวทุกครั้ง

ตามเรื่องที่เล่ากันมา จำนวนของสายลับที่เสียชีวิตโดยน้ำมือของออร์ต้านั้นเกิน3หลักไปแล้ว ในปันี้ บทเพลงของเหล่าสายลับผู้โชคร้ายก็จะดำเนินต่อไป

“ผู้นำBlue Tower สภาพอากาศในวันนี้เป็นเช่นไรบ้าง?”

“มันยังคงโปร่งใส ฝ่าบาท เมฆจะหนาขึ้นในอีกสามวันให้หลัง แต่ไม่มีโอกาสที่ฝนจะตก”

“มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับระบบน้ำประปาหรืออะไรอื่นไหม?”

“ไม่มีเลย ฝ่าบาท”

บทสนทนากับกษัตริย์เป็นไปอย่างรวดเร็วและรัดกุม เหตุผลก็เพราะว่าเคิร์ทที่3นั้นให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพมากกว่าพิธีการ เคิร์ทไม่เคยพูดกับใครคนหนึ่งนานเกินไป เขาจะไม่พูดนานกว่าหนึ่งนาที และเวลาที่สั้นที่สุดก็คือ10วินาที นั่นเพียงพอแล้วที่จะยืนยันทุกอย่าง

ดังนั้น ไม่นานนักมันจึงมาถึงธีโอดอร์

“หัวหน้าธีโอดอร์”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”ธีโอดอร์ก้าวไปข้างหน้าและยกมือขึ้นไว้ระดับอกด้วยชุดที่ไม่คุ้นเคย

นี่คือภารกิจแรกของQuattro นับตั้งแต่การก่อตั้งแผนกเวทมนต์ขึ้น ดังนั้นดวงตาของวิลเลี่ยมและซิลเวียจึงสั่นไหวเบาๆขณะที่ยืนอยู่ด้านหลังธีโอดอร์ มีเพียงพาร่าเท่านั้นที่ไม่แสดงความสนใจออกมาเลย

“เราจะมอบภาระที่หนักอึ้งให้กับเจ้าและQuattro”

“โปรดบอกกระหม่อม”

หลังจากที่ได้ยินว่ามันจะเป็นภาระที่หนักอึ้ง พวกเขาก็กังวลเล็กน้อย ธีโอดอร์สัมผัสได้ว่าทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขากำลังสั่นขณะที่รับฟังกษัตริย์พูด

“Quattro จงฟังเรา”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท!”คนที่เหลืออีกสามคนก้าวไปข้างหน้าและตอบรับพระองค์

“พวกเจ้าต้องไปพบกับคณะฑูตของเอลฟ์เฮล์ม ซึ่งจะมาถึงตอนเที่ยงวันของวันนี้และพาพวกเขามาที่พระราชวัง พวกเขาเป็นแขกที่พิเศษของเมลเทอร์ ดังนั้นจงทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น”

‘ต้อนรับคณะฑูตจากเอลฟ์เฮล์ม!’

ซิลเวียและวิลเลี่ยมต่างรู้สึกสับสนกับคำสั่งที่ไม่คาดคิด ส่วนอีก2คน คนหนึ่งนั้นไม่สนใจสิ่งใด ขณะที่อีกคนได้คาดคิดเอาไว้แล้ว ซึ่งก็คือธีโอดอร์ หากเขาไปที่เอลฟ์เฮล์ม เขาสามารถที่จะเข้าพบกับเอลฟ์อาวุโสและเอลฟ์ชั้นสูงได้โดยตรง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภารกิจนี้

นี่คือเหตุผลที่ทำไมธีโอดอร์จึงกล่าวออกมาโดยไม่ลังเล

“ในนามของQuattro  พวกเราจะปฏิบัติตามที่ฝ่าบาทสั่ง!”

***

สมาชิกทั้งสี่คนของแผนกเวทมนต์Quattro ได้เดินจากห้องโถงไปหลังจากได้รับคำสั่ง  มันเกือบจะเที่ยงแล้ว และพวกเขาต้องเตรียมตัวก่อนที่จะได้พบกับคณะฑูตของเอลฟ์เฮล์ม

“มันเป็นประตูทางทิศเหนือ?”

“ใช่”ซิลเวียตอบกลับทันที

ขณะที่พวกเขาเดินออกจากพระราชวังไปยังประตูทางด้านเหนือ วิลเลี่ยมนั้นดูเหมือนจะไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆและเดินเข้าไปใกล้ธีโอดอร์

“ขอโทษนะ หัวหน้า”วิลเลี่ยมพูดขึ้น

“ว่าไง?”

“คุณและเจ้าหญิงเคยไปที่เอลฟ์เฮล์มมาก่อนใช่มั้ย?”

“ใช่ พวกเราอาศัยอยู่ที่นั่นประมาณ2สัปดาห์”

ไม่กี่วันหลังจากที่เดินทางไปถึง ธีโอดอร์ก็ได้ต่อสู้กับเวทย์โบราณในตำนาน การคิดถึงความเจ็บปวดอันน่าสะพรึงกลัวจากช่วงเวลานั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ธีโอดอร์สั่นสะท้าน ขณะที่ธีโอดอร์กำลังร่ำไห้กับความทรงจำอันเลวร้ายของเขา วิลเลี่ยมนั้นกลับไม่หยุดพูด

เมื่อมองย้อนกลับไป ว่าที่ผู้นำWhite Tower คนถัดไปเองก็เหมาะสำหรับภารกิจเอลฟ์เฮล์ม แต่ทว่า เขาไม่ได้อยู่ในช่วงเวลานั้น

อันที่จริง วิลเลี่ยมนั้นกำลังบ่นอยู่ขณะที่เกาหัวของเขา “อ่า ฉันรู้สึกอิจฉาจริงๆ!ฉันอยากไป แต่ฉันติดภารกิจอื่นอยู่ ในตอนนั้น ฉันได้พยายามเร่งภารกิจสุดความสามารถแล้ว แต่ฉันไปไม่ทัน อ้า!”

“ทำไมนายถึงอยากไปละ?”

“…หัวหน้าอาจจะไม่ทราบเนื่องจากคุณโด่งดัง แต่ทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะได้เห็นเอลฟ์สักครั้ง!ไอนอร์มี่โง่!”(normie ศัพท์อะไรไม่รู้เปิดเน็ตมาประมาณพวกเห่อทำตามคนดังมั้งครับ)

“นะ-นอร์มี่?”มันเป็นศัพท์เวทย์ใหม่?ธีโอดอร์ถูกทำให้สับสนโดยคำที่เขาไม่เข้าใจ ขณะที่เสื้อคลุมของเขาถูกดึง “ซิลเวีย?”

“ไม่ต้องคิดมาก หมอนั่นเป็นคนที่พิลึกหน่อยนะ” ซิลเวียบอกกับธีโอดอร์

วิลเลี่ยมอาจจะกระอักเลือดหากเขาได้ยิน แต่เขายุ่งอยู่กับการจินตนาการถึงเอลฟ์ที่สวยงาม เมื่อหันหน้าหนีไปจากวิลเลี่ยม ผู้ที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และพาร่าผู้ที่นิ่งเงียบ ธีโอดอร์และซิลเวียก็เริ่มพูดกัน

“ธีโอ นายคิดว่าใครจะมา?”

“ให้ฉันเดา....”ธีโอดอร์คิดชั่วขณะก่อนที่จะให้คำตอบที่เป็นไปได้“มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นฉันคิดว่าผู้พิทักษ์คงจะมา”

“โอ้ คนที่เรียกธีโอว่า ‘ผู้มีพระคุณ’?”

“หรือบางทีเอลเลี่ยมอาจจะมา มันอาจจะเป็นคนที่เราไม่รู้จัก แต่มันจะง่ายกว่าหากส่งคนที่มักคุ้นมา บางทีเซอร์เอ็ดวินอาจจะมา?”

ทันใดนั้นวิลเลี่ยมก็ได้แทรกบทสนทนาเข้ามา ราวกับเขาสนใจคำพูดของพวกเขา “ผู้พิทักษ์?มันคืออะไร?”

“มันเป็นคำที่ใช้เรียกนักรบของเอลฟ์ สองคนที่พวกเราได้พบทั้งคู่ต่างเป็นผู้ใช้จิตวิญญาณธาตุที่อยู่ในระดับจ้าวแห่งธาตุแล้ว”

“โอ้ นั่นมันน่ากลัวมาก!มีโอกาสไหมที่เอลฟ์ชั้นสูงจะมา?”

ธีโอดอร์ขมวดคิ้วแน่นกับคำถามของวิลเลี่ยม ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกอึดอัด แต่เป็นเพราะความคาดหวังที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้นั้นไม่สูงมากนัก ดังนั้นธีโอดอร์จึงไม่ลังเลเลยที่จะส่ายหัว

“พวกเขาอาจจะมา แต่มันแทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อน เอลฟ์ชั้นสูงเป็นศูนย์กลางและเสาหลักของเอลฟ์เฮล์ม พวกเขาจะไม่ปรากฏตัวเพียงเพื่อประกาศความเป็นพันธมิตร”

“งั้นหรอ?ฉันอุส่ารอคอยที่จะ...”วิลเลี่ยมถอนหายใจด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยอมรับคำพูดของธีโอ

หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที จอมเวทย์ทั้ง4คนก็ได้มาถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา

ประตูทางด้านทิศเหนือของมาน่า-วิล เป็นพื้นที่ที่ไม่สะดวกสำหรับแขกที่จะผ่านเข้ามา ดังนั้นจำนวนของยามจึงน้อย อย่างไรก็ตาม สามัญสำนึกนั่นกลับถูกทำลายลงในวันนี้เนื่องจากมียามอยู่เป็นจำนวนมาก

“หยุด!โปรดหยุดและระบุตัวตนด้วยครับ”

เมื่อทั้งสี่คนได้เข้ามาใกล้ ชายคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะก็ได้หยุดพวกเขาอย่างสุภาพ สายสะพายที่พาดจากไหล่บ่งบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าของทหารยามในทิศเหนือ

“ผมคือ ธีดอดอร์ มิลเลอร์ หัวหน้าของแผนกเวทมนต์ Quattro”

“อ่า!เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับวีรบุรุษของอาณาจักรเรา!”หัวหน้าทหารยามมองเขาด้วยความชื่นชมและยินดี

ในขณะเดียวกัน ชื่อของธีโอดอร์นั้นมีค่ากว่าที่เขาคิด ธีโอดอร์ได้ตอบกลับหัวหน้าทหารยาม “คุณได้รับคำสั่งมาแล้วใช่มั้ย?”

“ครับ!ผมได้รับคำสั่งให้ขึ้นตรงกับQuattro โดยตรงและช่วยเหลือภารกิจของท่าน”

“งั้นผมคงต้องขอความร่วมมือด้วยนะครับ”

“แน่นอน!ทุกอย่างที่ท่านพูด!”

ต้องขอบคุณหัวหน้าทหารยามและลูกน้องของเขาที่กระตือรือร้น ธีโอดอร์สามารถควบคุมจัดการพื้นที่ได้เร็วกว่าที่คิดเอาไว้

ร้านค้าริมถนนได้ถูกนำออกไป พร้อมๆกับที่ผู้คนได้ถูกกีดกันออกห้างจากถนนสายนี้ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะหลบหลีกสายตาของสาธารณชน แต่Quattro ก็ได้หันไปทำหน้าที่ของพวกเขาต่อ

พาร่า ผู้ที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่แรก ได้สั่งการ “สร้าง”

เธอหยิบคฑาจากที่ไหนสักแห่งขึ้นมาและทุบมันลงกับพื้น อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันแตกต่างออกไป

กุก กุก กุก...!

อากาศสั่นสะเทือน จากนั้นพื้นดินก็ได้พุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลันและกลายเป็นกำแพงสีขาวอมเทา สร้างเป็นเส้นแบ่งรอบๆประตูทิศเหนือ มันไม่ได้เป็นเพียงก้อนดินทั่วๆไป แร่ธาตุในดินได้ถูกดึงขึ้นมาและสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้ได้รูปทรงและความแข็งแกร่งที่ต้องการ มันเป็นศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุระดับสูง ดังนั้นแม้กระทั่งจอมเวทย์ยังอดชื่นชมไม่ได้

“นะ-น่าทึ่งมาก”

“อืม”

“โอ้..!นั่นมันยอดมาก เด็กจากYellow Tower!เธอยังคงเด็ก แต่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอจึงเป็นว่าที่ผู้นำหอคอย!”

สำหรับหนังสือเวทย์โบราณแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ พาราแกรนัม การเล่นแร่แปรธาตุระดับนี้เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ พาร่าได้เมินวิลเลี่ยม หันหนีไปจากเสียงที่น่าหนวกหูของเขา เธออาจจะร่วมมือกับธีโอดอร์ แต่เธอไม่มีความสนใจในเรื่องของงานประลองเวทมนต์หรือเอลฟ์เฮล์ม

อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น....

“เห้ ทำไมเธอถึงเมินฉัน....เอ่อ?นี่คืออะไร?”วิลเลี่ยมกำลังบ่นว่าทำไมพาราแกรนัมจึงเมินเขา ขณะที่เขาถามขึ้นอย่างกระทันหัน

“หืม?”เขาถามขึ้นราวกับว่าเขากำลังพูดกับใครสักคนอยู่ จากนั้นเขาก็หันไปหาธีโอดอร์และพูดว่า “หัวหน้า พวกเขาใกล้จะถึงแล้ว”

“โอ้ White Tower ติดต่อนายมา?”

“ใช่ มันเป็นเสียงที่เหมือนกับลูกศร แต่คุณจะไม่สามารถได้ยินเสียงได้หากคุณไม่ทราบถึงวิธีการฟัง ฉันจะบอกวิธีการให้คุณในภายหลัง ดังนั้นมาฟังข้อความกันก่อนเถอะ”วิลเลี่ยมพูดขึ้นราวกับเขาไม่รู้ “ไม่จำเป็นต้องเปิดประตูงั้นหรอ?”

“หืม?นายกำลังพูดอะไร?”

“ฉันเองก็ไม่รู้ มีทางเข้าอื่นนอกเหนือจากประตูหรือไม่?”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ นอกเหนือจาก นั....”ธีโอดอร์ส่ายหัวอย่างมั่นใจ ก่อนที่เขาจะหยุดลงเมื่อเขารู้สึกไม่สบายใจ

ไม่กี่วันก่อน บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับกำแพงมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ธีโอไม่ที่บว่ามีอะไรเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกของเขาร้องเตือนว่ามันมีบางอย่าง เขามองไปรอบๆกำแพงและประตู และในไม่ช้าเขาก็ตระหนักถึงเหตุผล

‘ม่านป้องกันบนท้องฟ้า....มันถูกปิดอยู่?’

ในยุคปัจจุบัน มีปรมาจารย์ดาบหลายคนที่กระโดดได้สูงหลายสิบเมตร ขณะเดียวกันจอมเวทย์เองก็รู้วิธีบินโดยใช้เวทมนต์ ดังนั้น กำแพงจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งก่อสร้างที่ไร้ค่า

เช่นนั้น กำแพงของเมืองใหญ่ๆในเมลเทอร์ รวมถึงมาน่า-วิล จึงติดตั้งเวทย์โจมตีขึ้นเพื่อจัดการกับการแทรกซึมของข้าศึก อย่างไรก็ตาม วงเวทย์บทกำแพงของมาน่า-วิลกลับถูกปิดอยู่ ไม่สิ มันแปลกกว่านั้น มีเพียงเวทมนต์ที่อยู่ใกล้กับประตูทางทิศเหนือเท่านั้นที่แตกกระจาย

“บางที...”ธีโอดอร์รับรู้ได้ถึงความหมายและเปิดปากของเขา

ดวงตาสีฟ้าของเขาเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาตระหนักว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้ทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆหนา จากนั้นดวงอาทิตย์ก็ได้เผยให้เห็นตัวตนของพวกมัน

ไม่นานนัก สมาชิกของแผนกเวทมนต์ก็สามารถรับรู้ถึงท่าทางที่ผิดปกติของหัวหน้าพวกเขา และมองไปในทิศทางเดียวกัน ธีโอดอร์ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดนั้นได้แม้ว่าเขาจะใช้ตาเหยี่ยว แต่สายตาของโฮมุนครุสนั้นกว้างไกลเกินกว่ามนุษย์มากนักและเธอก็รับรู้ถึง’มัน’

“เอ๊ะ ดอกบัว?”ขณะที่พาร่าพึมพำ วัตถุนั้นก็ได้ขยายใหญ่ขึ้น ไม่สิ มันไม่ได้ขยายตัวแต่มันเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้น มันผลุบๆโผล่ๆอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งที่มันทำเช่นนั้น มันจะข้ามผ่านระยะทางหลายกิโลเมตร ใบหน้าของทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ต่างดูราวกับตัวโง่เง่า

ดั่งที่พาร่ากล่าว มันเป็นดอกบัว มันมีขนาดใหญ่พอที่จะนำมาเทียบกับบ้านและดอกที่ยังไม่บานก็ได้บินผ่านท้องฟ้า

“มะ-มะ-มันกำลังร่อนลงมา?”

“ใช่ มันกำลังลงมา”

ธีโอดอร์ตอบสนองต่อการพูดตะกุกตะกักของวิลเลี่ยมขณะที่เขารอคอยดอกบัวขนาดใหญ่ที่กำลังลงมา แม้ว่าขนาดของมันจะใหญ่ แต่ดอกบัวกลับร่อนลงอย่างเงียบเชียบราวกับมันไร้น้ำหนัก ไม่สิ มันไม่มีเสียงเลยแม้แต่นิด

ไม่มีใครที่เปิดปากของพวกเขาขึ้น ไม่มีใครสามารถพูดได้ ทุกคนรวมถึงQuattro ได้แต่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ ขณะที่กลีบขนาดใหญ่ค่อยๆเปิดออก

ในที่สุด ดอกบัวก็ได้บานออก จากนั้นเอลฟ์ก็ได้โผล่ออกมาท่ามกลางกลีบดอกบัว เขาได้พบกับธีโอดอร์ที่อยู่ด้านหน้าและร้องออกมา “ไม่ได้พบกันนานเลยนะขอรับ ผู้มีพระคุณ!”

มันเป็นเช่นที่ธีโอได้คาดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เขายิ้มและทักทายเอ็ดวินกลับ “ใช่ครับ มันเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เจอคุณ เซอร์เอ็ดวิน”

มันเป็นภาพที่น่าตกใจ แต่เขาก็สงบลงหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าอันแสนคุ้นเคย ใช่แล้ว คนแรกที่เขาเห็นก็คือเอ็ดวิน

“อืม เราได้ยินเรื่องราวมามากมาย ธีโอดอร์”เอลเลี่ยม ผู้พิทักษ์แห่งเกรทฟอเรสต์ ผู้ที่ต่อกรกับลิเวียธานขั้น2 ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเอ็ดวิน

“…เซอร์เอลเลี่ยม?”ธีโอดอร์ทักทายเอลเลี่ยมด้วยท่าทางตกใจ

มีผู้พิทักษ์สองคน?มันเป็นสัญญาณว่าเอลฟ์เฮล์มให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรนี้มาก แต่มันก็ยังมากเกินไป ธีโอดอร์มองไปที่พวกเขาและพูดว่า “เอ่อ ผมไม่รู้เลยว่าสองผู้พิทักษ์จะมา”

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองผู้พิทักษ์ได้มองหน้ากันก่อนที่จะเอ็ดวินจะยักไหล่และตอบกลับ “เราขออภัย แต่เราทั้งคู่เป็นเพียงแค่ผู้คุ้มกัน”

“หือ?”ขณะนั้นเอง ความคิดของธีโอดอร์ก็ได้ว่างเปล่า

มีเพียงคนประเภทเดียวที่ทำให้ผู้พิทักษ์ถึงสองคนต้องมาคุ้มกัน ผู้ดูแลต้นไม้โลก ผู้สืบสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเป็นคนที่สามารถเรียกเหล่าผู้ปกครองจิตวิญญาณธาตุในเกรทฟอเรสต์ได้

นั่นก็คือเอลฟ์ชั้นสูง พวกเขาได้รับพรจากชีวิตที่ทำให้ดอกไม้สามารถเบิกบานได้ในดินแดนที่ตายแล้ว เช่นเดียวกับผลผลิตจากพืชแห้งเหี่ยว

“….คำทักทายของฉันอาจจะช้าไป”เสียงได้ดังออกมาท่ามกลางกลีบดอกบัวและคนรอบข้างต่างมุ่งความสนใจไปที่นั่น

เช่นเดียวกับการดับร้อนด้วยน้ำเยน น้ำเสียงที่แสนจะสดชื่นดังเข้ามาในหูพวกเขา จากนั้นเจ้าของเสียงก็เดินออกมาจากกลีบ

เธอมีเรือนผมสีเขียวอ่อนซึ่งดูราวกับผักสด ดวงตาที่ปล่อยบรรยากาศอันแสนลึกลับออกมา ขณะที่ชุดสีขาวของเธอเผยให้เห็นเรือนร่างที่เป็นเสน่ห์ของหญิงสาว แขนที่เรียวบางโผล่พ้นออกมาจากชายเสื้อ เช่นเดียวกับอะไรบางอย่างที่นูนตรงหน้าอกของเธอซึ่งไม่เคยมีมาก่อนและเอวคอดบางของเธอซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มี

“เธอเป็นยังไงบ้าง?”รอยยิ้มที่อ่อนโยนของเธอราวกับแสงแดดที่อบอุ่น

ธีโอดอร์แทบจะไม่สามารถพูดชื่อของเธอได้ “เอลโลน่า?”

“ใช่แล้ว ธีโอดอร์”เอลโลน่า ผู้ที่กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้วได้ยิ้มออกมาอย่างสวยงามขณะที่เธอพูดชื่อเขาอย่างมีความสุข

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด