ตอนที่ 18 : ความก้าวหน้า
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น ในลานกว้างของตระกูลหลี่
ชายชราคนหนึ่งเอนหลังพิงเก้าอี้บนดาดฟ้าดวงตาปิดสนิท เขากำลังเพลิดเพลินกับการอาบแดด โดยปล่อยให้แสงแดดไล้โลมลงบนผิวของเขาโดยมีเด็กหนุ่มที่มี ดวงตาสดใสกำลังนวดให้เขาจากทางด้านหลัง
“ผู้อาวุโสอีกสองอาทิตย์ข้าจะมานวดให้ท่านอีกครั้ง ถึงตอนนั้นอาการบาดเจ็บภายในของท่านก็คงจะหายสนิทพอดี” หลิงเทียนกล่าว
“ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยไว้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการบาดเจ็บไปอีกนานแค่ไหน” ชายชราทอดถอนหายใจ
ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เขาเกือบจะเป็นบ้า จากความทรมานอันเกิดจากอาการบาดเจ็บภายใน ข่าวดีที่สุดในชีวิตเขาคือ สามารถขจัดอาการบาดเจ็บของเขาได้
“ผู้อาวุโสอย่าได้กล่าวเช่นนี้ ข้าแค่ทำเพราะค่าตอบแทนที่ท่านจ่ายให้ข้าเท่านั้น” หลิงเทียนส่ายหัวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
การนวดผู้อาวุโสแต่ละครั้งจะได้รับเงิน ครั้งละพันเหรียญเงิน ถือเป็นการค้าที่ทำกำไรมากที่สุดสำหรับเขา
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากท่านประมุข” ผู้อาวุโสถามขื้นมาอย่างกะทันหัน
" ถูกต้อง ข้าไม่ต้องการเงินในตอนนี้ และทุกอย่างที่ข้าต้องการก็หาซื้อได้ที่ตลาด ไม่มีเหตุผลใด ที่จะต้องสิ้นเปลือง ทรัพยากรของตระกูลเพื่อข้า ทรัพยากรเหล่านั้นควรนำไปให้คนที่ต้องการมากกว่าข้าได้ใช้ ” หลิงเทียนยิ้ม
“เด็กน้อย เจ้าช่างพูดได้น่าฟังนัก ข้าดูไม่ออกเลยว่าเจ้าจะมีจิตสำนึกที่สูงส่งถึงเพียงนี้ เหตุผลที่แท้จริงที่เจ้าปฏิเสธก็เพราะเจ้าไม่ต้องการเป็นหนี้ตระกูลหลี่ หรือข้าควรจะบอกว่าเจ้าไม่ต้องการผูกมัดกับตระกูลหลี่ ใช่หรือไม่ ?”
เพียงวลีเดียวของผู้อาวุโสก็สามารถเปิดโปงความคิดของหลิงเทียนได้อย่างหมดจด
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างเขินอาย ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ
เป็นดังเช่นผู้อาวุโสกล่าว เขาไม่อยากผูกมัดกับตระกูลหลี่ ในไม่ช้าก็เร็วนี้ เขาจะออกไปสำรวจโลกอันกว้างใหญ่
ตระกูลหลี่และ เมืองแห่งสายลมแห่งนี้ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นสำหรับเขาเท่านั้น
“ฮู่!” หลิงเทียนหยุดนวด
ผู้อาวุโสลืมตา และถ่มน้ำลายออกมา จากนั้นเขาก็จ่ายเงินให้หลิงเทียน ที่เหงื่อออกท่วมตัว
“ผู้อาวุโส ข้าจะกลับแล้ว อีกครึ่งเดือนเจอกัน” หลิงเทียนหัวเราะอย่างร่าเริง
หลังจากที่หลิงเทียนออกไปแล้ว ผู้อาวุโสก็พึมพำกับตัวเองว่า
“ข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจได้ ในเวลาสองเดือนครึ่ง”
หลังออกจากบ้านของผู้อาวุโสหลี่หวู่ หลิงเทียนก็ตรงกลับบ้านทันที
ขณะที่เดินเข้าไปในลานบ้านเขาก็เห็นภาพที่สวยงามพร้อมกับเงาร่างอันอ่อนหวานแช่มช้อยที่กำลังวาดดาบอย่างรวดเร็วแล้วดึงกลับ ซ้ำไปซ้ำมา ไม่หยุดยั้ง ร่างของนางราวกับวีรสตรีเหนือโลกียวิสัยที่ไม่เคยรู้จักความเหนื่อยล้า
เด็กสาวเหงื่อหยดย้อยเต็มใบหน้า นางทำหน้ามุ่ยใช้ฟันขบกัดริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว งามกระจ่างประหนึ่งดังนํ้าใสในฤดูใบไม้ร่วง
หลิงเทียนเทียนรู้สึกหดหู่ใจในยามที่เขาเฝ้ามองนาง
"เค่อเอ้อ การฝึกดาบเจ้าต้องให้ความสำคัญกับใจ เคลื่อนไหวอิสระ พอเหมาะสมก็สมควรหยุด เช่นนี้จึงจะเป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าทางร่างกายของเจ้า และจะไม่เป็นอันตราย"
เขาก้าวไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าวแล้วคว้าจับมือของเด็กสาวที่กำลังวาดดาบและพูดอย่างนุ่มนวล
“นายน้อย ข้าปรารถนาจะฝึกฝนศิลปะการวาดดาบให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะข้าจะได้ปกป้องนายน้อย จะช่วยต่อสู้กับคนเลว ข้าจะไม่ปล่อยให้คนเลวมารังแกนายน้อยได้” เด็กสาวใบหน้าแดงกลํ่า กระหืดกระหอบ พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“เด็กโง่ เจ้าไปพักผ่อนบ้างเถอะ”
หัวใจของหลิงเทียนอุ่นขึ้น เขาสัมผัสผมนุ่มของเด็กสาว นางค่อยๆ พยักหน้า อย่างเชื่องเชื่อมเหมือนลูกแมวน้อย
‘ ลำนำ เก้าจักรพรรดิมังกรสงคราม ' ‘ จิตวิญญาณพญาอสรพิษ ’ !
คืนนั้นเขานั่งดูดซับน้ำยาสมุนไพร ที่ช่วยการบ่มเพาะร่างกาย อยู่ภายในถังอาบน้ำอย่างไม่รู้จักพอ
เมื่อของเหลวที่เป็นตัวยาถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังงานที่สำคัญและสถานะของเลือดเติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้น ในที่สุดร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาได้มาถึงขั้นตอนที่สำคัญแล้ว
เขาเดินออกจากถังอาบน้ำและใส่เสื้อผ้า
" พรุ่งนี้เช้า ข้าก็จะก้าวไปถึงระดับที่สี่ของการบ่มเพาะร่างกาย ... แต่ถ้าข้าต้องการจะฆ่าฟางเกวียนด้วยความมั่นใจแล้ว นับจากนี้ภายในสองเดือนครึ่ง อย่างน้อยข้าต้องผ่านไปถึงระดับเจ็ดให้ได้ การฝึกฝนเพื่อยกระดับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ หากจะใช้น้ำยาสมุนไพรช่วยในการบ่มเพาะร่างกาย เพียงอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้แน่ ที่จะไปถึงระดับเจ็ดของการบ่มเพาะร่างกาย ภายในเวลาสองเดือนครึ่ง บางทีคงถึงเวลาแล้วที่ข้าจะต้องออกไปซื้อบางสิ่งบางอย่างจากตลาด ” ดวงตาของหลิงเทียนสาดประกายวูบหนึ่ง ในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง
วันรุ่งขึ้น ก่อนรุ่งสาง หลิงเทียนตื่นขึ้นมา และเทน้ำยาสมุนไพรช่วยบ่มเพาะร่างกาย ลงในถังอาบน้ำก่อนที่จะเริ่มดูดซับ
ตัวยาที่เหลือจากการอาบน้ำยาในคืนสุดท้าย หลังจากได้พักหนึ่งคืน จะทำให้สรรพคุณทางยาที่ผสานเข้ากับร่างของเขาได้รับการดูดซึมอย่างสมบูรณ์แล้ว
โคจรพลัง ‘ลำนำเก้าจักรพรรดิมังกรสงคราม' ในวิถี 'จิตวิญญาณพญาอสรพิษ’ เขานั่งหลับตาดูดซับของเหลวอยู่ภายในถังอาบนํ้าอย่างหิวกระหาย
โดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
จนกระทั่งรุ่งอรุณมาถึงรังสีของแสงแดดสาดส่องลงบนพื้นโลก ผ่านหน้าต่างห้องพักเข้ามาส่งประกายเล็กๆ น้อยๆ ลงบนร่างของหลิงเทียน เขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เสียงกระดูกลั่นดังชัดเจน และไพเราะ ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
“ในที่สุด ข้าก็ทำมันสำเร็จ”
เขายกฝ่ามือขึ้น ค่อยๆ รวบกำเป็นกำปั้น รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ปะทุอยู่ภายในร่างกาย รอยยิ้มบนหน้าของหลิงเทียนก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ตามที่ข้าคาดไว้ ในขณะที่ร่างกายถึงระดับที่สี่ของการบ่มเพาะร่างกาย จะได้รับความแข็งแกร่งสองร้อยจิน * แต่ดูเหมือนว่าข้าจะได้รับมากกว่าสามร้อยจิน”
* จิน คือ หน่วยวัดน้ำหนักของจีน 1 จิน = 500 กรัม
เทคนิค ‘ลำนำเก้าจักรพรรดิมังกรสงคราม’ นั้นแตกต่างจากวิธีการฝึกฝนอื่นๆ
หลังจากใส่เสื้อผ้าแล้ว เขาเปิดประตูเดินออกจากห้อง และเพลิดเพลินไปกับการอาบแดด
หวือ! หวือ! หวือ!
ได้ยินเสียงที่ชัดเจน และไพเราะของดาบที่ถูกวาดและใส่เข้าฝัก
หลิงเทียนจึงสังเกตเห็นเค่อเอ้อกำลังฝึกฝนศิลปะการวาดของนางอย่างขะมักเขม้นตั้งแต่เช้าตรู่
เด็กสาวเลือกที่จะฝึกฝนให้ไกลจากมุมของลาน เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนหลิงเทียน และความฝันอันแสนหวานของหลี่รู่
ถ้าเขาไม่ได้เดินออกมาจากห้อง เขาก็คงจะไม่ได้ยินเสียงนี้ได้
หลิงเทียนถอนหายใจ เขารู้ว่าเค่อเอ้อยากที่จะลืมเรื่องที่เขาบาดเจ็บในวันก่อนได้
ตั้งแต่วันนั้น นางแทบจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปกับการฝึกฝนของนาง ไม่เพียงแต่การฝึกจิตที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของการบ่มเพาะร่างกายระดับสามเท่านั้น แต่ยังเริ่มจับเคล็ดวิชาฟันดาบได้บ้างแล้วด้วย อาจกล่าวได้ว่าที่เค่อเอ้อทำทุกอย่างนั้นก็เพื่อต้องการที่จะปกป้องเขา
“เค่อเอ้อ เลิกฝึกก่อน ไปเป็นเพื่อนข้าชื้อของที่ตลาดหน่อย” หลิงเทียนยิ้มน้อยๆ ขณะที่เดินผ่าน
" นายน้อย ข้าจะรีบไปเตรียมอาหารเช้า "
เด็กสาวเก็บดาบ ร่างงามระหง พวงแก้มของนางที่ไม่ได้แต่งเติมแป้งนั้นทั้งนิ่มนวลแดงเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด
“ไม่เป็นไร กลับมาค่อยกิน”
“ข้าจะต้องเตรียมอาหารให้กับนายหญิง”
“อย่าห่วงเลย ท่านแม่ทำอาหารเช้าเองได้ ไปกันเถอะ”
หลิงเทียนคว้ามือเด็กสาว ระหว่างทางเขาไม่ลืมมองไปที่ห้องมารดา เพื่อบอกมารดาก่อนออกจากบ้าน
“ท่านแม่ ข้าพาเค่อเอ้อไปตลาด ท่านแม่ทำอาหารเช้าเองนะ”
หลังจากหลิงเทียนและเค่อเอ้อออกไป
ในลานบ้านมีเสียงเปิดประตูดังเอี้ยด หญิงสาวที่สวยงามเดินออกมาช้าๆ ยืนภายใต้แสงแดด
“นี่คงไม่ใช่ มีเมียแล้วลืมข้าหรอกนะ ?” หลี่รู่ส่ายหัว ที่มุมปากของนางประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ รอข้าด้วย!”
หนุ่มสาวที่น่ารักทั้งคู่ เพียงแค่เดินออกจากประตูใหญ่บ้านตระกูลหลี่ ก็มีเสียงหอบแฮ่กๆ ดังมาจากทางด้านหลัง
เจ้าอ้วนคนหนึ่งวิ่งจนไขมันกระเพื่อมพุ่งเข้ามาโก้งโค้งอ้าปากพะงาบๆ สูดหายใจกระหืดกระหอบขวางทางพวกเขาอยู่
“เจ้าเรียกข้าหรือ?”
หลิงเทียนหันไปรอบๆ และมองไปข้างหลัง แต่ก็ยังไม่เห็นใคร
เจ้าอ้วนดูคุ้นๆ แต่เขาจำไม่ได้ว่าเป็นใคร เมื่อก่อนเขาเคยรับน้องชายบุญธรรมรึเปล่า?
แต่ก่อนหลิงเทียนป่วยกระออดกระแอด มีใครอยากจะเป็นน้องชายเขาด้วยหรือ?
“พี่ใหญ่ ข้าเป็นคนเรียกท่าน อย่างไม่ต้องสงสัย ยังไงซะท่านก็เป็นขวัญใจของข้า”
เจ้าอ้วนพยักหน้าเหมือนลูกเจี๊ยบจนไขมันบนใบหน้าของเขากระเพื่อม
“ข้าไม่รู้จักเจ้า”
หลิงเทียนจับมือเด็กสาวไว้ แล้วเดินต่อไป
“พี่ใหญ่ ที่ข้าดึงกางเกงของท่านตอนเด็กๆ มันเป็นความผิดข้าเอง แต่ท่านก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเคืองข้าขนาดนั้นใช่ป่ะ ? ครั้งสุดท้ายที่ท่านจัดการเอาชนะหลี่เจีย ถือได้ว่าท่านช่วยให้ข้าระบายความอัดอั้นตันใจ แถมท่านยังทำมันพิการด้วย นั้นไม่ใช่เรื่องขี้ผงนะ ท่านเป็นคนน่าทึ่งจริงๆ!” เจ้าอ้วนพูดอย่างกระตือรือร้นไม่หยุดปาก
ดึงกางเกงข้าออก ?
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าอ้วน ภาพที่เลือนลางก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของหลิงเทียน นั้นคือความทรงจำในวัยเด็กของหลิงเทียนคนเก่า
ในความทรงจำ กลุ่มเด็กห้าถึงหกขวบกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นมีเจ้าอ้วนแอบเข้ามาข้างหลังเขา และดึงกางเกงของเขาลง ทำให้เด็กๆ ทุกคนเริ่มหัวเราะ และก็เขาร้องไห้ออกมาด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าหลี่ซูน ?”
ในที่สุดหลิงเทียนก็จำได้ หลี่ซูนเป็นบุตรชายคนเดียวของผู้อาวุโสที่ห้าหลี่หลิง เขาออกจากเมืองแห่งสายลม ไปกับท่านปู่ของเขาตอนอายุยังน้อย แต่ตอนนี้่เขากลับมาแล้ว
“พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็จำข้าได้” ดวงตาของหลี่ซูนเป็นประกาย
“เจ้ากลับมาเมื่อไหร่ ? ทำไมถึงเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ ?” หลิงเทียนถาม
ในความทรงจำของหลิงเทียนคนเก่า เขาไม่ได้สนิทสนมกับหลี่ซูนมากนัก ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะรับเป็นน้อง
“ข้ากลับมาได้สองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่ท่านช่วยข้าสั่งสอนหลี่เจีย แถมท่านยังดูน่าเกรงขามขนาดนี้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจให้ท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า พี่ใหญ่ นับจากนี้ข้าเป็นคนของท่านแล้ว ท่านต้องคุมครองดูแลข้าให้ดีๆ ละ!” หลี่ซูนหัวเราะอย่างมีอารมณ์ขัน ตาเล็กหยีของเขากระพริบปริบๆ
ได้ยินคำอธิบายจากปากหลี่ซูน ว่าเมื่อหลี่ซูนกลับมา เกิดความขัดแย้งกับน้องชายของหลี่เจียชื่อหลี่ซิน แต่เนื่องจากหลี่ซินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ซูน จึงตามพี่ชายมาช่วย
"ข้าทำให้หลี่เจียพิการด้วยเหตุผลของข้าเอง ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า นอกจากนี้เจ้าไม่ได้เป็นคนของข้า และข้าก็ไม่อยากเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าด้วย อย่ามารบกวนข้าอีก!"
หลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา เขาจูงมือเด็กสาว แล้วเดินไปโดยไม่หันกลับมามอง
ชีวิตก่อนเขาถูกพี่ชายทรยศ ทำให้เขาได้รับบทเรียนที่สำคัญ เขาจะไม่มีวันยอมรับพี่น้องอีกครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เขาไม่ต้องการเก็บระเบิดเวลาไว้ข้างตัว
ข้าศึกศัตรูพันหมื่นต้านทัพไม่หวั่นเกรง โจรภายในกลับยากจะป้องกัน!
หลี่ซูนไม่คิดว่าหลิงเทียน จู่ๆ จะกลายเป็นปฏิปักษ์อย่างไม่คาดฝัน เขาตกตะลึงยืนบื้ออยู่กับที่ เฝ้ามองดูทั้งคู่ค่อยๆ เดินห่างออกไป
เบื้องหลังใบหน้าอวบอ้วนของเขา คือดวงตาเล็กหยีคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ